25 ตุลาคม 2554 13:43 น.
สุนทรวิทย์
แขนเขาเกร็ง กระชับ จับแหเหวี่ยง
หาปลาเลี้ยง ครอบครัว จนหัวหมุน
ไร้สมบัติ พัสถาน จานเจือจุน
ขาดซึ่งบุญ วาสนา อาภัพจริง
วันนี้จะ อิ่มครบมื้อ หรือเปล่าหนอ
ยืนจดจ่อ เงือดเงื้อ เหงื่อหยดติ๋ง
ปลาก็น้อย ร่อยหรอ พ้อติติง
ลูกชาย,หญิง คงท้องกิ่ว หิวอีกวัน
*************************
ในเขตรั้ว รโหฐาน บ้านเศรษฐี
เสียงบุตรี เรียกร้อง ขอของขวัญ
อยากได้รถ รุ่นใหม่ ใช้อีกคัน
เลือกที่มัน อ่าโอ่ หรูโอฬาร
เสียงพ่อตอบ สนอง มิข้องขัด
กล่าวรวบรัด ตามใจ ไม่หักหาญ
พ่อมีกิจ วุ่นวาย หลายพันล้าน
ลูกจัดการ เองหนา อย่ากวนใจ
*************************
สองชนชั้น แตกต่าง อย่างดิน-ฟ้า
หนึ่งชีวา แสนเข็ญ ดั่งเป็นไพร่
หนึ่งรวยล้น สินทรัพย์ อัประไมย
เหมือนมิใช่ เกิดมา ใต้ฟ้าเดียว
ชะตาคน สูง,ต่ำ ฟ้ากำหนด
คำประชด หรือไร ใครเฉลียว
คนกรำงาน ขัดสน จนซีดเซียว
พวกกิน,เที่ยว ไม่เลือก เสือกมั่งมี
25 ตุลาคม 2554 13:19 น.
สุนทรวิทย์
เขียนอะไร ไม่ออก นั่งกลอกหน้า
หกทุ่มกว่า จับเจ่า นั่งเกาหำ
สมองฝ่อ จู๋หด หมดถ้อยคำ
บ่นงึมงำ มิปรากฏ สักบทกลอน
ตะแคงตด เบาเบา แล้วเกาตูด
ยกนิ้วดูด แก้ง่วง ช่วงเหนื่อยอ่อน
คืนนี้ตู เป็นอะไร ไอ้สันดอน
นอนก็นอน ไม่หลับ แสนอับจน
เป็นเพราะกิ๊ก ของฉัน พลันหลบหน้า
มิร่ำลา เลยหนอ ก็ล่องหน
รู้เธอมี เพื่อนชาย ตั้งหลายคน
ดวงกมล จึงสลัด ตัดไมตรี
ถึงคราต้อง อกหัก รักสะดุด
เมื่อนงนุช เย็นชา มาหน่ายหนี
ทำเอาฉัน เจ็บแปลบ แอบโศกี
ความรักที่ เพียรปลูก ถูกลบเลือน
หันมาเห็น ภรรยา นอนอ้าซ่า
คิดได้ว่า นี่ไง ใครจะเหมือน
ผู้จงรัก ภักดี แม่ศรีเรือน
ยิ่งกว่าเพื่อน เหนือกว่ามิตร จิตพันพัว
รีบดับไฟ ปลุกเมีย มาเคลียเคล้า
ผลัดกระเซ้า เย้าแหย่ แก้ปวดหัว
จากนั้นเป็น เรื่องผัวเมีย เขาเนียนัว
เรื่องส่วนตัว บอกไม่ได้ อายจริงจริง
24 ตุลาคม 2554 12:21 น.
สุนทรวิทย์
แฟนฉันแสน สะสวย รวยกลิ่นเต่า
ชอบเดินเกา ขี้กลาก ถ่มขากถุย
ขนรักแร้ เป็นกระจุก ดำปุกปุย
พุงก็พลุ้ย นุ่มนิ่ม อิ่มไขมัน
ชันนะตุ กินหัว เหายั้วเยี้ย
ตัวต่ำเตี้ย แหง๋แก๋ แต่อวบอั๋น
ขี้ตาแฉะ เหม็นหึ่ง ถึงขี้ฟัน
แมลงวัน สิงสู่ อยู่รอบกาย
ซ้ำหน้าเหี่ยว ยู่ย่น ปนยู่ยี่
มองถ้วนถี่ ทีไร ใจคอหาย
แยกไม่ออก ควรเรียกย่า หรือว่ายาย
อยากบอกเลิก กลับเสียดาย สายสัมพันธ์
เธอเสมือน ริดสีดวง พวงน้อยน้อย
คอยติดสอย ห้อยตาม ง่ามก้นฉัน
จะไปไหน ใกล้ไกล ไปด้วยกัน
โดนเพื่อนหยัน เพื่อนติ ว่าพิเรนทร์
ไอ้พวกสา-ระแน ชอบแส่นัก
มิประจักษ์ รักแท้ แพ้ลูกเล่น
จ้องจับผิด บิดเบือน เหมือนจองเวร
พบหน้าเป็น ขบขำ ทำล้อเลียน
แม้หล่อนไม่ พริ้มเพรา เท่านางฟ้า
แต่หน้าตา คงที่ มิมีเปลี่ยน
ใครมองแล้ว โอ้กอ้าก อยากอาเจียน
ฉันก็ไม่ สะอิดสะเอียน คิดเปลี่ยนใจ
24 ตุลาคม 2554 12:08 น.
สุนทรวิทย์
ฉันเป็น เช่นจำเลย
ที่ทรามเชย เอ่ยกล่าวหา
ประสงค์ ลงอาญา
ทุกมาตรา โดยสากรรจ์
ข้อหา พร่าดวงจิต
ละเมิดสิทธิ์ ผิดมหันต์
ชอบพร่ำ ฝากสัมพันธ์
ทำให้ขวัญ เธอสั่นคลอน
วอนนุช หยุดชิงชัง
แล้วเหลียวหลัง ฟังคำก่อน
เลิกบึ้ง-ตึงตัดรอน
แรงรุ่มร้อน จงผ่อนคลาย
ตัวฉัน หมั่นเซ้าซี้
เพราะภักดี มีจุดหมาย
ไยเห็น เป็นวุ่นวาย
สาธยาย คล้ายดุดัน
ก่อนจะ พิพากษา
โปรดหันมา สบตาฉัน
ชายหนึ่ง ซึ่งผูกพัน
พร้อมรับทัณฑ์ ทุกขั้นตอน
โทษใด ล้วนไม่เกี่ยง
หากได้เคียง ร่วมเรียงหมอน
รักแท้ แต่งามงอน
จึงออดอ้อน วอนเห็นใจ
24 ตุลาคม 2554 11:32 น.
สุนทรวิทย์
โลกนี้ มีสุข และทุกข์ท้น
ต่างคน ค้นหา จ้าละหวั่น
อยากมี อยากเด่น เป็นสำคัญ
โรมรัน พันตู สู้ตรากตรำ
ไม่อิ่ม ไม่พอ ขอไม่สิ้น
เหลือกิน เหลือใช้ ยังไม่หนำ
ผิดหวัง คลั่งโกรธ โทษเวรกรรม
เงื่อนงำ ธรรมะ สิละเลย
ชื่นชม สมบัติ เสพวัตถุ
บรรจุ ตัณหา โดยผ่าเผย
ทำบุญ บังหน้า มาชดเชย
มิเคย เอ่ยห้าม ความอยากมี
เท่านี้ เท่านั้น มุ่งขันแข่ง
ทิ่มแทง แพร่งพราย ขายศักดิ์ศรี
เอาเปรียบ เหยียบเขา เหมาว่าดี
ถึงที ผลลัพธ์ ดันกลับกลาย
กลัวทุกข์ แท้จริง นั้นยิ่งทุกข์
อยากสุข สุขอาจ นิราศหาย
ยิ่งดิ้น ยิ่งพล่าน ยิ่งบานปลาย
ผลร้าย เกิดจาก ความอยากเอย