28 กันยายน 2554 15:19 น.
สุนทรวิทย์
ลือว่าเธอ น่าชัง ดั่งกองขี้
มิมีดี สักสิ่ง นั้นจริงไหม
ปล่อยตัวให้ แก่,หนุ่ม รุมชอนไช
จนเครื่องใน ชำรุด กายทรุดโทรม
บ้างเหยียดเธอ ปานขยะ มะเร็งร้าย
กัดกินชาย ให้ม้วย ด้วยรูปโฉม
โดยวาจา ท่าที ที่โอ้โลม
ช่างน้าวโน้ม ผูกมัด เรียกศรัทธา
ฉันเปรียบกวาง สมัน อันเซื่องเซ่อ
จึงถูกเธอ มองเห็น เป็นภักษา
เพียงโดนหว่าน เสน่ห์ เล่ห์มารยา
พลันมืดหน้า ตาลาย ใจซ่านเซ็น
กว่ารู้เช่น-เห็นชาติ ก็บาดเจ็บ
เมื่อเธอเหน็บ เปรียบปราย คล้ายของเล่น
ซ้ำหมิ่นว่า น่าเบื่อ ของเหลือเดน
ไม่เคยเห็น ฉันอยู่ใน ห้วงสายตา
ลือว่าเธอ น่าชัง ดั่งกองขี้
แต่ฉันนี้ ขอติง ว่ายิ่งกว่า
เธอแพร่เชื้อ ขับเคลื่อน เหมือนโรคา
ใช้ตัณหา พร่าผลาญ ประหารชาย
28 กันยายน 2554 15:10 น.
สุนทรวิทย์
กล้วยไม้ป่า รวยริน โชยกลิ่นหอม
ภมรตอม โลมลิ้ม ชิมบุปผา
เจ้าเลือกเกิด ไฉน ที่ไกลตา
พงพนา รกชัฏ ทัศไนย
แอบซุกซอก ขอนหลืบ ยากสืบค้น
บ้างเกาะบน หน้าผา ศิลาใหญ่
แหล่งชุ่มชื้น หุบเขา ลำเนาไพร
จะอยู่ไหน คงสวยสด แสนงดงาม
ถึงหลบซ่อน เร้นกาย หมายมิดชิด
คนตามติด จำเพาะ เที่ยวเสาะถาม
หลงเสน่ห์ จึงรุก เค้นคุกคาม
มนุษย์ทราม นำเจ้าพราก จากถิ่นไป
จับโยกย้าย ปลูกใส่ ในกระถาง
แขวนไว้อย่าง โก้หรู ดูเก๋ไก๋
ตั้งชื่อฟัง ไพเราะ เพราะจับใจ
แต่กล้วยไม้ กลับโหยหา บ้านป่าดง
มินานเริ่ม ซีดเซียว ใบเหี่ยวเฉา
ต้นก็เน่า ถึงโคน โดนทิ้งส่ง
ด้วยโสภี ชีวิต เลยปลิดปลง
เหมือนอนงค์ วางวาย ด้วยชายพาล
อิสตรี สัตย์ซื่อ นั้นคือเหยื่อ
ลุ่มหลงเชื่อ บุรุษ สุดพร่าผลาญ
มักเสียที พ่ายแพ้ แก่ภัยมาร
จึ่งนงคราญ รักนวล ควรระวัง
27 กันยายน 2554 15:10 น.
สุนทรวิทย์
เขาหลบหน้า เพราะหนี คดีรัก
ทำผู้หญิง อกหัก ซ้ำผลักไส
เจ้าทุกข์ล้วน ชิงชัง คั่งแค้นใจ
เที่ยวถามไถ่ ไล่ล่า ตามราวี
บ้างอาฆาต มาดร้าย ไว้สาหัส
ขู่จะตัด ไอ้นั่น หั่นไอ้นี่
ทั้งสาวแก่ แม่หม้าย ยันยายชี
ต่างคนมี หนี้แค้น แน่นอุรา
ฉันเป็นเหยื่อ รายหนึ่ง ซึ่งเสียรู้
จนอดสู จำต้อง ฟ้องกล่าวหา
วอนตำรวจ ช่วยบังคับ จับตัวมา
แล้วถ่างขา ดีดไข่ ให้จาบัลย์
หากขัดขืน แข็งข้อ คิดต่อสู้
ขอคุณหมู่ คุณจ่า อย่าผ่อนผัน
ใช้กฎหมาย อาญา วิสามัญ
อย่าปล่อยมัน สำออย เดินลอยชาย
ได้ฉันแล้ว ทิ้งขว้าง พอช่างหัว
แต่ค่าตัว ร้อยเดียว เสือกเบี้ยวจ่าย
แถมปากเสีย แดกดัน เรียกฉันยาย
สมควรตาย กับตาย อ้ายเด็กเวร
27 กันยายน 2554 12:48 น.
สุนทรวิทย์
คนผิด คิดกลับใจ
จงอภัย ให้เขาเถิด
อโหสิ มิตะเพิด
ย่อมประเสริฐ บังเกิดคุณ
ศัตรู คู่อาฆาต
หันผูกญาติ อาจเกื้อหนุน
แนวทาง อย่างละมุน
ใช้การุณย์ ลบขุ่นเคือง
เสือ,สิงห์ ลิง,กุญชร
หมั่นอาทร ยังสอนเชื่อง
บารมี ที่ประเทือง
ไม่สิ้นเปลือง กลับเรืองรอง
น้ำใจ ใครก็ชอบ
พร้อมนบนอบ ตอบสนอง
คนรัก จักก่ายกอง
เหมือนเกาะป้อง คุ้มครองตน
ศัสตรา หมื่นอาวุธ
ใช่ประณุท หยุดชั่วฉล
ธรรมะ ในกระมล
จึ่งบันดล ผลยั่งยืน
จองเวร เช่นถูกสาป
ใจมีบาป ยากราบรื่น
สังคม จะกลมกลืน
พึงหยิบยื่น ฟื้นไมตรี
อภัยทาน การผ่อนปรน
เท่ากุศล บุญล้นปรี่
ใจกว้าง ต่างถ้อยที
คือวิถี ผู้ดีงาม
27 กันยายน 2554 12:36 น.
สุนทรวิทย์
อยากแต่งกลอน ดีดี มีสาระ
แต่วาทะ เราสิ มิได้เรื่อง
อยากแคะควัก อักขระ มาประเทือง
ดันฝืดเคือง ทักษะ ประสบการณ์
ความรู้งู-งูปลาปลา ไร้สามารถ
หมดโอกาส ขมวด อวดโวหาร
เรื่องรุกรับ ขับเคี่ยว ขาดเชี่ยวชาญ
คำอ่อนหวาน จับใจ ไม่ตรึงตรา
แม้ใจรัก ฝักใฝ่ ในอักษร
ชั้นเชิงกลอน กลับเยี่ยง ไร้เดียงสา
อยากคล่องศัพท์ ฉับไว ได้ลีลา
แต่วาจา คารม มิคมคาย
ยามสดับ บทกวี ที่ไพเราะ
ฟังเสนาะ งดงาม แฝงความหมาย
เรารึอยาก วิสาสะ ร่วมระบาย
ก็นึกอาย ว่าด้อย น้อยฝีมือ
เราเปรียบมด ตัวหนึ่ง ซึ่งเล็กจ้อย
มาเดินหงอย กลางหมู่ปราชญ์ มิอาจหือ
วรรณกรรม ล้ำลึก ต้องฝึกปรือ
คนหัวทื่อ อย่างเรา ยากเข้าใจ