24 พฤศจิกายน 2554 13:03 น.
สุนทรวิทย์
แหวนนี้ พี่สวมให้
จองขวัญใจ หมั้นไว้ก่อน
หนาวหน้า อย่าเกี่ยงงอน
พี่จะย้อน ตอนวิวาห์
ลาไกล ไปทำกิจ
เลิกหงุดหงิด จิตผวา
คำนึง ถึงสัญญา
ว่าเราจัก มั่นรักเดียว
แม้นใคร หมายเกี้ยวพา
ขอแก้วตา อย่าแลเหลียว
ขับไส ให้พ้นเชียว
ใจเด็ดเดี่ยว งดเกี่ยวพัน
นงราม ต่างความหวัง
คือพลัง กำลังขวัญ
เป็นเพื่อน เตือนชีวัน
ให้เร่งสรรค์ ความมั่นคง
พี่รู้ สู้ยืนหยัด
คอยระมัด ตัดลุ่มหลง
อาบเหงื่อ เพื่ออนงค์
ขอน้องจง หมดสงกา
ยามใด ใจคลอนแคลน
โปรดดูแหวน ทดแทนหน้า
ชายหนึ่ง ซึ่งบูชา
จะกลับมา มิช้าเชือน
ที่ย้ำ พร่ำพิไร
เพราะห่วงใย กว่าใดเหมือน
แสนรัก จึงตักเตือน
เอื้อนสอนสั่ง ด้วยหวังดี
รักนวล สงวนกาย
รอพี่ชาย ห้ามหน่ายหนี
ก่อนพราก ฝากวจี
จากว่าที่-สามีเธอ
24 พฤศจิกายน 2554 12:51 น.
สุนทรวิทย์
ฉันคิดถึง เธออยู่ เธอรู้ไหม
ฉันอยู่ไกล ไร้สิทธิ์ คิดเด็ดสอย
ฉันทำให้ นงเยาว์ เธอเฝ้าคอย
ฉันเหมือนปล่อย เธอเหงา เศร้าอยู่เดียว
ฉันทำผิด หรือไม่ ถามใจอยู่
ฉันมิรู้ เหตุใด ใคร่แลเหลียว
ฉันรู้เพียง กระหาย หมายกลมเกลียว
ฉันขับเคี่ยว กระมล จนวุ่นวาย
ฉันอยากเห็น เธอสุข ในทุกสิ่ง
ฉันเกรงหญิง ที่รัก จักเสียหาย
ฉันนิ่งเงียบ อิดเอื้อน เหมือนดูดาย
ฉันใจร้าย หรือเปล่า เฝ้าถามตน
ฉันมองถึง ปัญหา สารพัด
ฉันอ่อนหัด ยอมรับ ว่าสับสน
ฉันย้ำคิด ย้ำทำ แทบจำนน
ฉันกังวล ฟูมฟาย ไม่เว้นวัน
ฉันทำให้ นงราม เกิดความหวัง
ฉันกลับลัง-เลใจ นึกไหวหวั่น
ฉันเป็นบ้า หรือไร ไม่ยืนยัน
ฉันเพียงฝัน อยากเจอ เธอเหลือเกิน
23 พฤศจิกายน 2554 12:16 น.
สุนทรวิทย์
คนประณาม เย้ยหยัน ว่าฉันชั่ว
เร่ขายตัว ขายรัก สิ้นศักดิ์ศรี
ผิดศีลธรรม จริย ประเพณี
มั่วโลกีย์ เหลิงกาม ทรามมืดมน
แล้วมีใคร เข้าใจ ในหัวอก
ยอมหยิบยก นำพา หาเหตุผล
สตรีไย ต้องขาย ร่างกายตน
เคยฉงน ตรองไหม อย่างไรกัน
เพราะบุรุษ นั่นไง สุดร้ายเหลือ
กล่าวชวนเชื่อ ปลิ้นปลอก หลอกพวกฉัน
ฉวยโอกาส ผลาญพร่า พรหมจรรย์
สารพัน เจ้าเล่ห์ เพทุบาย
จิตดำหื่น กระหาย ทำลายสาว
ให้เปื้อนคาว หลงกล จนเสียหาย
เมื่ออิ่มหนำ ก็ทอดทิ้ง นิ่งดูดาย
บ้างจำหน่าย ป่าเถื่อน เหมือนผักปลา
ไร้ที่พึ่ง สังคม ซ้ำถมทับ
บีบบังคับ ปรามาส คาดโทษา
มุ่งเหยียดหยาม ตำหนิ คณิกา
ขาดปัญญา ถี่ถ้วน อันควรมี
ขอเรียกร้อง อวิญญู ผู้เหยียบย่ำ
หยุดปรักปรำ ใส่ร้าย เลิกป้ายสี
หากเลือกได้ อยากเลือกเกิด กำเนิดดี
เป็นกุลสตรี งดงาม ตามต้องการ
23 พฤศจิกายน 2554 12:10 น.
สุนทรวิทย์
หวังไว้ว่า ชาตินี้ คงมีสุข
หวังให้ทุกข์ ทั้งหลาย มลายสิ้น
หวังยามขอ พรพระ จะได้ยิน
หวังมีกิน มีใช้ ไม่ฝืดเคือง
หวังปัญหา ทุกอย่าง จงห่างหาย
หวังเชื้อสาย ทายาท ล้วนปราดเปรื่อง
หวังทรัพย์สิน เงินทอง พูนนองเนือง
หวังวันหนึ่ง ฝันเฟื่อง อาจเรืองรอง
หวังว่า คู่ชีวิต คือมิตรแท้
หวังยามแก่ ลูกหลาน เต็มบ้านช่อง
หวังครอบครัว อยู่กัน ฉันปรองดอง
หวังประคอง หวังไป ได้อีกวัน
หวังตื่นมา มีสติ มิป่วยไข้
หวังใจได้ พักผ่อน ก่อนดับขันธ์
หวังปลดหนี้ เร็วไว ไม่ติดพัน
หวังลาภยศ ครบครัน จวบบั้นปลาย
หวังเจริญ ก้าวหน้า อย่าสะดุด
หวังถึงจุด พร้อมพรั่ง ดังมุ่งหมาย
หวังพ้นโรค โศกศัลย์ อันตราย
หวังยามวาย ไปสงบ จบด้วยดี
หวังว่า หวังสิ่งใด ได้อย่างหวัง
หวังเพราะยัง อมทุกข์ ไร้สุขศรี
หวังเทพไท ดินฟ้า ช่วยปรานี
หวังแต่นี้ อุดม สมหวังเทอญ
23 พฤศจิกายน 2554 11:41 น.
สุนทรวิทย์
ฉันแต่งกลอน พอรู้ เพราะครูสอน
ก่อนเข้านอน เขียนเล่น เป็นนิสัย
มือสัมผัส ปากกา เวลาใด
ประหวัดใบ-หน้าครู ผู้ปรานี
ท่านทุ่มเท อบรม บ่มลูกศิษย์
ด้วยดวงจิต มุ่งมั่น อันล้นปรี่
ปณิธาน สูงเยี่ยม เทียมเมธี
ยอดกวี สามารถ ปราชญ์ปัญญา
ล่วงกี่ปี ยังนึก ระลึกถึง
บุรุษซึ่ง ชำนาญ การภาษา
เปี่ยมคารม มธุรส พจนา
มีเมตตา อาทร อ่อนละมุน
ไม่ลืมความ ห่วงใย เคยได้รับ
ซึ้งซึมซับ หยาดเหงื่อ แรงเกื้อหนุน
รอยแย้มยิ้ม มุทิตา อิ่มการุณย์
ภาพอบอุ่น หนหลัง จำฝังใจ
ส่งเสริมศิษย์ ก้าวหน้า มาหลายรุ่น
สร้างนายทุน เสนา พ่อค้าใหญ่
ครูคงครู ศิษย์เจริญ เดินก้าวไกล
ชี้ทางให้ ข้ามฝั่ง ดั่งสะพาน
งานเหน็ดเหนื่อย ตรากตรำ กรำหน้าที่
เหมือนนาวี เคลื่อนขับ รับโดยสาร
ใครไหนบ้าง สำนึกบุญ-คุณอาจารย์
ขอกราบกราน ผ่านอักษร กลอนนี้มา
คุณครู ผู้ปรีชา อารีนัก
ให้ความรัก เหลียวแล แก้ปัญหา
ถึงจากไกล เนิ่นนาน กาลลับลา
ยังบูชา กตัญญู อยู่มิลืม