18 เมษายน 2548 23:39 น.
สุชาดา โมรา
แหมถึงเขาจะเป็นตำรวจแต่เขาก็เชี่ยวชาญด้านนี้เป็นกรณีพิเศษนะ เพราะเขาเองก็ศึกษาด้านนี้มาโดยตรงและทางกรมตำรวจและศูนย์วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมทั่วประเทศก็ให้การยอมรับนับถือเขามากนะอีกอย่าง คดีสืบสวนสอบสวนบางอย่างที่แปลก ๆ ผู้กองคนนี้ก็มักจะทำได้เสมอ โดยเฉพาะเรื่องที่เกินหรือนอกเหนือจากธรรมชาติ แต่เขากลับสรุปคดีได้ดีมากเลยละจริง ๆ นะชาติ ขอร้องละอย่าทำหน้างง ๆ แบบนั้นสิ ถ้าชาติได้เจอคน ๆ นี้แล้วชาติจะต้องรู้ว่าสิ่งที่ชาติคิดและสิ่งที่ชาติกำลังค้นหามันอยู่แค่เอื้อมเท่านั้นเอง
มื้อนี้ชาติเลี้ยงริซ่าแล้วกันนะ แล้วถ้าได้เรื่องอะไรขึ้นมาถือว่าคราวหน้าชาติติดข้าวริซ่าอีกหนึ่งมื้อก็แล้วกัน ชาตินักรบเอ่ยริซ่ายิ้มอีกครั้งหนึ่งหลังพูดจบ
ทั้งสองคนนั่งทานอาหารอยู่ครู่หนึ่งชาตินักรบก็เริ่มรู้สึกเหมือนกับมีใครกำลังจ้องมองและร่วมทานอาหารด้วย เหมือนมีบุคคลที่สามนั่งขัดจังหวะและคอยแอบฟังในสิ่งที่ตัวเองพูดคุยอยู่ตลอดเวลาเขาจึงลุกขึ้นและเดินไปจับเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ตะแคงข้างทันที
ชาติจะทำอะไรคะ อาริซ่าถามอย่างงง ๆ
ผมรู้สึกเหมือนมีบุคคลที่สามที่เราไม่อยากจะให้ร่วมวงสนทนาด้วย
คุณคิดมากไปหรือเปล่าคะกลับมาทานอาหารเถอะค่ะ
ร่างของแคนดี้กระแทกลงไปกองกับพื้นทันที หล่อนรู้สึกเจ็บจนพูดไม่ออก ไหนจะโดนชาตินักรบเหยียบมือเข้าไปเต็ม ๆ อีก
วันนี้ซวยอะไรนะเนี่ยกำลังนั่งอยู่เพลิน ๆ เลย อุตส่าห์หยิบอาหารมาทานได้แล้วนะเนี่ย อีตาบ้านี่ก็ระแวงอะไรนักหนานะ จู่ ๆ ก็เทเก้าอี้ทิ้งทำให้เราต้องหล่นลงมากองกับพื้นเลยเจ็บนะอีตาบ้า แคนดี้ตะโกนสุดเสียงแต่ไม่มีใครได้ยินเลย มีเพียงชาตินักรบเท่านั้นที่หันมาและคล้ายกับว่ากำลังจ้องหาเสียงคนที่พูดคนนั้นอยู่
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ...ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ
18 เมษายน 2548 23:35 น.
สุชาดา โมรา
อาริซ่าเริ่มให้สมมติฐานเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ชายคนนั้นให้เขาฟังมากขึ้น เธอคิดว่าการที่เขาเดินเข้าไปทำท่าเหมือนสำรวจตรวจค้นอะไรบางอย่างจากผู้เคราะห์ร้ายในขณะที่เกิดเหตุนั้น เขาอาจจะกำลังหาจุดเชื่อมต่อระหว่างเขากับคนเจ็บคนนั้นเพื่อให้มีการถ่ายโอนความเจ็บปวดนั้น ในกรณีดังกล่าวการที่จะถ่ายโอนความเจ็บปวดจากจุดต่าง ๆ มาไว้ที่เขาเพียงจุดเดียวได้นั้น หมายความว่าเขาจะต้องมีความสามารถในการเหนี่ยวนำหรือดูดความรู้สึกเข้ามาเก็บไว้ในตัวเขาด้วย และจากพฤติกรรมช่วงหลังที่สวนสาธารณะนั้นสะท้อนให้เห็นว่าตัวเขาเองก็มีศักยภาพที่จำกัดในการรองรับความเจ็บปวดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เขาจึงจำเป็นต้องสะท้อนหรือคายความเจ็บปวดนั้นออกมาสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก ซึ่งสิ่งที่เขาเลือกก็คือต้นไม้ในสวนสาธารณะ และท้ายที่สุดเมื่อต้นไม้รองรับความเจ็บปวดนั้นไม่ไหว ต้นไม้จึงสะท้อนความรู้สึกนั้นออกมาให้กับอากาศโดยรอบ
สิ่งมีชีวิตทุกชนิด จะพยายามรักษาสมดุลให้กับตัวเองเสมอ อาริซ่าบอกกับเขาในตอนท้าย
ชาตินักรบนิ่งไป แม้จะได้รายละเอียดและความเป็นไปได้เกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นมากขึ้น แต่เขาก็ยังจนความคิดอยู่ว่า สุดท้ายแล้วเขาจะเริ่มเสาะหาผู้ชายคนนั้นจากที่ไหนก่อน
อาริซ่าสังเกตอาการนี้ได้ ในระหว่างที่ทานอาหาร เธอจึงเริ่มเป็นฝ่ายเอ่ยถามเขาก่อนบ้าง
ชาติ มีคำถามอะไรอยู่ในใจอีกเหรอ ดูเหมือนชาติยังกังวลอะไรบางอย่างอยู่นะ
สุดท้ายแล้วเราก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มหาผู้ชายคนนั้นจากที่ไหนก่อนอยู่ดี
อาริซ่ายิ้ม เมื่อรับรู้ถึงข้อกังวลของเขา
ริซ่าไม่รู้ว่า จริง ๆ แล้วชาติจำเป็นต้องค้นหาผู้ชายคนนั้นให้เจอหรือเปล่านะ แต่ถ้าชาติอยากจะหาผู้ชายคนนั้นให้เจอจริง ๆ ชาติลองไปเริ่มที่นี่ดูก็แล้วกัน เธอพูดพร้อมหยิบกระดาษขนาดเท่านามบัตรส่งมาให้เขา เมื่อรับมาแล้วจึงรู้ว่าสิ่งที่อาริซ่าส่งให้เป็นนามบัตรจริง ๆ ในนั้นมีข้อความระบุว่า
ร.ต.อ.สิทธิกร ต้นเกด ( ผู้อำนวยการ )
สมาคมส่งเสริมศักยภาพจิตเพื่อชีวิตเป็นสุข
แขวง ลาดกระบัง เขต ลาดกระบัง
กรุงเทพมหานคร
โทร.02-XXX-XXXX มือถือ 09-XXX-XXXX
เขาเป็นตำรวจนี่ แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ล่ะ ไม่เห็นจะเข้าท่าเลย
18 เมษายน 2548 23:30 น.
สุชาดา โมรา
ทุกคน นี่เพื่อนเราชื่อชาตินักรบ เรียนอยู่สื่อสารมวลชน เขาจะมาช่วยเราคิดว่าจะนำเสนองานยังไงให้น่าสนใจ นั่นคือเหตุผลที่ราชพฤกษ์พาชาตินักรบมาร่วมวงสนทนากันได้ไม่นาน มีบางสิ่งที่ทำให้อาริซ่าสาวลูกครึ่งอังกฤษคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่น่าสนใจไม่น้อย ทั้งวิธีคิดและวิธีการพูดของเขา
การได้พูดคุยกับเขาทำให้เธอรู้สึกดี และมีความสุขใจเป็นพิเศษแตกต่างกับคนอื่น ๆ ที่คบหาเป็นเพื่อนกันมาเกือบปีหนึ่ง จู่ ๆ วันหนึ่งเขาก็บอกกับเธอว่าเธอเป็นคนที่เวลาเขาอยู่ใกล้ ๆ และพูดคุยด้วยแล้วรู้สึกดีเป็นพิเศษ
ริซ่าดีใจนะที่เราสองคนคิดตรงกัน.. วันนั้นเธอบอกเขาไปอย่างนั้น นับตั้งแต่นั้นมา เธอและเขาก็เริ่มคบหาเป็นแฟนกัน
หลังเรียนจบชาตินักรบก็ตัดสินใจมาทำงานที่กรุงเทพฯ ราชพฤกษ์เลือกจะทำงานเกี่ยวกับการดูแลเพาะพันธุ์ต้นไม้อยู่ที่เชียงราย ในขณะที่เธอตัดสินใจเรียนปริญญาโทต่อที่กรุงเทพฯ ทำให้เขาและเธอไม่ห่างเหินกันมากนักในช่วงแรก ส่วนเธอเลือกเรียนต่อจิตวิทยาด้วยเหตุผลที่เธอบอกชาตินักรบและราชพฤกษ์ว่า หลังจากที่รู้จักโครงสร้างและระบบการทำงานต่าง ๆ ของพืช สัตว์และคนมาพอสมควรแล้ว เธออยากเรียนรู้จิตใจและความคิดภายในของคนเพิ่มมากขึ้น
สองปีแรกที่ชาตินักรบทำงานและเธอเรียนอยู่ ทั้งสองมีโอกาสนัดพบเจอกันบ้างอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง ตามเวลาที่เขาและเธอว่าง แต่หลังจากที่เธอเรียนจบและเริ่มทำงานเป็นที่ปรึกษาทางจิตวิทยา ทั้งสองก็มีเวลาว่างตรงกันน้อยลง
เข้าสู่ปีที่สี่ที่อยู่ในกรุงเทพฯ หลังจากที่พยายามปรับตัวเข้าหากันอยู่นาน และต่างฝ่ายต่างเริ่มเรียกร้องเวลาระหว่างกันและกันมากขึ้น ในที่สุดชาตินักรบและเธอก็ตัดสินใจ กลับมาเป็นเพื่อนกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเปิดโอกาสให้แต่ละคนได้พบคนใหม่ที่อาจจะมีเวลาให้เขาและเธอมากกว่าที่เขาและเธอมีให้แก่กัน
แต่เกือบปีแล้วที่ทั้งคู่ ยังไม่เคยคิดที่จะมีคนใหม่...เธอยังรักชาตินักรบอยู่หรือเปล่านะ..ไม่รู้สิ อาริซ่าตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน รู้เพียงแต่ว่าความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กับชาตินักรบ กับความทรงจำในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันแม้เวลาจะผ่านไปหลายเดือน ไม่ได้ทำให้มันลดน้อยหายลงไปเลย
อาริซ่ายอมรับกับตัวเองว่าเธอยังคงแอบดีใจอยู่ลึก ๆ ทุกครั้งที่เขาโทรหาเธอ แม้มันจะเป็นการโทรมาเพื่อระบายความอัดอั้นภายในใจก็ตาม
.
ชาตินักรบมาช้าเกือบครึ่งชั่วโมง เขาบอกขอโทษขอโพยเธอ ด้วยเหตุผลที่ว่าวันนี้ต้องไปทำข่าวไกลถึงย่านรังสิต ช่วงกลับเข้ามาในเมืองจึงต้องผจญกับรถติด เพราะเป็นเวลาเลิกงานของคนอื่น ๆ พอดี
เขายังดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย เรื่องงานเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งเสมอ น่าแปลกที่ช่วงแรกเธอไม่เคยเข้าใจเลยว่าเพราะอะไรงานถึงสำคัญกับเขาขนาดนั้น จนกระทั่งเธอเริ่มทำงานเอง ไม่น่าเชื่อว่านิสัยเรื่องงานเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งเสมอของเขาจะติดมาอยู่กับตัวเธอด้วย
อาริซ่ารอจังหวะให้เขาได้พักเหนื่อยและสั่งน้ำ สั่งอาหารเสร็จก่อน จึงเริ่มเอ่ยถาม
ชาติ มีอะไรเหรอ
เขาดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่อง
ชาตินักรบเล่าให้อาริซ่าฟังถึงความรับผิดชอบใหม่ที่เขากำลังทำอยู่ เล่าให้เธอฟังถึงเรื่องประหลาดที่เขาเจอ และข้อสังเกตเกี่ยวผู้ชายคนนั้นของเขาให้เธอฟัง อาริซ่านั่งฟังอย่างตั้งใจ เรื่องที่เขาเล่าให้เธอฟัง ทำให้เธออดนึกถึงผู้ชายคนหนึ่งไม่ได้
ริซ่า มีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหนที่คนเราจะสามารถถ่ายโอนความเจ็บปวดจากคนหนึ่งมายังอีกคนหนึ่ง เขาตั้งคำถามทันทีหลังจากที่เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟังเสร็จแล้ว
พนักงานยกอาหารที่อาริซ่าสั่งมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ทำให้จังหวะในการสนทนาหยุดลงไปชั่วขณะ อาริซ่าใช้ช่วงเวลาขณะนั้นประมวลความคิดของเธอก่อนที่จะเอ่ยถามเขากลับมา
ชาติคะ ชาติจำเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต ที่เคยช่วยพวกเราทำพรีเซ็นเตชั่น สมัยที่เรียนชีวะกันได้หรือเปล่า
พอจะจำได้ลาง ๆ มั้ง ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเซลล์กับส่วนประกอบของเซลล์ใช่หรือเปล่า แต่เดี๋ยว ๆ แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องของเรายังไง
อาริซ่ายิ้มก่อนที่เอ่ยตอบออกมา ชาติจำเรื่องของอะตอมได้หรือเปล่าว่าถ้าเราแบ่ง ธาตุหรือสารประกอบของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ให้เป็นส่วนเล็ก ๆ ให้เล็กลงไปมาก ๆ เราจะได้หน่วยเล็ก ๆ ที่เกือบเล็กที่สุดที่เขาเรียกกันว่า อะตอม ในอะตอมแต่ละอะตอมถ้าแบ่งให้เป็นส่วนย่อยลงไปอีก จะประกอบด้วยอนุภาคต่าง ๆ อีกสามอย่างคือ โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน เดี๋ยวนะอย่าเพิ่งทำหน้างง ริซ่ากำลังจะเข้าเรื่องจริงๆ แล้วล่ะ ก็เพราะสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ คือผลรวมของเซลล์ต่าง ๆ ที่เกาะกลุ่มรวมตัวกัน และเซลล์แต่ละเซลล์ก็มีอนุภาคต่าง ๆ สามอนุภาคเป็นส่วนประกอบนี่เอง เมื่อมารวมตัวกันจึงมีปฏิกิริยาเคมีหรือมีการถ่ายโอนประจุระหว่างกันเกิดขึ้น ความเจ็บปวดที่ชาติพูดถึงก็ถือว่าเป็นผลพวงมาจากปฏิกิริยาเคมีในสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งเหมือนกัน อย่างกรณีความเจ็บปวดในร่างกายของคน จะมีเซลล์ประสาทรับความรู้สึกที่จะแปลงการกระตุ้นจากสิ่งเร้าต่าง ๆ ให้เป็นปฏิกิริยาเคมี ถ่ายโอนประจุจากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่ง ผ่านตัวรับและตัวส่งผ่านต่าง ๆ
อาริซ่าหยิบกระดาษและปากกาขึ้นมาวาดรูปให้ชาตินักรบดู ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เธอกำลังพูดให้เขาฟัง
และในส่วนของสิ่งมีชีวิตที่เป็นพืช ก็มีปฏิกิริยาเคมีดังกล่าวเกิดขึ้นเช่นกัน
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ...ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ
18 เมษายน 2548 12:11 น.
สุชาดา โมรา
เขาว่ากันว่ากาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ในรัก ฉันก็เชื่อว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น... เพราะฉันมีความฝันในหลายสิ่งหลายอย่างที่จะต้องทำให้สำเร็จ ฉันเองก็เป็นคนที่ค่อนข้างหัวดื้อเกเร แต่ก็เป็นคนที่เข้มแข็ง กล้าและพร้อมที่จะลุยอยู่ทุกเมื่ออยู่แล้ว งานวันนี้เราคงจะมุให้หนักเพื่อเคลียร์ทุกสิ่งทุกอย่างให้หมดสิ้นก่อนที่จะไปแก้ปัญหาเรื่องพี่ชายคนนั้นที่เขาไม่เคยคิดว่าเราเป็นน้องเลย ไม่อย่างนั้นเขาจะกล้าที่จะโกงบริษัทได้ถึงขนาดนี้เหรอ...กัญญานึกในขณะที่เธอเดินมาแปรงฟันในห้องน้ำ เธอยิ้มกับกระจกเงาบานใหญ่แล้วก็ก้มมองดูแหวนด้วยความภาคภูมิใจ
กัญญาลงมาทานอาหารมื้อเช้าพร้อมกับอ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เขามาสะดุดที่หนังสือพิมพ์ของ Pu.insine ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ที่เกริกไกรได้มาสัมภาษณ์เธอเมื่อคืนนี้กับคุณภูริ เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็นการพาดหัวข่าวที่ดีที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา
เปิดใจหนุ่มเนื้อหอมเจ้าของ N.TV กับสาวหน้าหวานนอกวงการ คู่รักใหม่แห่งวงการบันเทิงซึ่งสร้างความฮือฮาไปทั่ววงการว่าสาวเจ้าเสน่ห์คนนี้คือใคร
เมื่อค่ำวานนี้คุณภูริได้ขอความรักจากเธอด้วยแหวนราคาประเมินค่าไม่ได้ให้กับเธอ เป็นการขอหมั้นในห้องหนังสือธรรมชาติบ้านของว่าที่เจ้าสาวแสนสวยด้วยบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก
อ่านให้จบสิลูก แม่ชอบคอลัมน์นี้มากเลย
โธ่คุณแม่ หนูเขินนะคะขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ
อ้าวแล้วจะถือหนังสือพิมพ์ไปไหนล่ะแหมทำเป็นเขิน นี่ลูกอย่าลืมอ่านนิตยสารพูนะลูกแม่ขั้นหน้าของลูกเอาไว้ในรถน่ะ
กัญญายิ้มแล้วก็เดินไปยังรถ เธอหยิบนิตยสารพูออกมาอ่านก่อนที่จะขับรถออกไปที่บริษัทซึ่งอยู่ใกล้ ๆ บ้านในขณะที่คุณแม่ของเธอและแม่ประนอมแม่บ้านของเธอกำลังแอบยืนมองเธออยู่ที่ข้าง ๆ หน้าต่างด้วยท่าทางอิ่มเอิบใจ
มาแล้วคุณกัญญาขอถามหน่อยได้ไหมคะเอ่อเรื่องข่าวที่หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นลงเป็นเรื่องจริงเหรอคะ แล้วคุณพบรักกันครั้งแรกที่ไหนคะ
นักข่าวมากหน้าหลายตาเข้ามารุมถามเธอจนเธอต้องชี้นิ้วเรียก ร.ป.ภ.ให้เข้ามาคุ้มกันเธอ ร.ป.ภ.หลายคนจึงต้องวิ่งเข้ามากันนักข่าวกับเธอโดยที่เธอไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเลย ก่อนเธอจะเดินเข้าประตูของบริษัทนั้นเธอก็หันกลับมายิ้มกับนักข่าวแล้วเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล
ลองกลับไปคิดดูนะคะและลองถามคุณภูริดูเถอะค่ะว่าข่าวนั้นมีมูลความจริงแค่ไหน อ้อ!!!! ฝากขอบคุณนักข่าวฝึกหัดที่ชื่อ ชื่อ อ๋อเกริกไกรด้วยนะคะที่ทำให้เราไม่ต้องโปรโมทเรื่องนี้กับผู้สื่อข่าว
กัญญาเดินขึ้นลิฟท์ไป ทุกคนในลิฟท์ต่างก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กัน เมื่อเธอก้าวออกจากลิฟท์พนักงานหลายคนลุกขึ้นสวัสดีพร้อมทั้งแสดงความยินดีกับเธอในคราวเดียวกัน
ยินดีด้วยนะคะ ยินดีด้วยนะครับ
กัญญายิ้มกับพวกเขาก่อนที่จะเดินเข้าห้องเพื่อเข้าไปนั่งทำงานตามปกติ เธอนั่งลงที่โต๊ะทำงานโดยไม่ได้สังเกตว่าคนที่นั่งหันหลังให้เธอซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของคุณวจีคือใคร
ยินดีด้วยนะกัญญากับเรื่องความรักพี่ขอแสดงความดีใจด้วย
ท่าน สส.ธนิต!!!! กัญญาร้องขึ้นด้วยความตกใจ สส.ธนิตค่อย ๆ หมุนเก้าอี้หันมามองเธอแล้วก็ยิ้มแปลก ๆ ทำให้เธอรู้สึกกลัวจนทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
ท่านเลยเหรอ ทำไมต้องเรียกซะน่าเกลียดขนาดนั้นด้วยล่ะ ในเมื่อเราเองก็เป็นพี่น้องที่แทบจะคลานตามออกมาด้วยซ้ำ
บ้าน่าคุณพ่อมีฉันเป็นลูกคนเดียว คุณจะมาพูดจามั่ว ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ กัญญาแกล้งพูดทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าเขาเป็นพี่ชายเธอ แต่เธอต้องการอยากจะรู้ว่าเขาจะทำอย่างไรเมื่อรู้ว่าเธอไม่รู้เรื่องนี้เลยอีกอย่างเธอก็อยากจะรู้ว่าสิ่งที่ใครหลายคนพูดกันนั้นมีมูลความจริงมากน้อยแค่ไหน
นี่อย่าบอกนะว่าแม่ของเธอไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลยตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปีเนี่ย
กัญญาได้แต่ส่ายหน้าและจ้องมอง สส.ธนิตที่กำลังเดินวนไปวนมาในห้องทำงานของเธอพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง
ในเมื่อเธอไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร งั้นก็ดีฉันจะได้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการว่าฉันเป็นลูกที่ถูกลืมถึงขนาดวันเผาฉันยังไม่มีสิทธิ์ที่จะย่างก้าวเข้าไปเผาด้วยเลยมันน่าเศร้าไหมล่ะแม่น้องสาวสุดสวย
มีหลักฐานอะไรมาแสดงหรือเปล่าฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าคุณพ่อจะไม่บอกฉันเรื่องฉันมีพี่ชาย
มีสินี่ไง
สส.ธนิตหยิบบัตรประชาชนซึ่งมเป็นนามสกุลเดียวกันกับเธอออกมาให้เธอดูพร้อมทั้งรูปถ่ายซึ่งเป็นภาพเมื่อครั้งเป็นเด็กของเขากับคุณพ่อออกมาให้เธอดู เธอถึงกับอึ้งน้ำตาไหลทีเดียว
นี่หมายความว่าคุณเป็นพี่จริง ๆ อย่างนั้นเหรอ
ใช่คุณพ่อเคยกอดเคยอุ้มพี่ เคยดูแลเอาใจใส่พี่เมื่อครั้งเป็นเด็ก แต่นั่นก็นานมาแล้ว พอท่านเลิกกับแม่ของพี่ ท่านก็มีเมียใหม่แล้วก็ลืมพี่ไว้เบื้องหลัง ท่านได้แต่ส่งเสียเงินทางให้เราอยู่ดีกินดีเท่านั้นเอง แล้วก็ลืมว่าพี่เป็นลูกของท่านไปเสียแล้วพี่กลับมาในวันนี้เพื่อที่จะทวงถามสิทธิ์อันชอบธรรมของพี่ที่ได้สูญเสียไปมานานเกือบจะ 30 ปี พอ ๆ กับอายุของเธอเลยก็ว่าได้
แล้วคุณจะเอาไงเรามาช่วยกันบริหารบริษัทเอาไหมเพราะยังไง ๆ ครึ่งนึงนี่ก็เป็นของคุณจนกว่าจะถึงวันเปิดพินัยกรรมในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะต้องไม่มีคนใดคนหนึ่งหายไปไม่อย่างนั้นเราจะไม่สามารถเปิดพินัยกรรมนั้นได้ เพราะต้องรอจนกว่าคน ๆ นั้นจะกลับมา
ไม่เห็นคุณทนายมานพบอกเลยเธอโกหก
ฉันจะโกหกไปทำไมจุดประสงที่คุณพ่อทำแบบนั้นฉันก็เพิ่งรู้วันนี้นี่เองว่าคุณพ่ออยากให้เรารู้จักกัน คุณพ่อต้องการให้เราร่วมกันบริหารบริษัทให้ไปด้วยดีไม่ใช่ในทางที่เลวลง ไม่ใช่นั้นคุณพ่อท่านคงนอนตายตาไม่หลับ
กัญญาฉลาดพูดเอาตัวรอด เธอพูดเพื่อดักคอเขาเพื่อไม่ให้เขาคิดทำร้ายเธอและก็แม่ของเธอก่อนที่จะถึงวันเปิดพินัยกรรม และเธอยังต้องการให้เขาล้มเลิกในสิ่งที่กำลังทำอยู่ซึ่งจะนำพาผลร้ายมาสู่บริษัท เธอจึงใช้กลยุทธและจิตวิทยาในการพูดเพื่อให้เขาหันมาช่วยเธอบริหารบริษัทแทนการโกงบริษัททำให้ สส.ธนิตยืนคิดอยู่นานจนกระทั่งคุณวจีเดินเข้ามาในห้องทำงาน
ทำอะไรอยู่คะ รู้สึกว่าบรรยากาศจะเครียดเป็นพิเศษนะคะ คุณวจีพูดขึ้น
ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คือพี่ชายของฉันเขาจะมาช่วยเราพัฒนาบริษัทเพื่อคุณพ่อน่ะค่ะ
กัญญาพูดขึ้นแล้วก็ยิ้มอย่างคนจริงใจทำให้ สส.ธนิตเห็นความอ่อนโยนและความไร้เดียงสาของเธอที่บ่งบอกบนสีหน้าอันอ่อนเยาว์ของเธอแล้วถึงกับเปลี่ยนความคิดโอ่นอ่อนต่อน้องสาวที่ไม่เคยจะคุยหรือรู้จักกันเลยสักนิด
หมายความว่าคุณจะเข้ามาช่วยคุณกัญญาที่บริษัทอย่างนั้นเหรอ แล้วงานของผู้แทนฯ ล่ะคุณจะไม่สนใจเลยเหรอ
คุณวจีถามขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ และแสดงความสนิทสนมออกมาจนกัญญารู้ได้ว่าคุณวจีหลอกลวงเธอมาตลอด คุณวจีก็เป็นตัวอันตรายคนหนึ่งที่พยายามจะกอบโกยผลประโยชน์จากบริษัทไปเช่นกัน
ผมตัดสินใจแล้วว่าจะเข้ามาช่วยเธอในเบื้องหลัง ส่วนเบื้องหน้าก็ยังคงทำงานรับใช้ประชาชนอยู่โดยให้น้องสาวคนนี้ช่วยหนุนหลังพี่ชายไม่ให้ล้ม และพี่ชายคนนี้จะมาช่วยในส่วนที่น้องสาวทำไม่ได้และเป็นจุดอ่อนที่ทำให้คู่แข่งเข้ามาแทรกซึม
สส.ธนิตพูดขึ้นพร้อมกับขยี้หัวห้องสาวเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู สายเลือดเดียวกันยังไง ๆ ก็ต้องรักกันถึงแม้ว่าจะต่างแม่กัน ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ถ้าพี่ชายรู้ว่าน้องสาวเป็นคนดี พี่ชายก็ไม่อยากจะทำร้ายน้องสาวหรอกทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็เคยทำร้ายบริษัทมานานถึง 5 ปีก็ตามกัญญานึก
กัญญาไม่พยามที่จะตรวจสอบบัญชีย้อนหลังอีกแล้วเพราะเธอไม่อยากจะรื้อฟื้นความหลังเพื่อไม่ให้พี่ชายไม่สบายใจ เธอยอมให้พี่ชายเข้ามาอยู่ในบ้านเดียวกันกับเธอ แต่เขาไม่มาเพราะเขาไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับโลกส่วนตัวของน้องสาวแต่เขาขอมาช่วยงานในบริษัทเป็นบางครั้งบางคราวจนกระทั่งงานในไตรมาศนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี
นักข่าวมากหน้าหลายตาพยายามเข้ามาขอสัมภาษณ์เธอเกี่ยวกับเรื่องความรักและคุณภูริจนเวลาล่วงเลยมา 3 เดือนแล้วนักข่าวก็ยังคงอออยู่ที่หน้าประตูบริษัทอย่างหนาแน่น แม้กระทั่งหน้า N.TV ก็ยังคงมีนักข่าวเข้ามาออขอสัมภาษณ์เป็นการใหญ่ แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้ออกมาโต้ข่าวกับนักข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นลงไปเลย ทำให้นิตยสารของพูทำยอดขายติดอันดับจนคุณภูริต้องมีโครงการทำหนังสือเกี่ยวกับความรักของเขาและเธอเป็นพ็อกเก็ตบุ๊คส์ออกมาวางจำหน่ายเพื่อตีขนาบกับนิตยสารพูจนหนังสือขายดิบขายดีเป็นอย่างมาก
เกริกไกรได้เข้ามาร่วมงานกับคุณภูริ เขาเรียนรู้งานของบริษัทหลายอย่างทั้งเรื่องการทำหนังสือ วารสาร นิตยสาร หนังสือประเภทบันเทิง สารคดี บทความ และข่าวต่าง ๆ รวมทั้งงานทางด้านทีวี ซึ่งเขาก็ทำได้ด้วยดีและได้ออกหนังสือเกี่ยวกับความรักและผลงานสุดยอดการทำข่าวของเขาออกมาวางจำหน่ายในนามของบริษัทของคุณภูริจนทำให้ชื่อเสียงของ N.TV ดังกระฉ่อนไปทั่วประเทศเลยทีเดียว จนใคร ๆ ก็อยากจะได้นักข่าวมือหนึ่งคนนี้ไปทำข่าวทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
ลีลาการอ่านข่าวของเขาก็ไม่เบา เป็นลีลาสนุกสนานพร้อมกับลีลาดุเด็จเผ็ดมันครบรส ซึ่งเป็นแนวการอ่านข่าวที่ไม่ซ้ำใครออกมาเผยแพร่ทำให้สำนักข่าวหลายช่องต้องการจะซื้อตัวเขาไปทำข่าวและเป็นพิธีกรแต่เขาก็ไม่ไป เขายังคงยืนกรานที่จะอยู่ N.TV กับคุณภูริผูเซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักข่าวที่ดังก้องฟ้าอยู่อย่างนี้ตลอดไป
..21.
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ...ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ
18 เมษายน 2548 12:07 น.
สุชาดา โมรา
คนผีทะเลนี่ที่บ้านฉันนะ
แหมผมล้อเล่นน่าเอาอย่างนี้ละกันค่าเสียเวลา ผมขอร้องคุณนะ ไปเที่ยวกับผมเถอะ
ไปไหนคะฉันมีงานที่ต้องทำอีกเยอะแยะ
ห่วงงานมากกว่าสุขภาพของตัวเองเหรอเดี๋ยวผมจะช่วยคุณเองนะ เรื่องงานน่ะไม่ต้องเป็นห่วง คุณก็มีเลขาที่ดีถึง 2 คน จะต้องกลัวอะไรอีกล่ะ
กลัวสิคะ ฉันกลัวคุณวจีและ สส.ธนิต
ทำไม!!!! เขามายุ่งกับคุณเหรอ
ไม่ต้องทำตาโตขนาดนั้นก็ได้ค่ะ คือฉันเพิ่งทราบมาว่า สส.ธนิตเขาเป็นพี่ชายของฉัน เป็นลูกของภรรยาเก่าซึ่งฉันก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าฉันมีพี่ชายกับเขาด้วย ตอนนี้เขามีสิทธิในบริษัทเท่า ๆ กับฉันถึงแม้ว่ากำหนดการเปิดพินัยกรรมมันยังไม่ถึงเวลาก็ตาม
กำหนดเหรอคุณพ่อคุณกำหนดไว้เมื่อไร
หลังจากท่านเสียได้ 5 ปีเราจึงจะมีสิทธิในการเปิดพินัยกรรมคุณพ่อคงอยากใจให้เราพี่น้องได้เข้ามาบริหารบริษัทด้วยกัน แต่มันผิดพลาดตรงที่ สส.ธนิตเขาพยายามยักยอกทรัพย์และผลผลิตของบริษัทตอนนี้เขาถ่ายเทเงินในบริษัทหายไปถึง 5 ปีแล้ว ก่อนที่ฉันจะเข้ามาบริหารบริษัทเสียอีก ฉันนะกลุ้มใจมากเลย พรุ่งนี้ก็ต้องสอบพนักงานและเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตอีกหลายคน ฉันไม่รู้เลยว่าฉันจะเริ่มต้นอย่างไร
เอาอย่างนี้ละกัน ในฐานนะที่ผมเป็นคนหนึ่งในวงการนักข่าว ผมขอทำตัวเอ็นนักข่าวหัวเห็ดเหมือนคุณหนูนา ผมขอไปสืบเรื่องของ สส.ธนิต พร้อมเรื่องราวของในบริษัทของคุณด้วย ดีไหมคุณจะได้หาหลักฐานได้มากขึ้นในการจัดการกับพนักงาน เจ้าหน้าที่ในบริษัทและพี่ชายของคุณ
กัญญายิ้มด้วยท่าทางสบายใจในขณะที่คุณแม่ของเธอนั้นยืนแอบฟังอยู่ห่าง ๆ ด้วยท่าทางที่ตกใจหานี่ยายกัญญารู้แล้วเหรอว่านายธนิตเป็นพี่ชาย เราอุตส่าห์ปิดบังมานับสิบ ๆ ปีในที่สุดความลับมันก็ไม่มีในโลกจริง ๆแม่ของเธอนึก
คุณภูริพากัญญาและคุณแม่ของเธอออกไปทานอาหารค่ำข้างนอก เขาตักอาหารให้คุณแม่ของเธอ แต่วันนี้คุณแม่แสดงสีหน้าใจลอยราวกับไม่ได้พกวิญญาณมาด้วยทำให้กัญญาต้องสะกิดคุณแม่อยู่หลายครั้ง
คุณแม่คะคุณภูริตักอาหารให้ค่ะ
อุ๊ย!!!! คุณแม่สะดุ้งสุดตัวทันทีพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับคุณภูริ ขอบใจจ่ะ
วันนี้คุณแม่ดูแปลก ๆ นะ เหมือนกับว่าท่านกำลังมีเรื่องกลุ้มใจอะไรสักอย่างเลย
คุณคิดอย่างนั้นเหรอ
อืม
กัญญาและคุณภูริกระซิบกระซาบกันอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งคู่มองดูคุณแม่ด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป คุณภูริมาส่งกัญญาและคุณแม่ที่บ้าน เขาขอกับเธอที่หน้าบ้านตามลำพังจนกระทั่งเขาเหลือบไปเห็นนักข่าวของบริษัทคู่แข่งแอบมาถ่ายภาพของตัวเองเขาจึงวิ่งกวดนัข่าวกลุ่มนั้นและจับมาได้คนหนึ่ง
นี่นายมีจุดประสงอะไร เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันดุดัน
เปล่าครับผมแค่อยากจะทำข่าวคู่รักเท่านั้นเอง
คุณภูริถึงกับเปลี่ยนสีหน้าเป็นคนละคนทีเดียว เขาจูงมือให้นักข่าวคนนั้นเดินเข้ามาในบ้านของกัญญาแต่นักข่าวคนนั้นไม่ยอมเดินตามเขาไป ทำให้คุณภูริต้องยื้อยุดฉุดกระชากนักข่าวคนนั้นอยู่นานจนเหนื่อย
ผมไม่ได้จะทำอะไรคุณหรอก แต่ผมจะให้คุณเข้าไปสัมภาษณ์ผมแบบเป็นกันเองในบ้านของเธอ ผมจะได้ขอความรักจากเธอไปพร้อม ๆ กับของที่ผมจะเซอร์ไพร์ทเธอเลย ผมยินดีให้คุณสัมภาษณ์จริง ๆ นะ มากับผมเถอะ
จริง ๆ นะครับ
ผมเป็นใครล่ะผมถึงจะต้องมาโกหกคุณ ผมโกหกคุณแล้วจะได้โล่ห์พระราชทานเหรอ
คุณนี่อารมณ์ขันดีเหมือนกันนะแต่เดี๋ยวก่อนนะครับผมขอเดินไปที่มุมถนนก่อน
เดินไปทำไมกัน
ก็ไปตามนักข่าวคนอื่น ๆ ให้มาสัมภาษณ์คุณไงครับ
ไม่ต้องหรอก ถ้าอยากดังต้องหัดบินเดี่ยวเข้าใจไหม!!! ผมรู้นะว่าคุณเป็นแค่นักข่าวฝึกหัด
คุณรู้ได้ไงอ่ะ
ก็ป้ายชื่อของคุณมันบ่งบอกนี่นาว่าคุณเป็นนักข่าวฝึกหัด ใช่ไหมคุณเกริกไกร
คุณภูริพูดขึ้นพร้อมกับยิ้ม ๆ เขาเดินโอบไหล่นักข่าวคนนั้นเข้าไปในบ้านของกัญญาในขณะที่เธอกำลังยืนชะเง้อคอรอเขาอยู่ด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าเขาจะทำร้ายนักข่าวเนื่องจากท่าทางที่เขาวิ่งพรวดออกไปนั้นราวกับนักเลงหัวไม้ที่เตรียมพร้อมที่จะออกไปต่อยตีกับใครต่อใคร
ใครคะ
นักข่าวฝึกหัดน่ะ ผมอยากให้เขามาหัดสัมภาษณ์เรา
เด็กในสังกัดของคุณเหรอ
เปล่าหรอก
อ้าวแล้วคุณไปช่วยเขาทำไมล่ะ
ผมชอบนักข่าวที่กล้าพูดแบบเขา อีกอย่างเขาดูซื่อ ๆ ดีผมอยากให้เขามาลองทดสอบสัมภาษณ์เราเผื่อผมจะพิจารณาให้เขามาเป็นนักข่าวในสังกัดของผม
จริงเหรอครับ!!!
เกริกไกรพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ดีใจที่สุด เขาถึงกับกระโดดกอดคอคุณภูริทันทีทำให้คุณภูริแสดงทีหน้าที่ไม่พอใจจนเขาต้องละมือออกจากคอของเขา จู่ ๆ คุณภูริก็หัวเราะดังขึ้น
ผมแหย่เล่นน่าไป ไปสัมภาษณ์กันที่ห้องรับแขกในบ้านกันเถอะ
แปลกคนนะคุณ นึกจะขำก็ขำขึ้นมาดื้อ ๆ
กัญญาพูดขึ้นพร้อมกับเดินจูงมือคุณภูริเข้าบ้านไป
เกริกไกรสัมภาษณ์ทั้งคู่อยู่นานถึงเรื่องความรักของเธอและเขารวมทั้งเรื่องการงานจนกระทั่งกัญญาพาเกริกไกรและคุณภูริเดินสัมรวจบ้านจนเดินมาถึงมุมโปรดของเธอซึ่งเป็นเรือนกล้วยไม้ในบ้านซึ่มมีแสงสปอตไลท์ส่องสลัว ๆ สีชา มีน้ำตกจำลองเล็ก ๆ ในบ้านซึ่งฝั่งตรงข้ามกับเรือนกล้วยไม้นั้นเป็นห้องหนังสือซึ่งเวลาอ่านหนังสือจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติไปในคราวเดียวกัน คุณภูริจึงจับมือเธอเอาไว้และคุกเข่าลง เขายิ้มและหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินขึ้นมา
อะไรกันคะ อยากบอกนะว่าเป็นนาฬิกาเหมือนเมื่อคราวที่แล้ว
โธ่อย่าพูดดักคอสิ เดี๋ยวมันไม่โรแมนติก
คุณภูริพูดขึ้นพร้อมกับเปิดกล่องกำมะหยี่ออกมาและค่อย ๆ ดึงแหวนวงเล็ก ๆซึ่งน้ำหนักของการัตนั้น ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
อะอะไรคะ
ตั้งแต่วันแรกที่ผมได้เจอกับคุณที่งานแต่งงานของคุณกิ๊ก สบตาแรกที่ผมได้มองคุณผมรู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้แหละที่เป็นคนที่ผมค้นหามานานแสนนาน ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนนิสัยแย่ ๆ ไปหน่อย กวนอารมณ์คุณตลอดเวลา แต่ผมก็จริงใจกับคุณนะ ผมอยากให้คุณมาเป็นคนที่สำคัญที่สุดของผมคนหนึ่งรองจากคุณแม่ของผมคุณพร้อมไหมที่จะก้าวเข้ามาร่วมใช้ชีวิตกับผมตลอดไปผมรักคุณนะกัญญา แหวนวงนี้ตกทอดมาหลายชั่วคนตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษของผม ผมอยากให้คุณรับแหวนวงนี้ไว้พิจารณา
จะพิจารณาทำไมคะ กัญญาพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มหวาน ๆ พราวเสน่ห์ของเธอ สำหรับฉันแล้วคุณเป็นคนที่สำคัญเสมอ ฉันก็คิดกับคุณแบบที่คุณคิดกับฉันเหมือนกัน นับตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้วด้วยซ้ำ
คุณภูริถึงกับยิ้มหน้าบานทีเดียวและรีบสวมแหวนให้เธอทันที เขาอุ้มเธอจนตัวลอยและหมุนไปรอบ ๆ อยู่หลายครั้งในขณะที่เกริกไกรได้ถ่ายภาพทุกภาพของทั้งคู่เอาไว้พร้อมทั้งตั้งกล้องวีดีโอสำหรับถ่ายเอาไว้ด้วย รวมทั้งอัดเทปเพิ่มเพื่อจะนำไปถอดเทปเพื่อเขียนหัวข้อข่าวต่อไป
จะแต่งกันเมื่อไรครับ
ยังไม่มีกำหนดครับ ผมกะว่าจะให้เรื่องที่คาราคาซังอยู่นั้นเรียบร้อยไปก่อน จากนั้นจึงจะคิดเรื่องแต่งงาน
ผมขอบคุณคุณทั้งสองคนมากนะครับที่ให้ความร่วมมือ ผมจะนำเรื่องของคุณไปลงนิตยสารและพาดหัวข่าวในวันพรุ่งนี้อย่าลืมอ่านนะครับ
เอ่อเดี๋ยวครับ คุณภูริเรียกเกริกไกรไว้ ผมอยากให้คุณไปร่วมงานที่ N.TV ถ้าคุณไม่รังเกียจผมขอเชิญคุณมาร่วมงานเลยละกัน ผมรู้สึกถูกชะตากับคุณมากเลย
จริงเหรอครับงั้นผมเสร็จจากฝึกงานที่ Pu.TV insine แล้วผมจะเข้าไปทำงานกับคุณนะครับ แล้วผมจะติดต่อกับคุณอย่างไรครับ
เกริกไกรพูดด้วยท่าทางดีอกดีใจ คุณภูริจึงหยิบนามบัตรให้เขาก่อนที่จะเดินออกมาส่งเขาที่หน้าบ้านของเธอ
ไปนะครับ
คุณภูริและกัญญายิ้ม ทั้งคู่โบกมือให้กับเกริกไกรคุณภูริกอดกัญญาไว้แน่นแล้วก็หอมแก้มอยู่หลายทีจนกัญญารู้สึกเขิน
อายคุณแม่บ้างสินี่บ้านฉันนะไปกลับบ้านได้แล้วคุณน่ะ นี่จะเที่ยงคืนแล้วนะ
ว้ากลับบ้านไม่ถูกเลยน่ะ ขอนอนที่บ้านคุณได้ไหมอ่ะ
อย่าทำเป็นยียวนกวนประสาทนะ เดี๋ยวตีก้นลายเลยไป ไปได้แล้ว กลับบ้านนอนได้แล้ว
กัญญาผลักคุณภูริให้เดินไปที่รถของตัวเอง เขาค่อย ๆ เปิดประตูรถออกแล้วก็ทิ้งตัวลงไปนั่งในรถ เขาจับมือเธอไว้แน่นไม่ยอมให้ห่างไปไหนแล้วค่อย ๆ จูบมือเธอเบา ๆ ก่อนที่จะสตาร์ทรถ
ราตรีสวัสดิ์นะครับแล้วผมจะฝันถึงคุณ
คุณภูริยิ้มแล้วก็ขับรถออกไปกัญญายืนมองรถของเขาจนลับสายตาไปแล้วก่อนที่กลับเข้าไปในบ้านในขณะที่คุณแม่ของเธอแอบยืนอมยิ้มอยู่ข้างหน้าต่างห้องนอนบนชั้นที่สองของตัวบ้านก่อนที่จะดับไฟนอน
.20
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ...ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ