25 พฤศจิกายน 2547 17:59 น.
สุชาดา โมรา
ก๊อก....ก๊อก...ก๊อก....!!!!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นแต่เช้า ฉันตื่นขึ้นมางัวเงีย ๆ แล้วก็เดินมาเปิดประตู ส่วนวีนั้นยังหลับอยู่เพราะวันนี้เป็นวันหยุด
"มีอะไรเหรอรุ่นพี่"
"นี่สรุปแกเป็นแฟนเอิร์ทจริง ๆ เหรอ...."
"ถ้ามาปลุกเพื่อถามคำถามงี่เง่าละก็ออกไปซะฉันจะนอน"
ฉันปิดประตูใส่หน้ารุ่นพี่แต่รุ่นพี่ดึงประตูเอาไว้ไม่ยอมให้ปิด ฉันจึงผลักรุ่นพี่แรง ๆ ให้เอามือปล่อยจากประตูแต่รุ่นพี่ก็ไม่ยอมปล่อยอีก
"นี่แกกล้าทำร้ายรุ่นพี่เหรอ"
"รำคาญ...ไร้สาระโตแล้วนะเนี่ยนี่มันห้องส่วนตัว และนี่ก็สถานศึกษาพวกพี่ ๆ ไม่ใช่เทวดาที่ฉันจะต้องฟังและอยู่ในโอวาททุกอย่างนี่ อย่าให้โมโหนะพอเกิดโทษะแล้วอย่าหาว่าไม่เตือนล่ะ....!!!"
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่โมโหจนเกือบจะเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่
"แกจะทำอะไรฉัน..."
แล้วรุ่นพี่ก็ดึงผมฉันทันที ฉันจึงบิดตัวและหักข้อมือรุ่นพี่ทันทีจากนั้นด้วยความที่ฉันตื่นตัวเต็มที่ก็เลยถีบรุ่นพี่จนกระเด็นไปกระแทกห้องฝั่งตรงข้าม
ปัง..............!!!!!
ฉันปิดประตูทันทีเพราะฉันรู้สึกว่าอารมณ์ฉันมันขึ้นพรวดจนสุดที่จะทนแล้ว ฉันนอนไม่ลงจริง ๆ ก็เลยอาบน้ำแต่งตัวและขับรถออกไปหาพี่เอิร์ทที่บ้านของเขา
"นี่....พี่เอิร์ทนายรู้ไหมว่ายายพี่พรกับยายพี่เมย์มาราวีฉันถึงห้อง"
"อะไรกันง่วง...กลับไปก่อนได้ไหมจะนอนมาเรียกแต่เช้าเลยนี่มันยังไม่ 7 โมงเลยนะ"
"ตื่น ๆ ๆ ๆ ตื่นได้แล้ว"
ฉันเขย่าตัวพี่เอิร์ทจนเขาทำสีหน้าหงุดหงิด
"อะไรกันอีกล่ะ ขอไปแปรงฟันก่อนได้ไหม...มาลีทีหลังถ้ายายนี่มาแต่เช้าไม่ต้องไปปลุกฉันนะเพราะฉันรำคาญ"
พี่เอิร์ทหันไปพูดกับแม่บ้านแล้วทำท่าหงุดหงิด ๆ แล้วก็เดินขึ้นบันไดไปเกาหัวไป ฉันรู้สึกว่าเสียความรู้สึกอยู่เหมือนกันก็เลยเขียนโน๊ตไว้และก็ออกจากบ้านของพี่เอิร์ททันที ที่จริงฉันก็ผิดที่มากวนใจเขาแต่เช้า แต่เขาก็ไม่น่าถึงกับต่อว่าฉันขนาดนี้เลย พอฉันขับรถออกมาแล้วก็เลยปิดโทรศัพท์เพราะไม่อยากให้ใครโทรมากวนใจในเวลาที่ฉันกำลังท้อแท้แบบนี้ ฉันมาจอดรถแถว ๆสวนจตุจักรฉันเดินดูต้นไม้อยู่หลายที่จนเกิดความสบายใจ
"อุ้ย.....!!!!"
ปัก.....เพร้ง............!!!!!
"คุณครับเป็นอะไรหรือเปล่า...เจ็บตรงไหนหรือเปล่า"
"เอ่อ....ไม่เป็นอะไรค่ะ...พี่วิทย์....!!!!"
ผู้ชายที่เดินมาชนฉันจนกระถางต้นไม้หล่นลงมาเกือบทับเท้าฉันนั้นคือพี่ชายของวี พี่วิทย์คงเป็นคนรักต้นไม้อย่างฉันจึงออกมาซื้อต้นไม้แล้วก็เลยเดินไม่ได้ดูจึงเดินชนฉัน
"เราเองเหรอ...ไม่เป็นไรแล้วก็ดีเหมือนกัน...โอย...แตกหมดเลยน่าเสียดาย"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะเดี๋ยวถึงบ้านก็เอาลงดินเลยก็ได้"
"แต่ลงดินมันจะไม่สวยนะไอ้ต้นพริกกระดิ่งเนี่ย"
"เดี๋ยวรุ้งจัดการให้ก็ได้ รับรองว่าสวยแน่ ๆ ค่ะ"
ฉันจึงลืมเรื่องความโกรธเสียสนิทแล้วก็ไปบ้านกับพี่วิทย์ ไปช่วยพี่เขาปลูกต้นไม้ ฉันถนัดเรื่องการจัดสวนหย่อมเพราะงานอดิเรกของแม่ท่านชอบปลูกต้นไม้ฉันจึงช่วยท่านบ่อย ๆ วันนี้จึงมีโอกาสมาทำให้บ้านคนอื่น ฉันปลูกต้นพริกกระดิ่งลงตรงกลางจากนั้นก็เอาต้นเข็มเล็ก ๆ มาปลูกรอบ ๆ แล้วก็เอาต้นไม้จำพวกต้นเล็ก ๆ มาปลูกรอบ ๆ เป็นรูปหัวใจทำให้พี่วิทย์ถึงกับยิ้มทีเดียว ฉันทำไปเช็ดเหงื่อไปจนหน้าเปอะเปื้อนไปหมด เสื้อผ้าก็เปื้อด้วยทำให้พี่วิทย์ต้องเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้ฉัน
"เหนื่อยไหม...เหงื่อเต็มไปหมดเลยคงร้อนด้วยสินะ"
มือเขาเบามาก เขาค่อย ๆ เช็ดหน้าฉันเบา ๆ ฉันก็จ้องมองเขาตาไม่กระพริบเลย ปกติแล้วเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดแล้วก็ไม่ค่อยสนใจใคร ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะพูดดีกับฉันและมาเช็ดหน้าให้ฉัน
"อะแอ้ม....เนื้อตัวมอมแมมหมดแล้วลูกพาน้องเข้าไปล้างเนื้อล้างตัวสิ เอาชุดของยายวีใส่ไปก่อนก็ได้นะ"
"เอ่อ...หนูมีเสื้อผ้าอยู่ในรถค่ะ"
"เดี๋ยวพี่ไปเอาให้...เอากุญแจมาสิ"
"ไปด้วยกันดีกว่านะคะ"
ฉันเดินไปกับพี่วิทย์ที่รถ มือฉันก็ยังไม่ได้ล้างเลย
"กุญแจรถล่ะจ๊ะ..."
"อยู่ในกระเป๋ากางเกงค่ะ...เอ่อมือเปื้อนค่ะหยิบให้หน่อยได้ไหมคะ"
ตอนเขาล้วงกระเป๋ากางเกงฉัน ฉันมีความรู้สึกว่าหัวใจมันเต้นรัวไปหมด ฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นอะไรกันแน่แต่ที่รู้ ๆ คือหัวใจมันพองโตจนเกินห้ามได้...นี่ฉันกำลังเป็นอะไรไปเนี่ย...
"โอ้โห...นี่จะหนีออกจากบ้านเหรอเสื้อผ้าเต็มรถเลย เอาชุดไหนล่ะ"
"พี่เลือกให้หน่อยละกัน ใส่ได้ทุกชุดนั่นแหละไม่เรื่องมากหรอก"
"นึกว่าจะเป็นแบบยายวีซะอีก ขานั้นนะถ้าไม่ถูกใจละก็ไม่ยอมแต่งตัวเลย"
พี่วิทย์หยิบชุดที่ฉันพับเรียง ๆ ไว้ในรถเอามาให้ฉันแต่เสื้อชั้นในมันหล่นลงไปเปื้อนพื้นน่ะสิ พี่วิทย์จึงก้มลงไปเก็บ ฉันก็ก้มลงไปเก็บหัวเราจึงกระแทกดังมาก
"โอ๊ย..."
ฉันยิ้มแล้วก็หัวเราะ พี่วิทย์ก็หัวเราะจากนั้นพี่วิทย์ก็โยนเสื้อชั้นในของฉันเข้าไปในรถแล้วก็เอาเสื้อในตัวใหม่ออกมาให้ฉัน ฉันรู้สึกอาย ๆ เหมือนกันที่มีผู้ชายมาหยิบชุดชั้นในให้ฉัน ปกติผู้ชายที่หยิบให้ฉันบ่อย ๆ หรือซื้อให้ฉันบ่อย ๆ คือพ่อ แต่พี่วิทย์...เฮ้อ.....!!!!
ฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแม่ของพี่วิทย์ก็เตรียมอาหารแล้วก็ชวนฉันกินข้าวที่บ้าน ฝีมือการทำกับข้าวที่บ้านของคุณแม่พี่วิทย์นี่อร่อยมาก ๆ เลยจนฉันถึงกับชมไม่หยุดปากทีเดียว พอกินข้าวเสร็จฉันก็กลับมาที่หอแล้วก็มานอนยิ้มอยู่คนเดียวเสียนานทีเดียว ฉันไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกนี้มันอะไรกันแน่ แต่มันเร็วจนฉันยั้งใจไม่อยู่แล้ว
"รุ้งเป็นอะไรน่ะ แก้มแดงเชียว มีความรักเหรอ..."
"บ้า...วีก็พูดอะไรก็ไม่รู้"
"รุ้ง...วันนี้ไปไหนมาทั้งวันเลยรู้ไหมว่าพี่เอิร์ทโทรหาเธอแต่เครื่องมันฝากข้อความตลอดพี่เขาก็เลยโทรมาหาฉัน มันเกิดอะไรกันแน่แล้วเธอไปไหนมา รู้ไหมพี่เอิร์ทเขาเป็นห่วงเขาตามหาเธอทั้งวันเลย"
"ปล่อยเขาไปสิฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขาซะหน่อย"
แล้วฉันก็ไปอาบน้ำแล้วก็มานอนฝันหวานอยู่คนเดียวตลอดทั้งคืน
................................5............................
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามผลงานและเป็นกำลังใจให้ตลอดนะคะ
25 พฤศจิกายน 2547 17:45 น.
สุชาดา โมรา
-------------------------------------
25 พฤศจิกายน 2547 12:19 น.
สุชาดา โมรา
ดาว พี่ขอคุยด้วยคนสิ
มีอะไรเหรอพี่นัท
พี่จะต้องไปทำงานแล้ว พี่คงไม่ได้มาเล่นยูโดอีกแต่พี่จะติดต่อมาบ่อย ๆ นะ แล้วอย่างอแงล่ะ อ้อ...อย่าไปทำขี้อ้อนกับเจ้าเบลวมากนักนะเขาจะรำคาญ อีกอย่างก็เพลา ๆ การหยอกเย้าเล่นหัวกับพวกผู้ชายได้แล้วเขาจะหึง ยิ่งคนเงียบ ๆ อย่านี้นะน่ากลัวที่สุดเลยรู้ไหม...
พี่นัทขยี้หัวฉันแล้วก็เดินออกไปจากสมาคมฯ ถึงตอนแรกฉันจะยิ้มแต่พอเขาเดินจากไปฉันก็รู้สึกว่าจิตใจมันหวั่นไหว เพราะฉันยังไม่อาจลืมเขาได้เลย... ทำยังไงนะฉันถึงจะลืมเขาได้
หลังจากนั้นไม่นานพี่เบลวก็พยายามพูดคุยมากขึ้นจนเราสนิทกันมากขึ้น ความผูกพันธ์มีมากขึ้นจนทำให้ฉันรักพี่เขาเข้าแล้ว... ที่จริงฉันเริ่มชอบ ๆ พี่เขาตั้งแต่ตอนที่ปรึกษาเรื่องราวต่าง ๆ แล้วละ ยิ่งตอนที่ฝนตกนั่งเปียกมาด้วยกันแล้วตอนนั้นฉันจำได้ดีว่าตักของเขาอุ่นมากทีเดียว ฉันว่ารักของเรามันเริ่มก่อตัวก็ตอนนั้นแหละ เขาเป็นเหมือนทุก ๆ สิ่งทุก ๆ อย่างของฉันจนฉันไม่อาจแยกจากเขาได้
พักหลังเหมี่ยวไม่มาเรียนบ่อยมาก เพื่อน ๆ ในกลุ่มต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่าเหมี่ยวติดผู้ชายที่เป็นกระเป๋ารถเมย์ ทำให้เหมี่ยวติด มส.หลายตัวจนเท่ากับฉัน แต่ของเหมี่ยวนั้นติดของ ม.6 แต่ฉันติดของ ม.5 พักหลังเหมี่ยวก็ไม่มาเลยจนอาจารย์โฮมรูมคนใหม่ต้องเรียกผู้ปกครองหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีใครมาจนวันหนึ่งฉันอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งพาดหัวข่าวว่าเหมี่ยวถูกข่มขืน 11 คนตอนนั้นฉันรู้สึกดีใจมากที่เหมี่ยวโดนแบบนั้น ฉันสะใจมากทีเดียวเพราะไม่คาดคิดว่าเหมี่ยวจะกรรมตามทันขนาดนี้... แต่พอมานึก ๆ ไปก็สงสารเหมี่ยวเหมือนกัน... เหมี่ยวอายเพื่อนอายทุกคนที่สมาคมฯจนไม่กล้ามาเรียน และในที่สุดก็หมดอนาคตต้องไปอยู่บ้านเลี้ยงลูกที่ไม่อยากให้เกิดมา น่าสงสารจริง ๆ...
ฉันเรียนจบ ม.6 แต่ฉันก็ไม่ได้จบตามเพื่อนเพราะฉันต้องมาเรียนซ้ำเพื่อแก้ มส.ให้หมดทั้ง 7 ตัวหลังจากที่อาจารย์ทำฉันแสบมาก ๆ ในตอนนั้น แต่ฉันก็ไม่ย่อท้อนะฉันสามารถที่จะไปเรียนกับรุ่นน้องได้โดยที่ไม่อาย นั่นเป็นเพราะคำพูดของพี่เบลวในวันนั้น ฉันจำได้ดีว่าพี่เขาบอกให้ฉันอดทน และกล้าเหมือนที่เล่นยูโด...
หลายวันต่อมาทางกองทัพอากาศก็มีหนังสือมาถึงโรงเรียน ในหนังสือฉบับนั้นพูดถึงเรื่องที่ฉันไปแข่งกีฬาที่ฟิลิปปินล์เมื่อปีที่แล้ว ก็ช่วง ม.5 นั่นแหละอาจารย์ทุกคนจึงประชุมและเห็นพ้องต้องกันว่าฉันไม่สมควรที่จะติด มส. อาจารย์จึงให้ผ่านมาได้ด้วยดี
......................................
ฉันเรียนจบจนได้ ถึงแม้ว่าจะไม่จบพร้อมเพื่อนก็ตาม ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้ ฉันมีความสุขมากที่เจอสังคมใหม่ ๆ เจอเพื่อนใหม่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกคนดีกับฉัน ฉันตั้งใจเรียนจนเป็นที่ภาคภูมิใจแก่พ่อแม่และทุก ๆ คนรวมทั้งคนรักของฉันด้วย พี่เบลวยังคงให้กำลังใจฉันเสมอมา ถึงแม้ว่าตอนนี้พี่เบลวจะไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ ฉันก็ตาม เพราะพี่เบลวไปเรียนต่อวิศวะที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจึงทำให้เราไกลกัน แต่ความหวังความฝันและความรักของเรายังคงอยู่ใกล้กันเสมอ...
เราคบกันมา 7 ปี ตอนนี้ฉันเรียนจบแล้ว พี่เบลวก็เรียนจบฉันตั้งใจไว้ว่าจะเปิดโรงเรียนสอนยูโดเป็นของตัวเองเสียทีเพราะชีวิตฉันฝากความหวังไว้กับสิ่งนี้... ฉันมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่งซึ่งมาจากการแข่งขันและเงินเดือนที่ได้จากการเป็นอาจารย์สอนยูโด ฉันจึงรวมเงินกับพี่เบลวและเปิดโรงเรียนขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจ...
นักเรียนทุกคนพร้อม...ตบเบาะท่าที่ 1 ปฏิบัติ
เสียงนักเรียนตบเบาะกันดังสนั่น คนมาเรียนมากมาย พอฉันได้สอนนักเรียนพวกนี้ก็ยิ่งทำให้ฉันมีความสุขมากขึ้นทำให้ฉันหวนคิดถึงวันเก่า ๆ ที่มีพี่นัทอยู่ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกเฉย ๆ แล้วละเพราะคนที่สำคัญของฉันอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว ฉันไม่ได้คิดอะไรกับพี่นัทอีกต่อไปแล้ว นั่นเป็นเพราะฉันมีพี่เบลวมาคอยเติมเต็มในสิ่งที่ฉันขาดหายไป ฉันมีความสุขและพอใจกับสิ่งที่ฉันมีอยู่ในขณะนี้มากทีเดียว...
งานเลี้ยงที่ใหญ่โตเริ่มขึ้นพี่เบลวแต่งตัวภูมิฐานเป็นพิเศษ ใส่สูตรผูกไทน์ ส่วนฉันสวมชุดขาวยาวลากพื้นเดินมาที่หน้างาน พี่เบลวเดินไปจับมือฉันและพาเดินมาหาผู้คน ย่าของฉันคล้องมาลัยให้ฉันและพี่เบลว จากนั้นฉันก็ไปนั่งหมอบอยู่ที่ที่ผู้ใหญ่เตรียมไว้ ฉันประนมมือรับไหว้ผู้ใหญ่ ย่าของฉันค่อย ๆ บรรจงหลั่งน้ำสังข์ลงบนมือฉัน
อย่าทะเลาะกันนะลูก มีอะไรก็ใช้เหตุผลคุยกัน เบลว...ย่าฝากน้องด้วยนะ
รักกันนาน ๆ นะลูก เบลวแม่ฝากน้องด้วยนะ
พ่อไม่มีอะไรจะพูดหรอก แต่พ่อดีใจที่มีวันนี้ ดูแลกันดี ๆ นะ เบลวพ่อฝากน้องด้วยนะ
แม่ฝากพี่เขาด้วยนะลูก
พ่อฝากพี่ด้วยนะลูก
งานแต่งงานผ่านไปได้ด้วยดี ตอนนี้ชีวิตฉันไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว ฉันของเพียงแค่เรามีกันและกัน มั่นใจในรักและเชื่อมความสัมพันธ์กันไปตลอดกาล...
ดาว...พี่รักดาวนะ
ดาวก็เหมือนกันค่ะ
ฉันมีความสุขที่สุดในชีวิตของฉันมากเลย ฉันจะดุแลเขาให้ดีที่สุดตราบเท่าที่ฉันจะทำได้ ฉันจะเป็นศรีภรรยาที่ดีแก่เขาฉันสัญญา....
..................................จบ................................
ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามมาโดยตลอดนะคะ
25 พฤศจิกายน 2547 12:11 น.
สุชาดา โมรา
หลังเลิกเรียนฉันมักจะแอบมาเล่นยูโดอยู่บ่อย ๆ ไม่มีใครรู้หรอกว่าฉันมาเล่นเพราะทุกคนกลับบ้านเย็น แต่ว่าวันนี้ฉันกลับไม่รู้ตัวเลยว่าในขณะที่ฉันสอนยูโดอยู่นั้นพ่อได้แอบมาดูฉัน พอฉันเลิกซ้อมก็มาแต่งตัวและเดินออกมา พี่เบลวบอกว่าพ่อพี่เบลวมารับให้ฉันกลับด้วย
พ่อคะ....สวัสดีค่ะ
ฉันกำลังจะขึ้นรถของพ่อพี่เบลว
ดาว....!!!!มาขึ้นรถพ่อเดี๋ยวนี้
ฉันถึงกับสะดุ้งโหยงทันทีเมื่อได้ยินเสียงพ่อ ฉันหันไปมองพ่อแล้วก็หันกลับมามองพ่อพี่เบลวแล้วก็ยิ้มจากนั้นจึงเดินไปขึ้นรถ พ่อขับรถมาได้พักหนึ่งก็ถามฉัน
รักยูโดมากไหม
ฉันเงียบไม่ตอบอะไร ได้แต่ทำท่าสลดเพราะฉันมีความผิดที่หนีมาเล่นยูโดทั้ง ๆ ที่ท่านสั่งห้ามไม่ให้เล่น
พ่อจะอนุญาติให้เรามาเล่นก็ได้ แต่ต้องตั้งใจเรียนและแก้ มส.ให้หมดด้วย ได้ยินที่พ่อพูดไหม...!!!
ค่ะ
ฉันตกใจเสียงพ่อมากถึงกับรีบตอบทันที แววตาของพ่อดู ๆ ก็รู้ว่าโกรธ แต่พ่อทำใจเย็นแล้วก็ฝืนใจให้ฉันมาเล่นยูโด
ที่จริงยูโดไม่ได้ทำให้ฉันเสียคนหรอก แต่ที่ฉันเสียคนก็เพราะมีเพื่อนไม่ดี เพื่อนที่แย่มาก ๆ ใส่ร้ายสารพัด แกล้งและรังควานเราอยู่ตลอดเวลาจนทำให้ฉันไม่อยากจะเข้าเรียน แต่เพราะฉันมีพี่เบลวนี่แหละถึงทำให้ฉันเข้าเรียนได้...
งานฤดูหนาวใกล้จะมาถึง ทางโรงเรียนก็เตรียมงานจัดข้าวของเสียยกใหญ่ ฉันได้รับคัดเลือกให้ไปเดินขบวนเชิญชวนมางานฤดูหนาว ฉันจึงต้องแต่งชุดไทยแล้วขึ้นมานั่งบนเสลี่ยงมีคนหามถึง 16 คน ปีนี้ฉันได้ออกงานเป็นเทพีงานฤดูหนาวเพราะฉันชนะการประกวดสตาร์วีคมัธยมศึกษาที่โรงเรียน ฉันจำได้ดีว่าฉันแสดงความสามารถพิเศษคือเล่นยูโด ตีระนาดเอก สีซอด้วงและเล่นกีตาร์ซึ่งผิดแปลกกว่าคนอื่น ๆ จากนั้นจึงเดินบนเวทีด้วยชุดไทยจักรี พอชนะการประกวดครั้งนั้นฉันก็ได้ไปแสดงโชว์อีกหลายงาน ได้ไปรำไทยที่นาฏศิลป์ไปครอบครูที่นั่น จากนั้นก็เป็นงานฤดูหนาวนี้ อาจารย์จึงมีโล่ห์และเกียรติบัตรให้เพราะฉันกีฬาเด่นกิจกรรมดีเป็นนักเรียนตัวอย่าง แต่อาจารย์ก็ไม่รู้หรอกว่าฉันติด มส. ระนาวเลย...
พอเดินขบวนกันเสร็จอาจารย์ก็ให้ไปถ่ายรูปและฉันก็เป็นต้นแบบให้อาจารย์วาดรูปด้วย ทำให้ฉันกลายเป็นที่รักของอาจารย์หลาย ๆ คนเพื่อน ๆ ก็เริ่มพูดคุยกับฉันจนฉันมีกลุ่ม แต่ฉันก็ไม่ได้คบกับคนพวกนี้จริง ๆ จัง ๆ หรอกเพราะฉันกลัวว่าจะเป็นเหมือนเหมี่ยว ฉันรู้สึกเข็ดกับคำว่าเพื่อนจริง ๆ รู้หน้าไม่รู้ใจทำอะไรก็หักหลังปัดแข้งปัดขาไปซะทุกเรื่องฉันจึงคบกับเพื่อนแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น
ฉันเดินงานฤดูหนาวกับพี่เบลวอย่างมีความสุข ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้จับมือกับพี่เบลว ฉันเป็นคนคว้ามือเขามาจับเองแหละเพราะเขาเป็นคนที่ไม่ล่วงเกินใคร จากนั้นฉันก็เดินเที่ยวจนเพลิน ฉันไม่รู้ตัวหรอกว่ามีใครแอบมองฉันอยู่ ฉันเดินกับพี่เบลวอย่างเปิดเผย พอเมื่อยก็ซื้อน้ำมานั่งดื่มที่หน้าหลวงพ่อขาว สักพักก็เดินต่อจนกระทั่งฉันมาเลือกซื้อโคมไฟที่ทำจากปลาดาว มันสวยมากพอฉันเดินออกมาฉันก็เจอพ่อ
เพี๊ยะ..........!!!!
พ่อตบหน้าฉัน ผู้คนหันมามองกันเป็นแถว
มีอะไรกับมันแล้วใช่ไหมถึงให้มันจับมือ....!!!!!
พ่อพูดด้วยอารมณ์โมโห ฉันไม่เข้าใจว่าแค่คนรักกันเดินจับมือกันมันผิดตรงไหน ฉันไม่ได้ทำอะไรเสียหายขนาดที่พ่อเข้าใจหรอกและพี่เบลวก็ไม่ใช่คนแบบนั้นด้วย พ่อทำไมถึง... ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ และไม่คิดหรือพยายามจะเข้าใจด้วยเหมือนกับที่พ่อไม่เข้าใจฉัน
กลับบ้านเดี๋ยวนี้...นายมาด้วย...เร็ว....!!!!
พ่อให้ฉันกับพี่เบลวขึ้นรถ พ่อบอกว่าอายเขาจะให้ไปเครียกันที่บ้านพี่เบลวจึงโทรหาพ่อกับแม่ของเขาให้มาที่บ้านฉัน พอพ่อขับรถมาจอดที่หน้าบ้านฉันเปิดประตูลงจากรถพ่อก็ฉุดกระชากลากถูฉันเข้ามาในบ้านทันที พ่อคว้าไม้เรียวออกมามือหนึ่งจับข้อมือฉันและอีกมือหนึ่งก็เอาไม้เรียวฟาดที่หลังของฉันหลายที ฉันจำไม่ได้ว่าพ่อฟาดไปเท่าไร แต่พ่อฟาดไม่หยุดเลย ฉันทั้งเจ็บและก็ปวดใจมากที่พ่อไม่ฟังเหตุผลของฉันเลย...
แกมีอะไรกับมันแล้วใช่ไหม....!!!!
เปล่า...หนูไม่ได้ทำอะไรเสียหาย พ่อ....!!!
คุณอาผมกับดาวไม่มีอะไรกัน
นายอย่ามาพูด...มันไม่ใช่เรื่องของนาย
ทำไมจะไม่ใช่ในเมื่อมันเกี่ยวโยงกับผม คุณอาน่าจะรู้นะว่าลูกสาวคุณอาเป็นคนถือเนื้อถือตัว แต่วันนี้เธอมาจับมือผมเอง ผมก็ไม่เข้าใจว่าเธอทำไมถึงมาจับมือกับผมทั้ง ๆ ที่ผมคบกับเธอมาได้แค่เดือนเดียว คุณอาต้องเชื่อในเกียรติของลูกสาวคุณอาสิ
พ่อตีฉันด้วยความโมโหแต่พอพ่อฟังพี่เบลวพูดทำให้พ่อวางไม้และเดินมานั่งที่โซฟา พี่เบลวเป็นคนพูดนิ่ม ๆ แต่พ่อเป็นคนอารมณ์ร้อน เมื่อใช้น้ำเย็นเข้าข่มไฟที่ร้อนระอุอย่างพ่อจึงสงบลง สักพักพ่อกับแม่ของพี่เบลวก็มาถึง
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับ
แม่ของพี่เบลวเดินเข้ามาคุยกับพ่อ ส่วนพ่อของพี่เบลวก็เดินมาคุยกับพี่เบลว ฉันเองจึงหลบเข้าห้องไป ฉันไม่รู้หรอกว่าผู้ใหญ่คุยอะไรกันแต่ฉันคิดว่าฉันอาจจะต้องเลิกคบกับคนดี ๆ อย่างพี่เบลวแน่ ๆ และอาจจะไม่ได้ไปเล่นยูโดอีก... ฉันส่องกระจกดูหลังของตัวเอง ฉันเห็นรอยไม้เรียวที่หลังเต็มไปหมด บางรอยเป็นรอยนูนขึ้นมาแตกมีเลือดซิบ ๆ ฉันรู้สึกแสบหลังมากเลย ถ้าวันนี้ย่าไม่ไปหาหมอย่าคงช่วยฉันได้ แม่ก็ไปทำงาน ปู่ก็ไปทำใบภาษี วันนี้จึงไม่มีใครอยู่ช่วยฉันได้เลยสักคนเดียว... ย่าจ๋ากลับมาเร็ว ๆ หน่อยนะคะหนูไม่อยากอยู่กับพ่อในเวลาอย่างนี้เลย...
.................................20..................................
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะกำลังจะอวสานแล้วค่ะ
ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามมาโดยตลอดนะคะ ตอนนี้ได้ตีพิมพ์เป็นเล่มแล้วใช้ชื่อใหม่ว่าสาวน้อยเลือดยูโดนะคะ
ขอบคุณค่ะ
25 พฤศจิกายน 2547 12:01 น.
สุชาดา โมรา
ดาวลูกไปร้านตัดชุดกับพ่อหน่อยได้ไหม นี่เราจะไปกันทั้งครอบครัวเลยนะ
ถึงฉันจะไม่อยากไปกับพ่อแต่ฉันก็ต้องไป เพราะฉันรู้ว่าถ้าท่านโกรธขึ้นมาคงจะแย่มาก พ่อมาร้านตัดชุดวิวาห์ พ่อเลือกชุดอยู่ส่วนฉันก็นั่งดูแบบไปเรื่อย ๆ
ดาวนี่พ่ออยากให้หนูมาลองชุดนี้จังเลย
หนูไม่เอาหรอกเพราะหนูไม่รู้ว่าจะใส่ไปไหน ไม่ลองนะคะ
ไม่ได้....!!!
พ่อพูดเสียงดังลั่นร้านฉันเลยต้องเดินไปลองชุดราตรีสีขาว ชุดนี้หลวมมากแต่ช่างบอกว่าจะเอาเข้าให้พอดี ช่างให้ฉันเดินออกมาให้พ่อกับแม่ดู
สวยมากเลยลูก...แต่เอ๊ะนี่มันรอยไม้เรียวเมื่อวันนั้นเหรอ ทำไมมันเป็นแผลขนาดนี้
ฉันก้มหน้าเงียบไม่พูดอะไร พ่อเดินเข้ามาดูใกล้ ๆ จากนั้นทั้งแม่ ย่า อาและปู่ก็รุมว่าพ่อเลย ทุกคนว่าพ่อว่าทำเกินกว่าเหตุทำให้หลังฉันเป็นแผลเป็นลึกเพราะพ่อตีอย่างไม่ยั้งมือ พอทุกคนทะเลาะกันหนักเข้าฉันก็เลยไปเปลี่ยนชุดและนั่งร้องไห้ในห้องแต่งตัว ฉันรู้สึกแย่มากที่เห็นทุกคนทะเลาะเบาะแว้งกัน ฉันรู้สึกว่าฉันเองเป็นฉนวนให้ครอบครัวแตกร้าว... ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพ่อจะให้ฉันไปงานไหน แต่ตอนนี้จิตใจฉันมันบอบช้ำมากเลยฉันไม่อยากจะไปไหนหรือทำอะไรทั้งนั้น
พอกลับมาบ้านทุกคนก็ไม่มีใครคุยกับพ่อ พ่ออารมณ์ไม่ค่อยดีจึงเดินไปหลังบ้าน ส่วนคนอื่น ๆ ก็นั่งดูทีวีกัน ฉันเองก็เข้าไปเก็บตัวอยู่แต่ในห้องเพราะไม่อยากพูดหรือคุยกับใคร ฉันอายและรู้สึกแย่ หัวใจมันเหี่ยวเฉาจนไม่อยากจะมองหน้าใครอีกต่อไปแล้ว
ดาว...โทรศัพท์ลูก
สวัสดีค่ะ...พี่เบลวเหรอคะ ค่ะ ค่ะ ค่ะ หา....!!!!
พี่เบลวโทรมาบอกเรื่องานหมั้น ฉันตกใจมากที่เพิ่งมารู้ทีหลังว่าฉันจะต้องหมั้นหมายกับพี่ เบลว ไม่เห็นมีใครมาบอกฉันเลย... ที่จริงฉันก็ชอบพี่เบลวนะแต่ลึก ๆ ในใจมันยังคงมีพี่นัทอยู่ จะให้ฉันทำยังไงดีเนี่ย ฉันรู้สึกสับสนกับตัวเองมากเลย
ฉันไปซ้อมยูโดเป็นปกติ แต่วันนี้ทุกคนพูดกันหนาหูเรื่องงานหมั้นของฉันกับพี่เบลว เป็นเพราะพี่เบลวไปเล่าเรื่องให้พี่ตูนฟังแท้ ๆ ตานี่ถึงได้ปากโป้ง
ดาว...พี่ขอคุยด้วยได้ไหม
ฉันอึ้งมากพี่นัทเดินเข้ามาคุยกับฉัน
ดาวจะหมั้นจริงเหรอ...
ฉันเงียบไม่ได้ตอบอะไรได้แต่ก้มหน้าทำหน้าตาซึม ๆ อยู่ตลอดเวลา
ดาวจะร้องทำไมในเมื่อดาวกำลังจะหมั้น...พี่ขอให้ดาวโชคดีนะ...อย่าทะเลาะกันล่ะ และอย่าให้ใครมาแยกความรักให้เดินกันคนละทางอีกนะ พี่ไม่อยากให้ดาวต้องมาเจ็บช้ำเหมือนกับตอนที่คบกับพี่
ฉันเช็ดหยาดน้ำตาแล้วก็ยิ้มให้พี่นัท พี่นัทเป็นคนดีถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าพี่นัทเสียใจ และภายในใจฉันก็ยังรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ เวลาที่ได้เห็นหรือได้ยินคำพูดจากปากของพี่นัทแต่ฉันก็ต้องวางตัวให้เหมือนพี่น้อง ต้องวางตัวเฉย ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่ฉันถวิลหาเขามาโดยตลอด แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ฉันมีคนรักใหม่ที่ดีกว่าคนเก่า และอีกหลาย ๆ อย่างที่เขามีมากกว่าพี่นัทคือ ไม่ว่าเหมี่ยวจะยั่วยวนพี่เบลวเท่าไรแต่พี่เบลวก็ไม่สนใจ เหมี่ยวพยายามทำทุกวิถีทางให้พี่เบลวแยกจากฉันแต่ก็ไม่สำเร็จนั่นเป็นเพราะพี่เบลวเป็นคนที่หนักแน่น จริงจังและจริงใจไม่เหมือนกับพี่นัท...
แล้ววันหมั้นก็มาถึง พี่ ๆ และอาจารย์ที่สมาคมฯก็มาร่วมงานกันอย่างหนาแน่น ฉันได้ออกมาจากห้องก็ตอนเริ่มพิธี ทุกคนมองกันเป็นตาเดียวเพราะไม่คิดว่าฉันจะแต่งตัวออกมาได้สวยขนาดนี้ ฉันค่อย ๆ เดินมานั่งหน้าพ่อกับแม่ทั้งฝ่ายฉันและฝ่ายเขา ย่าฉันถึงกับยิ้มแก้มปลิทีเดียว พี่เบลวหยิบกล่องแหวนออกมา แหวนวงนั้นเป็นแหวนเพชรสวิตน้ำหนัก 2.00 การัตเรือนเป็นทองคำขาวทำให้ทุกคนฮือฮากันใหญ่ ช่างภาพที่จ้างมาก็ถ่ายภาพอยู่ตลอดจนฉันรู้สึกแสบตา
ไหว้พี่เขาสิลูก
เสียงแม่บอกให้ฉันไหว้พี่เบลว ฉันจึงก้มลงกราบที่อกของเขา จากนั้นก็รอฤกษ์
ได้เวลาแล้ว 9.00 น. สวมแหวนให้น้องเลยลูก
พี่เบลวค่อย ๆ บรรจงสวมแหวนให้ฉัน จากนั้นทุกคนก็ปรบมือกัน ฉันก้มลงกราบที่อกเขาอีกครั้ง เขาจึงหยิบกล่องเครื่องเพชรออกมา ในนั้นมีทั้งสร้อยคอ สร้อยข้อมือและต่างหู พี่เบลวจึงนำมาใส่ให้ฉัน พอเสร็จพิธีก็ร่วมกันถ่ายรูป พี่ตูนแอบเหยียบชายกระโปรงฉันอยู่หลายครั้ง ส่วนพี่เบลวก็คอยประคองฉันเพราะกลัวว่าจะล้ม พองานเลิกฉันก็ไปเปลี่ยนชุดและไม่ยอมออกมาจากห้องอีกเลย ไม่ว่าใครจะชวนให้ออกมากินข้าวฉันก็ไม่ยอมออกมา จนพ่อแม่ของพี่เบลวทนไม่ไหวพาพี่เบลวกลับบ้านไป พ่อจึงมาดุฉัน
เปิด...เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ ออกมาคุยกันให้รู้เรื่อง....!!!
คุณ...ลูกทำใจไม่ได้เพราะลูกเพิ่งจะรู้เรื่องได้เพียงอาทิตย์เดียวคุณอย่าไปดุลูกเลยนะ เมื่อเช้าลูกก็เหนื่อยมาพอแรงแล้วไหนจะตื่นมาแต่งตัวแต่งหน้าตั้งแต่ตี 4 อีกล่ะ คุณไปนั่งดูทีวีดีกว่านะ
ฉันแอบฟังพ่อกับแม่คุยกัน สักพักฉันก็โทรหาพี่เบลว
พี่เบลวเหรอ ดาวขอโทษนะคือดาวปวดหัวน่ะพี่คงไม่ว่ากันนะ
ฉันดีใจที่พี่เบลวไม่ว่าอะไร ฉันรู้สึกสำนึกผิดเพราะฉันทำตัวไม่เหมาะสมเลย ฉันนี่แย่จริง ๆ ฉันไม่น่าทำลงไปแบบนั้นเลย
เช้าวันใหม่ฉันก็ไปเรียนตามปกติ เพื่อน ๆ หลายคนเดินเข้ามาถามฉันถึงเรื่องการหมั้นเพราะเหมี่ยเอามาพูดให้คนอื่นรู้กันทั่วทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ไปงานนี้
จริงเหรอที่ดาวหมั้นไม่เห็นบอกกันบ้างเลย
จริงเหรอ
...............................
สักพักกลุ่มของเหมี่ยวก็เดินเข้ามาถาม
จริงเหรอที่แกแย่งแฟนเพื่อนถึงขนาดลงทุนหมั้นหมายเพราะกลัวว่าเหมี่ยวจะแย่งคืน
ฉันรู้สึกโมโหจริง ๆ ที่ได้ยินเอ๊ะพูดแบบนี้
เธอเชื่อเหมี่ยวได้กี่เรื่อง เหมี่ยวโกหกมากี่เรื่องแล้ว ถามจริง ๆ เถอะเพื่อนแบบนี้เธอคบเข้าไปได้ยังไง ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าการศึกษาสูง ๆ อย่างเธอนี่จะถูกเหมี่ยวจูงจมูกได้ง่าย ๆ
พวกนั้นถึงกับอึ้งชั่วคณะ แล้วก็หันมาจะทำร้ายฉัน
นี่แกด่าฉันเหรอ...แก...
อย่านึกนะว่าฉันจะไม่สู้....!!!!
ฉันพูดด้วยท่าทางเอาเรื่องพวกนั้นจึงเดินออกไปไม่มารังควานฉันอีก...
............................21.................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ กำลังจะอวสานแล้วนะคะ
ขอขอบคุณเพื่อนๆมากที่เป็นกำลังใจให้เสมอมา ขอบคุณค่ะ