14 กรกฎาคม 2547 18:16 น.
สุชาดา โมรา
ข้อคิดเห็นของผู้เขียน ผู้เขียนได้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นจุดพักผ่อน และจุดถ่ายภาพที่ดีให้แก่นักท่องเที่ยว นอกจากนี้ก็ยังมีการเชื้อชวนให้ทราบว่าที่อื่น ๆ นอกเหนือจากผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี ภูผาเทิบ จังหวัดมุกดาหารอีก เช่น บริเวณลานหินภูถ้ำพระ อุทยานแห่งชาติมุกดาหาร ด้านหลังพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ อุทยานแห่งชาติภูพาน จังหวัดสกลนครและกาฬสินธุ์ ว่าที่นั่นก็จะเป็นแหล่งรวมของดงดอกไม้ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งเช่นกัน และยังบอกในเรื่องของการท่องเที่ยวอีกว่า เมื่อเราได้เพลิดเพลินกับดอกไม้สวย ๆ แล้ว เรายังจะได้ศึกษาระบบนิเวศของพันธุ์ไม้ชนิดต่างๆที่น่าสนใจ และ เรื่องราวของธรรมชาติรอบข้างอีกด้วย ข้อเสนอแนะของผู้เขียนอีกเรื่องก็คือ ทุ่งดอกไม้นั้นนับเป็นระบบนิเวศที่ค่อนข้างเปราะบางและต้องการการทะนุถนอม การเที่ยวชมจึงควรทำด้วยความระมัดระวัง ไม่ควรเหยียบย่ำเข้าไปชมหรือถ่ายภาพใกล้ๆจนเกินไป ซึ่งอาจเป็นการทำลายธรรมชาติโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และสำหรับผู้ที่สนใจการถ่ายภาพทุ่งดอกไม้ ขอแนะนำว่าควรมีเลนส์มาโครส หรือ โคลสอัพฟิลเตอร์ เพื่อช่วยให้ถ่ายภาพได้ในระยะใกล้ ควรเลือกแสงช่วงเช้า หรือเย็นในการถ่ายภาพ เลือกฉากหลังที่ไม่ยุ่งเหยิง อาจถ่ายแบบย้อนแสงเพื่อให้เห็นมิติและความสดใสของดอกมากขึ้น
เอกสารอ้างอิง
สุรจิต จามรมาน.(๒๕๔๕). เยือนทุ่งดอกไม้บานบนลานหิน.นิตยสารชีวิตรัก.ปีที่
๑๙ วันที่ ๑ - ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๕ .หน้า ๘๖๘๘
14 กรกฎาคม 2547 18:02 น.
สุชาดา โมรา
ผมเคยอิจฉาใครหลายคนที่มีดีกว่าผม มีพร้อมทุกด้าน ชีวิตครอบครัวร่ำรวยมีความสุข แต่ตอนนี้ผมไม่คิดแบบนั้นแล้วละเพราะตอนนี้ผมก็จัดว่าผม ถีบตัวเองมาเต็มที่แล้ว มีกินมีใช้มากขึ้น บางทีอาจจะดีกว่าคนที่ผมเคยแอบอิจฉามาด้วยซ้ำ
ผมจบปริญญาตรีทางด้านวิศวกรรมโยธามาได้ 6 เดือนผมก็ไปทำงานอยู่กับกรมทางหลวง ช่วงนั้นผมเบื่อมาก ๆ สุดที่จะทนกับเจ้านายที่อวดฉลาดถือว่าเป็นผู้ดีเก่า เรียนจบนอกมาแต่ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเมืองไทยเลย ปากก็พูดดีเข้าตัวแต่ความเลวเข้าคนอื่นหมด ผมละเบื่อจริง ๆ แต่ก็ต้องทนเอาหน่อยละเพราะเงินเดือนมันดีนี่นา จะให้ทำไงได้ล่ะผมต้องส่งน้องเรียนอีก 2 คน
เมื่อน้องสาวคนต่อจากผมชื่อยายกิเรียนจบปริญญาด้านมัคคุเทศก์เขาก็ไปเป็นไกด์ ตอนนี้ได้แฟนรวยเปิดบริษัททัวร์จนร่ำรวยเป็นเศรษฐีนีไปแล้วละ เพราะแฟนเขาเสียไปแล้วเนื่องจากเป็นมะเร็งลำไส้แล้วไม่ยอมไปรักษา โชคดีนะที่ไม่มีลูกด้วยกันไม่งั้นเด็กคงขาดความอบอุ่นแย่เลย ส่วนน้องสาวคนเล็กนะโอ้โหไม่น่าเชื่อเลย ผู้หญิงอะไรฉลาดเป็นกรด แต่เสียเรื่องเดียวคือไม่ชอบเข้าเรียน ผมต้องตามจิกเทียวรับเทียวส่งจนจบ ม.ปลายได้เนี่ยก็บุญแล้ว จนแล้วยังไม่เจียมตัวอยากได้มือถือผมก็ซื้อให้ ใช้วันเดียวขายไปแล้ว อยากได้นั่นอยากได้นี่แต่เอาไปทีไรขายหมดทุกทีจนผมไม่มีปัญญาจะซื้อให้แล้ว ให้เงินค่าเทอมก็เอาไปผลาญหมด ผู้หญิงอะไรแย่ที่สุดเลย ถ้าใครได้ไปเป็นเมียนะคงจะต้องเลิกลากันไปข้างหนึ่งละ แต่ก็ยังดีที่ยายคนนี้เขาหัวดีเลยเรียนจบปริญญาตรีมาอย่างไม่คาดฝันเพราะที่บ้านคิดว่าน่าจะเรียนไม่จบเพราะเกเรเหลือเกิน ยายคนนี้เขาจบออกแบบดีไซน์ตอนนี้ขอไปเรียนที่ปารีสเพราะกลับมาจะได้เป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดัง ท่าว่ายายกิ๊กนี่คงอนาคตดีกว่าพี่น้องคนอื่น ๆ แน่ ๆ เพราะดูท่าทางตอนนี้มุ่งมั่นเหลือเกิน พักหลังบอกว่าไม่ต้องส่งเงินไปให้แล้วเพราะได้งานทำที่นั่นเป็นผู้ช่วยดีไซน์เนอร์ไปแล้ว ก็ดีเหมือนกันที่ยังกลับตัวทัน แต่ยายนี่ก็ยังเสียอยู่อีกเรื่องก็คือการพูดจา แก้ไม่หายซะที บอกทีไรไม่เคยฟังซักทีอย่างนี้คงเข้ากับคนได้ยาก
ตอนนี้แม่อยู่กับผมแต่ก็ดูท่านไม่ค่อยจะมีความสุขเลย ท่านบ่นทั้งวัน บ่นว่าอยากกลับไปขายส้มตำแต่ผมก็ไม่อยากจะให้ท่านไป แต่ถ้าท่านไม่ไปท่านก็จะบ่นอยู่อย่างนั้นแหละ บ่นจนผมต้องยอมเพราะผมมีแม่อยู่แค่คนเดียว ผมจะหาแม่ที่ดี ๆ แบบนี้ได้ที่ไหนไม่มีอีกแล้วละ
ผมทำงานอยู่กับนายคนนี้ได้ 7 ปีผมก็ต้องไปเพราะผมหมดภาระเรื่องน้องสาวที่กำลังเรียนแล้วผมจึงเปิดบริษัทรับเหมาโยธาขึ้นมา ช่วงนี้ก็กิจการค่อนข้างดีเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปแล้ว แต่ผมก็อยากจะถีบตัวเองขึ้นไปอีกละเพราะวุฒินี้มันไม่เพียงพอสำหรับหัวหน้างาน หรือเจ้าของบริษัทได้ ผมจึงไปเรียนต่อโท เรียนไปทำงานไป สาว ๆ ที่คณะสวยดี จีบๆ ๆ ๆ ๆ มาให้หมดแต่ก็ไม่มีใครที่จะสนใจเป็นจริงเป็นจัง เพราะเขาก็รู้ว่าผมแก่แล้ว อายุก็ปาเข้าไปจะ 50 แล้วจะไปเอาอะไรมากมายนักหนาเล่าสู้จีบเล่น ๆ จะดีกว่า แต่ผมก็ไม่เคยจะคิดมากกว่าการทำตัวเป็นหมาปากเปราะยืนอยู่หน้าคณะทุก ๆ วันเพื่อที่จะเรียกร้องความสนใจจากคณะวิทยาการจัดการ แต่สิ่งที่ได้รับคือสาว ๆ เมินหน้าใส่ทุกวัน นี่ก็เป็นความสุขของคนอายุมากคนหนึ่งละ
แล้ววันนี้ผมก็เจอผู้หญิงคนหนึ่งสวยมาก ๆ ไม่เคยเห็นใครสวยขนาดนี้มาก่อนเลย ทั้งคณะวิศวะไม่เห็นมีใครจะสวยบาดตาบาดใจขนาดนี้เลย หนุ่ม ๆ หลายคนตามจีบเธอแต่เธอก็ทำไม่สน เธอคงถือว่าเธอสวยละมั้ง แต่ไม่ได้หรอกผมถือว่าผมแก่ขนาดนี้แล้วถ้ายังหาเมียไม่ได้ก็ไปตายได้แล้วละ ผมนึกแบบนั้นมันจึงทำให้ผมเทียวหาเธอทุกวัน แอบตามเธอไปที่บ้าน แต่ก็ต้องถูกกีกกันด้วยฝูงหมา เพราะที่บ้านเธอเลี้ยงหมาไว้เยอะเหลือเกิน แต่ผมก็ยังไม่ท้อ อุปสรรคเล็กน้อยแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม ผมก็ตามเธออยู่เรื่อยเป็นเวลา 5 เดือน จนเธอเห็นใจเธอจึงยอมขึ้นรถคันหรูของผม ผมไปบ้านเธอ พาเธอมาบ้านผม จนเรายอมตกลงปลงใจเป็นแฟนกัน หนุ่ม ๆ ที่คณะหลายคนถึงกับตาโตทีเดียว เพราะไม่คิดว่าผมจะได้คบกับคนสวย ๆ และเด็ก ๆ แบบนี้
พี่กอล์ฟ พี่ทำได้ไงเนี่ย ยายลูกแก้วถึงได้ยอมเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้พี่ควงไปควงมา
เฮ้ย!!!พูดให้มันดี ๆ หน่อย คุณลูกแก้วเขาไม่ใช่ตุ๊กตาหน้ารถหรอกโว๊ย! แต่เขาเป็นแฟนข้าเว้ย
หา.แฟน.แฟนเหรอ
พวกนั้นพูดเป็นเสียงเดียวกันทีเดียวทำให้ผมต้องยืนยิ้มกริ่มอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนของคณะ
พะ พะ พี่ทำได้ไงเนี่ย
ดักรอบตั้งหมั่นกู้ เจ้าชู้ต้องหมั่นเกี้ยวเว้ย55555.
ผมนะหัวเราะชอบใจที่สุดเพราะ ผมกลายเป็นคนชนะในหมู่เด็กวิศวะ ป.โท ทีเดียว
พอผมทำวิทยานิพนธ์เสร็จ และก็รู้แล้วว่าเรียนจบแน่ ๆ ผมจึงไปฉลองกับเพื่อน ๆ แล้วก็พาเธอไปด้วย วันนั้นเราสนุกกันมากทีเดียว เพื่อน ๆ เกรียวกราววู้ฮู้กันราวกับคนป่า แต่ก็ดูทุกคนมีความสุขกันดี พูดตามตรงเลยนะว่าทั้งห้องมีผมคนเดียวนี่แหละที่อายุมากสุด ที่จริงอายุของผมก็เท่ากับอาจารย์ที่สอนน่ะแหละ ผมยังไม่เคยคิดเลยว่าเธอคนนั้นจะตกลงปลงใจที่จะเป็นแฟนผม แต่วันนี้ผมก็เมามากจริง ๆ ขับรถส่ายไปส่ายมา ปวดหัวจริง ๆ ทนไม่ไหว..
อวก อวก อวก!!!
ของดีและไม่ดีหลายอย่างกำลังจะพุ่ง ผมต้องจอดรถข้างทางเพื่อที่จะเอามันออก เธอจึงขับรถลากเกียมาส่งผมที่บ้านแล้วเธอก็อยู่ที่บ้านผมทั้งคืน แต่ว่าเราไม่ได้มีอะไรกันนะเพราะเธอไปนอนห้องของน้องสาวผมที่ยังว่างอยู่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูแต่เช้าเลย ผมเดินงัวเงียงัวเงียมาเปิดประตูห้อง แม่และเธอเข้ามาในห้อง
นี่แน่ ไอ้ลูกคนนี้
อะไรกันแม่เขกหัวผมทำไม
ก็แกเมาไม่ได้สติกลับเองไม่ได้ เห็นไหมเดือดร้อนถึงหนูลูกแก้วเลยเห็นไหม เนี่ยแม่เขาก็โทรมาตามแล้วจะว่ายังไง แล้วพ่อแม่เขาก็ไม่ฟังด้วยจะเอาตำรงตำรวจมาจับหาว่าแกไปกักขังหน่วงเหนี่ยวลูกสาวเขาไว้เนี่ย แกจะว่ายังไงหา!!!
แม่พูดจบก็บิดหูผมต่อเลย ผมก็ได้แต่ร้องโอย โอยไปเพราะทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน แล้วผมก็เหลือบไปมองเธอ ผมเห็นเธอทำหน้าซีดเซียวทีเดียว
สักพักตำรวจก็มา ผมและเธออธิบายยังไงเขาก็ไม่ฟัง วันนั้นผมจึงต้องขึ้นโรงพักเป็นครั้งแรก พ่อแม่เธอก็ไม่ยอมเหมือนกัน ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงดี พูดอะไรไม่ออกบอกไม่ถูกเลย
เนี่ยลูกสาวฉันเสียหายน่ะเธอจะว่ายังไง เธอจะรับผิดชอบไหมหา!!!
คุณแม่หนูไม่ได้เสียหายอะไรเลยนะคะ พี่กอล์ฟเขาก็ไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย คุณแม่
นี่แกหุบปากไปเลยนะ นี่มันเรื่องใหญ่เดี๋ยวผู้ใหญ่เขาจัดการเองเป็นเด็กก็อยู่เฉย ๆ
คุณครับคุณจะว่ายังไงครับ คุณครับ
เสียงตำรวจพูดอื้ออึงไปหมด ผมไม่รู้จะตอบยังไงแล้ว ทั้งโกรธทั้งยั๊วะที่ไม่มีใครฟังผม ผมจึงกระแทกโต๊ะอย่างแรงทีเดียว
ปึง
ทุกคนเงียบกันหมด เพราะคงตกใจ สักแป๊บก็อื้ออึงต่ออีก
นี่คุณฟังผมบ้างสิ!!!
ผมตะโกนเสียงดังลั่นโรงพัก ทุกคนจึงสงบลง
คุณลูกแก้วครับ แต่งงานกับผมเถอะครับ!!!
ผมตะโกนสุดเสียง ทุกคนถึงกับอึ้งเพราะไม่คิดว่าผมจะพูดขอแต่งงานบนโรงพักดื้อ ๆ แบบนี้ ทำให้พวกเรากลายเป็นจุดสนใจให้คนอื่นต้องมามุงดู ผมนั่งลงกราบแทบเท้าของพ่อแม่ฝ่ายหญิงเพื่อขอสมา
ผมขอโทษครับที่ผมล่วงเกินอะไรไป ผมกราบละครับถึงแม้ว่าผมจะยังไม่ได้ล่วงเกินคุณลูกแก้วเลยแต่ผมก็ยินดีจะรับผิดชอบทุกอย่างเพราะผมทำให้ชื่อเสียงของเธอเสียหาย และอีกอย่างผมก็รักเธอด้วย
ถ้าอย่างนั้นแม่ก็ไม่ขัดข้องลูก แล้วพ่อล่ะ ยอม ๆ เขาเถอะ ลูกเขยดี ๆ จะหาได้ที่ไหน
แม่ของเธอใช้ข้อศอกสะกิดพ่อของเธอให้พูด
อืม
พ่อของเธอพยักหน้ารับ ผมจึงหันไปคุกเข่าขอเธอแต่งงานอีกครั้ง
คุณลูกแก้วครับ แต่งงานกับผมเถอะนะ
ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ผู้คนที่มุงดูพากันยิ้มแล้วก็พูดเป็นเสียงเดียวกันไปหมด
แต่งเลย แต่งเลย แต่งเลย
เมื่อเธอยื่นมือมาจับมือผม ผมจึงลาตำรวจ แล้วก็ขอบคุณคนที่เชียร์ผมอยู่ข้าง ๆ จากนั้นผมก็พาเธอไปจดทะเบียนสมรสทันที เธอก็ตกลง ผมสัญญากับเธอว่าหลังจากนี้อีก 7 วันผมจะมาสู่ขอเธอแบบเป็นทางการ ให้เธอรอผม
เมื่อหลังจากนั้นได้ 7 วันเสียงโห่ร้องก็ดังขึ้น ขบวนเจ้าบ่าวมาถึงหน้าบ้านฝ่ายหญิงมีคนวิ่งมาเปิดประตูรับ กว่าผมจะผ่านเข้าไปถึงตัวเธอได้ผมต้องเจอประตูเงินประตูทองถึง 16 ชั้น ตักบาตรเสร็จ สวมแหวน ทำอะไรต่อมิอะไรในงานจนเสร็จ จนกระทั่งถึงพิธีส่งตัวเข้าหอ เพื่อน ๆ มาเชียรกันใหญ่ วันนี้ผมจึงได้หอมแก้มเธอเป็นครั้งแรก และสิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือน้องสาวทั้ง 2 คนของผมมาร่วมงานด้วย ครอบครัวเราอยู่กันพร้อมหน้า แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันอีกเรื่องก็คือพ่อของผม ซึ่งผมไม่ได้เจอท่านมานานมาก ท่านมาร่วมงานด้วย ดูท่านแต่งตัวดีเป็นพิเศษ
ว่าไงไอ้ลูกชาย แต่งงานแล้วดีใจด้วยนะลูก
พ่อตบไหล่ผม 2 ทีแล้วก็กระซิบข้าง ๆ หูผม ผมถึงกับยิ้มทีเดียว ทุกคนต่างถามกันว่าพ่อพูดว่าอะไรแต่ผมก็ไม่ตอบเพราะเรื่องนี้มันเป็นความลับของเราพ่อ ลูก
ได้เวลาส่งตัวแล้ว ขอให้ลูกทั้งสองรักกันมาก ๆ นะ มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดจากัน กอล์ฟแม่ฝากน้องด้วยนะ
ลูกแก้วแม่ฝากพี่เขาด้วยนะ
ไอ้ลูกชายอย่าลืมที่พ่อสั่งนะ
พ่อพูดจบแล้วก็เดินออกไปนอกห้อง ผมยิ้มแล้วก็เผลอหลุดขำออกมา เมื่อทุกคนออกไปหมดผมจึงมานั่งคุยกับเธอ เราคุยกันอยู่นานจนผมเริ่มง่วงรีบไปอาบน้ำแล้วก็มานอนทันที คืนนี้ผมตั้งใจไว้ว่าผมจะไม่แตะต้องตัวเธอ
พี่กอล์ฟคะ พี่กอล์ฟ เมื่อกี้นี้คุณพ่อท่านว่าอะไรคะพี่กอล์ฟ
ผมทำฟอร์มหลับทั้ง ๆ ที่ผมก็รู้ตัวว่าเธอพูดอะไรจนเธอทนไม่ไหวเดินมานอนข้าง ๆ ผม แต่ก็ดูเธอนอนไม่หลับ เธอเดินลงจากเตียงเดินไปเดินมาอยู่นานแล้วเธอก็เดินไปเปิดประตูห้องเพื่อจะออกจากห้อง เธอคงเหงาเพราะไม่มีใครคุยด้วย แต่ก่อนที่เธอจะเปิดประตูผมก็วิ่งไปจับมือเธอก่อน
อะไรกันคะ
จะไปไหนเหรอ
ก็มันเหงานี่นา เลยจะไปดูข้างล่างเห็นเขากำลังสนุกกัน
ไปไม่ได้โบราณเขาถือ ส่งตัววันแรกจะออกไปนอกห้องไม่ได้นะ
ผมเดินประคองตัวเธอเข้ามานั่งที่โซฟาในห้อง เธอนอนหนุนตักผมเหมือนเด็ก ๆ เลย
อยู่บ้านนอนกี่ทุ่มกัน นี่มันเที่ยงคืนแล้วไม่ง่วงเหรอคนดี
ผมถามขึ้นอย่างสงสัย
ไม่ง่วงค่ะ เพียงแต่ไม่เคยชินกับที่นอน แล้วก็ปกติคุณแม่จะมาเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนเพราะฉันชอบฟังค่ะพี่กอล์ฟ
ผมถึงกับหลุดขำออกมาทีเดียว แล้วผมก็มองหน้าเธอ เธอทำหน้าเหมือนกับไม่พอใจผมก็เลยต้องเล่านิทานให้เธอฟังจนหลับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมไปสรรหานิทานมาจากไหน อาจจะเป็นเพราะผมชอบอ่านหนังสือด้วยหรือเปล่านะ มันถึงทำให้ผมมีเรื่องเล่าให้เธอฟังเยอะแยะ เพราะกว่าเธอจะนอนได้ผมก็เล่านิทานปาเข้าไป 5 เรื่องแล้ว พอเธอหลับสนิทผมจึงอุ้มเธอมานอนบนเตียง ผมมองหน้าเธอจนเคลิ้มหลับไป
ผมมีความสุขกับชีวิตคู่ของผมมาก ผมตั้งใจไว้ว่าจะมีลูกสาว และก็ลูกชายที่น่ารักเอาไว้อุ้มชู ส่งให้เขาเรียนมีงานมีการทำ และผมก็คิดเลยไปถึงอนาคตที่ผมจะต้องมาเลี้ยงหลาน นึกแล้วก็มีความสุขไม่น้อยเลย
ฟืด
ตื่นได้แล้วค่ะ สายแล้ว
แม่ศรีภรรยาของผมหอมแก้มเหม็น ๆ ของผมแต่เช้า เธอปลุกผมตั้งแต่แสงพระอาทิตย์ยังไม่โผล่ออกมาเลย เธอเดินลงไปทำอาหารเช้ามาให้ทานถึงที่ห้อง วันนี้เธอทำข้าวต้มกุ้งมาให้ผมทาน ใส่เห็ดหอมน่ากินทีเดียว แต่พอผมกินเข้าไปคำนึงนะถึงกับตาตั้งทีเดียว เพราะไม่คิดว่ามันจะเค็มขนาดนี้
เป็นไงบ้างคะ อร่อยไหม นี่เป็นการทำกับข้าวครั้งแรกของลูกแก้วเลยนะคะ
ถึงแม้ว่าจะเค็มขนาดทะเลเรียกพระเจ้าเลยแต่ผมก็ต้องตอบอย่างรักษาหน้าภรรยาว่าอร่อย อร่อยมาก ๆ เพราะพอผมมองสีหน้าที่อยากรู้ของเธอแล้วผมก็ต้องตอบอย่างนี้ทุกทีว่าดีดีครับผมยอมก้ำกลืนฝืนทานจนหมด พอผมดื่มน้ำเข้าไปถึงกับโล่งเลยทีเดียว
อืมพี่กอล์ฟคะเมื่อคืนคุณพ่อของพี่ท่านว่าอะไรเหรอคะ
ที่จริงพี่ไม่อยากจะตอบเลยนะเพราะมันเป็นความลับ แต่โอ๋ ๆ ๆ อย่างอนนะคนดีผมบอกก็ได้นะไหน ๆ เราก็เป็นคนคนเดียวกันแล้วนะ
ก็ตอบมาหน่อยสิคะ ต่อมอยากรู้มันกระตุกจะแย่อยู่แล้ว
ผมยิ้มแล้วก็ต้องตอบ
คุณพ่อท่านบอกว่า ถ้าใจไม่ถึงอย่าเลยลูก
ยังไงคะ ไม่เข้าใจ
ผมไม่รู้จะตอบยังไงดี เพราะดูเธอไร้เดียงสาไปซะหมด ผมจึงยิ้มแล้วก็ต้องถามเธอ
เคยเล่นตา หู คัน ดัง บะไหม
เคย ทำไมเหรอ
เล่นกันไหม งั้นพี่ขอเป็น
ลูกแก้วเลือกก่อนได้ไหมคะ ลูกแก้วขอบะ แล้วก็หูได้ไหม
ได้สิ งั้นที่เหลือพี่จองนะตา หู คัน ดัง บะ
ตานี้ผมยอมเธอไปก่อน ผมถูกเธอดึงหูอย่างเต็มแรงเกิดจนหูชาทีเดียว แต่ตานี้ผมไม่เอาไว้แน่ ๆ พอผมได้ดังแล้ว ผมจึงให้เธอหลับตาแล้วผมก็โผกอดแล้วหอมแก้มเธอไม่หยุดเลย
ขี้โกงนี่
ช่วยไม่ได้นี่นา
วันนี้ผมจึงไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปไหน จนได้เวลาเที่ยง ผมอาบน้ำแต่งตัวรีบวิ่งลงมาทำอาหารให้เธอทานก่อนที่เธอจะตื่นลงมาทำ เพราะผมกลัวฝีมือเธอเหลือเกิน
ที่รัก ทานข้าวได้แล้ว มาตื่นเร็ว
ผมปลุกเธอให้ตื่นแล้วก็ชวนเธอลงไปทานข้าวด้วยกัน เธอชมผมไม่หยุดปากเลยว่าทำอร่อย ผมรู้สึกเขินจริง ๆ แต่วันนี้เป็นวันแรกที่ผมมีความสุขที่สุดในโลกเลยผมทำตามคำพูดของคุณพ่อแล้ว ก็เหลือเพียงเรื่องเดียวที่ต้องทำตามที่ท่านบอกผมจึงเดินจูงมือเธอไปที่สวนหลังบ้านแล้วก็มองไปที่ต้นราตรี จากนั้นจึงแหงนมองหน้าต่างห้องตัวเองเพื่อมองตามที่พ่อบอก ผมเห็นกล่องของขวัญกล่องหนึ่งแขวนอยู่ที่ขอบหน้าต่างห้อง ผมจึงวิ่งขึ้นไปบนห้องเพื่อที่จะดูว่ากล่องนั้นมีอะไร ผมและเธอช่วยกันแกะกล่อง ผมอ่านจดหมายที่พ่อเขียน ผมรู้สึกสำนึกว่าผมไม่เคยทำอะไรให้พ่อเลย แต่พ่อกลับห่วงหาผมและแม่มาโดยตลอด ถ้าวันนั้นพ่อไม่ขี้เมา ชีวิตครอบครัวเราคงจะมีความสุขมากกว่านี้
พี่กอล์ฟคะ ดูนี่สิคะ!!!!.
เธอร้องเสียงหลงทีเดียว ผมจึงต้องหันไปดู พ่อเปิดบัญชีให้ผมไว้ใช้หลังแต่งงาน ผมตื้นตันใจที่สุด และก็เกิดคิดได้ขึ้นมาว่าพ่อไปทำอะไรมาถึงได้มีเงินมากมายขนาดนี้ ผมจึงไปหาพ่อตามที่อยู่ที่พ่อทิ้งไว้ ผมจึงได้รู้ว่าพ่อเป็นลูกเจ้าของโรงทอผ้า แต่พ่อหนีออกจาบ้านตั้งแต่หนุ่ม ๆ เพราะไม่เข้าใจกับครอบครัว พ่อจึงกลายเป็นขี้เมาไม่ได้สติ พวกเราเลยลำบาก แต่พอพ่อเลิกกับแม่พ่อเสียใจมาก พ่อจึงกลับไปตายรังที่เดิม จากนั้นพ่อก็เลยมีกินมีใช้ผมไม่คิดเลยว่าเรื่องในนิยายน้ำเน่ามันจะมาเกิดขึ้นกับครอบครัวของผม พ่อบอกว่าอยากคืนดีกับแม่ แต่ผมรู้ว่าแม่คงไม่ยอมแน่ ๆ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน เรื่องนี้ก็สุดแล้วแต่วาสนาของพ่อกับแม่ก็แล้วกัน ว่าจะลงเอยกันหรือเปล่า
เวลาผ่านไปยาวนานเหลือเกิน ผมตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างมีความสุข ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวที่สุดแสนจะ happy ที่สุดแต่ภรรยาผมก็ไม่ยอมมีลูกให้ผมสักที ผมไม่รู้จะทำยังไงดี จะพาเธอไปตรวจเธอก็ไม่ยอม ผมอดใจจะเป็นพ่อคนไม่ไหวอยู่แล้ว ผมไปปรึกษาหมอมาหลายที่ รวมทั้งตรวจภายในร่างกายผมด้วย ผลก็ออกมาว่าผมปกติดี หมอบอกว่าอาจจะเป็นภรรยาผมที่มีลูกยากหรือเปล่า
วันนั้นพอหลังจากที่ผมกลับมาจากไปหาหมอ ผมเดินตรงเข้าไปในสวนหลังบ้านก่อนที่จะขึ้นไปบนบ้าน มันทำให้ผมต้องตกใจเพราะได้ยินภรรยาผมร้องไห้ และใครคนหนึ่งกำลังข่มขู่ภรรยาของผม ได้ฟังแต่เสียงก็รู้ทันทีว่าเธอกลัวชายคนนั้นมาก ๆ
มึงจะว่ายังไง ไอ้กอล์ฟผัวมึงไปไหน มันไม่เคยให้อะไรมึงเลยเหรอ!!!!
โถ่พี่ต้น พี่ก็เอาไปหมดแล้วนี่ เมื่อวันก่อนพี่ก็มาเอาไปทีนึงแล้วแล้วพี่จะมาเอาอะไรอีกได้โปรดเถอะนะขอร้องละ เดี๋ยวพี่กอล์ฟเธอมาละจะยุ่งนะ
มึงไม่ต้องมาขู่กู ไม่ต้องมาทำท่าทางอ้อนวอน กูไม่สนหรอกว่ามันจะมาหรือไม่มา กูมาก่อนมันด้วยซ้ำ มันน่ะแย่งมะ
พี่ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น รีบออกไปได้แล้ว
ทีแรกผมก็สงสัยอยู่ว่าใครมันมาทำอะไรในบ้านของผม ในห้องนอนของผม ตอนนี้ผมเริ่มไม่แปลกใจเลยเธอคงสนิทคุ้นเคยกันเพราะผมเห็นเธอเอามือไปปิดปากเจ้าหมอนั่นไว้ ถ้าเมื่อกี้ผมเกิดโผ่งผ่างขึ้นไปช่วยผมคงไม่ได้ยินทั้งคู่คุยกัน และขณะนี้ที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่เสียด้วย เมื่อหมอนั่นไปได้พักหนึ่งผมจึงขึ้นไปบนบ้าน ค่อย ๆ เดินเข้าไปที่ห้องและแง้มประตูดูเธอ ผมเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้อง ผมก็เห็นเธอยังคงสวมชุดนอนและก็นั่งร้องไห้ ดูเธอน่าสงสารเหลือเกิน ผมจึงแง้มประตูปิด ผมไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี ผมรู้สึกสับสนและสงสัยกับคำพูดของหมอนั่น ไอ้ต้นเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่มันเป็นคนค่อนข้างเงียบ ๆ ไม่หวือหวาในเรื่องที่คนอื่นเขาเฮกัน ดูมันขรึม ๆ แก่เรียน เคร่งเครียด แต่มันมาทำอะไรที่บ้านผม ผมไม่เข้าใจเลย
ผ่านมาอีกหลายวันผมก็โทรนัดไอ้ต้นออกมากินเหล้า ผมก็คุยกันเรื่องต่าง ๆ นานา เพราะผมอยากรู้เรื่องอะไรหลาย ๆ อย่างเลยค่อย ๆ ตะล่อมถาม แต่หมอนี่มันคอแข็งจริง ๆ จากที่ผมจะถามมันกลายเป็นผมเมาจนถูกมันถามซะเอง
เมื่อไรนายจะมีเมียวะ งานการก็ดีนี่ทำไมวะ
ก็มันยังหาที่ถูกใจไม่ได้นี่นาเพราะรักเก่ามันยังตราตรึงอยู่
รักเก่ายังไงวะ แกอกหักด้วยเหรอไอ้ต้น
อย่าพูดถึงมันเลย แล้วชีวิตครอบครัวพี่ล่ะสุขสบายดีไม่ใช่เหรอ เป็นไงศรีภรรยาของพี่เขาทำกับข้าวอร่อยไหม ทำอะไรเป็นมั่งล่ะ555555.
ผมต้องสะดุดกับคำหัวเราะของเจ้าหมอนี่ แต่ผมก็ยังคิดอะไรไม่ออกเพราะผมรู้สึกโงนเงนไปหมดแล้ว ผมคงจะเมาจนเลอะเทอะไปแล้วละ วันนี้หมอนี่เลยต้องมาส่งผมที่บ้าน
ขอบคุณนะพี่ต้น เนี่ยไม่น่าพากันไปดื่มเลย.
เป็นห่วงมันมากขนาดนี้เลยเหรอหา.!!!
อย่าเอ็ดไปเลย เดี๋ยวคุณแม่ท่านตื่นลงมาจะยุ่งพี่นี่ก็
จริง ๆ แล้วถึงผมจะเมามายแค่ไหน แต่ผมก็ยังคงรับรู้ในสิ่งที่ทั้งคู่พูดกันอยู่อย่างชัดเจนทีเดียว ผมเริ่มรู้สึกสังหรใจยังไงชอบกล ครุ่นคิดตลอดเวลาว่าลักษณะการพูดแบบนี้มันคืออะไรกันนะมันเหมือนคนที่เกินสนิทกันแล้วนะ เพราะตอนสมัยที่เรียน ป.โทอยู่ก็ไม่เห็นทั้งคู่จะสนิทกันเลย ทำไมคำพูดเหล่านี้ถึงได้เกิดขึ้นได้เล่า!!!!
วันที่ 18 มิถุนายน วันนี้วันเกิดของภรรยาผม ผมไปหาซื้อข้าวของมาจัดเตรียมที่จะประดิษฐ์อะไรสักอย่างให้กับเธอ แต่พอผมเห็นร้านที่ออกแบบดีไซน์เสื้อผ้าของน้องสาวผมบนห้าง ผมก็สะดุดตาสะดุดใจกับเสื้อผ้าสวย ๆ ทันที ผมคิดไปคิดมาก็เปลี่ยนใจแล้วที่จะประดิษฐ์ของให้เธอ ผมว่าผมอุดหนุนชุดสวย ๆ ของน้องสาวผมดีกว่า
ไงกิ๊กขายดีไหม แล้วที่บริษัทล่ะเป็นยังไงบ้าง
ก็พอไปได้ค่ะ ตอนนี้ที่บริษัทก็หัวหมุนอยู่เลย ต้องตัดชุดให้คุณหญิงระเบียบอี โอ้โหวุ่นวาย แล้วพี่กอล์ฟรู้ได้ไงคะว่ากิ๊กมาเปิดร้านที่นี่ปกติพี่ก็ไม่เคยสนใจเดินห้างเลยนี่นา ผีเข้าเหรอคะ
น้องสาวผมยิ้มอย่างมีไมตรี หลังจากที่เปิดบริษัทเป็นของตัวเองได้ แล้วก็มาเปิดร้านเพื่อที่จะขยายสินค้าให้สู่ตลาดมากขึ้น ก็ดูหน้าบานไม่ยอมหุบเลย คงมีความสุขกับงานมากทีเดียว
พี่มาดูของขวัญวันเกิดให้คุณลูกแก้วน่ะ
แล้วพี่สนใจอะไรในร้านบ้างไหมล่ะ
อืมพี่ชอบชุดนี่น่ะอยากได้มาก ๆ อยากให้เธอใส่ที่สุดเลย
เดี๋ยวนะคะพี่กอล์ฟ บอย บอยคะมาดูลูกค้าหน่อยเร้ว
น้องสาวหัวดื้อของผมเรียกดีไซน์เนอร์คนนึงออกมา คน ๆ นี้เคยตัดชุดเจ้าสาวให้กับผมมาก่อน แต่ผมก็ยังสงสัยอยู่ว่าเขาย้ายบริษัทมาตั้งแต่เมื่อไร แต่เท่าที่ดู ๆ แล้วหมอนี่คงจะชอบยายกิ๊กแหง ๆ ละเพราะทั้งคู่เคยอยู่บริษัทเดียวกันมาก่อนนี่นะ
สวัสดีครับอ้าว!!!คุณกอล์ฟ นึกว่าใครที่ไหน วันนี้จะรับชุดอะไรครับ เนื่องในงานอะไร ตัดไซท์เท่าเดิมหรือเปล่า
เอ่อ.ไม่ใช่ของผมหรอก แต่เป็นของภรรยาผมน่ะ
อ๋อของคุณลูกแก้วน่ะเหรอ คุณอยากได้แบบไหนล่ะ
ผมชอบชุดนี้ครับ
อ๋อเดี๋ยวผมแก้ให้ คุณลูกแก้วยังไซน์เท่าเดิมหรือเปล่าครับ
ครับ
พอผมได้ชุดราตรีสีฟ้าสดใสแล้ว ผมก็ตรงดิ่งไปที่ร้านจิวเวอร์รี่ทีเดียว เพื่อที่จะเลือกกำไลสักวง ต่างหูสักคู่ และก็สร้อยเพชรอีกเส้นให้เธอ ผมเลือกไม่ถูกเลยเพราะดู ๆ มันก็สวยจนผมเลือกให้ภรรยาไม่ถูก
สวัสดีครับ คุณต้องการเครื่องประดับแบบไหนครับ และใช้ในงานอะไร
ผมสะดุดกับป้ายชื่อของนายคนนี้จริง ๆ นามสกุลเขาเหมือนผมเหลือเกิน แล้วนามสกุลนี้พ่อผมเป็นคนตั้งขึ้นมาเองด้วย ก็มีแต่ลูกของท่านเท่านั้นที่จะได้ใช้ ผมจึงถามอย่างไม่ลีรอเลย
น้องครับ น้องหน้าตาคุ้น ๆ มากเลยนะ พี่ถามจริง ๆ เถอะนามสกุลนี้น้องเอามาใช้ได้ยังไง
โถ่พี่นี่ก็นามสกุลพ่อผมนี่จะให้ผมใช้นามสกุลใคร พี่นี่ก็ถามแปลก ๆนะ
พ่อน้องชื่ออะไร
พี่จะถามไปทำไมกัน
ก็พี่อยากรู้ พี่เห็นเราใช้นามสกุลเดียวกันเผื่อจะเป็นญาติกัน
พี่อย่ามาอำเลย ถึงพี่มีนามสกุลเดียวกับผมก็ใช่ว่าผมจะลดราคาให้พี่นะ ผมน่ะเป็นแค่ลูกจ้างเขาเท่านั้นแหละ
ผมกลัวว่าหมอนี่จะไม่เชื่อผมก็เลยเอาบัตรประชาชนออกมาจากกระเป๋า แล้วยื่นให้หมอนี่ดู
เหลือเชื่อเลยนะ พี่นามสกุลเดียวกันกับผมเหรอ อย่าบอกนะว่าพี่เป็นพี่ผมอีกคน
ทำไมเหรอ
ผมถามอย่างสงสัย คำว่าอีกคน แสดงว่าต้องไม่ใช่แค่ผมคนเดียวแน่ ๆ เลย หมอนี่อาจจะเจอยายกิ หรือยายกิ๊กแล้ว ผมอาจจะตกข่าวแล้วก็ได้ หมอนี่เป็นใครกันแน่นะทำไมถึงใช้นามสกุลนี้ได้ ผมรู้สึกแปลกใจจริง ๆ เลย
นายไปเจอใครมา
ก็เมื่อ ปีก่อนผมได้รู้จักกับดีไซน์เนอร์คนนึงเขาชื่อกิ๊ก พี่เขาก็มาถามผมแบบเดียวกันกับคุณพี่นี่แหละ แล้วถามไปถามมาจนผมรู้ว่านี่คงเป็นลูกสาวคนเล็กของคุณแม่พิมพ์ใจ กับคุณพ่อแน่ ๆ ส่วนผมน่ะถ้าพี่อยากรู้ผมก็จะบอกให้ ผมเป็นลูกของคุณพ่อวศิลป์ กับคุณแม่กระจง แต่ผมจะบอกให้ว่าคุณพ่อมีผมหลังจากที่เลิกกับคุณแม่พิมพ์ใจแล้วได้ปีหนึ่งนะ ผมไม่ใช่ลูกเมียน้อยนะ
แล้วนายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร
ถ้าคุณเป็นลูกของคุณแม่พิมพ์ใจละก็ ผมว่าคุณต้องเป็นลูกคนโตของท่าน คุณชื่อกีรตฤณใช่ไหม อย่าบอกนะว่าคุณคือกอล์ฟน่ะ
ใช่
ผมตอบด้วยเสียงที่หนักแน่น เพราะผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมจะมีน้องชายกับ เขาด้วย ยายกิ๊กไม่เห็นบอกผมเลย ถ้าวันนี้ผมไม่เปลี่ยนใจที่จะเลือกของละก็ผมคงไม่ได้เจอหมอนี่ และก็คงไม่รู้ว่าหมอนี่คือน้องชายของผม คุณพ่อนี่ก็เหลือร้ายนะ ปากก็บอกว่าอยากจะคืนดีกับคุณแม่แต่ดูสิการกระทำแบบนี้น่ะเหรอจะอยากมาคืนดีด้วย สงสัยจะยาก
นายเรียนจบอะไรถึงได้มาขายจิวเวอร์รี่เนี่ย
ผมจบวิศวกรรมโยธา แต่ตกงาน ไม่มีใครรับผมเพราะตอนนี้สภาวะการเลิกจ้างมันสูง ผมเลยหางานทำลำบาก หัวก็ไม่ดี เรียนก็แค่สองกว่า ๆ จะไปทำอะไรกินได้
ไปอยู่กับพี่ไหม ที่บ้านพี่ก็ไม่มีใคร ถ้ามีเราไปอยู่ด้วยมันคงคึกครื้นดีนะ แล้วอีกอย่างที่บริษัทพี่ก็ยังว่างอยู่ตำแหน่งนึงคือผู้ช่วยวิศวะ สนใจหรือเปล่า
ครับ ๆ ๆ
น้องชายคนนี้ตอบด้วยน้ำเสียงที่ดีใจมาก ๆ ดูท่าทางจะเป็นคนดีไว้ใจได้นะเนี่ย
แต่ตอนนี้นายต้องขายของให้พี่ก่อนนะ
ครับ จะเลือกแบบไหนดีครับ เอาไปให้พี่ลูกแก้วเหรอครับ
นายนี่รู้ไปซะทุกเรื่องเลยนะ
ผมได้เพชรสวิตมาชุดนึง สวยมาก ๆ แต่ราคาค่อนข้างสูง เพื่อคนที่ผมรักแล้วจะราคาเท่าไรผมก็ทุ่มไหว แล้วผมก็ให้นายกฤษน้องชายของผมมาอยู่กับผมด้วยเลยวันนี้
ไงจ๊ะที่รัก ไม่สบายหรือเปล่า ตาแดงอีกแล้ว อย่างอนพี่นะวันนี้พี่มีอะไรอยากให้แปลกใจน่ะ ไปอาบน้ำก่อนนะ
ผมหลอกล่อให้ภรรยาเข้าไปอาบน้ำแล้วผมก็เอาชุดราตรีออกมาวางที่เตียงและเขียนโน๊ตทิ้งไว้ให้ หวังว่าเธอคงใส่ได้พอดีใจจริงผมก็รู้ว่าไอ้ต้นต้องมาแน่ ๆ หมอนี่นี่แย่จริง ๆ ทำให้เธอร้องไห้อีกแล้ว แต่ก็ช่างเถอะวันนี้วันเกิดของเธอผมจะต้องทำให้เธอมีความสุขที่สุดทีเดียวผมคิดอย่างนั้น
ภรรยาของผมเดินลงมาด้วยชุดราตรีสีฟ้าสวย ผมยืนรอเธอที่บันได้เตรียมพร้อมที่จะทานอาหารกัน คุณแม่และน้องชายของผมก็นั่งรอที่โต๊ะแล้ว
นี่ใครกันคะพี่กอล์ฟ
นี่น้องชายของผมเอง นายกฤษ
ไม่เห็นคุณเคยบอกเลยว่ามีน้องชาย
ผมอึ้งอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ชวนทุกคนให้ทานอาหาร พอทานเสร็จผมก็เดินไปหยิบการ์ดน่ารัก ๆ ใบหนึ่งมาให้เธออ่าน เธอก็อ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ จากนั้นผมจึงหยิบเครื่องประดับออกมาช้า ๆ
หลับตาก่อนสิมีอะไรจะให้ ต้องหลับตาจริง ๆ นะ
พอเธอหลับตาผมก็เอาสร้อยมาใส่ให้ จากนั้นก็เอากำไลมาใส่ให้ ใส่ต่างหูให้เธอ น้องชายของผมเดินไปหยิบกระจกมาให้ผม จากนั้นผมจึงบอกให้เธอลืมตา
อะไรกันคะเนี่ย
เธอถามอย่างแปลกใจและก็ดีใจเป็นที่สุด เธอกอดผมไว้แน่นทีเดียว น้องชายกับคุณแม่ท่านก็ปรบมือให้จากนั้นท่านก็พานายกฤษเดินไปคุยในห้องรับแขก เหลือเพียงผมและเธอเท่านั้น ผมจึงพาเธอเดินออกไปที่สวนหลังบ้าน พาเธอออกมาดูดาวและแสงจันทร์ ไม่ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงกับเธอเหมือนกันแต่ด้วยความที่ผมค่อนข้างจะเป็นคนโรแมนติก ผมจึงกอดเธอเอาไว้แน่น ๆ แล้วก็โยกตัวไปมาด้วยความรัก
สุขสันติ์วันเกิดนะคนดี
คืนนี้เป็นคืนที่ผมมีความสุขที่สุดอีกวันหนึ่ง ผมรู้สึกว่าเหมือนโลกนี้มีเพียงเราเท่านั้น จะมีใครบ้างนะที่มีความสุขแบบผม ถึงแม้ว่าชีวิตของผมจะผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างทรหดเพียงใดแต่ผมก็สำเร็จได้ด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นชีวิตครอบครัวหรือหน้าที่การงาน แต่ก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ใจของผมยังคงต้องการอยู่เสมอก็คือลูก ผมอยากมีลูกกับเธอจนใจจะขาด แต่ผมก็ยังไม่สมหวังเสียที เธอก็ไม่ยอมไปตรวจกับผมด้วยสิ สิ่งนี้แหละที่ทำให้ผมต้องเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องชวนเธอไปโรงพยาบาลอยู่เสมอ ๆ ผมไม่เข้าใจเธอเลยจริง ๆ
ตั้งแต่มีน้องชายมาอยู่ด้วย ผมก็ติดต่อกับพ่อมากขึ้น เพราะดูท่าทางคุณพ่อคงเป็นห่วงหมอนี่มาก ๆ เพราะท่านเลี้ยงของท่านมา ส่วนพวกผมมันโต ๆ กันหมดแล้วนี่ท่านจะต้องมาห่วงอะไร ผมได้รู้จักกับภรรยาใหม่ของคุณพ่อ ได้รู้จักกับครอบครัวนี้มากขึ้นจึงทำให้ผมรู้ว่านายกฤษต้องการอะไร นายกฤษดูจะเกรงใจผมมากถึงได้ไม่ออกปากขอไปเรียนต่อปริญญาโท ผมก็เลยต้องออกปากเอง และก็ส่งน้องเรียนอีกคนหนึ่งด้วยความภาคภูมิใจ ที่จริงผมอยากให้น้องบวชแต่น้องบอกว่าน้องบวชไปแล้ว พอผมซักไซร้ไล่เรียงจนได้รู้ว่ายายกิ๊กเป็นแม่งานให้ แหมยายนี่ก็ไม่เคยบอกเราเลยน่าตีจริง ๆ นะ มีอะไรก็ปิดกันเงียบไปหมด แล้วนี่ก็ไม่รู้ว่ายายกิเขารู้เรื่องหรือยังว่ามีน้องชายเพราะดู ๆ แล้วยายนี่เขาขยันทำงานจนไม่คิดจะหาแฟนใหม่เลย
น้องชายของผมคอยสอดส่องดูแลบ้านช่องให้จนวันหนึ่งเขาก็มาเอ่ยปากพูดกับผม
พี่รู้จักคนชื่อต้นหรือเปล่า พี่รู้ไหมเขามาที่บ้านเราบ่อยมาก ๆ มาหาพี่ลูกแก้วแล้วก็ชวนกันขึ้นไปข้างบน ทะเลาะกันเป็นประจำราวกับเป็นคู่รักกันเลย แล้วพี่รู้ไหมว่าพี่ลูกแก้วเขาเอาเงินให้หมอนี่อยู่เรื่อย ๆ แล้วยังมีอีกเรื่องก็คือพี่เขากินยาคุมด้วย
แล้วนายรู้ได้ไง
นี่ถังขยะพี่ พี่ลูกแก้ววานให้ผมเอาไปทิ้งให้ตอนผมขอไปทำความสะอาดในห้องของพี่
ผมอึ้งตั้งแต่คำแรกที่หมอนี่พูดถึงไอ้เพื่อนคนนั้น สิ่งที่ผมสังหรใจมันก็กำลังจะเป็นความจริงแต่มันยังไม่มีหลักฐานเท่านั้นเอง วันนี้ผมจึงไม่พูดอะไรกับใครพอทานข้าวเสร็จผมก็โทรจ้างแม่บ้านให้มาทำงานที่บ้านเพื่อให้น้องชายของผมเรียนได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องมาทำงานบ้าน ทีแรกผมคิดว่าภรรยาผมจะทำอะไรเองไปหมด แต่ที่ไหนได้ก็ใช้น้องชายผมให้ทำงาน ผมรู้สึกแย่จริง ๆ จากนั้นผมก็ไปหยิบกล้องดิจิตอลมาซ่อนไว้หลังหนังสือเล่มหนึ่งที่ชั้นวางหนังสือ พอเช้าผมก็เปิดกล้องทิ้งไว้
วันนี้ทั้งวันผมทำอะไรไม่ได้เลย ผมไปรับน้องชายจากมหาวิทยาลัย จากนั้นก็ปรึกษาเรื่องของเธอ แต่หมอนี่ก็ให้คำปรึกษาอะไรไม่ได้มากเพราะเขายังไม่มีประสบการณ์ดีพอ ผมไม่รู้จะทำยังไง รู้สึกเครียด ๆ ยังไงบอกไม่ถูก ผมก็เลยพานายกฤษไปโชว์รูมรถ แล้วก็เลือกรถให้คันนึงเพื่อที่จะขับไปเรียน เพราะหมอนี่ก็ขับรถเป็นแล้วน่าจะมีรถได้แล้ว ผมโทรบอกที่บ้านว่าผมกับน้องจะกลับดึก ไม่ต้องให้พวกเขารอผม ผมกลัวว่าแม่จะรอนานเดี๋ยวจะเสียสุขภาพ
ผมกลับบ้านมาอย่างคนที่ปล่อยอารมณ์ไปเรื่อยเปื่อย ผมไม่ได้เมานะเพราะผมไม่ได้ดื่มสักนิด ภรรยาผมหลับสนิท ผมจึงเดินไปหยิบกล้องออกมาเปิดดูกับน้องชาย จะว่าผมรวมหัวกันก็ใช่นะเมื่อผมดูภาพที่เห็น ผมถึงกับตกใจมาก ๆ เขาทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งเกินที่ผมจะคิดได้ เขาพูดถึงเรื่องเงิน พูดถึงเรื่องข้าวของที่ผมซื้อให้ เพื่อนของผมตีท้ายครัวผมเต็มที่ ผมรู้สึกแค้นใจจริง ๆ ยิ่งได้เห็นไอ้เพื่อนคนนี้ตบหน้าเธอ ผมก็ยิ่งปวดใจยิ่งนัก ผมพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลย มันอะไรกันเนี่ย!!! มันเกิดอะไรขึ้น ผมทำไมถึงได้เจอเหตุการณ์อะไรเลวร้ายปานนี้ หมอนี่ทั้งข่มขู่และก็ปอกลอกเธอ ผมส่ายหน้าแล้วก็นั่งกุมขมับอยู่นาน น้องชายผมปลอบใจผม และก็กอดผมไว้แน่น ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่ผมต้องเสียน้ำตาให้กับความพ่ายแพ้แก่ตัวผมเอง ดีนะที่ผมเป็นคนฟังหูไว้หูไม่งั้นผมคงเชื่อภรรยาเสียจนหัวปักหัวปำทีเดียว ผมนี่มันโง่จริง ๆ โดนสวมเขามาตั้งนานแต่ก็ไม่เคยรู้เลย ผมก็มีพร้อมทุกอย่างนี่แต่ทำไมเธอถึงทำแบบนี้กับผมคืนนี้ผมต้องมานอนห้องน้องชายเพราะผมทนไม่ได้ ผมรู้สึกแขยงผู้หญิงอย่างเธอจริง ๆ
หลาย ๆ คนที่เกิดมาต่างก็ต้องผ่านช่วงชีวิตและประสบกับเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย และเหตุการณ์หนึ่งที่คนในวัยหนุ่มสาวมักจะต้องประสบคือการรู้สึกชอบ หรือถึงกับรักใครคนหนึ่ง และบางคนก็ไม่อาจสมหวังในความรักนั้นได้ ต้องเกิดอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับขึ้นมาทันที แต่สำหรับผมนี่มันอะไรกันแน่เนี่ย ทีแรกก็ว่าสมหวังในความรักและชีวิตครอบครัว แต่แท้ที่จริงแล้วก็เปล่าเลยสักนิด ผมแก่เกินไปที่จะว่าเป็นหนุ่มสาว แต่ผมก็มีหัวใจมีความรักเหมือนคนอื่น ๆ เขาแล้วทำไมผมถึงไม่ได้อะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ผมทุ่มเทไปให้เธอขนาดนี้
เมื่อหาทางออกในชีวิตไม่ได้ก็หันมาใช้วิธีการระบายปัญหาของคนสิ้นหวัง ด้วยการหันไปหาเพื่อน และของมึนเมาต่าง ๆ หรือสิ่งเสพติดเพื่อประชดตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ผมหมดอะไรตายอยากในชีวิต แต่ผมโชคดีที่ไม่ได้ทำแบบนั้นเพราะผมมีน้องชายที่เป็นคู่คิดที่ดี คอยปลอบใจผมทำให้ผมไม่ลุ่มหลงมัวเมาในสิ่งที่จอมปลอม ผมได้ดูรายการหนึ่งทางโทรทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับคนอกหักซึ่งจำลองถาพเหตุการณ์มาให้ชมมีความว่า
การที่หนุ่มสาวส่วนหนึ่งจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลก็มักจะทำให้สูญเสียอนาคตไปได้ ผมอยากจะเล่าเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่อกหักจากความรัก แต่เธอคนนั้นได้คิดและมีสติ เพราะเธอรู้ว่าผู้ชายที่รักเธอมากที่สุด โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนเป็นความรักที่บริสุทธิ์ 100% คือคนที่เธอควรไปปรึกษาปัญหาอกหักนี้ และคนๆ นั้นคือคุณพ่อของเธอ เรามาฟังคำบอกเล่าของเธอกันนะครับ
เมื่อสามวันก่อนฉันอกหัก..แยกทางกับผู้ชายที่ฉันรักมากที่สุด.....เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่าอาการผิดหวังในความรัก มันทำให้เราเศร้า แล้วก็หดหู่ขนาดนี้ โตมาจนป่านนี้เพิ่งจะรู้...... น้ำตามันเอ่อออกมาตลอดเวลา แค่นึกขึ้นมาว่าเค้าได้พูดอะไรกับเราก่อนทุกอย่างจะจบลง มันก็ไหลออกมาเป็นทางหยุดไม่ได้ ฉันไม่อยากนอนเพราะกลัวฝัน ขนาดฝันยังร้องไห้เลยมันเศร้าจริง ๆ เมื่อคืนนี้.....พ่อมานั่งลงตรงเก้าอี้สนามข้างๆ ฉัน เอามือมาขยี้หัวฉัน แล้วถามฉันว่า ลูกจำได้รึเปล่าว่าลูกเคยเสียใจมากที่สุดเรื่องอะไร ฉันกลั้นน้ำตาตอบพ่อโดยไม่ต้องคิดเลย ครั้งนี้แหละค่ะ หนูเสียใจ แล้วก็ร้องไห้ มากที่สุดในชีวิตเลย หนูไม่มีทางลืมความเจ็บปวด ความเสียใจคราวนี้ง่ายๆ ค่ะพ่อ หนูรักเค้ามากเหรอลูก พ่อยังคงถามฉันต่อ พ่อคะ.....มีผู้ชายแค่สองคนที่หนูรักเท่าชีวิตของหนู คนแรกก็คือพ่อ คนที่สองก็คือ เค้า หนูไม่รู้จริงๆ ว่าวันข้างหน้า หนูจะรักใครได้เท่านี้อีกรึเปล่า พ่อยิ้มแล้วดึงฉันเข้าไปนั่งใกล้ๆ คราวนี้ฉันกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว พรั่งพรูความเจ็บช้ำ เสียใจทุกอย่าง พ่อโอบฉันไว้นิ่งๆ จนฉันหยุด พ่อก็ถามฉันว่า ลูกว่าตอนที่พ่อตีลูก เพราะจับได้ว่าลูกขโมยเงินพ่อน่ะ ลูกเจ็บมากรึเปล่า น่าจะเจ็บนะ ก็พ่อฟาดหนูด้วยเข็มขัดนี่นา ตีทีเดียวแต่น่องหนูแดงเป็นปื้นไปหลาย วันเลย หนูจำได้ว่าย่าต้องแอบเอายามาทาให้หนู แต่พ่อคะมันเจ็บไม่ถึงครึ่งของครั้งนี้ เลย หนูเจ็บมาก เจ็บจนบอกไม่ถูก ลูกจำไม่ได้หรอก พอพ่อตีลูกแล้ว ลูกก็ขึ้นไปนอนร้องไห้ พ่อตามไปถามว่าลูกจะ ทำอีกมั๊ย....ลูกบอกพ่อว่าลูกเข็ดแล้ว ลูกเสียใจมาก จะไม่ทำอีกแล้ว ครั้งนั้นลูกก็ เสียใจใช่มั๊ยล่ะ ฉันรับคำพ่อเบาๆ เพราะความเสียใจครั้งนั้นมันเลือนลางมากแล้ว แล้วตอนลูกเอ็นท์ไม่ติดล่ะ ลูกจำได้รึเปล่า ว่าลูกเสียใจขนาดไหน ครั้งนั้นหนูผิดหวัง โกรธตัวเองที่ทำไม่ได้ เสียใจที่ทำให้พ่อผิดหวัง ฉันจำได้ดีว่าฉัน เสียใจ ร้องไห้สะอึกสะอื้นที่สอบไม่ได้ ร้องไห้ พ่อแม่ต้องปลอบอยู่เป็นอาทิตย์กว่า ฉันจะทำใจได้ อืม...เทียบกับครั้งนี้....ตอนไหนเสียใจมากกว่ากันล่ะ ฉันยังคงยืนยันว่าครั้งนี้ฉัน เสียใจมากจริงๆ มันคงต้องอาศัยเวลานานกว่าทุกครั้งกว่าฉันจะทำใจได้ พ่อโอบฉันแน่นขึ้น แล้วพูดว่า นานแค่ไหน ลูกก็จะลืมมันได้ จะช้าหรือเร็วมันก็จะ ผ่านไป กลายเป็นแค่ความทรงจำเก่า ต่อไปพอลูกนึกถึง ลูกก็แค่จำได้ว่าลูกเสียใจ แต่ลูกจะไม่รู้สึกเสียใจอีกแล้ว เชื่อพ่อสิ....เหมือนหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา....อนาคตมัน ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกลูก วันข้างหน้าลูกก็อาจจะเจอเรื่องร้ายๆ กว่านี้ ลูกก็จะบอก พ่อว่าลูกเสียใจที่สุดในชีวิต ลูกทำใจไม่ได้อีก ฉันนิ่งฟังพ่อ เข้าใจดีถึงสิ่งที่ท่านพยายามจะบอกฉัน ฉะนั้นอะไรที่ลูกคิดว่า รักที่สุด เสียใจที่สุด มันไม่จริงหรอกลูก วันข้างหน้าลูกก็จะ เจอสิ่งที่เป็นที่สุดของที่สุด และทางที่ลูกยังต้องเดินมันอีกยาวไกล ลูกต้องแข็งแรง แล้วก็ตั้งสติดีๆ ฉันกอดพ่อนิ่ง ไม่รู้จะขอบคุณด้วยวิธีไหนได้ดีกว่านี้ เช้าวันนี้......ฉันยิ้มได้อีกครั้ง.........กลับเป็นฉันคนเดิม..... มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังค้างคาอยู่ในใจ คือสิ่งที่ฉันยังไม่ได้บอกพ่อ พ่อคะ จริงๆ ครั้งที่หนูเสียใจมากที่สุดในชีวิต ไม่ใช่ตอนที่พ่อตีหนู ไม่ใช่ตอนที่หนู เอ็นไม่ติด แล้วก็ไม่ใช่ตอนที่หนูเลิกกับเค้า.....แต่มันคือตอนที่พ่อจากหนูไปต่าง หาก หลับให้สบายนะคะพ่อ....อย่าเป็นห่วงหนูเลย.....หนูจะเข้มแข็งและดูแลตัวเองให้ดีที่ สุด..หนูรักพ่อที่สุดค่ะ พ่อคะ....ขอบพระคุณมากค่ะ
โปรดจำไว้เถอะว่า หากหัวใจของคุณยังไม่ร้องไห้ออกมาดัง ๆ พร้อมกับพูดกับตัวเองว่า...ฉันเหนื่อยเหลือเกินแล้ว โปรดห้ามใจเถอะ ก่อนที่ฉันจะอ่อนล้าไปกว่านี้... การรักใครซักคน ไม่ต้องการความพยายาม การตัดใจ ต่างหาก ที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากมาย ลองชั่งน้ำหนักในใจเราดูสิว่า ความสุขยามที่คุณได้สบตาเค้า กับความทุกข์ยามที่คุณต้องคอยหลบตาเค้า อันไหนมันหนักหนากว่ากัน ในขณะที่เราคิดถึงคน ๆ หนึ่งตลอดเวลา เค้าคนนั้นก็อาจคิดถึงคนอื่นอยู่ก็เป็นได้ จงจำไว้ว่าตลอดเวลา มีคนที่คิดถึงเรา โดยที่เราไม่สนใจเลยเช่นกัน คน ๆ นั้นคือคุณพ่อและคุณแม่ของเรานั่นเอง รายการของเราต้องจบแต่เพียงเท่านี้ พบกันใหม่สัปดาห์หน้าเวลาเดียวกัน สวัสดีครับ
เมื่อผมดูจบผมก็รู้สึกว่าผมโล่งใจเหมือนได้ระบายอะไรออกมาเลย แต่ผมก็ยังไม่เลิกเครียดเพราะชีวิตของผมมันหนักกว่าเรื่องราวในรายการเสียอีก วันนี้ผมทำฟอร์มว่าไปทำงานแต่จริง ๆ แล้วผมไม่ได้ไป ผมพยายามจะจับชายชู้ให้ได้ เมื่อสบโอกาสผมกับน้องชายจึงเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปทันที ภาพที่ผมเห็นคือพวกเขากำลังจะทำอะไรต่อมิอะไรกันในนั้น ผมหวั่นใจมาก และทั้งคู่ก็ตกใจมาก ๆ ด้วย
ทำอะไรกันน่ะ!!!!
ทั้งคู่เงียบโดยเฉพาะเธอ เธอทำหน้าซีดมาก ๆ จนผมใจอ่อน แต่ผมก็ได้สติคืนมาเพราะน้องชายของผม
นึกแล้วเชียวว่าพี่ 2 คนเป็นอะไรกัน
ต้นทำไมนายทำแบบนี้ นายตีท้ายครัวเราเหรอ
เราไม่ได้ตีท้ายครัวนาย นายนั่นแหละที่ทำร้ายเราก่อน
เราไปทำร้ายนายตรงไหน
นายแย่งเมียเรา นายรู้ไหมว่าเราได้กันมาตั้งแต่เราเรียนด้วยกันเมื่อ ป.ตรี แต่นายนั่นแหละที่มาแย่งเธอไป
นายนาย
ผมพูดไม่ออกเลย ผมไม่คิดว่าคนที่เงียบ ๆ เคร่งขรึมที่จะเรียนกลับเป็นคนที่เร็วมาก ๆ คบกับเธอและยังได้ทั้งใจและตัวเธอไปอีก ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี ผมเครียดมากและแค้นใจที่สุด รู้สึกเสียหน้ามาก ๆ
คุณทำเป็นไร้เดียงสา ผมจำได้ดีว่าคืนแรกวันส่งตัวเป็นยังไงผมผิดหวังในตัวคุณมาก ทำไมคุณไม่บอกผมตั้งแต่วันนั้น ผมจะได้ไม่ดึงคุณดิ่งมาอยู่กับผมผมเสียใจเหลือเกิน
ฉัน
คุณไม่ต้องพูดแก้ตัวแล้ว ผมถามคุณหน่อยเถอะ คุณเคยรักผมบ้างไหม!!!!
ฉันรักคุณตลอด ถึงตอนนี้ฉันก็ยังรักคุณอยู่
ยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอว่ารักผมคุณนี่มันนางวันทองสองใจจริง ๆ เลยเอางี้ดีกว่าผมว่าคุณเตรียมเก็บของกลับบ้านคุณไปได้เลย ผมไม่อยากอยู่ร่วมกับคนหลอกลวงอย่างคุณ ผมขยะแขยงคุณจริง ๆ ผมอยากรู้นักว่าผู้หญิงอย่างคุณหัวใจมันทำด้วยอะไร
ผมเห็นเธอคุกเข่าร้องไห้ผมก็สงสารเธอ แต่สิ่งที่เธอทำกับผมมันร้ายแรงเหลือเกินผมไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี มันท้อแท้สิ้นหวังไปหมด ยิ่งตอนเธอเดินถือกระเป๋าออกจากบ้านไปกับเขาผมยิ่งปวดใจมาก ๆ ผมพ่ายแพ้ให้กับชีวิตแล้ว
เวลาผ่านไปหลายเดือนผมไม่ได้ติดต่อกับเธอเลย ผมไม่ได้หย่าเพราะผมยังอาลัยอาวรเธออยู่ผมเพียรทำงานโดยไม่สนใจอะไร ชีวิตผมทุ่มเทให้กับงานมากมายจนแทบจะไม่รู้จักใครแล้วผมมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ยายกิน้องสาวของผมมาให้สติผม ผมถึงได้มองโลกกว้างขึ้นและเห็นความสำคัญของตนเองมากขึ้น ตอนนี้ผมใช้ชีวิตดูแลน้องชายต่างมารดาของผม และดูแลแม่จนวาระสุดท้ายก่อนที่ท่านจะจากผมไปด้วยโรคชรา คุณพ่อท่านเสียใจมากแต่ท่านก็ยังคงเก็บอารมณ์ ส่วนน้องสาวที่น่าเป็นห่วงอีกคนคือยายกิ๊กหลังจากที่แต่งงานได้เพียง 5 เดือนแม่ก็เสียดูเธอเสียใจที่สุดเพราะเธอผูกพันธ์กับแม่มาก แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันในงานศพของคุณแม่ก็คืออดีตภรรยาผมเดินมาใส่ดอกไม้จันทร์ เธอร้องไห้เสียใจมากเพราะเธอก็ผูกพันธ์กับท่านเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ใจหนึ่งก็ยังรักเธออยู่แต่ใจหนึ่งก็บอกกับตัวเองว่าอย่าเลยอย่าทำให้อะไร ๆ มันต้องเจ็บปวดอีก
เธอมองหน้าผมแล้วก็จากไป คุณพ่อนี่แหละที่เป็นคนเรียกสติผมกลับมา
รักเขาจริงหรือเปล่าถ้ารักเขาจริงต้องให้อภัยเขาแล้วกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ไปสิไปตามหัวใจของตัวเอง อย่าให้เธอต้องจากไปเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อย มันไม่ร้ายแรงมากนักหรอกอภัยให้เธอแล้วกลับมาใช้ชีวิตให้มีความสุขเหมือนเดิมไปสิลูกไป
ผมวิ่งไปหาเธอ ผมเห็นเธอนั่งร้องไห้ที่ท่าน้ำ นั่งเหม่อลอยดูปลาและก็ทำสีหน้าอย่างคนสิ้นหวัง ท้อแท้ในจิตใจ ยิ่งผมใกล้เธอผมก็ยิ่งเห็นว่าเธอซูบผอมไปมาก ผมสงสารเธอจริง ๆ ผมส่งผ้าเช็ดหน้าให้เธอแล้วลงไปนั่งใกล้ ๆ ผมกอดเธอไว้และปลอบใจเธอ ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันถูกต้องหรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่าพ่อต้องแนะนำในสิ่งที่ถูกต้อง ถึงแม้ว่าเธอจะผิดพลาดแค่ไหนแต่ผมรักเธอ ผมต้องให้อภัยเธอ ผมมั่นใจว่าถ้าเธอกลับมาชีวิตของผมต้องมีความสุขที่สุดผมเชื่ออย่างนั้น
คุณมาหาฉันทำไม
ผมมาตาสิ่งที่ผมขาดหายไปตลอดระยะเวลา 5 เดือนกว่า ๆ ผมไม่มีความสุขเลย ผมขาดคุณไม่ได้ คุณเป็นคนที่ผมรักที่สุดผมยังรักคุณอยู่นะกลับมาหาผมได้ไหม
คุณไม่โกรธ ไม่เกลียดฉันเหรอ
ไม่แล้วละ ผมให้อภัยคุณในทุก ๆ เรื่องมาอยู่กับผมเถอะนะคนดีลืมเรื่องในอดีตซะแล้วกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้ไหม
เธอยิ้มแล้วกอดผมไว้แน่น ผมดีใจที่สุด ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ตอบผมแต่ผมก็รู้ทันทีว่าใช่แน่ ๆ เธอกลับมาอยู่กับผมแน่ ๆ ต่อจากนี้ไปผมจะดูแลเธอให้ดีที่สุด ผมจะเริ่มต้นใหม่กับเธอจะรักและอยู่กับเธอตลอดไป ผมจะไม่ให้ใครมาทำร้ายเธอได้อีก
บรื้น.
มีรถคันหนึ่งขับตามผมมา เหมือนกับจะเอาชีวิตผม มันขับไล่บี้ผมมาตลอดทาง ผมใจคอไม่ดีเลย ผมสังหรใจยังไงชอบกล ผมหันไปมองกระจกข้าง ผมก็เห็นทะเบียนรถคันนั้นผมจึงรู้ว่านายต้นหมายที่จะเอาชีวิตผม ผมจึงให้ลูกแก้วโทรแจ้งความ แต่ไม่ไหวแล้วเขาขับรถแรงเหลือเกิน ชนท้ายรถผมหลายครั้งจนรถเสียหลักด้วยกันทั้งคู่ รถของต้นข้ามฝั่งไปถูกรถพ่วงชนประสานงานแรงมาก ส่วนรถของผมหักหลบไปชนกับต้นไม้ แต่โชคดีที่กันชนดีรถจึงไม่เป็นอะไรมาก ส่วนภรรยาผมปลอดภัย เมื่อตำรวจมาเรื่องต่าง ๆ ก็คลี่คลายด้วยดี
ซ่า.ซ่าซ่า
เสียงคลื่นลมทะเลค่อนข้างสงบ ผมเอากระดูกของแม่ไปลอยอังคารในทะเลจากนั้นก็ไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง ผมมีความสุขมากที่ได้จูงมือผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง ผมรู้สึกว่าชีวิตของผมเหมือนมันสดชื่นและดูอะไร ๆ ก็สวยงามไปหมด ผมรักเธอมากจริง ๆ
อวกอวกอวก
ลูกแก้วคุณเป็นอะไรไปน่ะ
ฉันเวียนหัวอยากจะ
อวกอวกอวก
ผมจะพาคุณไปห้องน้ำนะ ถ้าคุณไม่ชอบอาหารที่นี่ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวไปทานกันที่อื่นนะ
ไม่เป็นไรค่ะ
อวกอวกอวก
ผมถามหน่อยเถอะคุณเป็นอะไรกันแน่เนี่ย
ฉันกำลังจะมีเด็ก
หา
ตั้งแต่เธอกลับมาอะไร ๆ ก็ดีขึ้นอย่างไม่คาดฝัน เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน...ผมมีความสุขมาก ๆ ทีเดียว ที่จริงผมก็มารู้เรื่องของเธอเกี่ยวกับนายต้นในช่วงหลังที่ผมไปเจอไดอารี่ของเธอที่ใต้เตียง จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นแต่เพราะนายต้นมันบังคับเธอ ถ้าเธอไม่ทำตามมันมันก็จะเปิดเผยว่าเธอเคยเป็นอะไรกับมันเธอกลัวก็เลย... และที่เธอกินยาคุมก็เพราะเธอไม่อยากมีลูกกับคนที่ไม่ได้รัก เธออยากจะให้แน่ใจว่าเธอท้องกับผมแน่ ๆ เท่านั้น...
จริง ๆ แล้วถ้าเธอบอกผมตั้งแต่แรกนายต้นก็คงไม่คุกคามเธอได้ถึงเพียงนี้และรักเราก็คงไม่ร้าวด้วย เพราะผมไม่เคยสนใจอยู่แล้วว่าเธอจะเป็นของใครมาก่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดของผมก็คือเราอยู่ด้วยกันได้ไหม เรารักกันหรือเปล่า และเราจะใช้ชีวิตร่วมกันได้นานเพียงใดเท่านั้นก็เพียงพอสำหรับครอบครัวที่ผมฝันถึงตลอดเวลาอยู่แล้วละ...
ผมดีใจที่สุด ผมรู้แน่ ๆ ว่าเด็กคนนี้คือลูกของผม ผมมั่นใจอย่างนั้น แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เป็นไรยัง ๆ ผมก็รับได้อยู่แล้วละ เพราะผมรักเธอ ผมกอดเธอแน่นมาก ๆ ไม่อยากให้หลุดมือไปเลย ผมรอคอยสิ่งนี้มานานมาก ผมผมตื้นตันใจจริง ๆ จะมีใครสักกี่คนนะที่มีความสุขได้ขนาดนี้ก็คงมีแต่คนที่กำลังจะเป็นพ่อคนอย่างผมเนี่ยแหละ
(ติดตามอ่านภาค 3 นะคะในเรื่องพ่ายให้แก่...เธอ)
14 กรกฎาคม 2547 16:44 น.
สุชาดา โมรา
สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดมักเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญที่สุดเพราะนั่นคือสิ่งที่เราเห็นอยู่ทุกวัน เราก็คิดอยู่ว่าเราก็ต้องเห็นอยู่แบบนั้นต่อไป ไม่เคยคิดว่าสิ่งนี้มันสำคัญ ไม่เคยเห็นแม้แต่คุณค่าเลยสักนิด เหมือนกับการที่เราเห็นหน้าใครบางคนอยู่ทุก ๆ วัน คน ๆ นั้นวิ่งตามเราอยู่ทุก ๆ วัน ใส่ใจเราอยู่ทุก ๆ วัน เราก็มักจะเห็นแค่ว่าใครคนหนึ่งกำลังทำอะไรที่ดูแสนจะงี่เง่า น่ารำคาญ น่าเบื่อหน่ายที่สุด เป็นอะไรที่ทำให้เราเซ็งสุด ๆ และก็อยากจะหนีไปให้พ้น ๆ แต่เราก็ไม่อาจจะทำได้เพราะเราต้องเจอะเจอกันทุก ๆ วัน
กิ๊ก กินข้าวหรือยังไปทานด้วยกันไหม
กิ๊ก ทำงานเป็นไงบ้าง ผมช่วยไหม
กิ๊กวันนี้ผมเหงามากเลยอยากชวนคุณไปดูหนังรอบค่ำ คุณว่างหรือเปล่า
กิ๊กปีใหม่นี้ไปทำอะไรกินกันที่บ้านผมเถอะคุณแม่ท่านบ่นถึงนะ
กิ๊ก งานบวชน้องชายคุณให้ผมไปช่วยงานนะ
กิ๊กผมเห็นว่าสายไฟบ้านคุณเก่าแล้วให้ผมเดินสายไฟให้ใหม่นะ รับรองไม่คิดตังค์
กิ๊กกิ๊กกิ๊ก
สิ่งที่รับฟังอยู่ทุก ๆ วัน มันอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อน่ารำคาญสำหรับคนที่ขี้หงุดหงิด แต่นั่นแหละเราต้องเจอเขาทุกวัน สิ่งที่ดูคุ้นน่าคุ้นตาที่สุดก็คือหมอนี่ บางทีเขาก็สร้างความตลก บางทีก็สร้างความจุ้นจ้าน โดยเฉพาะเวลาที่กำลังเซ็งได้ที่ แต่เราก็ต้องทน ๆ เขาหน่อยเพราะเราจะหาเพื่อนที่ดี ๆ คอยช่วยเหลือเราตลอดเวลาแบบนี้ได้ยาก ถึงจะเบื่อก็ต้องจำยอมเขาละเพราะว่าเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง และก็ดูจะเห็นอกเห็นใจเราเป็นที่สุด
โอ๊ย!!!!เบื่อจริง ๆ เลย เช้ามาเจ้านายก็เรียกไปด่า โอ๊ย!!!!!.ปวดหัวจริง ๆ เลย
เป็นอะไรเหรอกิ๊ก บ่นเสียงดังลั่นออฟฟิตแล้ว เดี๋ยวเจ้านายเธอก็มาได้ยินหรอก
ช่างหัวประไร ไม่อยากทำงานที่นี่อีกแล้วละ
แล้วเธอมีทางไปเหรอ เดี๋ยวนี้หางานยากนะ
จะไปยากอะไรเล่า! นายลองมาเป็นฉันบ้างเอาไหม ทำดีไม่ได้ดี รู้งี้ไปอยู่บริษัทฝ่ายตรงข้ามดีกว่า
อย่าบอกนะกิ๊กว่าฝ่ายนั้นเขาชวนเธอไปอยู่ด้วย เธอทำงานที่นี่มา 5 ปีแล้วนะ นี่เธอจะทิ้งกันไปง่าย ๆ เหรอ
อย่ามายุ่งนะนายยุทธพงศ์ ฉันรำคาญนายที่สุดเลย
ปึง!!ฉันเอาหนังสือวางกระแทกโต๊ะอย่างแรงแล้วจึงเดินหนีไป
ฉันไม่รู้ตัวหรอกว่าทำอะไรลงไป ฉันเสียงดังแค่ไหนกับยุทธพงศ์ แต่สิ่งที่ฉันรู้สึกในตอนนั้นก็คือฉันพิมพ์ใบลาออกอย่างหุนหัน ฉันรู้สึกแย่มาก ๆ ที่เจ้านายเรียกฉันไปต่อว่าต่อขานเรื่องดีไซน์ชุดราตรีหรู ๆ ให้นางแบบก่อนที่จะดีไซน์ชุดหนังบ้า ๆ อะไรนั่นให้ยายคุณหญิงระเบียบซึ่งเป็นขาประจำของบริษัท แล้วฉันก็ดิ่งไปหาเจ้านายที่แสนจะชิงชังของฉันทันที
ปึง!!ฉันกระแทกใบลาออกกับโต๊ะไม้สักหรู ๆ ของเจ้านายที่งี่เง่าเรียกฉันไปด่าเรื่องไม่เป็นเรื่อง ระดับฉันแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องง้อใคร ฉันถือว่าฉันเก่งเพราะฉันจบมาจากปารีส เป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดังของวงการนี้ ฉันเปิดบริษัทเองก็ได้ หรือไม่ฉันก็ไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามเลยจะดีกว่านึกแล้วก็แค้นใจ ฉันสะบัดก้นออกจากห้องเจ้านายทันทีโดยไม่เหลียวหลังกลับไปอีกถึงแม้ว่าเจ้านายจะแผดเสียงเรียกฉันดังลั่นเพียงใดก็ตาม
กิ๊กกลับมาหาฉันก่อนนี่มันอะไรกันเนี่ยกิ๊ก
เมื่อฉันก้าวเท้าพร้อมสัมภาระที่ฉันเก็บใส่กล่องใบโต ๆ ออกมาจากบริษัทแล้ว ฉันก็คิดว่าฉันจะไม่มีวันหวนกลับมาที่นี่อีก ฉันคิดแต่เพียงว่าฉันโกรธ ฉันแค้นและก็ชิงชังบริษัทนี้ ฉันไปโดยไม่บอกลาใคร แล้วฉันก็ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องแก้แค้นให้สำเร็จ ฉันจะเหยียบบริษัทที่ฉันทุ่มเทให้กับงานโดยที่ฉันจะไม่จดจำสิ่งที่ดี ๆ ของบริษัทนี้อีกเลย
บรื้น.ฉันขับรถคันโก้ออกจากบริษัท และก็ไปลาดตระเวนหาที่ทำกินแห่งใหม่ เพราะฉันพอจะมีเงินเก็บในบัญชีอยู่ก้อนใหญ่ เมื่อประจวบเหมาะกับทำเลดี ๆ ตึกดี ๆ ฉันจึงเหมาซื้อตึกหลังนี้หมดทั้งแถว และจัดแจงหามัณฑนากรที่ดี ๆ มาตกแต่งบริษัทให้สวยหรู ให้เป็นที่พอใจแก่ฉัน
เวลา 5 เดือนผ่านไป บริษัทฉันตั้งขึ้นด้วยแรงใจของฉัน สำเร็จด้วยมือของฉันเอง ฉันจึงเปิดรับสมัครพนักงานหลายแผนกด้วยกัน รวมทั้งดีไซน์เนอร์ที่จะมาแบ่งเบาภาระให้ฉันด้วย
ก๊อกก๊อกก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
เชิญค่ะ นั่งตรงนี้เลยนะคะ
ฉันเรียกให้ใครคนนั้นเข้ามานั่งใกล้ ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร นั่งก้มหน้าก้มตาวาดแบบชุดต่ออย่างตั้งอกตั้งใจ เพราะฉันคิดว่าใครคนนี้คงไม่เป็นที่ถูกใจฉันอีก หลังจากที่ฉันสัมภาษณ์มาเป็นจำนวน 15 คนแล้ว
สวัสดีครับ ผมมาสมัครงานครับ
เสียงที่คุ้นหูคุ้นตาที่สุดทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นมาดูว่าเจ้าของเสียงนั่นว่าเป็นใคร ฉันจึงค่อย ๆ วางดินสอแล้วก็มองชายคนนั้นด้วยสีหน้าที่เบิกบานจนแทบจะกระโดดกอดผู้ชายคนนั้นทีเดียว
ยุทธพงศ์
ฉันร้องเสียงหลงด้วยความตกใจและก็ดีใจเป็นที่สุด
เธอมาได้ไงเนี่ย แล้วไม่ทำงานที่บริษัทเดิมแล้วเหรอ แล้ว
พอ ๆ ๆ ๆ พอก่อนตอบไม่ถูกแล้วเราเป็นเพื่อนซี้กันไม่ใช่เหรอ ถ้าเพื่อนไม่ไปกับเพื่อนแล้วเพื่อนจะอยู่ยังไงล่ะ
ขอบใจนะยุทธพงศ์
เลิกเรียกยุทธพงศ์ได้แล้ว เบื่อจะแย่อยู่แล้ว เรียกมา 5 ปีแล้ว เรียกบอยก็ได้ง่ายดี
จ้าบอย
ตั้งแต่หมอนี่มาอยู่กับฉัน ทำให้ฉันมีความสุขมาก มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน เราร่วมกันสร้างบริษัทให้โด่งดังได้และก็ตีขนาบกับบริษัทเดิมได้ ตอนนี้แม้แต่คุณหญิงระเบียบยังมาตัดชุดที่บริษัทเราเลย ถึงแม้ว่าบริษัทเราจะเป็นบริษัทที่เล็ก ๆ ก็ตามแต่ฉันก็มั่นใจว่าจะไปรอด และไปได้ด้วยดี ลูกค้าของฉันหลายคนที่ยังติดใจในฝีมืออันปรานีตของฉันกับหมอนี่ก็ทยอยมาอุดหนุนบริษัททำให้บริษัทเดิมไม่พอใจใช้ยุทธวิธีเรียกร้องความสนใจโดยหานางแบบดัง ๆ มาแสดงโชว์ชุดที่ตัดเย็บแบบหรู ๆ เพื่อที่จะมาข่มกับเราแต่ฉันไม่ยอมแพ้หรอก จริง ๆ นะ
กิ๊ก ผมติดต่อละครเรื่องหนึ่งได้ ผมว่าถ้าเราเป็นสปอนเซอร์ให้กับละครหลาย ๆ เรื่องรับรองว่าเราจะต้องดังกว่าบริษัทนั้นแน่ ๆ แล้วก็ถ้าเราเป็นสปอนเซอร์ให้กับนางแบบดัง ๆ ชุดของบริษัทเล็ก ๆ อย่างเราต้องขายดิบขายดีแน่ ๆ เลย
ฉันเห็นด้วยกับความคิดของหมอนี่ที่สุด เมื่อเราลงมือทำร่วมกันแล้วผลปรากฏว่าเป็นที่พอใจแก่เราทุกฝ่ายมาก ๆ เพราะเราร่วมมือร่วมใจกันสร้างฝันให้เป็นจริงจนเรามีชื่อเสียงที่ดีกว่าเก่า และเป็นที่ยอมรับแก่วงการอื่น ๆ ฉันจึงมีโบนัสพิเศษให้แก่พนักงานทุก ๆ คนด้วย
เมื่อบริษัทเราโด่งดังเพราะการสร้างสมความดีและการพัฒนาตนเองของบริษัทเราเป็นเวลา 5 ปีที่ผ่านมานี้ฉันจึงเริ่มขยายธุรกิจให้กว้างขึ้น ตอนนี้ก็มีนางแบบเป็นของตัวเอง มีสตูดิโอเป็นของตัวเอง มีช่างแต่งหน้าทำผมที่ดีเข้ามาอยู่ภายในบริษัท ทำให้บริษัทมีเงินหมุนเวียนเข้ามามากมาย ฉันเริ่มใส่ใจกับตัวเองมากขึ้น เริ่มแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูดีกว่าเก่า เป็นไฮโซที่มีชื่อเสียง ออกงานสังคมมากขึ้น
กิ๊ก งานการไม่ทำเหรอ จะไปออกงานสังคมอีกเหรอ
อย่ามายุ่งกับฉันน่า นายมีหน้าที่อะไรก็ทำ ๆ ไปเถอะ นายเป็นแค่ลูกจ้างนะ
ฉันพูดแบบไม่คิดถึงจิตใจใคร พูดโดยไม่รู้ว่าหมอนี่จะโกรธหรือไม่ทำให้หมอนี่เดินหนีฉันไป ถึงกระนั้นฉันก็ยังไม่รู้ตัวว่าฉันผิดที่พูดอะไรแรง ๆ แบบนั้น คงอาจเป็นเพราะ supper - ego มันคงเข้าคอบงำจิตใจของฉันทำให้ฉันไม่สามารถที่จะควบคุมอารมณ์และยับยั้งช่างใจที่จะไม่พูดไม่ได้
ปึง!!
อะไรเหรอบอย
ผมขอลาออก
ทำไมล่ะ
ฉันจับมือหมอนี่เอาไว้ แต่เขาก็สลัดมือฉันออก
ต่อไปนี้ผมจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว ผมรู้สึกผิดที่มาอยู่กับคุณที่บริษัทนี้ 10 ปีที่ผมอดทนกับคุณแต่ผมไม่เคยได้รับคำพูดดี ๆ จากคุณเลย ผมไม่ต้องการให้คุณมารักผมแต่ผมขอแค่คุณพูดดี ๆ กับผมเท่านั้นแต่คุณไม่เคยเลย ไม่เคยเลยจริง ๆ
อย่าไปเลยนะ บอย
ฉันตะโกนลั่นจนสุดเสียง พนักงานทุกคนมองดูฉันอย่าสมเพช ฉันเกลียดตัวเองจริง ๆ ที่เป็นคนแบบนี้ ฉันรู้สึกเสียใจบ้างแต่ก็ไม่เท่าไรนักเพราะฉันคิดว่าถึงไม่มีเขาฉันก็ทำงานสำเร็จได้ด้วยดีแน่นอน
5 เดือนผ่านไป
โอ๊ย!!!บ้าจริง ๆ เลย ช่วงนี้เป็นอะไรนะ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จเลยแม้แต่นิดเดียว บอยฉันขอโทษ ฉันเสียใจ
ฉันรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก รู้สึกได้ตอนนี้นี่เองว่าเราได้สูญเสียคนดี ๆ คนนึงไป ฉันรู้สึกแย่รู้สึกไม่ดีเลยจริง ๆ ฉันคิดว่าฉันจะต้องตามหาเขาให้ได้ ต้องพาเขากลับมา มาอยู่ร่วมกันอีกครั้งเป็นทีมเดียวกัน เป็นครอบครัวเดียวกันอีกครั้ง
ตุ๊ด ตูด ตุ๊ด ตุ๊ด
ฉันกดโทรศัพท์หาหมอนี่จนมือแทบหงิกแต่สิ่งที่ฉันได้คือ
หมายเลยที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ค่ะ
ฉันรู้สึกหมดหวัง รู้สึกเศร้าใจเป็นที่สุด ขณะนี้สภาวะการณ์ทางบริษัทเริ่มแย่ลง พนักงานลาออกไปหลายคนเพราะการพูดการจาที่เลวร้ายของฉัน ฉันรู้สึกหัวหมุน รู้สึกเหมือนโดนทำร้ายจิตใจอย่างทารุณ
ฉันเพิ่งรู้สึกตัววันนี้นี่เองว่าการสูญเสียเป็นอย่างไร ฉันคิดถึงบริษัทเก่า คิดถึงเจ้านายเก่าที่พูดดี ๆ กับฉัน และฉันก็คิดได้ว่าแค่เพียงคำพูดคำเดียวของอดีตเจ้านายทำให้ฉันต้องลาออกในวันนั้น และเหตุการณ์นี้ก็อีกที่เป็นฉนวนทำให้หมอนี่ไปจากฉัน มันทำให้ฉันคิดได้หลายเรื่องว่าฉันไม่เคยพูดดี ๆ กับหมอนี่เลย
ฉันเขียนบันทึกไว้เล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเขาว่า
ฉันมีชีวิตที่สุขจนไม่รู้จะเรียกว่าสุขขนาดไหน ฉันมีหมอนี่เป็นคู่คิดที่ดี มีหมอนี่เป็นทีมงานที่เข้มแข็งเป็นแรงและกำลังใจให้ฉันเสมอมา ฉันมีความสุขทุกครั้งที่มีเขาอยู่ใกล้ ๆ จนกระทั่งฉันได้แยกตัวมาตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง ก็มีเขานี่แหละที่คอยมาช่วยเหลือฉันจนได้ดิบได้ดีขนาดนี้ หมอนี่เป็นแรงผลักดันพิเศษให้ฉันในทุก ๆ เรื่อง และฉันก็เริ่มเปลี่ยนจากคำว่าหมอนี่เป็นเขาโดยที่ฉันไม่รู้ตัวเลยสักนิด
แล้ววันหนึ่งฉันก็ได้สูญเสียผู้ชายดี ๆ คนนั้นไปแล้ว ทีแรกฉันคิดว่าก็แค่อาจจะรู้สึกเสียใจบ้าง เคยคิดอยู่หลายครั้งหลายหนว่าเราต้องการให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมดีหรือเปล่า แต่บางทีเราก็ไม่ได้คิดเช่นนั้นกลับจะรู้สึกว่าดีใจที่ได้มีชีวิตที่ปราศจากความรำคาญ เฮ้อต้องถอนใจยาว ๆ อยู่หลายครั้งทีเดียว ไม่ใช่เพราะดีใจหรอกนะแต่ฉันเกิดความสับสนในตัวของฉันเองมากกว่า ตอนนี้ฉันยังไม่รู้เลยว่าฉันต้องการอะไร คิดยังไงกันแน่ มันสับสนจนปัญญาไปหมดแล้ว รู้สึกเครียดและเบื่อหน่ายตัวเองเป็นที่สุด ทำไมฉันมันถึงได้โง่เง่าขนาดนี้ ผู้ชายดี ๆ คนหนึ่งที่เราพึ่งพาเขามาโดยตลอด เรากลับทอดทิ้งเขาไป เอาแต่ความสุขส่วนตัว คิดแต่เรื่องของตัวเองโดยไม่คิดถึงจิตใจของเขาเลยสักนิด เราเราบ้าไปแล้วจริง ๆ หรือนี่
จะมีใครบ้างนะที่เคยรู้ถึงความรู้สึกของคนที่เป็นผู้ให้ ซึ่งเขาทำให้เราทุก ๆ สิ่งทุก ๆ อย่าง จนบางทีสิ่งที่เขาทำอยู่อาจไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ฉันรำคาญ แต่เขาทำไปเพราะเขารักฉันจริง ๆ เหมือนความรักของพ่อแม่ เหมือนความรักของญาติผู้ใหญ่ของฉัน เหมือนความรักของใครอีกหลายคนที่ทำให้ฉันด้วยความจริงใจแต่ฉันกลับเป็นคนโง่ที่ไม่รู้จักเขาดีพอ ไม่รู้จักใจของตัวเองว่าคิดอย่างไร
ฉันเคยคิดว่าสิ่งเหล่านี้สำคัญบ้างหรือไม่สำหรับชีวิตของฉัน ฉันเคยคิดว่าขณะนั้นฉันดูแลเขาดีพอหรือยัง ฉันให้ความสำคัญกับคนที่รักฉันถูกคนหรือเปล่า ฉันให้ความสำคัญกับคนที่ให้วัตถุคุณมากกว่าคนที่ให้ความรู้สึกที่ดี ๆ กับฉันบ้างหรือเปล่านะ ฉันเกิดความสับสนในใจอยู่หลายครั้งจนทำอะไรไม่ถูก คิดอะไรไม่ออก สมองตื้อตึงไปหมด เครียดจนไม่รู้จะเครียดยังไงเฮ้อแต่ก็นั่นแหละสิ่งที่ฉันได้คิดก็คือ ฉันไม่เคยทำอะไรที่ดี ๆ กับเขาเลย แม้แต่จะพูดจาไพเราะรื่นหูสักหน่อยก็ไม่มี
สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉันคือเขา แต่ฉันกลับมองข้ามเขาไปนั่นเป็นเพราะความโง่ของตัวฉันเอง แต่เมื่อฉันได้คิดไตร่ตรองอะไรดี ๆ แล้วสิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันต้องมองเขาด้วยหัวใจมองด้วยแง่มุมที่รับรู้ถึงการเป็นผู้ให้และผู้รับ ซึ่งฉันไม่เคยเป็นผู้ให้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่ฉันก็พยายามเปิดใจให้กว้างขึ้นเพื่อที่จะมองเขาด้วยใจที่เป็นกลาง โดยไม่เห็นแก่ตัวจนเกินไป ไม่คิดเข้าข้างตัวเองฉันจึงเปิดใจและจึงรับรู้ได้ว่าเขารักฉันและฉันก็รักเขามาก
แต่บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าฉันไม่ควรมีความรักในตอนนี้เพราะฉันไม่มีเวลาพอที่จะใช้หัวใจมองอะไรได้ นั่นเพราะฉันเพียงแค่มองอะไรแค่ฉาบฉวยแล้วก็ตัดสินว่าใช่หรือไม่ใช่ และฉันก็กลับมองดูความร่ำรวยและก็ความจนของคนที่ข้าวของที่เขาใช้ เขาสวมใส่ ดูในสิ่งโก้หรูแต่ฉันไม่เคยมองความดีของคนตรงที่เขาแสดงให้ฉันเห็นเลย ฉันมองอะไรหลายอย่างด้วยตาแล้วฉันก็ตัดสินคนเพียงแค่เวลาไม่เกิน 5 วินาที มันทำให้ฉันต้องสูญเสียมิตรภาพที่ดีดีจากเขาไป เพียงเพราะฉันอ้างกับใจและตัวของฉันเองว่าไม่มีเวลา ไม่เคยมีเวลาเลยสักนิดเดียว นั่นเป็นเพราะฉันไม่เคยสนใจอะไรเลยนอกจากตัวฉันเอง ฉันไม่เคยให้ความสำคัญต่อสิ่งนั้นเลย รวมทั้งต่อคนที่เขารักฉันด้วยใจจริงคนนั้น
ถ้าฉันได้ลองมองเขาตั้งแต่ตอนนั้น และก็มองย้อนกลับไปดูว่าทำไมเราถึงมีเวลาทำอะไรหลาย ๆ อย่างมากมายในแต่ละวัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญต่อชีวิตฉันเลย ไม่ว่าจะเป็นงานสังคม งานเลี้ยงสังสรรค์ในสังคมโก้หรูที่มีแต่ความจอมปลอมบนโลกใบนี้ เพราะเราให้ความสนใจและให้ความสำคัญต่อมัน ทำไมฉันถึงไม่ลองให้ความสำคัญกับสิ่งที่ฉันลืมไป ฉันไม่เคยนึกถึงมาโดยตลอด โดยเฉพาะกับคนที่หวังดีกับฉันคนนี้แต่ฉันกลับไม่เคยมองเขาเลยสักนิด
ฉันจึงคิดว่าฉันต้องไม่ปล่อยให้มิตรภาพดี ๆ ต้องมีรอยร้าวเพราะเมื่อวันหนึ่ง เวลาหนึ่งที่คน ๆ นั้นต้องจากเราไปโดยมองหน้าเราไม่ติดแบบนี้ เราคงอายไม่กล้าสบตาเขาไม่กล้าพูดกับเขาทั้ง ๆ ที่เราก็มีความรู้สึกดี ๆ ให้เขา และเขาก็มีเช่นกัน และถ้าวันหนึ่งเราจะต้องจากกันเราก็ควรจะจากกันด้วยความรู้สึกที่ดีดีต่อกันเราจะได้ไม่รู้สึกผิดและรู้สึกแย่ ๆ แบบนี้ โถ่!!!ไม่น่าเลยเรา นั่นเป็นเพราะว่าเรายังทำดีกับเขาไม่เพียงพอใช่ไหม เพราะฉันไม่เคยเห็นคุณค่าของเธอเลยใช่ไหม บอย ตอนนี้ฉันคงพูดได้แค่เพียง ฉันขอโทษ ฉันขอโทษจริง ๆ ฉันเสียใจนะบอย
เธอคือสิ่งที่ไม่สำคัญกับฉันในตอนแรก นั่นเพราะฉันไม่เคยสนใจไม่เคยเห็นคุณค่าในสิ่งที่เธอมอบให้มาเลย ฉันขอโทษนะบอย และตอนนี้ฉันก็รู้ตัวแล้วละว่าเธอคือคนพิเศษของฉัน เธอคือคนที่สำคัญของฉันเสมอ บอยได้โปรดเถอะ กลับมาหาฉันนะฉันขอร้อง
ฉันรู้ตัวแล้วว่าฉันรู้สึกอย่างไร บอยฉัน ฉัน ฉัน จะให้ฉันพูดอย่างไร จะให้ฉันทำอย่างไรกันในเมื่อฉันเป็นผู้หญิง ฉัน ฉันรักเธอนะบอย
ฉันได้บันทึกเรื่องราวถึงความรู้สึกที่ฉันรู้สึกผิดรวมทั้งสิ่งที่ฉันเพิ่งค้นพบตัวเองเจอก็ต่อเมื่อสายไปแล้ว
บรื้น
ฉันขับรถตามหาเขาไปทั่วทุกหนทุกแห่ง แต่ก็ไม่พบเขาเลย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเขา บ้านญาติ ๆ ที่ฉันเคยไป หรือแม้แต่ที่ที่เขาชอบไปด้วย สิ่งที่ฉันได้มันคือความว่างเปล่า ความว้าเหว่ในจิตใจ มันทำให้ฉันรู้สึกผิดและรู้สึกว่าแย่ที่สุด เป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา ฉันผิดหวังและสิ้นหวังจริง ๆ เธอรู้ไหมว่าฉันรู้สึกอย่างไรกับเธอ เธอรู้ไหมว่าฉันแคร์เขามากแค่ไหน
ฉันจึงกลับมาเริ่มต้นใหม่ที่บริษัทอีกครั้ง ฉันจอดรถด้วยความรู้สึกที่หดหู่สิ้นหวังเป็นที่สุด ทำอะไรไม่ถูก คิดอะไรไม่ออกเลย ฉันรู้สึกว่าขณะนี้ฉันอ้างว้างเดียวดาย หาที่พึ่งไม่ได้
บอย
ฉันตะโกนลั่นสุดเสียง เขาหันกลับมามองฉันช้า ๆ ฉันรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้เจอเขาอีกครั้ง
มีอะไรเหรอกิ๊ก
ฉันขอโทษนะ กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม
เขาเงียบและก็เรียกใครคนหนึ่งที่กำลังเดินออกมาจากบริษัทของฉัน
นี่พลอยแฟนผม
คำพูดนี้แหละที่ทำให้ฉันตกใจมาก ๆ ถึงมากที่สุด ตัวชาหน้าชาทำอะไรไม่ถูก เหมือนใครเอาน้ำเย็น ๆ มาสาดดังโครม!!! ฉันรู้สึกแย่มาก ๆ รู้สึกยิ่งกว่าอ้างว้างเสียอีก บอยเธอมีคนอื่นแล้วเหรอ
กิ๊กเธอเป็นอะไรไปน่ะ กิ๊ก
เอ่อเอ่อมะไม่เป็นไร
เ.ออผมไม่โกรธคุณหรอกนะ ที่ผมมาวันนี้ผมไตร่ตรองดีแล้วละว่าผมจะพาพลอยมาฝากงานกับคุณ เธอเก่งเรื่องการตกแต่งภาพ รับรองว่าเธอจะทำให้บริษัทคุณไม่ผิดหวัง
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
เสียงนี้ยิ่งทำให้ฉันขมขื่นใจยิ่งนัก ถ้าฉันไม่รับคนชื่อพลอยอะไรนี่เข้าทำงานก็จะกระไรอยู่ มันจะดูน่าเกลียดไปมั้ง สิ่งนี้มันทำให้ฉันคิดหนักว่าฉันควรจะทำอย่างไรดี ถ้าปฏิเสธความสัมพันธ์ของเรามันคงจะจบสิ้นตรงนี้แน่ ๆ ฉันจึงตัดสินใจรับเขาเข้ามา
เริ่มงานเลยละกัน
วันนี้เลยเหรอคะ แล้วเรื่องเงินเดือนล่ะคะ
อย่าเพิ่งเร่งรัดสิคุณ เดี๋ยวเจ้าของบริษัทก็ว่าเราไม่ดีหรอก
ฉันดูทั้งคู่มีความสุขดีนะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วในเมื่อเขามีความสุขเราก็ควรมีความสุขไปด้วยถึงจะถูกต้องเฮ้อชีวิตของฉัน เฮ้อ ฉันต้องถอนหายใจหลายครั้งทีเดียวแต่ฉันก็ยังคงยิ้มรับสู้ได้นะ เพราะอย่างน้อย ๆ ฉันก็ได้รู้แล้วว่าการพูดดี ๆ มันทำให้มิตรภาพยั่งยืน การที่เราใจกว้างมันทำให้ได้อะไรมาหลาย ๆ อย่าง และการที่เรารู้จักคำว่าขอโทษมันคือแรงพลังอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้เรากล้าที่จะเผชิญหน้าสู้กับเขาได้ นอกจากนั้นฉันก็รู้แล้วว่ารักคือการให้ รวมทั้งการให้อภัยในหลาย ๆ เรื่องด้วย เมื่อเราเห็นเขามีความสุขเราก็มีความสุขไปด้วย
บอย เธอจะกลับมาหรือเปล่า ฉัน
ฉันส่งใบลาออกคืนให้เขา
อย่าคิดมากนะกิ๊ก วันนั้นผมหุนหันเกินไป ผมต้องขอโทษคุณด้วยนะ ต่อไปนี้ผมจะทุ่มเทเพื่องาน ผมจะตั้งตัวและเตรียมพร้อมที่จะแต่งงานให้เร็วที่สุด
ถึงแม้ว่าประโยคที่ฉันได้ยินมันจะทำให้ฉันรู้สึกใจหวิว ๆ ก็ตามแต่มันก็ทำให้ฉันเข้มแข็งมากขึ้น ฉันยิ้มรับคำพูดของเขาและยิ้มรับความรู้สึกของฉันได้ฉันก็ดีใจที่สุดแล้ว
เวลาผ่านไปยาวนานเหลือเกินจนฉันลืมเรื่องราวร้าย ๆ ในชีวิตไปหมดสิ้นแล้ว บริษัทของฉันรุ่งโรจน์ขึ้น ฉันมีความสุขกับการทำงานมากขึ้น และฉันก็มีความสุขกับการใช้ชีวิตที่โสด ๆ ด้วย แหมมันช่างสบายใจดีจริง ๆ
คุณยุทธพงศ์คะ อ่านนี่หน่อยนะคะ
พนักงานคนหนึ่งพูดเสียงดังลั่น จนข่าวลือรู้กันไปทั้งบริษัท มีเพียงฉันคนเดียวที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย ยิ่งนานวันข่าวยิ่งพูดกันหนาหูมากขึ้นจนทำให้ฉันรู้จนได้ว่าเรื่องอะไรแต่ฉันก็ทำเฉย ๆ เพื่อให้ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วันนี้จบการประชุมเพียงเท่านี้
คุณกิ๊กครับ ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ
ฉันไม่รู้ว่าเขาจะพูดเรื่องอะไร แต่สิ่งที่ฉันกลัวก็คือข่าวลือที่มันก็เป็นความจริงเสียด้วย ไดอารี่เล่มน้ำเงินของฉันหายไปเล่มหนึ่ง ฉันหามันมาตลอดแต่ก็ไม่เจอ แต่ก็ช่างเถอะฉันก็ทำเฉย ๆ ไว้ก็เท่านั้นราวกับว่าไม่มีอะไร ทำใจเย็น ๆ แต่จริง ๆ แล้วหัวใจมันเต้นรัวราวกับกลองทีเดียว
กิ๊กคุณเคยรักผมบ้างไหม?
คำพูดนี้แหละที่ทำให้ฉันใจหวิว ๆ ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะตอบยังไงดี ฉันรู้สึกว่าฉันดีใจเหมือนกับได้ของเล่นเมื่อตอนเด็ก ๆ เลย คำพูดประโยคนี้เป็นคำพูดที่ฉันรอคอยมานานแสนนาน และฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนเอ่ยปากถามฉันขึ้นมาเองด้วยซ้ำ
คุณไม่ต้องตอบอะไรทั้งนั้นนะ ผมอยากให้คุณมากับผมเดี๋ยวนี้เลย
เขาฉุดแขนฉันออกจากห้องประชุมและพาขึ้นรถคันหรูของเขาฉันได้แต่คิด คิด คิด คิดแล้วก็คิดอีกว่าเขาจะพูดอะไรต่อไป เขาจะพาฉันไปไหน ไปทำอะไร แล้วฉันจะวางตัวอย่างไรถูกในเมื่อเขามีคนรักของเขาอยู่แล้วฉันคิดอยู่นานจนมารู้สึกตัวอีกทีก็ต่อเมื่อเขาเปิดประตูให้ฉันลงจากรถแล้ว
ตึง
เสียงปิดประตูดังขึ้น ฉันสะดุ้งโหยง แต่ก็ยังตีหน้าเฉย ๆ อยู่ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คุณจำได้ไหมว่าเราเคยพบกันครั้งแรกที่นี่
ฉันจำได้ดีว่าวันนั้นฉันเพิ่งกลับมาจากปารีสได้เพียง 2 วัน ฉันรู้สึกเหงา ๆ ไม่รู้จะไปไหนก็เลยมาที่แห่งนี้ มาปล่อยอารมณ์ให้ทอดไปกับสายลม มองดูนกฝูงใหญ่ และก็มองดูว่าวมากมายที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า และว่าวก็มาตกลงตรงหน้าฉัน มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาเก็บจากนั้นฉันเลยได้รู้จักกับเขาคนนั้น
ใช่ฉันจำได้
ก็ดี ผมจำได้ว่าว่าวมาตกที่ตรงหน้าคุณ และว่าวมันก็ทำให้ผมต้องเลิกกับแฟนเก่าของผมเพียงเพราะผมเดินมาเก็บว่าวและก็คุยกับคุณ 5555 ขำจริง ๆ เลย ผู้หญิงนี่บทจะเลิกก็เลิกง่าย ๆ นะ จริงไหม
พอฉันได้ยินเสียงหัวเราะของเขา มันก็ทำให้ฉันเบิกบานหัวใจ รู้สึกอกชื้น ๆ เหมือนต้นไม้ที่มีใครเอาน้ำมารด วันนี้ฉันจึงยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดเลยละ
กิ๊ก ไป
ไปไหน
เขาฉุดฉันวิ่งไปรอบ ๆ พาไปดูนกที่บินอยู่บนท้องฟ้า ให้อาหารนก ให้อาหารปลา ฉันรู้สึกเพลิดเพลินจริง ๆ เพราะนานมาแล้วที่ฉันไม่ได้สนุกแบบนี้
ผมมีความสุขที่สุดเลยนะ
ฉันก็เหมือนกัน
ไปไปกับผมอีกทีได้ไหม
ไปไหน
เขาพาฉันวิ่งอีกครั้ง พาฉันไปซื้อว่าวมาเล่น
ผมจำได้ว่าคุณเล่นว่าวไม่เป็น วันนั้นที่ผมเลิกกับแฟนผมก็มีคุณนี่แหละที่ปลอบใจผมและก็มาเล่นว่าวกับผม วันนั้นเหมือนมันเพิ่งผ่านมาเองนะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะ 10 กว่าปีมาแล้ว
อืมจริง ๆ ด้วยนะ
เราหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างมีความสุขจนตะวันเริ่มจะลับขอบฟ้าไปแล้ว ลมที่พัดแรง ๆ อยู่เริ่มพัดเอื่อย ๆ จนไม่มีลมจะพัดอีกแล้วอากาศเริ่มอึมครึม ความหนาวเย็นเริ่มเข้ามาสู่กายฉัน ฉันรู้สึกหนาวเหน็บจริง ๆ
กิ๊ก คุณรู้ไหมว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดีและตอนนี้ผมก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจไปไหนแล้วด้วยผมอยากจะอยู่ตรงนี้นาน ๆ ทีเดียว
วันนี้เธอแปลก ๆ นะบอย
มันไม่แปลกหรอกกิ๊ก เพียงแต่คุณไม่ได้สังเกตผมเท่านั้นเอง
ฉันอึ้งไปหมด ทำอะไรไม่ถูกเลย
แต่งงานกับผมเถอะนะ ผมขอร้อง
ฉันไม่ได้ตอบอะไรทั้งนั้น เขายื่นแหวนวงหนึ่งออกมา มือของเขาสัมผัสที่มือของฉัน เขาค่อย ๆ บรรจงสวมแหวนให้ฉันช้า ๆ แต่ฉันก็ต้องหดมือกลับมา
ไม่ได้นะ แล้วคนรักของเธอล่ะ
ผมเลิกกับเขาไปนานแล้วละ แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่
ทำไม
ฉันถามแบบงง ๆ
เพราะผมรู้ว่าใจผมคิดยังไง และผมก็รู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับผม โดยเฉพาะเวลาที่ผมได้อ่านหลักฐานสำคัญของคุณมันทำให้ผมรู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ได้รู้ว่าคุณแคร์ผมมากแค่ไหน คุณไม่ต้องพูดไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น ผมจะบอกคุณให้ฟังว่าจิรมลนางแบบชื่อดังของคุณแอบเอาไดอารี่เล่มน้ำเงินมาให้เลขาของผม ผมจึงได้อ่านไดอารี่เล่มนั้น ผมจึงได้รู้ความจริงหลาย ๆ อย่างผมเลยตัดสินใจในสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม และผมอยากจะบอกคุณว่าผมรักคุณนะ แต่งงานกับผมเถอะนะ
ฉันรู้สึกดีใจเป็นที่สุด จนลืมตัวเองว่าเป็นผู้หญิง โผกอดเขาไปโดยไม่ได้คิดถึงความเสียหายใด ๆ นักเรียนนอกหัวโบราณอย่างฉันก็ทำอะไร ๆ ที่คนรักกันหลาย ๆ คนแสดงออกต่อกันได้เหมือนกัน เฮ้อฉันอยากจะตะโกนก้องฟ้าเลยว่า ดีใจเหลือเกิน!!!!
เขาบรรจงสวมแหวนให้ฉัน และฉันก็รับแหวนนั้นมาโดยดีฉันมีความสุขในชีวิตมากทีเดียว หัวใจฉันเต้นรัวราวกับกำลังดิสโก้อยู่ ฉันดีใจที่ความหวังของฉันเป็นจริง คนไม่เคยสำคัญก็คือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน นั่นเป็นเพราะเราต้องมองหัวใจตัวเองให้เป็น ต้องเห็นว่าใครดีใครไม่ดี และต้องให้ความสำคัญกับคนที่เขาดีกับเราให้ดีที่สุดฉันรักเขาจริง ๆ
เฮ.
เสียงผู้คนในบริษัทมากมายโห่ร้องกันดังลั่น งานวิวาห์ของฉันสำเร็จไปได้เพราะจิรมลนางแบบคนดังคนสนิทของฉัน ถ้าวันนั้นฉันไม่ป่วยและจิรมลไม่ไปดูแลฉันที่บ้าน เขาคงไม่พบไดอารี่ที่วางอยู่ตรงหัวเตียงของฉัน
ขอบใจนะจิรมล
ไม่เป็นไรค่ะ ก็เหมือนกับที่คุณช่วยคุณอาสาฬห์แฟนของฉันไงคะ
ฉันหัวเราะอย่างมีความสุขจริง ๆ และที่ต้องขอบคุณอีกคนก็คือแม่เลขาตัวดีของบอย
ขอบใจนะณัฐพร
เรื่องอะไรคะ
ฉันยิ้มและไม่ตอบอะไร จากนั้นฉันก็เดินไปตัดเค้กร่วมกับบอยอย่างหวานชื่น 32 ปีกับอายุที่ไม่ใช่น้อย ๆ เลย แต่ฉันก็มีความสุขกับชีวิตของฉันเป็นอย่างดี
ฉันโยนช่อดอกไม้สวย ๆ ให้กับคู่บ่าวสาวคู่ต่อไป คนที่รับช่อดอกไม้ช่อนั้นได้ก็คือณัฐพรเลขาของบอย ซึ่งก็ได้หมายมั่นไว้ว่าจะแต่งงานกับตะวันลูกชายเจ้าของสำนักพิมพ์ชื่อดังของเมืองไทย ดูเขามีความสุขดีนะ และเขาก็ประกาศแล้วว่าเขาจะแต่งงานเป็นคู่ต่อไป
เสียงหัวเราะกันครื้นเครงในบริษัทแห่งนี้ กับงานแต่งงานที่รู้กันเฉพาะในวงการ มีนักข่าวมาประปราย มีญาติผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายมาเป็นสักขีพยาน ถึงแม้ว่าเราจะไม่เด่นไม่ดัง งานจะไม่หรูหราจนน่าเกลียดแต่เราก็มีความสุขมาก และก็สัญญากันไว้ว่าจะรักและใช้ชีวิตร่วมกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่
ช่วงเวลาต่อไปนี้แหละจะเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตของฉัน ฉันจะตั้งใจเป็นแม่ศรีเรือนที่ดีของเขา ฉันจะต้องเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ ๆ กับเขาให้ดีที่สุด
( ติดตามต่อภาค2ในเรื่องมรสุมทางใจ)