19 เมษายน 2555 14:21 น.
สุนทรวิทย์
มธุกร ร่อนเร่ หาเกสร
พเนจร ไต่ตอม ดอมพฤกษา
ดื่มน้ำหวาน ถาโถม โลมผกา
แล้วเย็นชา จากไป มิไยดี
เปรียบบุรุษ สุดกระหาย ไม่เอมอิ่ม
คอยกรุ้มกริ่ม เถยจิต ลวงอิตถี
เสน่หา บำโบ ความโสภี
พรหมจารี ที่ชาย ตะกายปอง
ครั้นสมใจ ก็เมิน ทำเหินห่าง
รักจืดจาง ร้างไกล ไปมีสอง
ลืมสัญญา สัมพันธ์ อันก่ายกอง
ทิ้งความหมอง ต่างหน้า ให้อาดูร
หญิงไม่น้อย เคยผ่าน การเพลี่ยงพล้ำ
ด้วยหลงคำ มารร้าย ชายอสูร
สร้างบาดแผล พยาธิ ปฏิกูล
เป็นข้อมูล จริงแท้ แก้ยากเย็น
เหตุซ้ำซาก โจษแจ มิแปรเปลี่ยน
มีบทเรียน ครันครบ ให้พบเห็น
ควรสตรี กลั่นกรอง ตรองให้เป็น
ยกประเด็น กลาดเกลื่อน ขึ้นเตือนตน
18 เมษายน 2555 15:21 น.
สุนทรวิทย์
ยามตะวัน ชิงพลบ บรรจบค่ำ
ฝนพรำพรำ บางบาง ก่อนย่างหนาว
เสียงกบอึ่ง งึมงำ พำระนาว
ฝูงค้างคาว เตรียมท่อง ท้องราตรี
บรรยากาศ เช่นนี้ หลายปีก่อน
เคยอิงอร อ้อนออด กอดยาหยี
ต่างพลอดพร่ำ คำหวาน ซ่านฤดี
มอบชีวี แก่กัน นิรันดร
บัดนี้เธอ ร้างหาย คล้ายขมิ้น
ไร้กายิน กลิ่นอาย สายสมร
รักของเรา ง่อนแง่น เกิดแคลนคลอน
เธอตัดรอน เปลี่ยนมือ หรืออย่างไร
ลมหนาวเริ่ม กางปีก เยือนอีกหน
ดวงกมล ยอดชู้ เธออยู่ไหน
เงียบสนิท นิราศ ขาดเยื่อใย
คงมีใหม่ เสียแล้ว แก้วกานดา
ฉันเฝ้าคอย พธู อยู่เนืองนิตย์
ระทมจิต รำพัน เพ้อฝันหา
ปีแล้วปี โดดเดี่ยว เปลี่ยวเอกา
กินน้ำตา ต่างข้าว ปวดร้าวใจ
16 เมษายน 2555 15:17 น.
สุนทรวิทย์
จากบ้านทุ่ง ไร่,นา มานานเนิ่น
จนห่างเหิน ขนบ อันอบอุ่น
กรำอยู่แดน ศรีวิไล เมืองนายทุน
ชุลมุน วุ่นวาย นับหลายปี
แทบลืมเลือน อดีต จารีตเก่า
ภูมิลำเนา เคยอุ้ม คุ้มเกศี
สบโอกาส กลับเคหา มาอีกที
พบวิถี ดั้งเดิม ให้เคลิ้มใจ
สายลำธาร ห้วย,หนอง คลองยังอยู่
ต้นประดู่ นกยูง ยิ่งสูงใหญ่
บ้านฉันสิ คร่ำคร่า เก่ากว่าใคร
เหมือนมิได้ แตกต่าง จากปางบรรพ์
สังคม ธารณะ ชนบท
ดำรงกฎ เผื่อแผ่ มิแปรผัน
การร่วมจิต ร่วมแรง ร่วมแบ่งปัน
สานสัมพันธ์ สืบทอด ตลอดมา
นั่นละไม ใส่งอบ หอบผักบุ้ง
ทักทายลุงสมชาย กับยายสา
หนึ่งให้ผัก อีกฝ่าย ก็ให้ปลา
ยิ้มเฮฮา เหลียวแล มีแก่ใจ
ตาทองดี ปวดน่อง เดินย่องแย่ง
กล่าวขอแรง เจ้านวย ช่วยถางไร่
ส่วนเฉลา เยาวพา ชวนน้าไพ
ขึ้นรถไป เยี่ยมหลาน ป้ากานดา
ความเป็นอยู่ เรียบง่าย ในหลักแหล่ง
ไร้ขันแข่ง แบ่งแยก แตกปัญหา
มิต้องสวม หน้ากาก มากมารยา
ดูสุขกว่า เมืองกรุง ที่รุ่งเรือง
11 เมษายน 2555 14:21 น.
สุนทรวิทย์
ปวงจินดา อัญมณี ที่ในโลก
ล้วนนำโชค สร้างคุณ หนุนราศี
คอยแต่งเติม เสริมชะตา บารมี
คุ้มชีวี รุ่งเรือง ประเทืองลักษณ์
พัชระ สุกสกาว ขาวสะอาด
เกื้ออำนาจ วาสนา บรรดาศักดิ์
บริวาร ศรัทธา สวามิภักดิ์
เกียรติพร้อมพรัก เฟื่องฟู อยู่เหนือคน
ทับทิมแดง จรัสแสง แสดงว่า
จะก้าวหน้า ล้ำเลิศ บังเกิดผล
ความสำเร็จ ยิ่งใหญ่ ไร้กังวล
ดวงกมล หฤหรรษ์ บันเทิงใจ
สีน้ำเงิน คือไพลิน กวินล้ำ
ลาภยศฉ่ำ ดำรง อสงไขย
ธุรกิจ ชื่อเสียง เกริกเกรียงไกร
บันดาลให้ มั่งคั่ง ดังต้องการ
มรกต เขียวสดสวย รวยคนรัก
สื่อชวนชัก เนื้อคู่ สู่สมาน
เพศตรงข้าม เสน่หา พาสำราญ
นิรันดร์กาล สดชื่น แสนรื่นรมย์
เหลืองพิสุิทธิ์ บุษราคัม ล้ำเลอค่า
แทนศักดา อารี มีสุขสม
สานครอบครัว ปึกแผ่น แน่นเกลียวกลม
ได้ชื่นชม ปีติ บุตร,ธิดา
ไข่มุกเปรียบ รัตนะ ใต้สมุทร
ดลให้หลุด พ้นภัย ไร้ปัญหา
เกื้อกูลความ ร่มเย็น เห็นทันตา
ปรารถนา สิ่งใด ได้ดั่งปอง
สรุปว่า อัญมณี แม้สีไหน
ยามสวมใส่ ต่างอำนวย ช่วยเจ้าของ
อภิบาล สนองตอบ ผู้ครอบครอง
สมควรต้อง ประดับกาย ไว้ประจำ
9 เมษายน 2555 13:22 น.
สุนทรวิทย์
ตื่นแต่เช้า ลุกมา ขี้ตาแฉะ
สะลึมสะลือ นั่งแงะ แคะนาสา
เกาตรงนี้ ขูดตรงนั้น คันกายา
เปิดร่มผ้า หาต้นตอ อ้อสังคัง
ทำธุระ ส่วนตัว ชั่วโมงกว่า
แล้วรีบคว้า เครื่องเครา กระเป๋าหนัง
ขับรถรุ่น คุณปู่ ถูลู่ถูกัง
เหยียบไม่ยั้ง หกสิบ กะปริบกะปรอย
ไปถึง บริษัท ตอกบัตรช้า
เจ้านายด่า หน้าดำ ต้องทำหงอย
จำหน้าไหว้ หลังหลอก ออกสำออย
ใจอยากสอย ปลายคาง เตะหว่างมัน
งานคั่งค้าง มะรุมมะตุ้ม สุมท่วมหัว
ต้องทำตัว ทะมัดทะแมง แสร้งขยัน
เพื่อสร้างภาพ หลอกนาย หมายรางวัล
แท้จริงนั้น ถูไถ ขอไปที
เงินเดือนหยุด นิ่งเฉย มิเคยขึ้น
ลุ้นจนมึน สิ้นหวัง ยังคงที่
อยู่นมนาน เหนื่อยล้า มาหลายปี
แม่งไม่มี น้ำใจ ให้ตูเลย
ตกเย็นกลับ ถึงบ้าน พานลมเสีย
ด่าลูกเมีย แดกดัน ยันลูกเขย
เป็นอย่างนี้ ประจำ ทำจนเคย
ที่ยอมเผย เพราะคลุ้มคลั่ง กำลังเมา