22 ตุลาคม 2554 10:49 น.
สุนทรวิทย์
ฉันไปซ้าย เธอไปขวา น่าประหลาด
ฉันเปรื่องปราด เธอซื่อบื้อ ดื้อตาใส
ฉันดื่มเหล้า เธอดื่มนม ต้มไวไว
ฉันตัวใหญ่ เธอตัวเล็ก เหมือนเด็กดอง
ฉันกินคาว เธอกินแจ แก้ไม่ตก
ฉันตลก เธอจริงจัง นั่งขุ่นข้อง
ฉันซื้อหวย เธอยื้อ ขอซื้อทอง
ฉันแคล่วคล่อง เธอง่อนแง่น แสนร่ำไร
ฉันพูดมาก เธอนิ่งเฉย มิเคยเหมือน
ฉันรักเพื่อน เธอรักแม่ สุดแก้ไข
ฉันเข้าผับ เธอเข้าวัด คอยขัดใจ
ฉันคบใคร เธอก็ติ มิเข้าที
ฉันชอบแมว เธอชอบหมา หาแต่เรื่อง
ฉันขุ่นเคือง เธอสะใจ คล้ายสุขศรี
ฉันกับเธอ แตกต่าง กันสิ้นดี
ต่างคนมี ทิฐิ ข้อพิรุธ
เราดุจเส้น ขนาน ประสานยาก
มีวิบาก มากมาย ไม่สิ้นสุด
สุมด้วยความ ผิดแผก แปลกมนุษย์
ฉันเป็นตุ๊ด เธอเป็นทอม สุดรอมชอม
21 ตุลาคม 2554 12:22 น.
สุนทรวิทย์
เขาเล่าว่า เป็นวจี ที่คุ้นหู
เรื่องไม่รู้ ยังอุตส่าห์ ว่าเขาเล่า
ปากต่อปาก ขยายความ ตามคาดเดา
สุดแต่เขา ปรุงแต่ง แข่งบรรยาย
การนินทา บิดพลิ้ว เล่นชิวหา
ใช้วาจา ตอกย้ำ พร่ำเช้า-สาย
จิตหนักแน่น ดุจสิงขร ก็คลอนคลาย
จะดี,ร้าย มักตัดสิน ด้วยลิ้นลม
ฟังอะไร กลั่นกรอง ตรองเสียก่อน
แล้วจึงย้อน วิเคราะห์ จนเหมาะสม
มีสติ พิจารณา เหนืออารมณ์
ใช่ชื่นชม งมงาย ในข่าวลือ
สิ่งมิเห็น กับตา อย่าพึ่งเชื่อ
พวกพร่ำเพรื่อ ชอบประณาม ห้ามยึดถือ
เรื่องใดผ่าน หลายปาก ฝากหลายมือ
ล้วนกระพือ เกินเหตุ ข้อเท็จจริง
เขาเล่าว่า อย่างไร ไม่อาจห้าม
อย่าเผลอตาม ต่อถ้อย พลอยสุงสิง
คนอยากเล่า คันปาก ยากท้วงติง
ให้อยู่นิ่ง หยุดลิ้น คงสิ้นใจ
21 ตุลาคม 2554 12:16 น.
สุนทรวิทย์
มองหมู่ดาว วาววับ ประดับฟ้า
คิดถึงหน้า นงราม ทรามสมร
ดึกป่านนี้ โฉมยง คงเข้านอน
เธอหนุนหมอน หรือหนุน อกอุ่นใคร
ลืมอดีต สิ้นแล้ว นะแก้วเอ๋ย
ชายที่เคย อิงแอบ แนบชิดใกล้
ก่อนเธอบอก ว่าหวง เท่าดวงใจ
เหตุไฉน แหนงหน่าย ง่ายดายจัง
สลัดคราบ นงคราญ สาวบ้านทุ่ง
ไปหลงกรุง เพลิดเพลิน เมินความหลัง
เหมือนวิหค ทิ้งคอน จรจากรัง
เลิกอินัง-ขังขอบ แม้ครอบครัว
เบื่อน้ำพริก ปลาเจ่า ถ้วยเก่าก่อน
อนาทร ชิงชัง ทั้งลูก,ผัว
ขาดสติ ยั้งคิด จิตเมามัว
ยอมปล่อยตัว ปล่อยใจ มิไตร่ตรอง
ไม่รับรู้ สิหนา ว่าฉันเจ็บ
ทุกข์เกินเก็บ อารมณ์ ข่มเศร้าหมอง
ยิ่งคิดยิ่ง ชอกช้ำ น้ำตานอง
อกกลัดหนอง ยามได้ยิน เสียงนินทา
ไปดีเถิด ฉันอภัย ให้เสมอ
ขอเพียงเธอ สุขสันต์ ไร้ปัญหา
พบคู่ครอง คนใหม่ ใจเมตตา
ฉันก็พลอย โมทนา สาธุการ
21 ตุลาคม 2554 11:56 น.
สุนทรวิทย์
พยาธิ กามกิเลส
ไร้ขอบเขต เมินเหตุผล
ครอบงำ ชักนำคน
จากเริ่มต้น จนวันวาย
เชื้อใคร่ ในมนุษย์
มิมีจุด หยุดกระหาย
เกรอะกรัง ทั้งหญิงชาย
เกินกว่าใคร หมายบรรเทา
สำแดง แห่งโลกีย์
ดังอัคคี ที่แผดเผา
คุไหม้ ผลาญใจเรา
พาร้อนเร่า เมางวยงง
มลทิน กลิ่นกามิศ
วิปริต มากพิษสง
จึ่งพระ-พุทธองค์
ทรงแยกแยะ แนะปล่อยวาง
เทศนา ดับราคะ
ใช้ธรรมะ เข้าสะสาง
ฉุดคน พ้นหลุมพราง
สู่แนวทาง สว่างครัน
ชาวพุทธ-มามกะ
ควรลดละ คลายกระสัน
อยากให้ ใจสุขพลัน
เพียงแค่บั่น ตัณหาลง
20 ตุลาคม 2554 12:08 น.
สุนทรวิทย์
มนุษย์ สุดโลภเอย
ก่อนล่วงเลย เคยคิดไหม
ชาติหนึ่ง ซึ่งเร็วไว
ทำสิ่งใด ไว้บ้างฤๅ
มัวเมา เคล้าลุ่มหลง
ไม่พะวง ปลงหน่อยหรือ
สมบัติ อาจผลัดมือ
ควรยึดถือ คือความดี
รัตนะ ศีลธรรม
คติกรรม นำสุขศรี
จริย กตเวที
บ่มวิถี ชีวิตคน
ความดี อยู่ที่ใจ
หวังซื้อ,ขาย คงไร้ผล
อยากได้ ให้อดทน
สร้างกุศล ผลแลกเอา
เรือนร่าง เมื่อวางวาย
เน่าสลาย แม้ไม่เผา
เงินทอง สิ่งของเรา
มีใครเล่า อาจเอาไป
หันหา ธรรมาเถิด
ทางประเสริฐ เลิศผ่องใส
กุศลกรรม ทำเท่าไร
มิเกรงใคร ไหนแย่งชิง