8 ตุลาคม 2554 11:06 น.
สุนทรวิทย์
ทุกข์บีบคั้น ฉันให้ ใจอมทุกข์
สุขไม่สุข ปล่อยปละ ตามยถา
คนเพลี่ยงพล้ำ จำเจ ทุกเวลา
เชื้อระอา ย่อมกลุ้ม-รุมกัดกิน
ความสำเร็จ อยู่ไหน ไม่พานพบ
ที่ประสบ ครบครัน นั้นหนี้สิน
การพลาดหวัง เรื้อรัง หลังเหงื่อริน
คำคุ้นชิน อันก่นด่า ชะตาตน
จากวัยหนุ่ม ไฟแรง แฝงมุ่งมั่น
วันแล้ววัน เคี่ยวขับ กลับไร้ผล
รางวัลได้ ติดมือ คือความจน
แววกังวล หม่นไหม้ ในดวงตา
อุตสาหะ ตะบึง ถึงยามแก่
กายอ่อนแอ โรคภัย ตะกายหา
ไร้ลูกเมีย อาทร ตอนโรยรา
มัวเงื้อง่า ครองโสด จะโทษใคร
นอนพึมพำ ลำพัง ยื้อสังขาร
ขาดอาหาร หยูกยา คราป่วยไข้
ฝ่าแดดลม ข่มหนาว มายาวไกล
ก่อนสิ้นใจ มีเสื่อ เหลือผืนเดียว
8 ตุลาคม 2554 11:02 น.
สุนทรวิทย์
ฉันไม่ สนใจว่า
เธอพลาดท่า มาจากไหน
อกหัก เพราะรักใคร
เคยผ่านชาย ใดครอบครอง
ใครว่า เหมือนกากี
อดีตมี กี่เจ้าของ
ฉันยัง มุ่งหวังปอง
ใคร่สนอง ปกป้องนาง
ตราบาป คราบมลทิน
เสียงติฉิน หมิ่นถากถาง
เธอจง ปลงปล่อยวาง
สิ่งบาดหมาง คงจางไป
บาดแผล แลน้ำตา
ฉันอาสา เยียวยาให้
จะขอ เป็นหมอใจ
ขับพิษไข้ ในอุรา
เธอป่วย ด้วยโรครัก
ต้องฟูมฟัก เร่งรักษา
กำจัด ตัดโรคา
โดยวิวาห์ อย่าเชือนแช
ถักทอ ก่อรักใหม่
เลิกไถล ใฝ่แน่วแน่
เราสอง คล้องดวงแด
ใช้รักแท้ แก้โรคภัย
7 ตุลาคม 2554 13:00 น.
สุนทรวิทย์
อุษา นภาผ่อง
รวีส่อง ครองเวหน
สว่าง จ่างมณฑล
ธราดล ยลไฉไล
ผิวธาร ปานกระจก
เขียวดังหยก ปกอำไพ
เทือกภู คู่พงไพร
นอนทอดกาย ก่ายสาคร
ลมโบก โกรกชายเขา
พัดความเศร้า เหงาจากจร
รุ่งแจ้ง แสงศุภร
มธุกร บินว่อนรัง
ตื่นเถิด เกิดเป็นคน
ปลุกกมล ดลความหวัง
มานะ เติมพลัง
งานคับคั่ง ยังรอคอย
อย่าให้ อายนกกา
รู้นำพา หาใช้สอย
ชีวัน อันเคลื่อนคล้อย
ย่อมลดน้อย ถอยตามวัย
ยรรยง ทะนงสู้
ชิงก้าวสู่ ประตูชัย
สติ เตือนวินัย
หลอมฤทัย ใฝ่ความเพียร
ทุกนาที หนีผ่านไป
ดุจเปลวไฟ ไหม้ลามเทียน
ขับเคลื่อน เหมือนกงเกวียน
หมุนวนเวียน เปลี่ยนตามกาล
อยู่ร้อยปี ใช่ดีล้น
หากอับจน ไร้ผลงาน
แก่เฒ่า แต่เขลาการ
ไหนจะทาน ผู้ชาญชน
ขันแข็ง แข่งเวลา
ก้าวนำหน้า ภา สธน
เลื่องชื่อ ลือสกล
สร้างมรรคผล ต่อตนเอง
7 ตุลาคม 2554 12:32 น.
สุนทรวิทย์
ฉันเหมือนคน เจ็บจม ในคมมีด
ถูกอดีต กรีดย้ำ ทำเสียเข็ด
รักหนแรก เพลี่ยงพล้ำ น้ำตาเล็ด
สร้างสะเก็ด บาดแผล แก่ชีวิต
อยากลองใหม่ อีกครั้ง ยังมิกล้า
ห่วงพะว้า-ภวังค์ เกรงพลั้งผิด
แอบรักใคร ชอบใคร ได้แต่คิด
แล้วปกปิด ซุกงำ ทำเฉยเมย
กาลเวลา ล่วงไป วัยก็เพิ่ม
หัวใจเริ่ม เหว่ว้า จึงกล้าเผย
อยากมีหญิง ร่วมเรือน เพื่อนคู่เชย
ไว้ก่ายเกย กกกอด จอดพักใจ
จึ่งสำแดง แจ้งตาม ความประสงค์
มีอนงค์ อ้างว้าง สักนางไหม
ที่ครองโสด พอเหลือ เศษเยื่อใย
ตัวฉันใคร่ สนิท คิดร่วมทาง
ชายวัยทอง ผู้นี้ มีแต่ให้
หากรักใคร รักจริง ไม่ทิ้งขว้าง
สัญญาจัก เหลียวแล แต่น้องนาง
มิเหินห่าง ร้างไกล ให้โศกา
สตรีใด ยังโสด โปรดพินิจ
สุนทรวิทย์ จดจ่อ เฝ้ารอหา
พบหน้าเกิด พันผูก ถูกชะตา
ขอวิวาห์ ทันที วันนี้เลย
7 ตุลาคม 2554 10:50 น.
สุนทรวิทย์
ฉันได้สิ่ง ล้ำค่า มหาศาล
ฟ้าประทาน ศุภางค์ นางอิตถี
ดวงสมร ละมุน กุลสตรี
ให้ฉันมี ยอดพธู คู่ชีวิต
ชาติก่อนคง สร้างกุศล ผลบุญหนัก
เทพประจักษ์ จึงอุ้มสม พรหมลิขิต
เสกนงคราญ ประเสริฐ เลิศสัมฤทธิ์
นฤมิต นำพา มาเกื้อกูล
ดุจมณี แวววาว พราวคับโลก
ดับทุกข์โศก สลาย มลายสูญ
ดั่งโคมทอง ส่องสว่าง ทางจรูญ
ควรเทิดทูน ยิ่งแล้ว ดังแก้วตา
ทรัพย์สมบัติ ใดใด ในพิภพ
รวมบรรจบ ประดัง ยังน้อยค่า
มิเทียมหนึ่ง ส่วนล้าน เปรียบกานดา
ภริยา สุดรัก สุดภักดี
แม้โฉมงาม โฉมเด่น เห็นทั่วหล้า
ยังด้อยกว่า วรางคณา มารศรี
สิ้นตะวัน สิ้นนภา ธาษตรี
ไม่สิ้นความ รักพี่ ที่มอบเธอ