16 พฤศจิกายน 2554 11:24 น.
สุนทรวิทย์
ลมหนาว เยือนคราวใด
เตือนฤทัย ให้หวิวหวั่น
สัญญา คราเหมันต์
อดีตนั้น ฉันยังคอย
เธอว่า จะมาขอ
ฉันเฝ้ารอ มิท้อถอย
กอดฝัน อันเลื่อนลอย
แม้เหงาหงอย และน้อยใจ
มองใบ-ไม้เปลี่ยนสี
สายนที รี่หลั่งไหล
คืน,วัน ผันจากไป
มีหรือชาย ไม่เปลี่ยนแปร
เดือน,ปี ลี้บำราศ
ทุกข์อนาถ ด้วยบาดแผล
เจ็บซึ้ง ถึงดวงแด
ไร้เบาะแส แลข่าวคราว
สะทก อกสะท้าน
ยามสังขาร ผ่านวัยสาว
ดังเพชร,นิล สิ้นแวววาว
หมดสกาว ร้าวระทม
แก่เฒ่า เข้าชรา
เปลี่ยวเอกา น่าขื่นขม
วาบหวาม ยามหนาวลม
แอบร้องห่ม ตรมทรวงใน
หลายปี ที่เหินห่าง
แสนอ้างว้าง รู้บ้างไหม
ทนสู้ อยู่อย่างไร
เมื่อบั้นปลาย ไม่มีเธอ
15 พฤศจิกายน 2554 13:18 น.
สุนทรวิทย์
โถคนดี แก้วตา หยุดว้าวุ่น
พี่จะบวช แทนบุญ-คุณพ่อ,แม่
เรื่องแต่งงาน หมายมั่น จำผันแปร
เลิกวอแว ครวญคร่ำ ทำหน้างอ
พี่ยืนยัน เพียงถึง หนึ่งพรรษา
ลาสิกขา ทันใด ไปสู่ขอ
น้องถนอม ตัวไว้ ให้ลออ
ตั้งใจรอ วันวิวาห์ อย่าแง่งอน
บรรพชา ใต้ร่มกา สาวพัสตร์
แจ้งจรัส รสพระธรรม คำสั่งสอน
เกิดซาบซึ้ง พุทธศาสน์ ปราศนิวรณ์
หมดรุ่มร้อน หายสิ้น ทั่วอินทรีย์
ครบกำหนด เร็วไว ไม่คิดสึก
ทั้งลืมนึก เคยสัญญา มารศรี
ครองจีวร เดินธุดงค์ ป่าพงพี
สึกตอนที่ วัยย่าง เข้ากลางคน
กลับถึงเรือน มิประสบ พบคนรัก
ชาวบ้านทัก นินทา โกลาหล
เธอหนีไป กับชาย ท้ายตำบล
จิตลุกลน เร่งตาม ถามความจริง
ผ่านบ้านน้อง แอบดู อยู่ห่างห่าง
มองเห็นนาง กอดก่าย ลูกชาย,หญิง
น้ำตาพลัน รินร่วง สุดท้วงติง
สิ้นทุกสิ่ง เจ็บช้ำ จำอำลา
ตั้งใจบวช อีกครั้ง ทั้งชีวิต
ตัดสนิท กิเลส เพศตัณหา
เคร่งครัดศีล สวดมนต์ จนชรา
เป็นหลวงตา สมถะ ตลอดไป
15 พฤศจิกายน 2554 13:16 น.
สุนทรวิทย์
คนเกิดจาก พันธุกรรม อำมหิต
มักอ้างสิทธิ์ ชอบธรรม เหนือส่ำสัตว์
ใช้อำนาจ ศาสตรา สารพัด
เพื่อกำจัด สัตว์อื่น แล้วกลืนกิน
เล็งประโยชน์ แห่งตน เป็นผลเลิศ
แสนทูนเทิด นั้นหรือ คือทรัพย์สิน
สร้างแต่ความ ทุกข์ร้อน รอนชีวิน
ทั่วทุกถิ่น ดินฟ้า จึงอาดูร
ธรรมชาติ ถูกทำลาย ไปกว่าค่อน
ทรัพยากร วอดวาย ใกล้สิ้นสูญ
มลพิษ นับวันจะ ทวีคูณ
ปฏิกูล ผุดโผล่ ท่วมโลกา
ยังยกตน อารยะ ประเสริฐยิ่ง
ทั้งที่จริง เลือดเย็น เป็นหนักหนา
เห็นเปลือกนอก วิเศษ เหมือนเมตตา
แท้เพียงมา-ยาจริต ที่ปิดบัง
เป็นเศษเสี้ยว ธาตุแท้ แค่ส่วนหนึ่ง
ซึ่งติดตรึง มนุษย์ ดุจเนื้อหนัง
มีแต่สิ่ง หยาบช้า น่าชิงชัง
กลับโอหัง อวดดี นี่แหละคน
15 พฤศจิกายน 2554 12:43 น.
สุนทรวิทย์
แยงยล ต้นดาวเรือง
ดอกเมลือง เหลืองสวยสด
ดังห่ม ชมพูนท
ผ่องจรส แสนงดงาม
ไม้ป่า วนาลี
มาบัดนี้ มีล้นหลาม
ระดะ ประดับคาม
ถนิมกาม ดุจทรามวัย
นุ่มนวล ยั่วยวนจิต
ชวนสนิท พิสมัย
เด็ดร้อย ห้อยมาลัย
ถวายพระตรัย ได้ทันที
เสียดาย ไร้กลิ่นหอม
แม้ถนอม ดอมถ้วนถี่
เปรียบไป คล้ายสตรี
ความโสภี ที่ต่างกัน
มีดี ย่อมมีขาด
ธรรมชาติ วาดสร้างสรรค์
อื่นใด ไม่สำคัญ
เท่าเฉิดฉัน ด้วยปัญญา
ไขว่คว้า หาโอกาส
มิให้พลาด ปรารถนา
ขี้เหร่ เก๋งามตา
ใครเหนือกว่า อย่ามั่นใจ
15 พฤศจิกายน 2554 12:37 น.
สุนทรวิทย์
ดอกคูนเหลือง อร่าม ลามเต็มต้น
ใครได้ยล ล้วนสะดุด ภาพผุดผ่อง
ช่อระย้า พวงห้อย ดังสร้อยทอง
ย้อยรงรอง แกว่งไกว ไหวไปมา
ถึงหน้าแล้ง สลัดใบ ไม่สลด
ยิ่งสวยสด อติ สิเนหา
พันธุ์ไม้อื่น ดื่นไป ในพนา
ขืนเทียมท้า เปรียบเจ้า คงเฉาพลัน
กลีบเล็กบาง เบาหวิว พลิ้วไสว
อ่อนละไม อ้อนแอ้น แสนเฉิดฉัน
ประดับบ้าน ประดับเมือง ประเทืองอรัณย์
วิลาวัณย์ จรส แสนงดงาม
ยามต้องลม หลุดร่วง จากรวงริ้ว
ทยอยปลิว ปรายโปรย โรยสนาม
ปกคลุมดิน ก่ายกอง ลำยองคาม
บันดาลความ เคลิบเคลิ้ม เพิ่มทวี
ดอกคูนบาน ชุมชุก ทุกคิมหันต์
ท้าตะวัน ดกดื่น ยืนอวดสี
ไม้มงคล ควรค่า มิ่งมาลี
สมศักดิ์ศรี พญา-พฤกษาไทย