3 ตุลาคม 2554 14:40 น.
สุนทรวิทย์
อโณทัย รอนรอน ตอนย่ำรุ่ง
ปุยเมฆฟุ้ง คล้อยคล้อย ลอยพลิ้วไหว
แดดอ่อนอ่อน เรื่อเรือง เหลืองรำไร
ฟ้าวันใหม่ ไอน้ำค้าง เหลือจางจาง
อยู่กลางไพร เช้าเช้า เฝ้าชมนก
เสียงน้ำตก ซ่าซ่า มิซาสร่าง
ลมเย็นเย็น ระหอบ รอบทิศทาง
นึกหนาวหนาว อ้างว้าง ขาดสาวเคียง
ตัวคนเดียว เดี่ยวเดี่ยว ยืนเปลี่ยวเปล่า
เดินเหงาเหงา ออดออด ระทอดเสียง
ก้าวท่อมท่อม สอดส่อง หันมองเมียง
ก่อนไล่เลียง ซ้ำซ้ำ ย้ำถามตน
เชื่อลมลม จมปลัก ในรักคุด
ถอนไม่หลุด งมงาย หลายหลายหน
ยอมเจ็บเจ็บ แปลบแปลบ แอบกังวล
มารับผล นานา หาอันใด
สัมพันธ์ ใดใด ไม่เหลือแล้ว
จักแน่แน่ว ทื่อทื่อ ซื่อถึงไหน
สัญญาข้าง-ข้างคูคู รู้แก่ใจ
ไยฝักใฝ่ จ่อมจ่อม ยอมทนรอ
อโณทัย ในยามสาง
คัคนางค์ กระจ่างใส
แดดอ่อน รอนรำไร
ไอน้ำค้าง เริ่มบางเบา
อยู่ไพร ได้ชมนก
ไม้ดื่นดก ปกขุนเขา
น้ำฉ่ำ ชื่นลำเนา
ฉันเดินเหงา เศร้าสร้อยใจ
ผู้เดียว ออกเที่ยวท่อง
จิตหม่นหมอง แม้มองไหน
ระกำ ช้ำทรวงใน
ไร้ผู้ใด อยู่ใกล้เคียง
อกหัก รักถูกพราก
สุดต่อปาก ยากทุ่มเถียง
ทบทวน หวนไล่เลียง
คำเราเยี่ยง เสียงนกกา
พูดไป ก็ไร้ผล
ยิ่งอับจน ท้นปัญหา
เขานั้น ลืมสัญญา
จึงหนีหน้า ลาจากไป
เจ็บปวด แสนรวดร้าว
หลบเรื่องราว ข่าวเฉไฉ
ซุกป่า พนาไพร
มิอยากให้ ใครพบพาน
3 ตุลาคม 2554 12:44 น.
สุนทรวิทย์
อกหักครับ อกหัก เจ็บหนักด้วย
โดนสาวสวย ปั้นปึ่ง ฉันจึงหม่น
นั่งวิตก-จริต คิดกังวล
เธอเลิกสน เราแล้ว แห้วตามเคย
สื่อสารไป หลายครั้ง นั่งรอข่าว
แต่น้องสาว ใจดำ ทำนิ่งเฉย
เขาคงมี คนใกล้ ไว้ชิดเชย
คนไกลเลย หมดสิทธิ์ คิดพันพัว
กามเทพ อยู่ไหน ไอ้ตัวแสบ
ฉันเจ็บแปลบ แทบคลั่ง ยังหายหัว
ยิงศรสิ เป้าหมาย ให้ตรงตัว
ให้เธอมัว-เมาฉัน พลันงงงวย
กามเทพ ศรหัก ไม่ศักดิ์สิทธิ์
เงียบสนิท ดูดาย ไม่คิดช่วย
ทำขี้เกียจ เส็งเคร็ง เด็กเฮงซวย
ไอ้หัวกรวย ไม่ง้อ ก็ได้วะ
ใบบัวบก มีขาย ที่ไหนบ้าง
ขอดื่มล้าง ช้ำใน ไล่โทสะ
ก่อนตั้งต้น หนใหม่ ไม่ลดละ
แล้วมานะ สะสาง เรื่องค้างคา
จะกลับไป งอนง้อ ขอโอกาส
สิ่งใดพลาด ไปหรือ อย่าถือสา
หากรู้แน่ ยุพิน สิ้นนำพา
จักขอลา ไปหาใหม่ ทันใดครับ
2 ตุลาคม 2554 12:09 น.
สุนทรวิทย์
คุณธรรม คำนี้ แสนมีค่า
เป็นจรรยา พื้นฐาน ประการหนึ่ง
ใช่ต้องซื้อ ต้องแก่ง-แย่งตะบึง
เพียงเข้าถึง ซึ่งความดี ย่อมมีเอง
สิ่งสำคัญ นั่นคือ ถือความสัตย์
พึงมั่นคง ปฏิบัติ โดยครัดเคร่ง
ใช้สัมมา-ทิฐิ มิโคลงเคลง
ไม่ข่มเหง ล่วงสิทธิ์ คิดร้ายใคร
เลิกอิจฉา-ตาร้อน ค่อนแคะมิตร
อย่าปล่อยจิต โอนเอน เห็นแก่ได้
รู้ผิด,ชอบ เสียสละ รู้อภัย
สร้างนิสัย เอื้อเฟื้อ แผ่เกื้อกูล
คุณธรรม อยู่ในใจ ใช้ไม่หมด
มิปรากฏ ว่าใคร ใช้แล้วสูญ
กลับยิ่งเพิ่ม เติมพละ ทวีคูณ
ให้จรูญ พูนสุข ทุกเวลา
จงรักษา คุณธรรม นำชีวิต
สุจริต สมถะ อหิงสา
ใช้น้ำใจ ไมตรี มีเมตตา
แทนศัสตรา อาวุธ หยุดอธรรม
2 ตุลาคม 2554 12:04 น.
สุนทรวิทย์
คิดว่าเธอ รักฉัน เท่าฉันรัก
คิดว่าจัก จริงจัง หวังเต็มที่
คิดจะฝาก รักสุดท้าย หมายไมตรี
คิดว่ามี รักแท้ กลับแค่ลวง
คิดเสียดาย น้ำใจ มอบให้หมด
คิดว่างด-งามเลิศลอย พลอยหึงหวง
คิดเป็นห่วง พะวง ลุ่มหลงทรวง
คิดเพราะบ่วง รักรัด ตัดไม่ลง
คิดว่าคำ สัญญา น่าเชื่อถือ
คิดว่าซื่อ สุจริต ไร้พิษสง
คิดว่าจะ ร่วมทุกข์ สุขดำรง
คิดทะนง ว่าเรา เข้าใจดี
คิดถึงเธอ เช้า-เย็น อยากเห็นหน้า
คิดผวา เกรงนาง ห่างเหินหนี
คิดประโลม พันธนะ ด้วยวจี
คิดว่าพี่ กับน้อง จิตต้องกัน
คิดแล้วคิด ยังผิด คิดพลั้งพลาด
คิดมุ่งมาด เกินจริง ยิ่งน่าหยัน
คิดว่ารู้ แท้โง่เขลา มิเท่าทัน
คิดทุกวัน สับสน จนเลิกคิด
2 ตุลาคม 2554 11:52 น.
สุนทรวิทย์
เธอแสนงอน ปนอ่อนหวาน
แอบโปรดปราน ผ่านอักษร
จารไว้ ในบทกลอน
หมายสะท้อน ออดอ้อนเธอ
ให้รู้ ชายผู้หนึ่ง
ครุ่นคำนึง ถึงเสมอ
กระหาย ใคร่พบเจอ
อยากเผยอ เสนอตน
เสียดาย ด้วยใจขลาด
เกิดขยาด หวาดฉงน
อมพะนำ ยอมจำนน
ห่วงสับสน กังวลใจ
เซ่อซ่า มาตลอด
ทำอิดออด แสร้งบอดใบ้
หดหัว มัวร่ำไร
เหมือนหมดไฟ ไร้น้ำยา
งามหน้า กว่ารู้แจ้ง
เมื่อคู่แข่ง แซงขึ้นหน้า
คนใหม่ ไม่ลีลา
มาถึงคว้า พาไปเลย
อพิโถ โง่บัดซบ
สมควรตบ เจ้ากบเอ๋ย
อยู่กะลา มิง่าเงย
จึงอดเชย เพราะเฉยชา