17 พฤศจิกายน 2554 11:12 น.
สุนทรวิทย์
สายรุ้ง ทอถัก ปักผืนรุ้ง
แถบคุ้ง พุ่งฉาบ ทาบเวหน
งามใด ไหนอื่น ดื่นอำพน
มิดล มิเด่น เช่นรุ้งงาม
รุ้งโก่ง โค้งกาย จรดปลายฟ้า
ปานว่า บรรจบ ภพทั้งสาม
รุ้งมา ชั่วครู่ อยู่ชั่วยาม
อวดความ เพริศแพร้ว แล้วก็จร
รุ้งเปล่ง รังสี อันลี้ลับ
ราวกับ กลิ่นกาย สายสมร
เรียกความ ปฏิพัทธ์ ก่อนตัดรอน
ชวนให้ อาวรณ์ ตอนห่างไกล
รุ้งจ๋า เมื่อใด จักให้เห็น
หลบเร้น แฝงตน อยู่หนไหน
ฉันรอ รุ้งทอง มาคล้องใจ
ดั่งใคร คนนั้น เคยสัญญา
รุ้งจาง ร้างหาย หลังสายฝน
เหมือนคน ซึ่งฉัน หมั่นตามหา
เธอชื่อ รุ้งทอง ผ่องโสภา
ภรรยา ฉันนี้ ที่หายไป
17 พฤศจิกายน 2554 10:52 น.
สุนทรวิทย์
หนาวนี้ อ้างว้าง ร้างคู่
หดหู่ เหี่ยวห่อ ท้อถอย
รักจาง สิ้นสุด หลุดลอย
ละห้อย โศกา อาภัพ
น้ำค้าง พร่างพรม ลมโกรก
ดั่งโลก อาดูร สูญดับ
เวหา ถล่ม ล่มทับ
ย่อยยับ อับจน หนทาง
แว่วยิน สำเนียง เสียงปลอบ
อยู่ขอบ ชายคา หน้าต่าง
หญิงหนึ่ง งามล้ำ สำอาง
น้องนาง เอ็นดู รู้ใจ
ขอซบ อกอุ่น หนุนตัก
ทอถัก ความหวัง ครั้งใหม่
ฉันโดด ผลุนผลัน ทันใด
ตอบรับ เยื่อใย ไมตรี
ขจัด อดีต ขีดฆ่า
หันมา ประโลม โฉมศรี
ร่วมเป็น ภรรยา สามี
ไร้ซึ่ง พิธี รีตอง
17 พฤศจิกายน 2554 10:30 น.
สุนทรวิทย์
มีเมียแล้ว ดั้นด้น ค้นหากิ๊ก
เหงื่อซิกซิก พรั่งพรู มิรู้หน่าย
พบใครงาม น่ารัก เป็นทักทาย
จะโสด,ม่าย ลูกติด คิดผูกพัน
เรื่องความรัก พูดไป ไร้เดียงสา
อาศัยว่า มานะ แข็งขยัน
จิตกับใจ เรียกร้อง เห็นพ้องกัน
จึงบากบั่น เชื่อฟัง ดังบัญชา
เรื่องเจ้าชู้ หลายใจ ไม่เคยนึก
เพียงรู้สึก ตื่นเต้น ตอนเฟ้นหา
มีความสุข วาบหวาม ยามเกี้ยวพา
ตามประสา หนุ่มใหญ่ วัยฉกรรจ์
ภรรยา ใจดี มิมีบ่น
เพราะอดทน จนเบลอ เลิกเพ้อฝัน
อยากมีกิ๊ก กี่นาง ช่างแม่งมัน
ยอมแบ่งปัน โดยดี มีน้ำใจ
ถือโอกาส เร่งรีบ จีบสะสม
จนอารมณ์ นงนุช สุดทนไหว
ลักลอบเจี๋ยน อาวุธ ฉันหลุดไป
มานอนไอ-ซียู อยู่ตอนนี้
16 พฤศจิกายน 2554 12:09 น.
สุนทรวิทย์
เขาเรียกฉัน ว่าแม่ มาแต่น้อย
มักสำออย ร้องหา เวลาหิว
ชอบวิ่งเล่น หยอกเย้า ผมเผ้าปลิว
เอวคอดกิ่ว ตาใส ไร้มารยา
ฉันรักเขา เท่าดวงใจ เลือดในอก
เฝ้ากอดกก ปกปัก อารักขา
ถึงเป็นบุตร-บุญธรรม เด็กกำพร้า
ก็นำพา ชุบเลี้ยง เยี่ยงลูกตัว
ยี่สิบปี ที่ฉัน หมั่นฟูมฟัก
ถนอมรัก เกื้อกูล แทบทูนหัว
บัดนี้เขา สุขศรี มีครอบครัว
ย้ายตามผัว จากไป ไม่หวนคืน
เขาทิ้งฉัน ยามแก่ สิ้นแยแส
ปล่อยให้แม่ เจ่าจุก ทุกข์ขมขื่น
ต้องงันงก ตกระกำ สุดกล้ำกลืน
ช่างหยิบยื่น ได้ลงคอ หนอน้ำใจ
วันนี้ถึง วันแม่ ชะแง้หา
ลูกจะมา เหลียวแล แม่บ้างไหม
บ้านหลังเก่า เจ้าย่อมรู้ อยู่ที่ใด
ไยลูกไม่ กตัญญุตา มาเยี่ยมเลย
16 พฤศจิกายน 2554 12:05 น.
สุนทรวิทย์
คนจะเกิด ก็ยื้อแย่ง แข่งกันเกิด
คุมกำเนิด ห้ามไว้ ยังไม่ไหว
คนจะตาย ปุบปับ ก็หลับไป
เหมือนปิดไฟ มืดดับ โดยฉับพลัน
การเกิดแก่ เจ็บตาย ในมนุษย์
หมุนดำเนิน ไม่หยุด ดุจกังหัน
เก่าไป ใหม่ผลิ มิเว้นวัน
เพียงเคี่ยวขัน ให้ผ่าน กาลเวลา
สัจธรรม สรรพสิ่ง อิงสมมุติ
บั้นปลายสุด คือเอวัง สู่สังขาร์
ถือดังเรื่อง โลกิยะ ธรรมดา
ผองชีวา ทั่วถ้วน ล้วนต้องวาย
แรกกำเนิด เกิดมา เปรียบฟ้ารุ่ง
ต่างหมายมุ่ง ความเลิศ-เลอเฉิดฉาย
แท้คืนวัน ผันเปลี่ยน เวียนกลับกลาย
มีเช้า-สาย บ่าย-เย็น เป็นนิรันดร์
ครั้นยามใกล้ ม้วยมรณ์ ดั่งตอนค่ำ
ตะวันต่ำ อำลา ชีพอาสัญ
จบลงแล้ว ชาติหนึ่ง คล้ายคลึงกัน
มันแสนสั้น กระไร จริงไหมเอย