5 กันยายน 2554 14:08 น.
สุนทรวิทย์
ยามรัก ปักอารมณ์
กลิ่นผายลม ยังดมหอม
ถึงจน ทนอดออม
ต่างถนอม ยอมกินเกลือ
แรกรัก มักลืมตน
ขาดเหตุผล จนเหลือเชื่อ
ขม,หวาน ผลัดจานเจือ
ครั้นพอเบื่อ มิเหลือใย
ยามชัง ดังเห็นขี้
เปลี่ยนท่าที หนีผลักไส
พันตู อยู่ร่ำไป
เหมือนกองไฟ ใกล้น้ำมัน
ความรัก ชักนำทุกข์
พร้อมทะนุก ความสุขสันต์
กลับกลาย ได้ฉับพลัน
โดยไม่ทัน หันปรับตัว
ยามรัก หักอุรา
โศกโศกา น่าปวดหัว
ไฉน ไร้คนกลัว
กลับเมามัว มุ่งพัวพัน
ทางรัก จักแน่นแฟ้น
หากหนักแน่น แทนหุนหัน
ถ้อยที ดีต่อกัน
แล้วรักนั้น จะมั่นคง
5 กันยายน 2554 13:53 น.
สุนทรวิทย์
มุมหนึ่ง ซึ่งมืดมิด
สองชีวิต ซูบอิดโรย
ท้องกิ่ว ครางหิวโหย
เหมือนถูกโบย โดยชะตา
หญิงผู้ ดูหม่นไหม้
กอดลูกวัย ไร้เดียงสา
รันทด หมดปัญญา
นั่งก้มหน้า รอสามี
สามี ดังผีห่า
ติดสุรา น่าบัดสี
เมามา หาเรื่องที
ทั้งด่า,ตี ทุกวี่วัน
แม่,ลูก ผูกกมล
ช้ำอยู่บน คำก่นหยัน
หนทาง ช่างตีบตัน
โดนบีบคั้น จนพรั่นพรึง
เจ็บไข้ ไม่สบาย
ผัวดูดาย ไม่ถามถึง
ตัดพ้อ ก็บึ้งตึง
ขาดที่พึ่ง จึงทุกข์ใจ
สลัม น้ำครำเน่า
ภาพโศกเศร้า เคล้าร่ำไห้
เยี่ยงนี้ มีทั่วไป
พบเจอได้ ไม่ยากเย็น
แปลกจริง หญิงอีกมาก
แม้ลำบาก ยากแสนเข็ญ
แต่มัก ผลักประเด็น
โทษว่าเป็น เรื่องเวรกรรม
ลืมตรอง มองย้อนหลัง
ตอนรักครั้ง ยังดื่มด่ำ
ใครห้าม ปรามแนะนำ
กลับสวนคำ ทำอวดดี
ความรั้น อันงมงาย
บวกใจง่าย ไม่ถ้วนถี่
ปล่อยตัว กลั้วราคี
เลือกชายที่ เป็นขี้เมา
ก้าวพลั้ง ตั้งแต่ต้น
เลยอับจน จำนนเขา
เดือดร้อน ห่อนบรรเทา
ดุจแมงเม่า เข้ากองไฟ
5 กันยายน 2554 12:54 น.
สุนทรวิทย์
ริ้วคลื่น ยืนซัดสาด
ทาบชายหาด ปาดพื้นทราย
ถั่งโถม โลมทักทาย
ก่อนสลาย คลายกลับคืน
คีตะ พลังน้ำ
เช้ายันค่ำ ร่ำครืนครืน
บรรเลง เพลงกลมกลืน
ฟังครึกครื้น น่าตื่นใจ
ชลธี นีรนาท
ธรรมชาติ สาตพิไร
ขับกล่อม ย้อมไผท
แต่งเติมใส่ ให้งดงาม
เสียงซบ กระทบฝั่ง
ครั้งแล้วครั้ง ดังติดตาม
วารี สีเขียวคราม
ทุกโมงยาม ซ่อนความนัย
หลงใหล ในเกลียวคลื่น
เสนาะรื่น ชื่นหทัย
เสน่หา ชลาลัย
พิสมัย ใจลำพอง
คลื่นรัก ปักสวาท
ร่วมสมพาส หาดสีทอง
เหิมฮึก คึกคะนอง
กระแสก้อง ทั่วท้องธาร
มโหรี นี้ดั่งฝัน
ห้วงมหรร-ณพบันดาล
อ้อนออด ตลอดกาล
ดุจนงคราญ ร่านรัญจวน
4 กันยายน 2554 11:45 น.
สุนทรวิทย์
แม่สอนว่า คนดี ผีไม่หลอก
คนกลับกลอก มุสา กลัวฟ้าผ่า
คนฉ้อฉล คือทาส อาชญา
คนอิจฉา เนืองนิตย์ มิตรไม่มี
แม่บอกอย่า อ้อยส้อย คอยโชคลาภ
อย่าใจบาป มีจิต คิดป้ายสี
อย่าคบหา ทรชน คนอัปรีย์
อย่าอวดดี พองขน คนจะชัง
แม่ว่าพบ ปัญหา อย่าท้อแท้
ห้ามอ่อนแอ สิ้นคิด ยามผิดหวัง
รักศักดิ์ศรี ถนอมเกียรติ มิเบียดบัง
ความมั่งคั่ง ยากไร้ ใช่ยั่งยืน
แม่ว่าทำ สิ่งใด ได้สิ่งนั้น
กฎโลกันตร์ ตราไว้ ไม่อาจขืน
กรรมของใคร ต่างต้องรับ ย้อนกลับคืน
เหมือนเกลียวคลื่น ไล่หลัง ประดังมา
แม่สอนว่า ดี,ชั่ว ตัวตนรู้
ให้ปิดหู-ตาคน จนทั่วหล้า
ก็มิอาจ หันเห ทัณฑ์เทวา
เมื่อถึงครา ย่อมสำแดง ผลแห่งกรรม
4 กันยายน 2554 11:39 น.
สุนทรวิทย์
ทุกข์บีบคั้น ฉันให้ ใจอมทุกข์
สุขไม่สุข ปล่อยปละ ตามยถา
คนเพลี่ยงพล้ำ จำเจ ทุกเวลา
เชื้อระอา ย่อมกลุ้ม-รุมกัดกิน
ความสำเร็จ อยู่ไหน ไม่พานพบ
ที่ประสบ ครบครัน นั้นหนี้สิน
การพลาดหวัง เรื้อรัง หลังเหงื่อริน
คำคุ้นชิน อันก่นด่า ชะตาตน
จากวัยหนุ่ม ไฟแรง แฝงมุ่งมั่น
วันแล้ววัน เคี่ยวขับ กลับไร้ผล
รางวัลได้ ติดมือ คือความจน
แววกังวล หม่นไหม้ ในดวงตา
อุตสาหะ ตะบึง ถึงยามแก่
กายอ่อนแอ โรคภัย ตะกายหา
ไร้ลูกเมีย อาทร ตอนโรยรา
มัวเงื้อง่า ครองโสด จะโทษใคร
นอนพึมพำ ลำพัง ยื้อสังขาร
ขาดอาหาร หยูกยา คราป่วยไข้
ฝ่าแดดลม ข่มหนาว มายาวไกล
ก่อนสิ้นใจ มีเสื่อ เหลือผืนเดียว