4 กันยายน 2554 11:25 น.
สุนทรวิทย์
สิงขร นอนนิ่งนิ่ง
เหมือนร่างหญิง พิงหลับใหล
ยอดภู ดูไฉไล
เพ่งพิศไป คล้ายปทุม
เนินนูน พูนประหลาด
โล่งสะอาด ขาดหญ้าคลุม
พินิจ พิษไฟรุม
กามเกาะกุม เข้าสุมทรวง
ดินแยก แตกกึ่งกลาง
ผิเนื้อนาง หว่างแหนหวง
เสียววาบ ในภาพลวง
คล้อยตามบ่วง ห่วงกามา
อารมณ์ อุดมศิลป์
ไม่หมดสิ้น จินตนา
ห้วงลึก นึกมายา
เคล้าตัณหา ประสาคน
มโนภาพ ฉาบราคะ
มิลดละ สัปดน
โลกีย์ ที่ปะปน
ก่อบันดล เป็นผลงาน
กวี มีรสชาติ
ต้องโรยราด สาดคำหวาน
บรมครู ผู้เชี่ยวชาญ
ล้วนชำนาญ การเปรียบเปรย
บรรยาย ขยายฝัน
กล่าวรำพัน อันเปิดเผย
ฝึกฝน จนคุ้นเคย
ใครได้เชย ย่อมเอ่ยชม
4 กันยายน 2554 11:10 น.
สุนทรวิทย์
ศาสนา เตือนสติ มิให้หลง
เพื่อธำรง ความดีงาม ตามแก่นสาร
นำมาซึ่ง บุญญา-กฤดาการ
ปูพื้นฐาน ชีวิต วิศิษฏ์ชน
ศาสนา ของใคร ใครย่อมรัก
ถือเป็นหลัก บรรลุ มรรคกุศล
ควรให้เกียรติ กันและกัน ฉันสากล
เพราะเหตุผล จุดหมาย ล้วนคล้ายคลึง
ไม่แบ่งเขา แบ่งเรา คงเข้าท่า
หลอมศรัทธา น้ำใจ ไว้เป็นหนึ่ง
ใครสูง,ต่ำ ขาว,ดำ เลิกคำนึง
สิ่งอันพึง ยึดถือ คือกรรมดี
เกิดเป็นไทย เหนือ,ใต้ ไม่กระทบ
อยู่ร่วมภพ พึงปรองดอง ฉันน้อง,พี่
ชีวิตคน สั้น,ยาว ราวกี่ปี
มัวราวี ห้ำหั่น กันทำไม
แม้มีใจ รักชาติ ศาสน์,กษัตริย์
จงขจัด อคติ มิเหลวไหล
จะต่างเชื้อ ต่างชาติ ศาสนาใด
อยู่เมืองไทย ก็ควรจัก สามัคคี
4 กันยายน 2554 10:59 น.
สุนทรวิทย์
ราตรี ที่เย็นเฉียบ
หนาวยะเยียบ และเงียบหงอย
หญิงหนึ่ง กึ่งเหม่อลอย
กอดลูกน้อย คอยสามี
เสื่อ,หมอน นอนต่างเตียง
แสงตะเกียง เพียงริบหรี่
กระท่อม ซอมซ่อนี้
สองชีวี โศกีครวญ
เสียงร่ำ พร่ำตัดพ้อ
ลูกจดจ่อ รอพ่อหวน
นับวัน ผันคำนวณ
ป่านนี้ควร พ่อด่วนมา
แม่ตอบ ปลอบลูกรัก
อย่าทึกทัก จนหนักหนา
พ่อเจ้า เขาสัญญา
รุ่งทิวา จะมาพลัน
พ่อเกณฑ์ เป็นทหาร
ประจำการ ชาญเขตขัณฑ์
แดนไกล กลับไม่ทัน
เลิกไหวหวั่น เถิดขวัญตา
ทหารกล้า ผู้ลาไป
ป้องไผท ในแนวหน้า
หมิ่นเหม่ ทุกเวลา
แสนเหนื่อยล้า คงฝ่าฟัน
สละ กาย,พลัง
เพียงแนวหลัง ยังสุขสันต์
หน้าที่ มีสำคัญ
พร้อมประจัญ รันรบรา
วันนี้ เขาคืนอู่
กลับที่อยู่ อย่างผู้กล้า
มีธง ห่มกายา
กับเหรียญตรา มาอีกอัน
เขาดับ ลับไปแล้ว
ทิ้งลูกแก้ว แคล้วเมียขวัญ
หนึ่งพลี สิ้นชีวัน
แลกหมื่น,พัน นิรันตราย
เพื่อชาติ ศาสน์,กษัตริย์
เขายืนหยัด สัตย์ถวาย
แน่วแน่ แม้ตัวตาย
เกียรติ,วินัย ใจมั่นคง
คารวะ สดุดี
เทิดศักดิ์ศรี ที่สูงส่ง
ทหารไทย ใจอาจอง
ธงไตรรงค์ จึ่งทรงชัย
3 กันยายน 2554 16:02 น.
สุนทรวิทย์
คิดถึงเธอ ทุกครา เวลาเหงา
คิดถึงเท่า ชีวี พึงมีให้
คิดถึงด้วย ยังห่วง หมดดวงใจ
คิดถึงใคร คนนั้น ฉันเคยครอง
คิดถึงสาย สัมพันธ์ อันหวานชื่น
คิดถึงคืน เก่าเก่า ของเราสอง
คิดถึงรส สัมผัส รัดตระกอง
คิดถึงแก้ม ผุดผ่อง ของกานดา
คิดถึงความ ใส่ใจ ในครั้งก่อน
คิดถึงตอน ทุ่มเท เสน่หา
คิดถึงคำ รำพัน กล่าวสัญญา
คิดถึงภาพ แววตา ที่อาทร
คิดถึงคา-รมปาก พร่ำฝากรัก
คิดถึงตัก เนื้ออุ่น หนุนแทนหมอน
คิดถึงท่า ฮึดฮัด บอกตัดรอน
คิดถึงเสียง ยอกย้อน ตอนชิงชัง
คิดถึงเธอ ป่านนี้ อยู่ที่ไหน
คิดถึงไหม หน่อยหนึ่ง ซึ่งความหลัง
คิดถึงเพียง อยากสะกิด คิดถึงจัง
คิดถึงทั้ง ที่หมดสิทธิ์ คิดถึงเธอ
3 กันยายน 2554 15:42 น.
สุนทรวิทย์
พ.ศ. สองพัน-ห้าร้อย ย้อนถอยหลัง
เมืองไทยครั้ง อุดม สมบูรณ์สุข
ข้าวเต็มทุ่ง ธารา ปูปลาชุก
เริ่มต้นยุค วิวัฒน์ พัฒนา
เขตบางกอก สงบเงียบ คนเรียบง่าย
ทางหลายสาย ปลูกแต่ง แปลงพฤกษา
บ้างอาศัย คูคลอง ล่องนาวา
ตามประสา พอกิน สิ้นกังวล
ภาพรถราง เชื่องช้า เมื่อคราก่อน
พบสัญจร ประปราย ในถนน
สามล้อถีบ รับจ้าง มิสร้างมล
ส่วนรถยนต์ จากน้อย ค่อยทวี
ตึกสองชั้น เรียงราย ขยายเพิ่ม
แล้วต่อเติม ลุกลาม ขึ้นสามสี่
ผุดโรงหนัง ละคร บ่อนกุลี
เพลงดนตรี เทศบุก รุกประโคม
ความเจริญ ย่างเท้า เข้าแทนที่
สื่อแสงสี โฆษณา แข่งถาโถม
วัฒนธรรม ตะวันตก ยกจู่โจม
บ้านเปลี่ยนโฉม ทันสมัย ใหม่ตามกาล
หลายทศวรรษ ล่วงผ่าน วันวารเก่า
ผู้แก่เฒ่า เจ็บ,วาย พ่ายสังขาร
อดีตถูก เรียกหา ว่าโบราณ
นึกแล้วพาน อาลัย ถึงวัยเยาว์
มาบัดนี้ ขวักไขว่ แทบไม่เชื่อ
มิหลงเหลือ ร่องรอย เคยหงอยเหงา
ชนรุ่นใหม่ เอิบอิ่ม ดูพริ้มเพรา
ผิดเทือกเถา พ่อ,แม่ แต่ปางบรรพ์
นามบางกอก ปรับปรุง เรียกกรุงเทพฯ
แหล่งกินเสพ พรั่งพร้อม น้อมเลือกสรร
เหลียวมองไหน โสมนัส อัศจรรย์
หฤหรรษ์ สุทัศน์ สวัสดี
คอนโดใหญ่ เบียดเสียด สูงเฉียดฟ้า
ศูนย์การค้า ทำเลทอง ของเศรษฐี
สมองกล คอมพิวเตอร์ เกร่อธานี
แหล่งโลกีย์ ตัณหา สารพัน
เซ็นเตอร์พอยท์ สาวกรีดกราย นุ่งสายเดี่ยว
เสื้อนิดเดียว แพลมเต้า เขย่าถัน
เปิดสะดือ อวดโอ่ โป๊แข่งกัน
ยั่วกระสัน บัดสี ทั้งดี้,ทอม
กะเทยเทียม กะเทยแท้ แห่สลอน
เขียนคิ้วงอน ฉีดนม พรมน้ำหอม
เสริมกายา ชำแรก สิ่งแปลกปลอม
ผมเผ้าย้อม หลากสี หวีพิลึก
อาร์ซีเอ พัฒน์พงศ์ ดงนักเที่ยว
โชว์หวาดเสียว ครึกครื้น ยันดื่นดึก
คาราโอเกะ ผับ,บาร์ สารพัดนึก
อึกทึก บรรเลง เพลงสำราญ
อยากสงบ อารมณ์ เชิญชมวัด
ไปสัมผัส อุโบสถ โบสถ์วิหาร
กราบพระแก้วฯ อิทธิ อภิบาล
ขอประทาน ความประศม สุขร่มเย็น
เสียงระฆัง วงเดือน เตือนสติ
ดลสิริ นำกมล พ้นทุกข์เข็ญ
ควันธูปเทียน รสพระธรรม ปัดลำเค็ญ
ผสานเป็น พุทธคุณ หนุนชีวัน
พระราชวัง อร่าม งามวิจิตร
เนรมิต สมแดนไท ไอศวรรย์
สถานประทับ กษัตรา วงศ์ราชันย์
อเนกอนันต์ พระบุญญา บารมี
เจ้าพระยา มหานที เอื้อชีวิต
ไหลจากทิศ เหนือมา ผ่ากรุงศรี
สะพานแขวน เชื่อมโครง โยงปฐพี
ทัศนีย์ เพลิดเพลิน เกินบรรยาย
รถใต้ดิน รถลอยฟ้า เหาะอากาศ
คล่องประหลาด แล่นรุด สู่จุดหมาย
ผู้โดยสาร นั่ง,ลุก สุขสบาย
ช่วยผ่อนคลาย ถ่ายเท ย่นเวลา
ดุจเมืองแก้ว แพร้วเพริศ เจิดจรัส
อมรรัตน-โกสินทร์ ปิ่นเทศา
เทพบรรจง ประสิทธิ์ สัมฤทธา
ให้เหมือนว่า สรวงนภา สุราลัย