7 สิงหาคม 2548 20:10 น.
สุชาดา โมรา
ชาตินักรบโทรหาเธอเมื่อคืนนี้ บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย แต่ไม่สะดวกคุยทางโทรศัพท์ วันนี้จึงเป็นการนัดเจอกันครั้งแรกในรอบหกเดือนหลังจากที่เลิกเป็นแฟนกัน
หลังจากที่เปลี่ยนสถานะจากคนรักกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง ชาตินักรบโทรหาเธอน้อยลง ส่วนเธอเองก็โทรหาเขาน้อยลงเช่นกัน
มีเหตุผลสองประการเท่านั้น ที่เขาจะโทรหาเธอ นั่นคือ หนึ่ง วันนั้นเป็นวันเกิดของเธอ ชาตินักรบไม่เคยลืมวันเกิดของเธอเลยแม้แต่ปีเดียว นับตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน คบหาดูใจกันมาจนกระทั่งกลับกลายมาเพื่อนกันอีกครั้งหนึ่ง สอง เขามีเรื่องสำคัญจริง ๆ จะคุยด้วย ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เขาอยากจะระบายให้ใครสักคนฟังมากกว่า และคนที่เขาเลือกที่จะระบายให้ฟังก็คือเธอ
ก็ริซ่าจบจิตวิทยามานี่... นั่นคือเหตุผลที่เขายกขึ้นมาเสมอ เมื่อโทรหาเธอ
ช่วงที่นั่งรอเขาอยู่ในร้านนั้น อาริซ่านึกย้อนไปถึงวันที่เขาและเธอพบกันครั้งแรก วันที่ราชพฤกษ์นัดเธอและเพื่อน คนอื่น ๆ มาทำรายงานส่งอาจารย์ที่ใต้ถุนตึกคณะ วันนั้นเขาพาเพื่อนผู้ชายมาด้วยคนหนึ่ง
ทุกคน นี่เพื่อนเราชื่อชาตินักรบ เรียนอยู่สื่อสารมวลชน เขาจะมาช่วยเราคิดว่าจะนำเสนองานยังไงให้น่าสนใจ นั่นคือเหตุผลที่ราชพฤกษ์พาชาตินักรบมาร่วมวงสนทนากันได้ไม่นาน มีบางสิ่งที่ทำให้อาริซ่าสาวลูกครึ่งอังกฤษคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่น่าสนใจไม่น้อย ทั้งวิธีคิดและวิธีการพูดของเขา
การได้พูดคุยกับเขาทำให้เธอรู้สึกดี และมีความสุขใจเป็นพิเศษแตกต่างกับคนอื่น ๆ ที่คบหาเป็นเพื่อนกันมาเกือบปีหนึ่ง จู่ ๆ วันหนึ่งเขาก็บอกกับเธอว่าเธอเป็นคนที่เวลาเขาอยู่ใกล้ ๆ และพูดคุยด้วยแล้วรู้สึกดีเป็นพิเศษ
ริซ่าดีใจนะที่เราสองคนคิดตรงกัน.. วันนั้นเธอบอกเขาไปอย่างนั้น นับตั้งแต่นั้นมา เธอและเขาก็เริ่มคบหาเป็นแฟนกัน
หลังเรียนจบชาตินักรบก็ตัดสินใจมาทำงานที่กรุงเทพฯ ราชพฤกษ์เลือกจะทำงานเกี่ยวกับการดูแลเพาะพันธุ์ต้นไม้อยู่ที่เชียงราย ในขณะที่เธอตัดสินใจเรียนปริญญาโทต่อที่กรุงเทพฯ ทำให้เขาและเธอไม่ห่างเหินกันมากนักในช่วงแรก ส่วนเธอเลือกเรียนต่อจิตวิทยาด้วยเหตุผลที่เธอบอกชาตินักรบและราชพฤกษ์ว่า หลังจากที่รู้จักโครงสร้างและระบบการทำงานต่าง ๆ ของพืช สัตว์และคนมาพอสมควรแล้ว เธออยากเรียนรู้จิตใจและความคิดภายในของคนเพิ่มมากขึ้น
สองปีแรกที่ชาตินักรบทำงานและเธอเรียนอยู่ ทั้งสองมีโอกาสนัดพบเจอกันบ้างอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง ตามเวลาที่เขาและเธอว่าง แต่หลังจากที่เธอเรียนจบและเริ่มทำงานเป็นที่ปรึกษาทางจิตวิทยา ทั้งสองก็มีเวลาว่างตรงกันน้อยลง
เข้าสู่ปีที่สี่ที่อยู่ในกรุงเทพฯ หลังจากที่พยายามปรับตัวเข้าหากันอยู่นาน และต่างฝ่ายต่างเริ่มเรียกร้องเวลาระหว่างกันและกันมากขึ้น ในที่สุดชาตินักรบและเธอก็ตัดสินใจ กลับมาเป็นเพื่อนกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเปิดโอกาสให้แต่ละคนได้พบคนใหม่ที่อาจจะมีเวลาให้เขาและเธอมากกว่าที่เขาและเธอมีให้แก่กัน
แต่เกือบปีแล้วที่ทั้งคู่ ยังไม่เคยคิดที่จะมีคนใหม่...เธอยังรักชาตินักรบอยู่หรือเปล่านะ..ไม่รู้สิ อาริซ่าตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน รู้เพียงแต่ว่าความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กับชาตินักรบ กับความทรงจำในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันแม้เวลาจะผ่านไปหลายเดือน ไม่ได้ทำให้มันลดน้อยหายลงไปเลย
อาริซ่ายอมรับกับตัวเองว่าเธอยังคงแอบดีใจอยู่ลึก ๆ ทุกครั้งที่เขาโทรหาเธอ แม้มันจะเป็นการโทรมาเพื่อระบายความอัดอั้นภายในใจก็ตาม
.
ชาตินักรบมาช้าเกือบครึ่งชั่วโมง เขาบอกขอโทษขอโพยเธอ ด้วยเหตุผลที่ว่าวันนี้ต้องไปทำข่าวไกลถึงย่านรังสิต ช่วงกลับเข้ามาในเมืองจึงต้องผจญกับรถติด เพราะเป็นเวลาเลิกงานของคนอื่น ๆ พอดี
เขายังดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย เรื่องงานเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งเสมอ น่าแปลกที่ช่วงแรกเธอไม่เคยเข้าใจเลยว่าเพราะอะไรงานถึงสำคัญกับเขาขนาดนั้น จนกระทั่งเธอเริ่มทำงานเอง ไม่น่าเชื่อว่านิสัยเรื่องงานเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งเสมอของเขาจะติดมาอยู่กับตัวเธอด้วย
อาริซ่ารอจังหวะให้เขาได้พักเหนื่อยและสั่งน้ำ สั่งอาหารเสร็จก่อน จึงเริ่มเอ่ยถาม
ชาติ มีอะไรเหรอ
เขาดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่อง
ชาตินักรบเล่าให้อาริซ่าฟังถึงความรับผิดชอบใหม่ที่เขากำลังทำอยู่ เล่าให้เธอฟังถึงเรื่องประหลาดที่เขาเจอ และข้อสังเกตเกี่ยวผู้ชายคนนั้นของเขาให้เธอฟัง อาริซ่านั่งฟังอย่างตั้งใจ เรื่องที่เขาเล่าให้เธอฟัง ทำให้เธออดนึกถึงผู้ชายคนหนึ่งไม่ได้
ริซ่า มีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหนที่คนเราจะสามารถถ่ายโอนความเจ็บปวดจากคนหนึ่งมายังอีกคนหนึ่ง เขาตั้งคำถามทันทีหลังจากที่เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟังเสร็จแล้ว
พนักงานยกอาหารที่อาริซ่าสั่งมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ทำให้จังหวะในการสนทนาหยุดลงไปชั่วขณะ อาริซ่าใช้ช่วงเวลาขณะนั้นประมวลความคิดของเธอก่อนที่จะเอ่ยถามเขากลับมา
ชาติคะ ชาติจำเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต ที่เคยช่วยพวกเราทำพรีเซ็นเตชั่น สมัยที่เรียนชีวะกันได้หรือเปล่า
พอจะจำได้ลาง ๆ มั้ง ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเซลล์กับส่วนประกอบของเซลล์ใช่หรือเปล่า แต่เดี๋ยว ๆ แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องของเรายังไง
อาริซ่ายิ้มก่อนที่เอ่ยตอบออกมา ชาติจำเรื่องของอะตอมได้หรือเปล่าว่าถ้าเราแบ่ง ธาตุหรือสารประกอบของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ให้เป็นส่วนเล็ก ๆ ให้เล็กลงไปมาก ๆ เราจะได้หน่วยเล็ก ๆ ที่เกือบเล็กที่สุดที่เขาเรียกกันว่า อะตอม ในอะตอมแต่ละอะตอมถ้าแบ่งให้เป็นส่วนย่อยลงไปอีก จะประกอบด้วยอนุภาคต่าง ๆ อีกสามอย่างคือ โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน เดี๋ยวนะอย่าเพิ่งทำหน้างง ริซ่ากำลังจะเข้าเรื่องจริงๆ แล้วล่ะ ก็เพราะสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ คือผลรวมของเซลล์ต่าง ๆ ที่เกาะกลุ่มรวมตัวกัน และเซลล์แต่ละเซลล์ก็มีอนุภาคต่าง ๆ สามอนุภาคเป็นส่วนประกอบนี่เอง เมื่อมารวมตัวกันจึงมีปฏิกิริยาเคมีหรือมีการถ่ายโอนประจุระหว่างกันเกิดขึ้น ความเจ็บปวดที่ชาติพูดถึงก็ถือว่าเป็นผลพวงมาจากปฏิกิริยาเคมีในสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งเหมือนกัน อย่างกรณีความเจ็บปวดในร่างกายของคน จะมีเซลล์ประสาทรับความรู้สึกที่จะแปลงการกระตุ้นจากสิ่งเร้าต่าง ๆ ให้เป็นปฏิกิริยาเคมี ถ่ายโอนประจุจากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่ง ผ่านตัวรับและตัวส่งผ่านต่าง ๆ
อาริซ่าหยิบกระดาษและปากกาขึ้นมาวาดรูปให้ชาตินักรบดู ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เธอกำลังพูดให้เขาฟัง
และในส่วนของสิ่งมีชีวิตที่เป็นพืช ก็มีปฏิกิริยาเคมีดังกล่าวเกิดขึ้นเช่นกัน
ริซ่า กำลังจะพยายามบอกเราว่า... ชาตินักรบพยายามครุ่นคิดตามในสิ่งที่อาริซ่าพูดให้ฟัง
ริซ่าพยายามจะอธิบายไปถึงเรื่อง ความเจ็บปวดที่ถ่ายโอนไปให้กับต้นไม้ด้วยนะ สมมตินะชาติ ถ้าเราสมมติให้โลก หรือจักรวาลเป็นหน่วยในการวิเคราะห์ เมื่อเทียบกับกรณีข้างต้นสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ทั้งที่เป็นคน เป็นสัตว์ หรือเป็นพืช ก็เปรียบเหมือนเป็นเซลล์ เซลล์หนึ่งของโลก และถ้าสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ มีสถานะเป็นเซลล์ เซลล์หนึ่งจึงมีความเป็นไปได้ที่ว่า มันจะเกิดมีปฏิกิริยาเคมีหรือการถ่ายโอนแลกเปลี่ยนประจุระหว่างกัน และถ้าจะให้พูดถึงผู้ชายคนนั้นหรือนาย ก.ที่ชาติเล่าให้ฟังนั้น ถ้าสมมติฐานนี้เป็นจริง เราก็พอจะระบุความสามารถหรือบทบาทของเขาในปฏิกิริยานี้ได้ชัดเจนมากขึ้น....
อาริซ่าหยุดคำพูดไว้ช่วงขณะหนึ่ง เหมือนลังเลที่จะตอบออกมา ชาตินักรบสบตาเธอเพื่อเร่งเร้าขอให้เธอยืนยันคำตอบว่าตรงกับที่เขาคิดไว้หรือไม่
...เราคิดว่า เขาอาจจะมีบทบาทเป็นตัวเชื่อมระหว่างเซลล์ต่าง ๆ ของโลก...
อาริซ่าเริ่มให้สมมติฐานเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ชายคนนั้นให้เขาฟังมากขึ้น เธอคิดว่าการที่เขาเดินเข้าไปทำท่าเหมือนสำรวจตรวจค้นอะไรบางอย่างจากผู้เคราะห์ร้ายในขณะที่เกิดเหตุนั้น เขาอาจจะกำลังหาจุดเชื่อมต่อระหว่างเขากับคนเจ็บคนนั้นเพื่อให้มีการถ่ายโอนความเจ็บปวดนั้น ในกรณีดังกล่าวการที่จะถ่ายโอนความเจ็บปวดจากจุดต่าง ๆ มาไว้ที่เขาเพียงจุดเดียวได้นั้น หมายความว่าเขาจะต้องมีความสามารถในการเหนี่ยวนำหรือดูดความรู้สึกเข้ามาเก็บไว้ในตัวเขาด้วย และจากพฤติกรรมช่วงหลังที่สวนสาธารณะนั้นสะท้อนให้เห็นว่าตัวเขาเองก็มีศักยภาพที่จำกัดในการรองรับความเจ็บปวดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เขาจึงจำเป็นต้องสะท้อนหรือคายความเจ็บปวดนั้นออกมาสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก ซึ่งสิ่งที่เขาเลือกก็คือต้นไม้ในสวนสาธารณะ และท้ายที่สุดเมื่อต้นไม้รองรับความเจ็บปวดนั้นไม่ไหว ต้นไม้จึงสะท้อนความรู้สึกนั้นออกมาให้กับอากาศโดยรอบ
สิ่งมีชีวิตทุกชนิด จะพยายามรักษาสมดุลให้กับตัวเองเสมอ อาริซ่าบอกกับเขาในตอนท้าย
ชาตินักรบนิ่งไป แม้จะได้รายละเอียดและความเป็นไปได้เกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นมากขึ้น แต่เขาก็ยังจนความคิดอยู่ว่า สุดท้ายแล้วเขาจะเริ่มเสาะหาผู้ชายคนนั้นจากที่ไหนก่อน
อาริซ่าสังเกตอาการนี้ได้ ในระหว่างที่ทานอาหาร เธอจึงเริ่มเป็นฝ่ายเอ่ยถามเขาก่อนบ้าง
ชาติ มีคำถามอะไรอยู่ในใจอีกเหรอ ดูเหมือนชาติยังกังวลอะไรบางอย่างอยู่นะ
สุดท้ายแล้วเราก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มหาผู้ชายคนนั้นจากที่ไหนก่อนอยู่ดี
อาริซ่ายิ้ม เมื่อรับรู้ถึงข้อกังวลของเขา
ริซ่าไม่รู้ว่า จริง ๆ แล้วชาติจำเป็นต้องค้นหาผู้ชายคนนั้นให้เจอหรือเปล่านะ แต่ถ้าชาติอยากจะหาผู้ชายคนนั้นให้เจอจริง ๆ ชาติลองไปเริ่มที่นี่ดูก็แล้วกัน เธอพูดพร้อมหยิบกระดาษขนาดเท่านามบัตรส่งมาให้เขา เมื่อรับมาแล้วจึงรู้ว่าสิ่งที่อาริซ่าส่งให้เป็นนามบัตรจริง ๆ ในนั้นมีข้อความระบุว่า
ร.ต.อ.สิทธิกร ต้นการเกด ( ผู้อำนวยการ )
สมาคมส่งเสริมศักยภาพจิตเพื่อชีวิตเป็นสุข
แขวง ลาดกระบัง เขต ลาดกระบัง
กรุงเทพมหานคร
โทร.02-XXX-XXXX มือถือ 09-XXX-XXXX
เขาเป็นตำรวจนี่ แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ล่ะ ไม่เห็นจะเข้าท่าเลย
แหมถึงเขาจะเป็นตำรวจแต่เขาก็เชี่ยวชาญด้านนี้เป็นกรณีพิเศษนะ เพราะเขาเองก็ศึกษาด้านนี้มาโดยตรงและทางกรมตำรวจและศูนย์วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมทั่วประเทศก็ให้การยอมรับนับถือเขามากนะอีกอย่าง คดีสืบสวนสอบสวนบางอย่างที่แปลก ๆ ผู้กองคนนี้ก็มักจะทำได้เสมอ โดยเฉพาะเรื่องที่เกินหรือนอกเหนือจากธรรมชาติ แต่เขากลับสรุปคดีได้ดีมากเลยละจริง ๆ นะชาติ ขอร้องละอย่าทำหน้างง ๆ แบบนั้นสิ ถ้าชาติได้เจอคน ๆ นี้แล้วชาติจะต้องรู้ว่าสิ่งที่ชาติคิดและสิ่งที่ชาติกำลังค้นหามันอยู่แค่เอื้อมเท่านั้นเอง
มื้อนี้ชาติเลี้ยงริซ่าแล้วกันนะ แล้วถ้าได้เรื่องอะไรขึ้นมาถือว่าคราวหน้าชาติติดข้าวริซ่าอีกหนึ่งมื้อก็แล้วกัน ชาตินักรบเอ่ยริซ่ายิ้มอีกครั้งหนึ่งหลังพูดจบ
ทั้งสองคนนั่งทานอาหารอยู่ครู่หนึ่งชาตินักรบก็เริ่มรู้สึกเหมือนกับมีใครกำลังจ้องมองและร่วมทานอาหารด้วย เหมือนมีบุคคลที่สามนั่งขัดจังหวะและคอยแอบฟังในสิ่งที่ตัวเองพูดคุยอยู่ตลอดเวลาเขาจึงลุกขึ้นและเดินไปจับเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ตะแคงข้างทันที
ชาติจะทำอะไรคะ อาริซ่าถามอย่างงง ๆ
ผมรู้สึกเหมือนมีบุคคลที่สามที่เราไม่อยากจะให้ร่วมวงสนทนาด้วย
คุณคิดมากไปหรือเปล่าคะกลับมาทานอาหารเถอะค่ะ
ร่างของแคนดี้กระแทกลงไปกองกับพื้นทันที หล่อนรู้สึกเจ็บจนพูดไม่ออก ไหนจะโดนชาตินักรบเหยียบมือเข้าไปเต็ม ๆ อีก
วันนี้ซวยอะไรนะเนี่ยกำลังนั่งอยู่เพลิน ๆ เลย อุตส่าห์หยิบอาหารมาทานได้แล้วนะเนี่ย อีตาบ้านี่ก็ระแวงอะไรนักหนานะ จู่ ๆ ก็เทเก้าอี้ทิ้งทำให้เราต้องหล่นลงมากองกับพื้นเลยเจ็บนะอีตาบ้า แคนดี้ตะโกนสุดเสียงแต่ไม่มีใครได้ยินเลย มีเพียงชาตินักรบเท่านั้นที่หันมาและคล้ายกับว่ากำลังจ้องหาเสียงคนที่พูดคนนั้นอยู่
7 สิงหาคม 2548 20:08 น.
สุชาดา โมรา
ใครจะเชื่อว่าจู่ ๆ ผู้บริหารและกองบรรณาธิการจะมีความเห็นตรงกันว่า น่าจะเพิ่มคอลัมน์เกี่ยวกับเรื่องแปลกพิศวง เรื่องเหลือเชื่อ ในหนังสือพิมพ์ไททรรศน์ทุก ๆ วันอาทิตย์ เพื่อดึงให้คนหันมาสนใจซื้อหนังสือมากขึ้น ซึ่งเรื่องแปลก ๆ มักจะขายได้เสมอ แม้จะอยู่ในยุคของการแข่งขันทางการตลาดที่สูงก็ตาม ยิ่งนำเสนอได้น่าตื่นตาตื่นใจ น่าพิศวงมากเท่าไร โอกาสที่ยอดขายจะเพิ่มขึ้นก็มีมากขึ้นเท่านั้น
ชาตินักรบ พงศ์ไทย นักข่าวหนุ่มจากทีมข่าวอาชญากรรม ผู้มีความสามารถในการรวบรวมวิเคราะห์ข้อมูล และนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับประเด็นคดีได้น่าสนใจแตกต่างจากคนอื่น ๆ ในทีมข่าวด้วยกัน เขาได้รับมอบหมายให้เป็นคนรับผิดชอบในการเขียนเปิดคอลัมน์นี้ก็เพราะเหตุนี้
ครั้งแรกที่ได้ยินข้อเสนอ ให้เป็นคนเขียนส***๊ปเปิดคอลัมน์ดังกล่าว ชาตินักรบคิดว่า การหาข้อมูลมาเขียนเรื่องแปลก เรื่องเหลือเชื่อคงไม่แตกต่างกับการหาข้อมูลมาเขียนข่าวอาชญากรรม มากนัก เป็นโอกาสดีเสียอีกที่จะเขาได้ลองฝึกเขียนงานแนวอื่นบ้าง เพื่อความก้าวหน้าในสายอาชีพนี้ เขาจึงตบปากรับคำคุณอดิศร เกริกหล้า หัวหน้ากองบรรณาธิการว่ายินดีรับเป็นคนเขียนเปิดคอลัมน์ให้
ครับผมจะรวบรวมข้อมูลและทำข่าวนี้ให้ดีที่สุด
คุณอดิศร เกริกหล้า ให้เวลาเขาหาประเด็นและเก็บรวบรวมข้อมูลก่อนประมาณสองอาทิตย์ก่อนที่หนังสือพิมพ์จะเปิดคอลัมน์ดังกล่าว
ชาตินักรบ พงศ์ไทย เป็นนักข่าวอาชญากรรมหนุ่มไฟแรง เขามีความรู้ความสามารถที่หลากหลาย เป็นคนรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว แววตาของเขามีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง ใบหน้าหวาน พร้อม ๆ กับความคมเข้มที่มองเห็นได้ชัดเจนเวลาที่เขาเดินไปไหนต่อไหน ใคร ๆ ก็มักจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นดารามาเดินเที่ยวที่ห้างฯ ต่างก็ต้องเข้ามาขอลายซงลายเซ็นกันยกใหญ่ ทำให้เขาเองต้องบอกปฏิเสธอยู่หลายครั้ง
อุ๊ย!!!! พี่บิ๊กดีทูบีขอลายเซ็นค่ะ
กรี๊ด.!!!!!!!!!!พี่ชาย ชาตโยดม ขอลายเซ็นหน่อยค่ะ
พี่กิ๊ฟฟฟฟฟฟฟฟ.วรรธนะ กัมทรทิพย์แน่ ๆ เลยเธอ เข้าไปขอลายเซ็นกันหน่อยเนาะ!!!!
ฉันว่าน่าจะเป็นพี่สันติภาพ สุวรรณพิมพ์แน่ ๆ เลย
แต่ฉันว่านี่พี่กิ๊ฟนะ
ฉันว่าพี่บิ๊กดีทูบี
เอ๊ะจะมาเถียงเอาอะไร ฉันว่านี่พี่ชาย ชาตโยดมต่างหากล่ะ
แต่ฉันว่าน่าจะเป็นเขต ฐานทัพต่างหากล่ะ
สาว ๆ ที่เข้ามาขอลายเซ็นของชาตินักรบต่างก็ถกเถียงกันใหญ่ว่าเขาเป็นดาราคนไหนกันแน่ เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนก็คล้ายไปหมดทุกคน
หยุดดดดดดด!!!!!!
ชาตินักรบตะโกนดังลั่นห้างสรรพสินค้า ทำให้สาว ๆ หลายคนต้องเงียบจ๋อยไปตาม ๆ กัน
ผมไม่ได้เป็นดารงดาราหรอกครับผมเป็นนักข่าว ถ้าคุณเคยอ่านหนังสือพิมพ์ไททรรศน์คุณก็จะรู้จักผม
ถึงจะไม่ใช่ดาราแต่พวกเราก็ขอลายเซ็นคนหล่อเลยละกันเนาะจริงไหมพวกเรา
ชาตินักรบจึงต้องหลวมตัวเซ็นลายเซ็นให้กับสาว ๆ พวกนี้อยู่เป็นประจำ เพราะเขาเองก็รู้ว่าคงจะปฏิเสธเด็กสาวพวกนี้ไม่ได้เพราะเขาเข้ามาลุมล้อมกันขนาดนี้ ถ้าจะฝ่าวงล้อมออกไปก็เกรงว่าจะน่าเกลียด
.
ในรอบสัปดาห์นี้มีข่าวที่น่าสนใจเกิดขึ้นหลาตามหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับอื่น ๆ อยู่หลายเรื่อง แต่มีข่าวอยู่สองข่าวที่ความสดใหม่และความน่าสงสัยของมัน ทำให้ชาตินักรบคิดว่าน่าจะลองออกไปหาข้อมูลมาดูก่อนเผื่อว่าจะเขียนเป็นส***๊ปข่าวเปิดคอลัมน์ได้ ซึ่งข่าวสองข่าวนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันสองวันนี้เอง
เหตุการณ์แรกเป็นอุบัติเหตุรถนักเรียนชนกับรถประจำทาง บนถนนสายจรัญสนิทวงศ์ จากลักษณะของการชนกันของรถ ผู้คนที่มุงดูต่างคาดคะเนว่าถ้าไม่มีคนตายเป็นจำนวนมาก ก็น่าจะมีคนที่บาดเจ็บสาหัสจำนวนไม่น้อย เพราะสภาพรถยับเยินไปทั้งคัน แต่เมื่อหน่วย***้ภัยและรถพยาบาลไปถึง กลับพบว่ามีผู้เสียชีวิตเพียงสองคน ส่วนคนเจ็บนั้นกลับมีบาดแผลและบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่มีคราบเลือดปรากฏให้เห็นในที่เกิดเหตุเป็นจำนวนมาก
ผู้รอดชีวิตหลายคนให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกันว่า มีผู้ชายคนหนึ่งเป็นผู้เดินทางมาประสบเหตุและเขาคนนั้นเป็นคนโทรแจ้งไปยังหน่วย***้ภัยให้มาช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้าย ช่วงเวลาที่รอหน่วย***้ภัยและรถพยาบาลมารับนั้น ผู้ชายคนนั้นเดินเข้าไปหาผู้เคราะห์ร้ายทุกคน ใช้มือพลิกจับไปมาตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายพวกเขา เหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง ในขณะที่บุคคลดังกล่าวที่กำลังบาดเจ็บนั้นนอนร้องโอดครวญขอความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา
หลังจากที่ถูกชายคนนั้นสัมผัสตัว พวกเขาต่างรู้สึกมึนงง และหมดสติไปครู่ใหญ่ ในใจคิดว่าคงโชคร้ายซ้ำสองถูกผู้ชายคนนั้นวางยาเพื่อปลดทรัพย์แน่แล้ว
เมื่อฟื้นขึ้นมาชายคนนั้นไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว ส่วนทรัพย์สินมีค่าต่าง ๆ ที่กังวลว่าจะถูกขโมยไปนั้นยังอยู่ครบถ้วน ในขณะที่ความเจ็บปวดต่าง ๆ ที่ได้รับมาจากอุบัติเหตุกลับค่อย ๆ ลดน้อยลงไป ไม่รู้สึกเจ็บปวดทุรนทุรายเหมือนเคย บาดแผลที่ได้รับเหมือนจะมีขนาดเล็กลงไปด้วย เมื่อรออยู่ครู่ใหญ่หน่วย***้ภัยและรถพยาบาลจึงมาถึงที่เกิดเหตุและนำ พวกเขาส่งโรงพยาบาล
จากบันทึกประจำวันของตำรวจระบุว่า มีผู้เห็นเหตุการณ์สองสามคนให้ข้อมูลสอดคล้องกับผู้รอดชีวิตว่า เห็นผู้ชายคนหนึ่งขับรถออกไปจากที่เกิดเหตุ เมื่อเริ่มมีคนจอดรถเพื่อดูเหตุการณ์เพิ่มขึ้น แต่เมื่อเอ่ยถามถึงป้ายทะเบียนรถที่ผู้ชายคนนั้นขับ ไม่มีพยานคนไหนบอกได้เลยว่ารถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าสีบรอนซ์ที่ชายอายุประมาณ ๒๕ ๓๐ ปีคนนั้นขับออกไปหมายเลขทะเบียนอะไร
ผมไม่รู้ครับ
ฉันไม่รู้ค่ะ มันคลับคล้ายคลับคลา ฉันจำได้แต่กางเกงของเขาและรองเท้าของเขาเท่านั้น
แล้วเขาใส่รองเท้าอะไร
รองเท้าหนังสีดำเป็นเงาราวกับจะส่องเป็นกระจกได้ เขาใส่กางเกงชเล็กสีดำฉันจำได้แค่นี้เอง
แล้วทรัพย์สินมีค่าของคุณหายไปหรือเปล่า
ไม่นี่ไม่
เมื่อผู้รอดชีวิตให้การว่าทรัพย์สินมีค่าที่ตนเองมีอยู่ในขณะเกิดเหตุไม่ได้สูญหายไป แต่อย่างใด ประเด็นความสนใจของตำรวจว่าชายคนนั้นอาจจะเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ ที่เข้ามาลักทรัพย์ของผู้เคราะห์ร้ายก็หมดไป เหลือไว้แต่เพียงข้อสงสัยว่าผู้ชายคนนั้นเข้าไปทำอะไรกับผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นก็เท่านั้น
อย่างไรก็ตามเนื่องจากตำรวจเจ้าของคดีลงความเห็นว่าประเด็นดังกล่าวไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับรูปคดี ข้อสงสัยนั้นจึงไม่ได้มีการสืบค้นเพื่อขยายผลแต่อย่างใด แต่สำหรับชาตินักรบนั้นข้อสงสัยนี้กลับเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขาเป็นอย่างมาก และยิ่งเพิ่มทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเขาเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งสองที่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ต้นไม้ในสวนสาธารณะบริเวณใกล้ ๆ กับที่เกิดอุบัติเหตุหรือต้นไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ กับที่เกิดเหตุ พร้อมใจกันสลัดใบ และเ***่ยวเฉาลง หลังจากวันที่เกิดอุบัติเหตุเพียงหนึ่งวัน
มีผู้ให้สัมภาษณ์หลายคนให้ข้อมูลว่า ก่อนวันที่ต้นไม้จะพร้อมใจกันสลัดใบและเ***่ยวเฉาหนึ่งวัน ซึ่งตรงกับวันที่มีอุบัติเหตุรถชนกัน มีผู้ชายอายุประมาณ ๒๕ - ๓๐ ปีคนหนึ่งขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์มาจอดที่สวนสาธารณะ รูปพรรณสัณฐานของชายคนนั้น ชี้นำให้รู้สึกได้ว่าน่าจะเป็นผู้ชายคนเดียวกันกับผู้ชายที่อยู่ในที่เกิดเหตุรถชนกันในวันนั้น
ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าชายคนนั้นเขาเดินโซซัดโซเซออกจากรถมานอนเหมือนคนหมดสติอยู่ใต้ต้นไม้ในสวนอยู่ครู่ใหญ่ เมื่อมีคนเดินเข้าไปหาเพื่อที่จะดูอาการ จู่ ๆ เขาก็ลุกพรวดขึ้นมาและเดินกลับไปที่รถ ขับรถออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทะเบียนรถของชายคนนั้นล่ะครับหมายเลขอะไร ชาตินักรบเอ่ยถาม
ป้ายทะเบียน... ป้ายทะเบียนเหรอรถคันนั้นมีป้ายทะเบียนไหมนะเอไม่รู้สิแต่น่าจะไม่มีป้ายทะเบียนนะ
นั่นคือข้อมูลที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับรถคันนั้นที่ชาตินักรบได้รับเพิ่มเติมมา
แทบจะหาจุดเริ่มต้นอะไรไม่ได้เลย สำหรับการค้นหาผู้ชายคนนั้น ไม่มีชื่อ ไม่รู้ป้ายทะเบียนรถ ผู้ชายคนหนึ่งที่ขับรถยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ คงมีเป็นพัน เป็นหมื่นคนในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และจังหวัดอื่น ๆ บางทีอาจจะเลยออกไปถึงเขตปทุมธานีหรือนครปฐมด้วยซ้ำชาตินักรบนึก
.
ช่วงขณะที่ต้องผจญกับภาวะรถติดในขณะที่เดินทางกลับที่พัก ชาตินักรบได้แต่ครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าตอนนี้เขาจะคิดหัวข้อเรื่องที่จะเขียนบทความเรื่องพิศวงซึ่งเป็นการเปิดคอลัมน์ได้แล้วว่าน่าจะใช้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับความเจ็บปวดที่หายไป แต่ภายในใจก็ยังครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาว่าความเจ็บปวดที่หายไป จะมีความน่าสนใจ ถึงขั้นเป็นเรื่องน่าพิศวง ที่จะนำมาเขียนในคอลัมน์จริง ๆ นะเหรอ...
มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากว่าในช่วงขณะที่ชายคนนั้นเข้าไปจับตัวผู้เคราะห์ร้ายทุก ๆ คนที่มีชีวิตอยู่ เขาอาจจะฉีดยาชาหรือทำการรักษาอาการเจ็บปวดให้ผู้เคราะห์ร้ายด้วยวิธีการแบบอื่น ๆ เช่น สกัดจุด หรือฝังเข็ม เพื่อให้ผู้เคราะห์ร้ายรู้สึกเจ็บปวดทุรนทุรายน้อยลง
แต่การฉีดยาชา การสกัดจุด หรือการฝังเข็มให้กับคนเจ็บทุกคนนั้นคงต้องใช้เวลาไม่น้อย ในสภาวการณ์ตามที่ได้รับข้อมูลมา ชายคนนั้นไม่น่าจะมีเวลามากมายถึงขนาดที่จะกระทำการใด ๆ อย่างนั้นได้ เพราะการฉีดยาชา และการฝังเข็มต้องมีอุปกรณ์ และต้องใช้เวลาในการเตรียมอุปกรณ์สำหรับคนคน ๆ หนึ่งพอสมควร
ในขณะที่การสกัดจุดนั้น ลักษณะบาดแผลของผู้เคราะห์ร้ายซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน ย่อมทำให้การสกัดจุดแต่ละจุดเพื่อยับยั้งความเจ็บปวดนั้น คงต้องใช้เวลาในการค้นหาจุดแต่ละจุดพอสมควรเช่นกัน
บาดแผลที่มีขนาดลดลงไปอีกล่ะ จะอธิบายได้ว่ายังไง...แล้วการกระทำของผู้ชายคนนั้นในเหตุการณ์ที่สองมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์แรกหรือไม่ ยังไง...ตอนนี้ชาตินักรบเองก็ยังหาคำตอบให้กับคำถามนี้ไม่ได้...
เบื่อรถติดชะมัด
กว่าชาตินักรบจะฝ่ารถติดมาถึงห้องพักได้ก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว เขาเปิดประตูห้อง เอื้อมมือกดสวิตช์ไฟข้างประตู เปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อระบายอากาศ จากนั้นจึงเดินไปเปิดโทรทัศน์เพื่อให้เสียงและภาพของมันอยู่เป็นเพื่อน ถึงแม้ที่ห้องจะมีเครื่องเสียงอยู่ชุดหนึ่งก็ตาม แต่ชาตินักรบเองก็ไม่ชอบเปิดฟังมันมากนัก เพราะเวลาที่เปิดฟังมัน เขารู้สึกเหมือนกับต้องจมเข้าไปอยู่กับความรู้สึกภายในของตัวเองคนเดียวทุก ๆ ครั้งที่ปล่อยใจไปกับเสียงเพลงที่ได้ยิน
...อยู่กับตัวเองคนเดียวมันเหงาเหลือเกิน...ความรู้สึกนี้มันกลับเข้ามากระทบใจอีกครั้ง เมื่อไรเราจะสลัดมันไปได้ซะทีนะชาตินักรบนึกพร้อมกับแสดงสีหน้าซึมเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
โทรทัศน์จึงเป็นสิ่งที่เขาเลือกเปิดมากกว่า เพราะมีทั้งภาพ ทั้งเสียง ให้ได้ยินได้ฟัง อย่างน้อยการมองดูชีวิตคนอื่นในโทรทัศน์ ก็ทำให้หลงลืมการอยู่คนเดียวไปได้บ้าง
ชาตินักรบเดินไปหยิบจานและช้อนที่หลังห้องมาใส่ข้าวกล่องที่แวะซื้อจากร้านปากซอย เปิดขวดน้ำรินน้ำใส่แก้ว พร้อมแล้วสำหรับการกินอาหารค่ำและการดูรายการโทรทัศน์
ใครน่ะใคร
เขารู้สึกเหมือนมีใครหรืออะไรบางอย่างกำลังจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงตะโกนออกไปและรีบหันหลังกลับไปดูทันที แต่ก็น่าแปลกที่เขาเองกลับไม่เห็นอะไรเลย
ตายแล้วเขาจะเห็นเราไหมนะ แคนดี้นึกพร้อมกับลอยตัวไปยังหลังประตูห้องครัวก่อนที่ชาตินักรบจะหันมา หล่อนถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
เขานั่งทานข้าวอยู่คนเดียวอยู่ครู่หนึ่ง ชาตินักรบก็อดนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เขาเคยอยู่กับอาริซ่า อดีตคนรักที่เพิ่งเลิกกันไปไม่นาน เพราะงานที่เขาและเธอทำอยู่ทำให้แต่ละคนมีเวลาให้กันไม่ได้มากนัก ...ช่วงเวลาที่ได้นั่งทานข้าวกับเธอตอนนั้น สำหรับเขาแล้วมันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขแตกต่างกับตอนนี้มาก
ชาตินักรบคิดเรื่อยเปื่อยย้อนไปถึงสมัยที่เขายังอยู่ที่บ้านที่ต่างจังหวัด ช่วงเวลาเย็น ๆ แบบนี้เป็นเวลาที่สมาชิกทุกคนจะมานั่งทานข้าวล้อมวงกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เสร็จจากอาหารเย็นแล้วยังเป็นช่วงเวลาที่สมาชิกในครอบครัวใช้เป็นโอกาสในการพูดคุยปรึกษาหารือกันในเรื่องต่าง ๆ
เขาออกจากบ้านมาทำงานในเขตเมืองหลวงได้เกือบสามปีแล้ว นับตั้งแต่เรียนจบทางด้านหนังสือพิมพ์และการเป็นบรรณาธิการมาด้วยผลการเรียนที่ดีเยี่ยม แม้ว่าพ่อแม่จะคะยั้นคะยอให้เขาทำงานในสำนักงานหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในตัวจังหวัด เพราะอยู่ใกล้บ้านก็ตาม แต่เขากลับเลือกที่จะมาสมัครทำงานในสำนักงานหนังสือพิมพ์ส่วนกลางอย่างสำนักพิมพ์ไททรรศน์ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ที่มีคนอ่านมากที่สุดและเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดมากกว่า.เพราะอยากจะมองเห็นโลกให้กว้างขึ้น และอยากจะใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่พิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ยอมรับของคนอื่น..เขาบอกตัวเองและคนในครอบครัวอย่างนั้น
ชาตินักรบมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งตอนนี้ฝนเริ่มตกลงมาแล้ว นานเท่าไรแล้วนะที่เขาไม่ได้โทรกลับบ้าน เกือบสองเดือนได้แล้วมั้ง ไม่รู้ว่าป่านนี้ที่บ้านจะเป็นยังไงบ้าง
เมื่อทานข้าวเสร็จ ชาตินักรบจึงยกจานและแก้วไปล้างและเก็บไว้ เขาเดินมาที่โทรศัพท์ ยกหูโทรศัพท์ขึ้นแล้วกดหมายเลขลงไป สัญญาณโทรศัพท์ดังอยู่สามสี่ครั้ง จึงมีเสียงตอบกลับมาจากปลายสาย
พ่อเหรอครับ เขาทักเมื่อรู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร
เออ
จะนอนหรือยังครับพ่อนี่ผมโทรมารบกวนหรือเปล่า
กำลังจะนอนแล้ว
เหรอครับ
มีอะไรหรือเปล่าเจ้าชาติ โทรมาซะดึกดื่น เสียงพ่อถามกลับมาด้วยความเป็นห่วง
ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่อยากจะถามว่าที่บ้านฝนตกหรือเปล่า...แม่ล่ะครับเป็นยังไงบ้าง
บทสนทนาดำเนินไปไม่ถึงห้านาที ชาตินักรบเริ่มรู้สึกว่าตนเองนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่จะถามไถ่พ่อแม่ไม่ออกแล้ว เขาจึงเป็นฝ่ายขอยุติการสนทนาขึ้นก่อน หลังจากที่วางสายเสร็จแล้วชาตินักรบจึงนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้บอกสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งให้กับพ่อแม่ได้รู้ สิ่งสำคัญนั้นก็คือประโยคที่ว่า...... คิดถึงนะครับ รักษาสุขภาพด้วย........
ใครน่ะใคร
เขายังคงรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังเขาทุกที เมื่อเขาหันกลับไปก็เห็นผู้หญิงผมสีน้ำตาลเข้มเป็นลอนสวย แววตาเป็นประกาย ใบหน้ารูปไข่ แก้มสีชมพูระเรื่อ ปากเธอสวยราวกับกลีบกุหลาบสีชมพูอ่อน แต่งตัวราวกับเจ้าหญิงในชุดสีขาวประดับด้วยอัญมณีสีรุ้ง มีกำไลที่ข้อมือเป็นรูปมังกรขาว เธอมีปีกเป็นขนนกและเธอบินได้
นี่เธอเธอเป็นใครน่ะ เข้ามาในบ้านผมได้ยังไง
ตายแล้วเขาเห็นเราได้ไงเนี่ย หรือว่าเขาจะเป็นแต่คงไม่ใช่หรอก มนตราเอาอาจจะเสื่อมลงก็ได้เพราะเราก็หายตัวมานานแล้วเหมือนกัน แคนดี้ตอบกับตัวเองในใจ
.แวบ..แคนดี้ลอยตัวขึ้นกลางอากาศพร้อมกับค่อย ๆ หายตัวไปกับผนังห้องที่เป็นสีขาวสะอาดตา
ชาตินักรบรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เขาจึงรีบขยี้ตาทันที เมื่อจ้องมองไปที่ผนังห้องก็มองไม่เห็นเธอแล้ว
สงสัยเราคงตาฝาดไปเอง เขาเอ่ยขึ้น
รุ่งชึ้น
๐๙.๒๓ น. สำนักงานหนังสือพิมพ์ไททรรศน์
คุณอดิศรเดินมาถามชาตินักรบถึงโต๊ะทำงานว่าเขามีเรื่องที่จะเขียนเปิดคอลัมน์ให้หรือยัง เมื่อชาตินักรบเล่าถึงเรื่องที่เขากำลังจะทำให้ฟัง เขาได้รับความเห็นจากคุณอดิศรว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีเดียว เขาอยากรู้มากว่าชาตินักรบจะเขียนเรื่องราวออกมาในแนวไหน
ดี ๆ เอาเลยนะ คุณรีบไปเก็บข้อมูลมานะ แล้วถ้าเขียนเสร็จแล้วก็เอามาส่งผมที่ห้องด้วย
๐๙.๓๕ น. แฟลตแห่งหนึ่งที่ย่านบางกะปิ
ปาริชาติได้กลิ่นเหม็นมาจากห้อง ๔๐๗ ห้องพักข้าง ๆ ห้องของเธอมา ๒-๓ วันก่อนแล้ว กลิ่นเหม็นที่ค่อย ๆ ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน หลังจากที่ทนเหม็นจนนอนไม่หลับมาตั้งแต่เมื่อคืน วันนี้ปาริชาติจึงตัดสินใจเดินมาเคาะประตูห้องนั้นเพื่อจะสอบถาม เจ้าของห้องว่าเก็บอะไรเหม็น ๆ ไว้ในห้อง หรือได้กลิ่นอะไรเหม็น ๆ ในห้องหรือเปล่า
เมื่อปาริชาติยืนอยู่หน้าประตูห้อง ๔๐๗ จมูกของเธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นเหม็นที่ทวีความรู้แรงเพิ่มมากขึ้น เหม็นมากจนแทบจะอาเจียนออกมา เธอกลั้นใจเอามือข้างหนึ่งอุดจมูกไว้ และใช้มืออีกข้างหนึ่งเคาะประตู พร้อมกับส่งเสียงเรียกเจ้าของห้อง
นี่คุณ..มีใครอยู่มั๊ย...มีใครอยู่หรือเปล่า ?
เธอไม่มียินเสียงตอบรับกลับมา แม้ว่าเธอจะส่งเสียงเรียกเจ้าของห้องดังเพียงใดก็ไม่มีใครตอบรับกลับมาสักที
ชั่วขณะที่มีความเงียบเป็นเสียงตอบรับ ปาริชาติได้ยินเสียงเหมือนคนพูดคุยกันเบา ๆ มาจากข้างในห้อง ใจเธอเริ่มคิดไปต่าง ๆ นานา เธอเคยรู้จักเจ้าของห้องนี้มาก่อนหรือเปล่านะ...
เคยสิ...ดูเหมือนเขาจะชื่อทรงพล เธอเคยเห็นเขาอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้งแล้วแต่โอกาส ว่าจะบังเอิญเปิดประตูห้องมาเจอกันตอนไหน เขาเป็นผู้ชายอายุยี่สิบต้น ๆ เพิ่งทำงานได้ไม่นาน ท่าทางเงียบ ๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ค่อยออกไปไหนแม้ว่าจะเป็นช่วงกลางคืนหรือวันหยุดก็ตาม ที่เธอรู้ก็เพราะว่าเธอมักจะได้ยินเสียงเพลงหรือเสียงโทรทัศน์ดัง มาจากห้องข้าง ๆ อยู่ตลอดเวลา ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว จำได้ว่าเธอเห็นเขาครั้งล่าสุด เมื่อ ๕-๖ วันที่ผ่านมานี่เอง หลังจากนั้นมาเธอยังไม่มีโอกาสได้เจอเขาอีกเลย
ความเงียบทำให้ความรู้สึกบางอย่างอย่างเกิดขึ้นในจิตใจ สมองของปาริชาติเริ่มนึกไปถึงข่าวต่าง ๆ ที่เธอเคยอ่าน หรือได้ยิน ได้ฟัง มาจากสื่อต่าง ๆ และเริ่มประมวลผลมันเข้ากับสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่
มีความเป็นไปได้ ที่น่าเชื่อถืออยู่มากทีเดียวว่าอาจจะเกิดเรื่องร้าย ๆ เรื่องหนึ่งขึ้นที่อีกฟากหนึ่งของประตู เธอกลั้นหายใจ ตัดสินใจเคาะประตูห้องนั่นดูอีกครั้งหนึ่ง
ก๊อกก๊อกก๊อก
นี่คุณ ถ้าไม่เปิดประตูออกมา ฉันจะไปเรียกผู้ดูแลข้างล่างให้ขึ้นมานะ...คุณ...คุณ
ความเงียบยังคงเป็นคำตอบที่เธอได้รับกลับมาปาริชาติเริ่มมั่นใจในความคิดของเธอมากขึ้น เธอวิ่งลงจากชั้น ๔ ลงไปหาไสวผู้ดูแลอาคารที่ชั้นล่าง เล่าเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งข้อสงสัยของเธอให้เขาฟัง และร้องขอให้เขาเอากุญแจสำรองขึ้นไปเปิดประตูห้องของทรงพล
ไสวกดเบอร์โทรศัพท์ของห้องทรงพลขึ้นมาเพื่อสอบถาม สัญญาณดังอยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีผู้รับสาย ไสวเองก็เพิ่งนึกได้ว่าเขาเองก็ไม่ได้เห็นทรงพลมา ๔-๕ วันแล้วเช่นกัน
ความสงสัยบวกกับเรื่องราวที่เขาได้ฟังมาจากปาริชาติ เชิญชวนให้เขาตัดสินใจเดินขึ้นมาข้างบนเพื่อหาข้อพิสูจน์
ตายไปแล้วหรือยังก็ไม่รู้
ประตูถูกลงกลอนจากด้านใน แม้ว่าไสวจะใช้กุญแจสำรองไขเปิดลูกบิดแล้วก็ตาม กลิ่นที่เหม็นรุนแรง กับการคาดการณ์ซึ่งน่าจะมีเค้าความจริงอยู่ไม่น้อย ทำให้ไสวตัดสินใจพังประตูห้องของทรงพลเพื่อจะเข้าไปดูเหตุการณ์ ข้างใน
...ปัง....ประตูถูกกระแทกเข้าไป
กลิ่นเหม็นรุนแรงนั้นลอยเข้ามาปะทะจมูกจนสะอึก และสิ่งที่พวกเขาพบนั้นถึงกับทำให้ผงะด้วยความตกใจ
ทรงพลเจ้าของห้องนอนตะแคง เป็นศพอยู่บนเตียง ใบหน้าบิดเบี้ยวเหมือนกำลังรู้สึกเจ็บปวด มือข้างหนึ่งกุมอยู่บริเวณหน้าอก ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งยกขึ้นไปเหนือศีรษะเหมือนกำลังพยายามจะไขว่คว้าหาอะไรบางอย่าง
เมื่อมองตามทิศทางมือของทรงพลขึ้นไปจนสุดเขตสายตา เห็นโทรศัพท์เครื่องหนึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะติดกับผนังห้อง...โทรศัพท์นั่นเอง...เขากำลังพยายามจะหยิบโทรศัพท์
โทรทัศน์ในห้องนั้นถูกเปิดทิ้งไว้ สภาพศพบวมเป่ง มีคราบน้ำเหลืองเป็นวงกว้างให้เห็นบนฟูกนอน ภาพที่เห็นกับกลิ่นที่ได้รับ เกินความทนทานของจิตใจที่จะรับได้ ร่างกายของปาริชาติและไสวขับดันบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนขึ้นมาจากบริเวณช่องท้อง เพื่อลดความกดดันนั้นให้ลดลง
โอ๊ก..
โอ๊ก..
พวกเขาอาเจียนออกมาเกือบจะพร้อมกัน
ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ไม่มีร่องรอยการฆาตกรรม หลักฐานที่ปรากฏไม่ได้ชี้ให้เห็นว่าผู้ตายฆ่าตัวตายแต่อย่างใด ตำรวจซึ่งมาตรวจที่เกิดเหตุให้ความเห็นในเบื้องต้นว่า
ผู้ตายอาจจะหัวใจวายตาย
ชาตินักรบหยิบสมุดบันทึกของเขาขึ้นมา บันทึกข้อความลงไป
นางปาริชาติหญิงข้างห้อง และนายไสว ผู้ดูแลอาคาร พบศพนายทรงพลผู้ตาย ในห้องพักหมายเลข ๔๐๗ ย่านบางกะปิ... หลังจากที่ผู้ตายเสียชีวิตมาแล้วประมาณ ๕ วัน... ก่อนผู้ตายจะเสียชีวิตคาดว่าน่าจะรู้สึกเจ็บปวดที่หน้าอกอย่างรุนแรง และพยายามจะหยิบโทรศัพท์เพื่อติดต่อใครสักคนให้มาช่วยเหลือ แต่เขาทำไม่สำเร็จ หัวใจของเขาทำร้ายตัวเขาเองก่อนที่เขาจะบรรลุเป้าหมาย
เสียงโทรศัพท์มือถือของชาตินักรบดังขึ้น หมายเลขที่แสดงทำให้รู้ว่าเป็นเบอร์ของคุณอดิศรหัวหน้ากองบรรณาธิการ
ครับ หัวหน้า ชาตินักรบตอบรับ
จำเรื่องต้นไม้ที่สวนสาธารณะที่คุณพูดถึงได้หรือเปล่า
มีอะไรเหรอครับ
ผมเพิ่งขับรถผ่านมาจากทางนั้น มีเรื่องอยากจะให้คุณช่วยเช็คดูหน่อย
ได้ครับ ผมเพิ่งทำข่าวเสร็จพอดี มีเรื่องอะไรเหรอครับ คงจะเป็นเรื่องด่วนน่าดู ไม่งั้นหัวหน้าคงไม่โทรศัพท์มาหาเขาทันทีแน่
...ผมเพิ่งเห็นต้นไม้ทุกต้นในสวน ผลิดอกผลิใบเต็มต้นเมื่อกี้นี้เอง.....
.หา.เขานึกในใจก่อนที่จะขับรถออกมา
๑๓.๔๕ น. สวนสาธารณะ บริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์
ต้นไม้ที่สวน ผลิใบเต็มต้นทุกต้น เหมือนที่คุณอดิศรบอกจริง ๆ ถึงแม้ว่าต้นไม้จะมีเวลาฟื้นตัวของมันเอง แต่จากสภาพของต้นไม้ที่ปรากฏให้เห็นเมื่อคราวก่อน ไม่มีทางเป็นไปได้เลยว่า ในเวลาเพียงสองวัน ต้นไม้ที่ลำต้นเ***่ยวเฉา กิ่งก้านไร้ใบที่แห้งและเปลือกแตกเหมือนขาดน้ำมานาน จะกลับมาสดชื่น และผลิดอกผลิใบได้เต็มต้นขนาดนี้
เกิดอะไรขึ้นกับต้นไม้ พวกนี้?เขานึก ความสงสัยนี้ทำให้ชาตินักรบตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาราชพฤกษ์เพื่อนของเขาคนหนึ่งซึ่งเป็นนักพฤกษศาสตร์ เพื่อสอบถามเรื่องบางอย่างทันที
ชาตินักรบรู้จักกับราชพฤกษ์ตอนไปเข้าค่าย ในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยอยู่ที่นครปฐม ชาตินักรบเรียนอยู่สื่อสารมวลชนคณะมนุษย์ ในขณะที่ราชพฤกษ์เรียนชีววิทยาอยู่คณะวิทยาศาสตร์ แม้จะอยู่ต่างคณะกันแต่กิจกรรมค่ายอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็ทำให้ทั้งสองมีโอกาสได้มาพบกันเขาทั้งสองนอกจากจะถูกล้อเรื่องชื่อที่สื่อออกมาเพื่อแสดงความเป็นไทยแล้ว ตอนอยู่ในค่ายยังเป็นคนชอบสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนอื่น ๆ เหมือน ๆ กันด้วย ความที่มีอะไรเหมือน ๆ กันนี่เองทำให้ทั้งคู่ยังคงติดต่อกันเรื่อยมา แม้จะกลับออกจากค่ายมาแล้ว
กระทั่งเรียนจบและชาตินักรบก็ตัดสินใจมาทำงานที่กรุงเทพฯ ในขณะที่ราชพฤกษ์เลือกที่จะทำงานเกี่ยวกับการดูแลต้นไม้ อยู่ที่สวนพฤกษศาสตร์ที่เชียงราย ด้วยหน้าที่การงานของเขาทั้งสองจึงทำให้พวกเขามีโอกาสติดต่อกันน้อยลง
***ชาติเองเหรอวะ มีอะไรหรือเปล่าร้อยวันพันปี ***ไม่เคยเห็น***โทรมาเลย ราชพฤกษ์แปลกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ ชาตินักรบโทรหาเขา เพราะชาตินักรบไม่ได้โทรหาเขามานานจนจะร่วมปีแล้ว...
ชาตินักรบเล่าให้ราชพฤกษ์ฟังถึงเรื่องต้นไม้ในสวนสาธารณะ และถามพฤกษ์ถึงความเป็นไปได้ที่ต้นไม้จะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ภายในเวลาเพียงสองสามวัน หลังจากที่อยู่ในสภาพใกล้ตาย
แปลกมาก นั่นเป็นประโยคแรกที่เขาได้ยินจากราชพฤกษ์
ถ้าไม่แปลก***คงไม่โทรมาหา***หรอก ***คิดยังไงกับเรื่องนี้
***รู้สึกเหมือนกับว่า ต้นไม้มันเจ็บเหมือนคนใกล้จะตายอยู่แล้ว จู่ ๆ ก็มีปาฏิหาริย์มาทำให้มันหายป่วยกะทันหัน ยังไงยังงั้นเลยว่ะ
ต้นไม้เจ็บเหมือนคนใกล้ตายเหรอ เข้าใจเปรียบนะชาตินักรบนึก
...เดี๋ยวก่อน ประโยคหลัง***พฤกษ์แกพูดว่ายังไงนะ เหมือนมีปาฏิหาริย์ทำให้มันหายป่วย ยังงั้นเหรอ
ก็เออน่ะสิทำไมเหรอ
เดี๋ยวนะคนเจ็บไม่เจ็บอย่างที่ควรจะเป็น ผู้ชายท่าทางเจ็บหนักที่นอนสติอยู่ใต้ต้นไม้ที่จู่ ๆ ก็ลุกพรวดเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กับต้นไม้ที่หายป่วยอย่างกับปาฏิหาริย์ยังงั้นเหรอ
ใช่แล้ว ชาตินักรบคิดว่าเขาหาจุดเชื่อมของเรื่องทั้งหมดนี้ได้แล้ว
เฮ้ย! ขอบใจว่ะพฤกษ์ แค่นี้ก่อนนะ
อ้าว เฮ้ย! เดี๋ยว ๆ ***ชาติ ***ยังไม่ทันจะบอกอะไร***เลยนะ... ชาตินักรบวางสายไปเสียก่อนที่ราชพฤกษ์จะพูดจบ
***บ้าเอ๊ย โทรมาทั้งที โทรคุยกันแค่เนี้ยะ ราชพฤกษ์บ่นตามหลังมา
..
ชาตินักรบชายคนนี้จะนำพาเราไปหาผู้วิเศษ ผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติ มีพลังเหนืออำนาจใด ๆ ในโลกนี้ ดีไม่ดี ชายคนนั้นอาจจะเป็นคนที่เรากำลังจะตามหาอยู่ก็ได้แคนดี้นึก
ใครน่ะใคร
ชาตินักรบยังคงรู้สึกเหมือนว่ามีใครกำลังจ้องมองเขาอยู่ เขาสัมผัสได้และรู้สึกได้ถึงสายตาคู่นั้นเขารู้สึกเหมือนถูกผีหลอก หรือไม่ก็มีคนกำลังสะกดรอยตามเขาอยู่ แต่เมื่อเขาหันกลับไปเขาก็มองไม่เห็นอะไรเลย
มันก็น่าแปลกอยู่ที่คนเราจะสัมผัสและรับรู้กับบางสิ่งบางอย่างได้ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่เห็นตัวตนอะไรที่แฝงมากับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าสีดำคันนี้
สงสัยเราจะประสาทหลอน ชาตินักรบเปรยขึ้น
๑๙.๐๙ น
ชาตินักรบกลับถึงห้องเร็วกว่าปกติ เพราะไม่มีงานค้างที่สำนักงานที่ต้องทำให้เสร็จ ทำให้เขามีเวลาในการคิดทบทวนข้อมูลบางอย่างจากเหตุการณ์ทั้งสอง เหตุการณ์มากขึ้น
เขานั่งลงที่โต๊ะทำงานภายในห้อง เปิดโคมไฟใช้แสงสลัว ๆ เพื่อให้มีสมาธิในการใช้ความคิดมากขึ้น เขาหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาอ่านข้อมูลต่าง ๆ ที่บันทึกไว้ และหยิบคำสองคำที่บันทึกเป็นข้อสังเกตไว้ เข้ามาคิดประมวลร่วมด้วย...คำว่า ความเจ็บปวด และ ความเจ็บปวดที่หายไป
เค้าร่างบางอย่างเหมือนจะเกิดขึ้นในห้วงคิด หากจะทำให้มันชัดเจนขึ้นคงต้องเขียนออกมาให้เป็นรูปร่าง เป็นตัวหนังสือ ชาตินักรบหยิบแผ่นกระดาษเปล่าขึ้นมาหนึ่งแผ่น ใช้มือเอื้อมไปหยิบดินสอมาไว้ในมือ และเริ่มลงมือเขียนความคิดของตัวเองออกมา
มีข้อสังเกตอะไรที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้บ้าง ชาตินักรบเริ่มใช้ความคิดผ่านสายตาและสมองของเขา
๑.ผู้ได้รับการบาดเจ็บอาการดีขึ้น หลังจากที่ นาย ก.( นามสมมติของชายคนนั้น ) เดินเข้ามาสัมผัสกับพวกเขา นาย ก. ย่อมมีความสัมพันธ์กับความเจ็บปวดที่หายไปของผู้ที่ได้รับความบาดเจ็บเหล่านั้น
๒.หลังจากที่นาย ก.ออกมาจากที่เกิดเหตุ ขับรถมาจอดรถที่บริเวณสวนสาธารณะ ขณะที่เดินออกมาเขามีอาการเหมือนคนไม่สบาย คำถามก็คือ อาการเหมือนคนไม่สบายของเขามาจากไหน ในขณะที่ข้อมูลก่อนหน้านี้ไม่ได้ชี้นำให้เห็นว่า เขามีอาการเหมือนคนไม่สบายมาก่อนเลย
๓.มีความเป็นไปได้มากว่าอาการเหมือนคนไม่สบายของนาย ก. เกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้ไปสัมผัสกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเหล่านั้นแล้ว
๔.ถ้าการกระทำของนาย ก. มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับความเจ็บปวดที่หายไปของผู้ที่ได้ รับบาดเจ็บ และอาการเหมือนคนป่วยของเขาเกิดขึ้นหลังจากที่สัมผัสคนเจ็บแล้ว มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า ความเจ็บปวดที่หายไปนั้นจะเข้ามาอยู่ในร่างกายของนาย ก.เอง
๕.หลังจากที่นาย ก.นอนเหมือนคนหมดสติอยู่ใต้ต้นไม้แล้ว ครู่หนึ่งเขาจึงลุกขึ้นเดินกลับไปขึ้นรถเหมือนคนปกติ ไม่มีอาการเหมือนคนไม่สบายให้เห็น อาการเหมือนคนเจ็บของนาย ก.หายไปไหน รุ่งขึ้นต้นไม้ในสวนสาธารณะที่นาย ก.นอนอยู่จู่ ๆ ก็ทิ้งใบ ลำต้นเ***่ยวเฉา เหมือนคนเจ็บ อาการเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับการกระทำของนาย ก.หรือไม่อย่างไร
๖.ต้นไม้กลับคืนสู่สภาพปกติได้อย่างไรถ้าคำตอบสำหรับข้อสังเกตที่ ๒ คือ อาการเหมือนคนไม่สบายของนาย ก.มาจากความเจ็บปวดที่หายไปของผู้ได้รับบาดเจ็บ และข้อสังเกตที่ ๓ เป็นความจริง คำตอบดังกล่าวย่อมทำให้ข้อสังเกตที่ ๔ มีความเป็นไปได้เพิ่มมากขึ้น
...แต่มันเข้ามาได้ยังไง...เขานึก
นอกจากผู้วิเศษแล้ว ก็คงจะไม่มีใครทำเรื่องแบบนี้ได้หรอก ชาตินักรบเอ่ยขึ้น
ผู้วิเศษ.!!!! เขาร้องเสียงหลง
ผู้วิเศษงั้นเหรอเขาคิด หรือว่าชายคนนั้นจะเป็นผู้มีพลังพิเศษ อาจจะเป็นไปได้เพราะเรื่องคนที่มีพลังพิเศษเหนือคนอื่น ตอนนี้มีให้ได้ยินได้ฟังในสื่อต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น
ถ้าสมมติให้ชายคนนั้นมีพลังวิเศษจริง คำตอบที่จะเติมคำลงไปในช่องว่างสำหรับคำถามที่ว่า ความเจ็บที่หายไปของนาย ก.ไปอยู่ที่ไหน คือ ถูกถ่ายโอนไปให้กับต้นไม้ใช่หรือเปล่าถ้าใช่ เมื่อต้นไม้กลับคืนสู่สภาพปกติ ความเจ็บปวดทั้งหมดหายไปไหน?แล้ว ผู้ชายคนนั้นเป็นใครมาจากไหน และมีพลังนั้นได้ยังไงกัน?....
ชาตินักรบรู้สึกเหมือนกับว่า เขาวนกลับมาสู่คำถามเดิม ที่ตอบไม่ได้มาตั้งแต่ตอนต้น และตอนนี้เขากำลังต้องการใครสักคน มาช่วยให้ความกระจ่างกับเขา
ใครใครน่ะใคร
เขายังคงรู้สึกเหมือนเดิม รู้สึกเหมือนว่ามีใครกำลังยืนอยู่ที่ข้างหลังเขา เมื่อเขาเอนตัวพิงเก้าอี้และเงยหน้าขึ้นมองบางสิ่งบางอย่างนั้น เขาก็ต้องตกใจกับผู้หญิงมีปีกคนนั้น คนที่เขาเห็น
นี่คุณ!!!!
เขาถึงกับร้องเสียงหลงทีเดียว เมื่อเขาหันเก้าอี้กลับมาผู้หญิงมีปีกคนนั้นก็หายไป
นางฟ้านางฟ้าเหรอ หรือว่าผีหลอกกันแน่ เขาเอ่ยขึ้น สงสัยว่าเราจะทำเรื่องเกี่ยวกับเรื่องพิศวงมากจนเกินไปทำให้ตาฝาดเห็นเป็นนางฟ้า หรือเทพธิดาที่โบยบินมาในห้องรก ๆ ของเรา
ใครว่ารกล่ะ ชาตินักรบ ห้องออกจะสะอาด เราอุตส่าห์เก็บให้จนสวยงามแบบนี้ยังจะว่ารกอีกเหรอ
เสียงนี้ถึงกับทำให้ชาตินักรบสะดุ้งพร้อมกับกวาดสายตามองหาเจ้าของเสียงนั้น แต่เขากลับมองไม่เห็นอะไรเลยแต่สิ่งที่น่าแปลกที่สุดคือห้องของเขาทำไมถึงสะอาดได้ถึงเพียงนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
อาริซ่า!!!!!! เขาเอ่ย เพราะเขาคิดว่าคนที่มาเก็บห้องให้เขาน่าจะเป็นอดีตคนรักเก่าของเขาเป็นแน่
7 สิงหาคม 2548 20:07 น.
สุชาดา โมรา
นวนิยาย: ปาฏิหาริย์รักข้ามมิติ ( ตอนแรก )
ปาฏิหาริย์รักข้ามมิติ
บทนำ
ปี ค.ศ.๓๔๐๐
เป็นยุคแห่งอารายธรรมใหม่และปรากฏการณ์ใหม่ ๆ จุดกำเนิดแห่งการเริ่มต้นแห่งพลังและอำนาจอันทรงพลังบนจักรวรรดิจักรวาล
.วาระดับแห่งจักรวรรดิในห้วงจักรวาลมาถึงแล้ว.
ตัวอักษรที่เขียนด้วยเลือดเหล่านี้ปรากฏให้เห็นบนประตูและกระจกไปทั่วทั้งเมืองและดาวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นดาวพลูโต ดาวเนฟจูน ดาวยูเรนัส ดาวอังคาร ดาวศุกร์ ดาวพฤหัส และดาวอื่น ๆ ในจักรวาลอันไกลโพ้นนี้ สร้างความวิตกกังวลให้กับชาวเมืองของดาวในแต่ละดวงยิ่งนัก ทำให้ผู้พยากรณ์แห่งห้วงจักรวาลต้องออกมาเผชิญหน้ากับสาธารณชน
มีผู้ต้องการก่อสงครามประสาทกับเราเท่านั้น ประชาชนชาวจักรวรรดิอย่าวิตกกังวลไปเลย เพราะผู้ที่สร้างสถานการณ์แบบนี้มักจะอยู่ไม่ยืด!!!!
ผู้พยากรณ์กล่าว ณ ระเบียงปราสาทแห่งจอมราชันย์
ผู้พยากรณ์ได้ใช้พลังทั้งหมดในการปกป้องดวงดาวและพยากรณ์ล่วงหน้าเอาไว้ถึง ๔๐๐ ปี เพราะผู้พยากรณ์รู้ดีว่าผู้ที่สร้างสถานการณ์นี้ได้ย้อนกลับมาอดีตเพื่อที่จะล้างเผ่าพันธ์เทพที่ปกป้องจักรวาลแห่งนี้จากโลกที่สามแห่งอนาคต
๔๐๐ ปีแห่งราชันย์เทพผู้ที่มีเดชานุภาพในการปกป้องจักรวาลแห่งนี้ยกเว้นโลกที่สาม ซึ่งอยู่เหนืออำนาจแห่งการควบคุม
ในยุคที่สามของราชันย์แห่งจักรวรรดิจักรวาล บทบาทของมหาเทพผู้ล่วงรู้ถึงอำนาจ ผู้ที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างเหนือพลังธรรมชาติใด ๆ ทั้งปวง ได้ปกครองจักรวรรดิจักรวาลมาเป็นเวลาถึง ๔๐๐ ปี ไม่เคยมีคำว่าแพ้สงคราม ไม่เคยมีคำว่าข้าไม่รู้จากคำทำนายของผู้พยากรณ์ราเอลบุคคลลึกลับที่ไม่มีใครหาตัวพบนั้นสร้างความวิตกให้กับชาวจักรวรรดิจักรวาลยิ่งนัก แต่จอมมหาราชันย์ผู้เก่งกล้าก็สามารถที่จะพิชิตหายนะที่จะมาเยือนจักรวรรดิจักรวาลแห่งนี้ได้
คำทำนายที่ไม่เคยหยุดนิ่งกับชาวกิเลนผู้รักษากุญแจแห่งห้วงอนาคตและอดีต บุคคลเหล่านี้เป็นกึ่งนกกึ่งมนุษย์ เป็นเทพที่มีปีกสีรุ้ง มีหางราวกับมโนราบนโลกมนุษย์ ผู้ถือผลึกแห่งเวลาซึ่งจะมีเพียงเทพกิเลนปันจีเท่านั้นที่จะครอบครองกุญแจดอกนี้ได้ ดอกเดียวที่สามารถเจาะผ่านห้วงมิติได้ มีเพียงจอมเทพเท่านั้นที่จะไขปริศนาและผ่านมิติประตูแห่งกาลเวลาซึ่งจะนำพาไปสู่ห้วงอดีต ปัจจุบันและอนาคตได้
กุญแจของเทพกิเลนมีมากมายนับแสนล้านดอก มนุษย์โลกผู้เดียวตามคำทำนายเท่านั้นที่จะผ่านประตูมิตินี้ได้ และจะปราบปรามสิ่งชั่วช้านี้ได้ เขาจะเป็นจอมเทพกษัตริย์แห่งอนาคต
ไม่มีใครล่วงรู้ว่าจอมเทพกษัตริย์แห่งอนาคตที่จะมาจากโลกนั้นเป็นใคร แต่ผู้ที่จะล่วงรู้และสัมผัสเขาได้มีเพียงผู้ที่เกิดมาจากคำทำนาย มีพลังแห่งผลึกมรกตและต้องถือกำเนิดมาจากผู้ที่สูงที่สุดถึงสองคนตามคำทำนาย นั่นคือจอมราชันย์และธิดาแห่งจันทรา ด้วยเหตุนี้จอมราชันย์จึงสู่ขอเทพธิดาแห่งจันทรามาเป็นมเหสีแห่งจักรวรรดิจักรวาลเพื่อที่จะให้บุตรีฝาแฝดตามคำทำนายได้ไปค้นหาจอมเทพกษัตริย์แห่งอนาคตผู้ซึ่งมีดวงตามังกร และดวงตาแห่งสีรุ้งมาพิทัษ์จักรวรรดิจักรวาลแห่งนี้ก่อนที่จอมราชันย์จะเสื่อมอำนาจลง
ตอน กำเนิดและการจากมา
ในดินแดนอันไกลโพ้น ห่างไกลจากโลกอีกแสนล้านปีแสง ยังมีอาณาจักรใหญ่น้อยที่อยู่บนผืนพิภพแห่งห้วงจักรวาลและมีผู้ที่จ้องจะบุกครองพื้นพิภพในห้วงอวกาศที่ยังคงวนเวียนอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวและจักรวาล คอยซุ่มโจมตีโดยที่ไม่มีใครมองเห็นยานอวกาศของผู้บุกรุกลำนั้นเลย ยกเว้นแต่เจ้าหญิงแห่งรัตติกาล และเจ้าหญิงแห่งผลึกมิติ ธิดาแห่งจันทราเท่านั้นที่จะมองเห็นผู้มาเยือนที่ไม่ค่อยจะหวังดีนักซึ่งผู้มาเยือนกลุ่มนี้เป็นผู้ที่มาจากโลกที่สามซึ่งเป็นโลกที่ป่าเถื่อน โหดร้าย ทารุณ เป็นโลกที่ไม่เคยได้รับแสงสว่างตลอดชั่วอายุคนเพราะต้องคำสาปจากเชฟฟีจอมเทพกษัตริย์ผู้ที่พิชิตโลกที่สาม
เชฟฟีจอมเทพกษัตริย์เป็นราชันย์แห่งเทพผู้ที่ไม่เคยหลับไหล พระองค์จะคอยเฝ้ามองความเป็นไปของทั้งสามโลก สามจักรวาล เชฟฟีจะพิทักษ์รักษาชาวประชาบนจักรวรรดิจักรวาลทั้งหมดนี้เพื่อสันติภาพ
แต่ถึงกระนั้นความยั่งยืนของจอมเทพกษัตริย์ไม่อาจที่จะเป็นอมตะได้เทพแต่ละองค์อาจจะมีชีวิตยืนยาวเป็นหมื่นเป็นแสนปี แต่เชฟฟีนั้นกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะพลังอำนาจที่เชฟฟีใช้สำหรับพิทักษ์รักษาจักรวรรดิจักรวาลนั้นเองทำให้อายุไขของเทพได้เสื่อมถอยลง เชฟฟีปฏิญาณไว้ว่าจะกลับมาเพื่อพิทักษ์จักรวรรดิจักรวาลอีกครั้ง
ข้าจะกลับมา กลับมาพิทักษ์จักรวรรดิจักรวาลให้จงได้
การจากไปในครั้งนี้ของเชฟฟี ไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่าเขาจากไปตั้งแต่เมื่อไร ไม่มีใครรู้ได้ว่าเขาจะกลับมาพิทักษ์จักรวรรดิจักรวาลได้อีกครั้งเมื่อไร มีเพียงตำราเทพพยากรณ์เท่านั้นที่ล่วงรู้เรื่องราวต่าง ๆ เพราะเชฟฟีเป็นผู้ที่ใช้พลังครั้งสุดท้ายในการเขียนมันขึ้น และพลังยังคงอยู่กับเขาไปตลอดพลังจะดำรงอยู่ในหนังสือตราชั่วกาลปาวสาน ผู้ที่จะอ่านมันได้และครอบครองมันได้มีเพียงบุรุษและธิดาที่ถือกำเนิดมาจากสายเลือดของเชฟฟีเท่านั้น และเนื้อคู่ของผู้ครอบครองเท่านั้นที่จะอ่านมันได้
เชฟฟีกรีดเลือดของตนเองเพื่อให้หลั่งไหลลงมาบนหนังสือ และได้ถือกำเนิดเทพพิทักษ์รุ่นแรกขึ้นมาคือราเอลเทพรัศมีซึ่งเป็นผู้พยากรณ์เรื่องราวต่าง ๆ เอาไว้ล่วงหน้า เขาเป็นบุคคลลึกลับ ไม่มีใครตามตัวเขาพบ เขานึกอยากจะมาก็มา นึกอยากจะไปก็ไปตามแต่ใจเขาอยากจะทำ ไม่มีใครควบคุมเขาได้เพราะเขาเป็นบุคคลที่ไร้ร่องรอยในการค้นหา เขามีมเหสีหลายคนจนลูกหลานตกทอดออกมาเป็นรุ่น ๆ
กาลต่อมาได้ถือกำเนิดเทพบุรุษที่เป็นผู้สร้างและผู้ทำลายขึ้นมาสองคน เป็นพี่น้องฝาแฝดซึ่งราเอลได้ย้อนอดีตกลับไปและไปยังโลกมนุษย์เพื่อที่จะแบ่งโลหิตฝากไว้กับมารดาที่เป็นมนุษย์โลกซึ่งเขาได้ลักพาตัวเธอมาอยู่บนห้วงอวกาศ บุรุษนิรนามสองผู้จึงได้ถือกำเนิดมา และส่งลงไปอยู่บนโลกมนุษย์เพื่อให้ดำรงชีพอย่างมนุษย์และคอยช่วยเหลือมนุษย์ในอดีต
.
เชฟฟีไม่ได้มีโอรสที่ถือกำเนิดมาจากโลหิตของตนเองเพียงเผ่าพันธ์เทพรัศมีเพียงเผ่าพันธ์เดียวเท่านั้น เพราะเขายังให้กำเนิดเผ่าพันธ์กษัตริย์จอมราชันย์ขึ้นมาจากผลึกเจ็ดสีซึ่งเป็นแหวนแห่งคุณธรรมของเขาขึ้นมาเพื่อให้เป็นกษัตริย์จอมราชันย์ที่ปกป้องจักรวรรดิจักรวาลแทนเขาไปก่อน ก่อนที่เขาจะกลับมาพิทักษ์จักรวรรดิจักรวาลอีกครั้งกษัตริย์จอมราชันย์สืบทอดการเป็นกษัตริย์เป็นรุ่นต่อรุ่น สามารถที่จะควบคุมเทพทั้งมวลได้ยกเว้นโลกที่สาม โลกแห่งอนาคต
ณ ห้องท้องลับแห่งกษัตริย์จอมราชันย์ผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งครอบครองดวงดาวทุกดวงบนจักรวาลแห่งนี้มเหสีเทพธิดาแห่งจันทรายืนเคียงข้างจอมราชันย์กษัตริย์ผู้มีพลังพิเศษเหนือเทพใด ๆ ทั้งปวงที่พิทักษ์จักรวาลแห่งนี้
พระสวามีจอมกษัตริย์แห่งข้าท่านจะให้ข้าดูสิ่งใดในห้องผลึกมรกตนี้เพราะนานหลายปีแล้วที่ข้าไม่อาจจะล่วงละเมิดเข้ามาในเขตหวงห้าม ซึ่งทุกคนก็รู้ว่านี่คือห้องลับ มีเพียงเทพพิทักษ์เท่านั้นที่จะสัมผัสพลังจากผลึกมรกตได้และหยั่งรู้ว่าห้องนี้คือห้องอะไร
ที่ข้าให้เจ้าเข้ามาในวันนี้เพื่อที่จะให้เจ้ารับไอกลิ่นแห่งรัศมีผลึกมรกต ลูกของเราที่กำลังจะเกิดมานั้นจะได้เป็นเทพพิทักษ์โดยกำเนิด และมีพลังเหนือเทพใด ๆ ทั้งปวงเยี่ยงข้า
แล้วท่านจะทำไปเพื่ออะไรในเมื่อเวลานี้จักรวาลของเราก็สงบร่มเย็นดี
เจ้านี่ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลยนะเทพธิดาแห่งจันทราถึงแม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กาลข้างหน้าอาจจะไม่แน่เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือ คำทำนายที่บอกเล่าตกทอดมาหลายปีแสงนั้นกล่าวไว้ถึงเทพธิดาแห่งรัตตติกาล และเทพธิดาแห่งผลึกมิติที่จะถือกำเนิดมาจากในครรภ์ของเจ้าจะเป็นผู้ปกป้องโลก และจะมีจอมกษัตริย์ถึงสองพระองค์ที่จะเป็นเนื้อคู่ของลูกเรา เขาผู้นั้นจะมีดวงตามังกรและดวงตาแห่งสายรุ้งที่จะผนึกผลึกในห้วงจักรวาลนี้และช่วยปกป้องจักรวาลแห่งนี้แทนพวกเราที่กำลังจะดับไปในไม่ช้า
ท่านอย่าพูดเช่นนี้สิข้าหวั่นใจเหลือเกินเวลาของเราก็กำลังจะน้อยลงไปทุกที ๆ เสียด้วย หวังว่าสิ่งที่เรากำลังจะทำในวันนี้จะส่งผลให้จักรวาลของเราสงบสุขได้ชั่วกาลปาวสาน
.
กาลล่วงเลยผ่านไปจนถึงวาระของการตามหาจอมเทพกษัตริย์ซึ่งมาจากคำทำนาย คำพยากรณ์ของราเอลบุคคลลึกลับที่ล่วงรู้เรื่องราวต่าง ๆ ในอนาคต ตามตำนานและคำพยากรณ์กล่าวว่าเชฟฟีมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่นี้ได้แบ่งชีวิตออกมามากมายเพื่อให้โลหิตของเขาได้ปกป้องมวลมนุษย์บนจักรวรรดิจักรวาล เทพธิดาแห่งรัตติกาลสองพระองค์จะต้องไปตามหาเขาที่โลกอดีตใน ค.ศ.๒๐๐๔ เขาผู้นั้นเป็นบุคุคลที่ถือกำเนิดมาโดยไม่รู้ตัวว่าตนเองมีภาระหน้าที่อะไร เขาผู้นั้นจะได้ดูดซับไอดิน ไอแดดมาเป็นเวลานานหลายสิบปี เขาผู้นั้นจะไม่มีวันแก่ หน้าตาของเขาจะดูอ่อนเยาว์ราวกับเด็กหนุ่มวัยยี่สิบปีตลอดเวลา เขาจะได้รับลำแสงจากห้วงอวกาศที่เชฟฟีได้ส่งผ่านกาลเวลาย้อนอดีตกลับไปในยุคที่เขาเป็นเด็กพร้อมกับสายฟ้าที่จะให้พลังอำนาจกับเขา
สิ่งที่เจ้าหญิงต้องไปตามนั่นคือชายผู้ไม่ตาย ชายที่มีพลังพิเศษเหนือมนุษย์ใด ๆ ในโลก ชายผู้มีแววตามังกร มังกรเขาจะปรากฏเมื่อเขาใช้พลัง ร่างกายเขาจะตอบสนองพลังเร้นลับนี้ เขาจะควบคุมมันได้ และทรงอานุภาพที่สุด เขาจะเป็นผู้ปราบโอรสสองพระองค์ที่ถูกส่งไปยังโลกมนุษย์มังกรของเขาจะตอบรับการเรียกหาของมังกรอีกตัวที่ธิดาแห่งรัตติกาลคนใดคนหนึ่งมี
และเขาได้กำหนดให้แคนดี้เทพธิดาแห่งรัตติกาลผู้น้องที่มีไข่มุกราตรีสีดำไว้คอยปกป้องและช่วยเหลือเขา เทพธิดาแห่งรัตติกาลพระองค์นี้จะมีกำไลมังกรและแววตามังกรขาวที่จะตอบรับและช่วยเหลือมังกรอีกตัวหนึ่งที่ยังคงหลับไหลอยู่ในร่างกายของมนุษย์ผู้นั้น
บุรุษเทพอีกผู้จะเป็นเทพผู้มีพลังเหนืออำนาจ จะเป็นผู้ที่เฉลียวฉลาดกว่าบุคคลใด ๆ ในโลก บุรุษเทพผู้นี้ได้ถือกำเนินมาจากบุรุษที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวบุรุษที่ฝากความรักและความปรารถนาไว้กับหญิงสาวชาวมนุษย์โลกและได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาในห้องมายา ได้รับไอแสงไอลม กลิ่นของชาวโลกและกลิ่นของเทพรวมทั้งเลือดเนื้อของเชฟฟีจากตำราหลังจากนั้นเขาจะหายไป เขาจะถูกนำพาไปยังดินแดนที่ไม่มีใครนึกถึง และเขาจะกลับมาเพื่อช่วยเหลือให้พระบิดาและพระมารดาของตนเองได้ครองคู่กันนิรันดร์กาล บุรุษเทพผู้นี้จะคอยช่วยเหลือมหาเทพกษัตริย์ผู้มีดวงตามังกร บุรุษผู้นี้คนที่เจ้าต้องตามหาจะมีดวงตาดั่งสายรุ้ง ผู้ที่จะยืนหยัดเคียงข้างเขาคือเทพธิดาแห่งรัตติกาลฝาแฝดผู้พี่ซึ่งมีไข่มุกราตรีสีขาวไว้เพื่อช่วยเหลือและป้องกันภัยให้แก่บุรุษผู้นั้น
เราขอน้อมรับบัญชาจากท่าน กษัตริย์แห่งข้า
แองจี้ธิดาฝาแฝดผู้พี่ ธิดาแห่งราชินีแห่งดวงจันทร์น้อมรับบัญชาแห่งกษัตริย์ด้วยความจงรักภักดี มือขวาของหล่อนทาบไปที่หน้าอกข้างซ้ายพร้อมกับน้อมศีรษะลงด้วยความอ่อนน้อม กับการถอนสายบัวด้วยท่วงท่าที่สง่างาม แววตาของหล่อนมุ่งมั่นและกล้าหาญประดุจชายชาตรี ลักษณะท่าทางองอาจไม่แพ้ชายชาตินักรบ รูปร่างสูงเพรียว ขาว ใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ ๆ ดูสดใสน่ารัก และดูอ่อนโยนในบางครั้ง
จักรวาลนี้หากไม่ได้เจ้างานนี้คงไม่อาจจะสำเร็จได้เจ้าเข้าใจนะว่าภาระกิจในครั้งนี้คืองานที่ใหญ่หลวงของกษัตริย์และราชินีในอนาคตอย่างเจ้า
ค่ะ พระบิดา กษัตริย์แห่งข้า
แองจี้เข้ามาในห้องแห่งห้วงเวลาที่ไม่เคยถูกเปิดใช้มานานเต็มที หล่อนรู้ดีว่าหากหล่อนเจอชายสองคนนั้นแล้วหล่อนจะต้องกลับมาโดยการผ่านประตูแห่งกาลเวลาซึ่งจะมีเทพกิเลนพิทัษ์รักษาอยู่ ผู้ที่จะไขกุญแจนั้นได้มีเพียงจอมเทพกษัตริย์แห่งอนาคตเท่านั้น ถ้าหากว่าหล่อนพาคน ๆ นั้นมาผิดตัวแล้วละก็ หล่อนจะต้องติดอยู่ในห้วงแห่งกาลเวลาไปตลอดชั่วกาลปาวสาน
แองจี้ยืนทำใจอยู่นานก่อนที่จะก้าวขึ้นไปนั่งบนไข่มุกราตรีสีขาวซึ่งจะส่งพลังอำนาจให้กับหล่อนหญิงสาวที่เกิดมาจากผลึกมรกตและเป็นผู้ที่ครอบครองไข่มุกราตรีสีขาว
เดี๋ยวแองจี้ข้าไปด้วย
เสียงนี้ถึงกับทำให้แองจี้หยุดชะงักไปชั่วขณะ
ไฮน์เร็กเจ้าตามข้ามาทำไม
ข้ามีหน้าที่ปกป้องท่านไม่ใช่หรือข้าจะไปกับท่านเจ้าหญิงแห่งข้า
ไม่ได้หรอกไฮน์เร็กท่านไปกับข้าไม่ได้ นอกเสียจากว่าท่านจะได้รับคำบัญชา
ได้ข้าจะไปนำบัญชาจากจอมราชันย์มาให้ท่านดู
ไฮน์เร็กเทพพิทักษ์ผลึกไพลินได้กลับไปขอบัญชาจากจอมราชันย์ ซึ่งจอมราชันย์ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาจึงสามารถที่จะติดตามแองจี้ไปได้ทุกหนทุกแห่ง
ไฮน์เร็กเป็นเทพพิทักษ์ที่หน้าตาดีที่สุดในบันดาเทพทั้งปวง เขาขาว สูง นัยตาคมขำ ผมตรงยาวสลวยสวยไม่แพ้ผมสตรีใด ๆ ในโลกเขาเป็นคนมุ่งมั่นตั้งใจจริง และมีหัวใจเด็ดเดี่ยว เขารักและปรารถนาที่จะอยู่กับเทพธิดาแห่งรัตติกาลผู้พี่ ถึงแม้ว่าตนเองจะรู้ตัวอีว่าต้อยต่ำเพียงใด แต่เขาก็ตั้งใจที่จะติดตามรับใช้เทพธิดาแห่งรัตติกาลองค์นี้ไปตลอดกาล
แองจี้และไฮน์เร็กได้ลงมายังโลกมนุษย์ก่อนที่แคนดี้ธิดาฝาแฝดผู้น้องจะลงมาในไม่ช้า
นี่หรือมนุษย์โลก!!!! แองจี้เปรยพร้อมกับสร้างเกาะกำบังกายเพื่อไม่ให้ใครเห็นเพราะมีเทพพิทักษ์และเนื้อคู่ซึ่งมีดวงตาแห่งสายรุ้งเท่านั้นที่จะมองเห็นหล่อน
แองจี้และไฮน์เร็กตามหาผู้ชายผู้มีพลังอำนาจเหนือมนุษย์ทั่วไปอยู่นานแต่ก็ยังหาไม่พบทั้งคู่จึงวนเวียนเฝ้ามองมนุษย์โลกอย่างใกล้ชิดและคอยดูปฏิกิริยาของผู้วิเศษที่มีพลังเหนือนผู้ใดทั้งปวง.
ไฮน์เร็กจึงจงใจที่จะช่วยแองจี้ด้วยการปะปนเข้าไปเป็นมนุษย์และใช้พลังอำนาจที่มีมีใครเหมือนเพื่อที่จะช่วยในการตามหาชายผู้มีดวงตาแห่งสายรุ้งผู้นั้น
ไฮน์เร็กได้เปลี่ยนชื่ของตัวเองและเข้ามาแฝงตัวอยู่กับกลุ่มของเจ้าหน้าที่ตำรวจและนักวิทยาศาสตร์โดยใช้ชื่อว่าสิทธิกร ต้นเกด หรือที่รู้จักกันในวงการวิทยาศาสตร์และตำรวจว่าผู้กองอัจฉริยะ
.
แคนดี้ได้รับคำบัญชาจากจอมราชันย์ หล่อนลงมาตามหาผู้ชายผู้ที่มีดวงตามังกรที่โลกมนุษย์ ซึ่งหล่อนจะคอยดูและจับตามนุษย์โลกทุกคนโดยไม่ละสายตาเช่นกัน หากไม่ใช่ผู้ที่มีดวงตามังกรแล้วก็จะมองไม่เห็นว่าฟากฟ้าที่สดใสนั้นจะแฝงไปด้วยแววตาอันสวยงามของแคนดี้ เจ้าหญิงแห่งรัตติกาลผู้ซึ่งมีความงามเหนือหญิงใดในจักรวรรดิจักรวาล
.ข้าจะรอจนกว่าจะได้พบเจ้า ข้าจะเฝ้ามองโดยไม่ยอมหลับไหล ข้าจะมองจนกว่าเจ้าจะเผยตัว ข้าจะปลุกเจ้าให้ตื่นจากการหลับไหล.
.แวบ.
.แวบ..
เทพธิดาแห่งรัตติกาลและบุรุษเทพจับมือกันลงมายังช่องแคบเล็ก ๆ เพื่อที่จะผ่านมิติมายังอดีตแห่งโลกมนุษย์ และผู้ที่ตามลงมาไม่ห่างกันนั้นคือเทพแห่งรัตติกาลฝาแฝดผู้น้อง ทั้งสามองค์จะมาตามหาบุรุษจอมมหาเทพกษัตริย์.
26 เมษายน 2548 19:51 น.
สุชาดา โมรา
ตอน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
เราต้องการจะรู้ว่าเรามาที่นี่ถูกจุดหรือไม่ทำไมเราถึงต้องบังเอิญไปเจอกับนายอะไรนะอ๋อนายชาตินักรบด้วย
แคนดี้เปรยขึ้น หล่อนนั่งลงที่นั่งอยู่บนเตียงอุ่น ๆ ของชาตินักรบในขณะที่เขาออกไปหาข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีพลังพิเศษ
หยุดเวลา
แคนดี้หยุดเวลาของทั้งโลกไว้ด้วยนาฬิกาแห่งเทพ หล่อนเริ่มย้อนกลับเพื่อหมุนทวนเข็มนาฬิกาว่าตนเองจะต้องมาเจอกับเขาอีกหรือไม่ ตนเองจะต้องพัวพันกับเขาอีกหรือเปล่า
ย้อนเวลาหาอดีต แคนดี้ร่ายมนตราทันที เข็มนาฬิกาดังแกร๊กจากนั้นก็หมุนเวลาอย่างรวดเร็ว
นี่เราทำไมยังยืนอยู่ที่เดิมล่ะขออีกทีละกัน แคนดี้ร่ายมนตราอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลายเป็นว่าเวลาเดินหน้าไปยังอนาคตที่ไม่อาจจะเลี่ยงได้ หล่อนจึงต้องดูความเป็นไปของช่วงเวลานั้น แคนดี้ยืนหยุดอยู่ตรงสถานที่แห่งหนึ่งท่ามกลางความมืดและมีลานจอดรถเยอะแยะไปหมด
ณ สำนักงานหนังสือพิมพ์ไททรรศน์เป็นวันที่โจทย์จันกันถึงเรื่องไม่ดีในสำนักงาน
.
ยุพาเห็นด้วยกับพินิจที่ว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นข้ออ้างที่ดีที่สุดที่เธอจะยกมาเป็นเหตุผลเพื่อขอเลิกกับบุญมา
เธอรู้จักกับพินิจมาเกือบปีแล้ว นับตั้งแต่วันที่บุญมาพาเธอมาสมัครงานที่สำนักงานหนังสือพิมพ์ไททรรศน์ในวันนั้น เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลอยู่ที่นั่น เจอกันครั้งแรกเธอรู้ได้ทันทีว่าพินิจแอบพึงพอใจในตัวเธอไม่น้อย ตอนนั้นหัวใจเธอก็เริ่มหวั่นไหว...ขอให้เธอได้งานที่นี่ก่อนเถอะเธอคิด
ไม่นานยุพาก็สมหวัง พินิจรับเธอเข้าทำงานที่สำนักงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการ เขากับเธอเริ่มสนิทกันมากขึ้น พินิจมักจะพาเธอไปทานข้าวกลางวันทุกครั้งที่มีโอกาส โอกาสซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บุญมาติดเวร หรือนอนพักผ่อนที่อยู่ที่ห้องเพื่อรอขึ้นงานกะกลางคืน
ในที่สุดเธอและพินิจก็มีอะไรกัน หลายครั้งแม้ว่าบุญมาจะแคลงใจอยู่บ้างถึงความสัมพันธ์ของเธอและพินิจ หรือความสัมพันธ์ระหว่างเธอและบุญมาที่นับวันบุญมาก็ยิ่งรู้สึกว่าห่างเหินกันไปทุกที ๆ แต่เธอก็มีข้ออ้างให้บุญมารับฟังเสมอ ...ต้องช่วยหัวหน้าเคลียร์งาน...ติดประชุมไปกินข้าวด้วยไม่ได้นะ...ต้องไปต่างจังหวัดเพื่อหาสายส่งหนังสือพิมพ์... จากนั้นเธอจึงใช้ความสามารถเฉพาะตัวออดอ้อนบุญมาสารพัด เพื่อให้เขาเลิกสงสัย
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอ พินิจและบุญมาดำเนินแบบนี้มาเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งเธอคิดว่าคงปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้แน่ ๆ... เธออยากมีความสุขกับพินิจอย่างเปิดเผย และเธออยากเลิกกับบุญมา... แต่ไม่มีเหตุผลอะไรที่พอจะยกมาเป็นข้ออ้างในการบอกเลิกกับบุญมาได้เลย... บุญมาแทบจะไม่มีข้อเสียอะไรเลย เขาไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ติดผู้หญิง เขาทำงานทุก ๆ วันด้วยมุ่งหวังว่าวันหนึ่งเขาจะมีเงินเก็บมาขอเธอแต่งงาน
...บุญมาเขาไม่มีข้อเสียอะไรเลย นอกจากเขาเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และพินิจเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคล...
ต้องขอบคุณเมื่อวานที่เรื่องนั้นเกิดขึ้น เรื่องที่นักข่าวในสำนักงานถูกทำร้ายในบริเวณที่จอดรถ ต้องขอบคุณที่วันนั้น ช่วงเวลานั้นอยู่ในความรับผิดชอบของบุญมา พินิจโทรหาเธอหลังจากที่เกิดเรื่องได้ไม่นาน เขาบอกเธอว่ามีข้ออ้างให้เธอบอกเลิกกับบุญมาแล้ว
..
วันรุ่งขึ้นพินิจเรียกบุญมาเข้าไปพบ ตำหนิที่บุญมาปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ทำร้ายกันขึ้นได้ในสำนักงาน จริง ๆ แล้วเขาน่าจะลงโทษบุญมาและหักเงินเดือนเพื่อให้บุญมาได้สำนึกเท่านั้น แต่เขาทำมากกว่านั้น...พินิจไล่บุญมาออก ในวันเดียวกันนั่นเอง
ให้โอกาสผมอีกซักครั้งเถอะครับหัวหน้า หัวหน้าน่าจะรู้ว่าเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องสุดวิสัยจริง ๆ และผมก็พยายามทำดีที่สุดแล้ว บุญมาอ้อนวอนขอ แต่มันไม่มีประโยชน์อะไร พินิจยังคงยืนยันที่จะไล่เขาออก ในฐานะที่เขาทำงานบกพร่องในหน้าที่
...ไม่ยุติธรรม หัวหน้าทำอย่างนี้มันไม่ยุติธรรมเลย...บุญมารำพึงในใจ นอกจากจะถูกไล่ออกแล้วเขายังถูกพินิจหักเงินเดือนและเงินทดแทนไปอีกเป็นจำนวนมาก เขาเดินคอตกออกมาจากห้องหัวหน้าฝ่าย ต้องการใครซักคนที่ที่จะพูดให้กำลังใจเขา มองยุพานั่งอยู่ไม่ไกลจากหน้าประตูห้องหัวหน้าฝ่ายมากนัก จึงสาวเท้าเดินเข้าไปหาเธอ
ยุ ว่างมั๊ยไปกินข้าวเป็นเพื่อนกันหน่อยเถอะ บุญมาเอ่ยชวนยุพา ช่วงเวลานี้เขาต้องการให้ใครซักคนมาอยู่เป็นเพื่อนมากที่สุด และคนนั้นก็คือเธอ
เพิ่งถูกหัวหน้าไล่ออกมาล่ะสิ เก็บเงินของเธอ เอาไว้เลี้ยงตัวเองเถอะบุญมา วันนี้ฉันมีนัดกับหัวหน้า
บุญมาไม่รู้เธอแอบไปได้ยินมายังไง แต่ฟังน้ำเสียงเธอแล้วเขารู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังเหยียดหยัน รู้สึกได้ถึงความสมเพชและดูถูกในน้ำเสียงนั้น สีหน้าท่าทางของเธอด้วยเล่า บุญมาไม่อยากจะมองและคิดถึงมันเลย เพราะมันบอกให้เขารู้อยู่กลาย ๆ ว่าต่อไปความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาจะเป็นยังไงต่อไป...ทำไมยุพาจึงเปลี่ยนท่าทีของเธอได้รวดเร็วปานนี้...แล้วความรักระหว่างเขาและเธอที่ผ่านมาล่ะ...
..
เขากำลังโกรธ โกรธที่เขาถูกกระทำ โกรธเพราะความไม่ยุติธรรมที่เขาได้รับ โกรธที่ได้รู้ความจริงระหว่างยุพาและพินิจ หัวใจที่อัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้น มันเล่นงานเขาให้นอนกระสับกระส่าย ถอดถอนลมหายใจอยู่บนเตียง
เขาแอบตามยุพาและพินิจไปที่ร้านที่ทั้งสองพอกันไปทานข้าว ท่าทางสนิทสนมกันอย่างนั้นเหมือนกับที่เธอเคยทำกับเขาเมื่อตอนคบกันใหม่ ๆ ดูเธอสิเธอหัวร่อต่อกระซิกกับเขา เขายิ้มให้เธอและเอามือกุมมือเธอไว้...ทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งถูกไล่ออกจากงาน เขาซึ่งเป็นคนรักของเธอเพิ่งถูกไล่ออกจากงาน เธอปฏิเสธจะคุยกับเขาแล้วยังมีหน้ามานั่งกินข้าวอย่างมีความสุข กับหัวหน้าฝ่าย
บุญมากำมือสองข้างไว้แน่น ความแคลงใจทั้งหมดของเขามันกระจ่างชัดในวันนี้นี่เอง เขานอนไม่หลับ แม้ตอนนี้จะเลยเที่ยงคืนมากว่าสองชั่วโมงแล้วก็ตาม คิดถึงทีไรให้นึกเจ็บใจทุกที
...จะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ไม่ได้... เขาไม่ยอม...จะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ไม่ได้ ...เขาไม่ยอม...
บุญมานอนคิดวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นเกือบทั้งคืน จนเกือบตีสาม ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ.......
.
สำหรับเขาแล้วปืนเป็นสิ่งที่หาได้ไม่ยากนักหรอก ใช้เวลาเพียงครึ่งค่อนวันเขาก็ได้มันมา เขาเก็บมันไว้ในกระเป๋าอย่างดี นั่งรถเมล์จากที่ซื้อปืนมาลงหน้าสำนักงาน...วันนี้เขากับพินิจมีเรื่องจะต้องคุยกัน
เจ้าหน้าที่หลายคนคงออกไปทานข้าวข้างนอก มีคนทำงานนั่งอยู่ในห้องไม่กี่คน เมื่อถูกทัก เขาบอกว่ามาคุยกับพินิจเรื่องเงินเดือนและค่าชดเชย มีเสียงบอกจากคนที่รู้จักด้วยสีหน้ากังวลว่าคุยกันดี ๆ นะ
มีเสียงผู้หญิงอยู่ในห้องของพินิจ เสียงผู้หญิงที่หัวเราะต่อกระซิกอย่างมีความสุข...เสียงของยุพา ...ได้ยินเสียงของพินิจหัวเราะตามมา ในช่วงที่เขากำลังมีความทุกข์ สองคนนี่กลับมีความสุขกัน
...ไม่ยุติธรรม...ไม่ยุติธรรม...จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้...
...ไม่ยุติธรรม...ไม่ยุติธรรม...จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้...
มือควานไปในกระเป๋าปืนลูกโม่สีดำ บรรจุกระสุนหกนัดยังอยู่ในนั้น มันนอนเงียบ ๆ อยู่ในนั้นรอคอยให้คนมาปลุกให้ร้องคำราม ตอนแรกเขาตั้งใจเอาปืนมาขู่ให้พินิจเลิกคบกับยุพา แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว
..คลิ๊ก..
เขาเปิดประตูเข้าไป เสียงหัวเราะของคนทั้งสองหยุดเงียบไปทันที เมื่อเห็นว่าคนเปิดประตูเข้ามาเป็นใคร
บุญมา พินิจและยุพามีโอกาสพูดได้แค่นั้น จากนั้นจึงเป็นเสียงร่ำร้องตะโกน เสียงตะโกนก้องด้วยความหวาดกลัว เสียงตะโกนก้องเพราะความตกใจ จากคนในห้องและคนที่อยู่นอกห้อง เขามอบของขวัญแสดงความยินดีให้พินิจและยุพาคนละสองนัด ที่หน้าอกและศีรษะ ร่างของพินิจที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กระเด็นไปทางผนังด้วยความแรงของกระสุนที่พุ่งมาปะทะ เลือดไหลย้อยออกมาจากหน้าผากและหน้าอก
ยุพาเล่าร่างเธอล้มลงไปอยู่ที่พื้น เธอนั่งอยู่บนพนักเก้าอี้ตอนที่เขาเดินเข้ามา เขายิงเธอเป็นคนแรก เลือดยังไหลเจิ่งนองอยู่ที่พื้น เสียงกรีดร้องข้างนอกยังคงดังไม่หยุด มีเสียงร้องตะโกนโวยวายอย่างนี้ อีกไม่นาน คงจะมีคนแห่เข้ามาอีกเยอะ...รวมทั้งตำรวจด้วย
...ไม่มีวันซะหรอก ที่เขาจะยอมถูกจองจำ และถูกกระทำอีกต่อไป...
บุญมาก้มมองปืนในมือที่ถืออยู่ ยังมีกระสุนเหลืออีกสองนัด...เขายิ้ม และยกปืนขึ้นจ่อที่ขมับข้างขวา นิ้วชี้ข้างขวาอยู่ในโกร่งไก รอยยิ้มยังคงไม่เลือนหายไปจากใบหน้า เขาคิดว่ากำลังจะปลดปล่อยตัวเองให้มีอิสรภาพ ต่อไปนี้จะไม่มีใครมากระทำกับเขาให้ต้องผิดหวังทุกข์ทรมานได้อีกแล้ว
บุญมามอบของขวัญให้ตัวเองหนึ่งนัด
.
ตายแล้ว.!!!!!! นี่มันอะไรกันนี่ แคนดี้ร้องอุทานขึ้นมาทันที
อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ย้อนเวลากลับไปจุดเดิมดีกว่าหล่อนนึกพร้อมกับร่ายมนตรากลับไปยังปัจจุบัน แต่เหตุการณ์ไม่อาจจะเป็นดังที่คาดคิด หล่อนจึงได้มายืนหยุดอยู่ที่ลานจอดรถอีกครั้งและมองร่างของชาตินักรบแกับตนเองที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศและมอบพลังจากไข่มุกให้แก่เขา
ทำไมเราต้องทำเช่นนั้นด้วย แคนดี้เอ่ย
ฟ้ากำหนดแล้วเจ้าหญิง.เสียงนี้ดังกึกก้องไปหมดทำให้แคนดี้หันไปมองรอบ ๆ เพื่อหาต้นเสียง
ใครท่านเป็นใคร
ข้าเหรอ.เหอะ ๆ ข้าเหรอท่านถามข้าเหอะ ๆ
พลันใดนั้นแววตามหึมาคู่หนึ่งก็โผล่ออกมาจากความมืด แคนดี้รู้สึกตกใจมากรีบคว้ากำไลมังกรขึ้นมาเพื่อที่จะป้องกันตัว
ท่านไม่ทำร้ายข้าหรอกเพราะข้าคือผู้เดียวที่ล่วงรู้อนาคตของท่านข้าเป็นคนกำหนดให้ท่านได้เจอกับชาตินักรบ มนุษย์โลกผู้นั้นแต่อย่าถามว่าทำไม สักวันท่านจะต้องค้นหามันพบ ท่านจะต้องเข้าใจว่าข้าทำเช่นนี้เพื่ออะไร
แล้วเจ้าเป็นใคร แคนดี้ถามด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น
ข้าคือบุรุษนิรนาม ข้าคือผู้พยากรณ์
.หาผู้พยากรณ์งั้นเหรอแคนดี้นึก
ท่านจงกลับไปยังวินาทีที่ท่าควรจะอยู่และติดตามชาตินักรบชายผู้นั้นไป และท่านจะค้นหาเรื่องที่อยากจะค้นหาจนพบจำคำข้าท่านจงกลับไป.!!!!
เสียงของผู้พยากรณ์ดังกังวาลน่เกรงขามยิ่งนักจู่ ๆ สายลมและละอองฝนก็สาดซัดมาที่ร่างของแคนดี้ ร่างนั้นเซแทบจะล้ม เกือบจะพยุงตัวไม่อยู่ ทำให้หล่อนต้องหยิบนาฬิกาเทพขึ้นมาเพื่อหมุนเวลาให้ย้อนกลับไป
26 เมษายน 2548 19:40 น.
สุชาดา โมรา
แล้วคุณเรียนทางด้านไหนคะ กิ๊กแย่งถามบ้าง
ฉันเรียนนิเทศน์ศาสตร์ค่ะ แต่อย่าเพิ่งสงสัยนะคะว่าทำไมฉันถึงต้องมาทำจัดสวนดอกไม้กับจิวเวอร์รี่ ฉันขอตอบให้กระจ่างทีเดียวเลยนะคะว่า คุณพ่อฉันท่าทำจิวเวอร์รี่ตั้งแต่อยู่สิงคโปร์แล้วแต่ท่านต้องการขยายตลาดท่านเลยให้ฉันมาทำที่เมืองไทยดู ส่วนเรื่องการจัดสวนดอกไม้นั้นคุณตาของฉันท่านเป็นคนรักต้นไม้และมีคนงานเยอะ เราเลยรับจัดสวนดอกไม้ตามบ้านคนโดยไปจัดบูทที่บนห้างพร้อมตัวอย่างภาพสวย ๆ จากการจัดสวนตามฮวงจุ้ยน่ะค่ะ มารินีตอบ
อ๋อ!!!!!! ทุกคนถึงกับพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยทีเดียว
อาหารมาวางที่โต๊ะทีละอย่างสองอย่าง เมื่ออาหารวางครบแล้วทุกคนจึงเริ่มลงมือทาน ดูท่าทางคนที่หิวที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเด็ก ๆ ที่ตั้งหน้าตั้งตาทานโดยที่ไม่ยอมพูดอะไรสักคำเดียว แต่กลุ่มผู้ใหญ่ยังคงจับจ้องสงสัยในตัวของคุณมารินีอยู่ ทำให้ทุกคนมีเรื่องอยากจะถามเธอมากมาย ต่างคนต่างก็แย่งกันพูดทำให้คุณภูริต้องสะกิดให้กัญญาเลิกถามคุณมารินีได้แล้วเพราะนั่นเป็นการเสีมารยาทในการรับประทานอาหารเป็นอย่างมาก
เดี๋ยวค่อยถามก็ได้คุณตอนนี้เรากำลังทานอยู่นะ มันน่าเกลียด คุณภูริกระซิบข้างหูกัญญาเบา ๆ ทำให้เธอหยุดพูดทันทีและหันกลับมาทานอาหารต่อ
ก็น่าแปลกนะ ปกติแล้วกัญญาเองก็ไม่เคยจะเชื่อฟังใครง่าย ๆ ด้วยแต่กับคุณภูริเธอกลับยอมเขาและทำตามที่เขาบอกเสมอ ๆ ทำให้เพื่อน ๆ ทุกคนต่างสงสัยกันว่ากัญญาทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้แต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม ต่างคนก็ต่างเก็บเอาไว้ในใจเพราะกลัวว่าถ้าถามไปอาจจะถูกกัญญาสวนกลับอย่างตั้งตัวไม่ทันเลยก็ได้ เพราะเพื่อน ๆ ก็รู้ดีอยู่ว่ากัญญาเป็นคนปากร้าย พูดแรง ๆ ตรง ๆ และได้ใจความจนบางคนอาจจะอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเลยก็ว่าได้แต่ข้อดีของเธอก็คือเธอเป็นคนโกรธง่ายหายเร็วและมีน้ำใจต่อเพื่อน ๆ เสมอ ๆ ทำให้เพื่อน ๆ ชอบเธอในส่วนนี้
คุณคะ ฉันว่าเราไปเล่นทางนั้นกันดีกว่านะคะ กัญญาพูดขึ้นพร้อมกับเดินนำหน้าคุณภูริไป
ดูยายกัญญาสิ มีแฟนแล้วไม่สนใจเพื่อนเลย ฉันนะหมั่นไส้จริง ๆ เลย หนูนาพูดขึ้น
ปล่อยเขาไปเถอะ ปล่อยให้เขาจู๋จี๋กันเถอะนะ เปิดโอกาสให้เพื่อนมีแฟนบ้างสิ กิ๊กพูดขึ้น
ฉันว่าก็ดีเหมือนกัน เผื่อเพื่อนเราคนนี้จะได้ลงมาจากคานเพชรซะที กระต่ายพูดขึ้นบ้าง
แต่ฉันไม่เห็นด้วยกับที่เธอพูดนะ เพราะตอนนี้เพื่อนเราก็ลงมาจากคานเกือบจะเต็มตัวแล้วด้วย แป้งพูดขึ้น
ยังไง เพื่อน ๆ ถึงกับพูดพร้อมกันเลยทีเดียว
ก็ยายกัญญายอมรับหมั้นของคุณภูริ ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นทางการก็เถอะแต่สื่อมวลชนก็รู้ คนทั้งประเทศก็รู้ แล้วอย่างนี้จะมาหาว่าเพื่อเรายังไม่ลงจากคานมันก็เป็นความคิดที่ไม่ถูกนะ แป้งตอบ
อืม เพื่อน ๆ ทุกคนถึงกับพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของแป้งทันที
คุณไผ่คะ ฉันต้องไปก่อนแล้วนะคะ แล้วเราค่อยเจอกันใหม่นะคะ มารินีพูดขึ้นพร้อมกับหันมาไหว้ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าเนื่องจากเธออายุน้อยกว่าทุกคนอยู่มากพอสมควร จากนั้นเธอก็เดินออกไป คุณไผ่จึงวิ่งตามไปส่งเธอ ทั้งคู่เดินลับสายตาเพื่อน ๆ ไปแล้ว แนนซี่จึงพาคุณนิวไปหาซื้อของฝากกลับบ้านเพราะเธอก็เริ่มรู้สึกว่าคุณนิวเริ่มเบื่อที่นี่บ้างแล้ว
แป้ง หนูนา กระต่าย และสามีของพวกเธอต่างก็แยกย้ายกันจูงมือลูก ๆ ไปเล่นที่อื่น ๆ อย่างสบายใจในขณะที่คุณภูริและกัญญากำลังสนุกกับการเล่นเครื่องเล่นที่เรียกว่าพรมวิเศษอยู่ ทั้งคู่นั่งบนเครื่องเล่น เครื่องเล่นค่อย ๆ ลอยตัวยกระดับขึ้นไปพร้อมกับหมุนตัวเป็นวงเหมือนกับคนโบกมืออย่างไงยังงั้นเลยทีเดียว เสียงกรีดร้องของผู้คนที่แสนจะมีความสุขดังขึ้นไม่หยุด กัญญากรี๊ดเสียงดังลั่นเมื่อลงมาจากเครื่องเล่นแล้วคุณภูริจึงพากัญญาไปเดินเล่นและหาซื้อของฝากก่อนที่สวนสนุกจะปิดทำการ
กัญญาหยิบตะเกียงรูปหัวใจสีแดงขึ้นมา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสวนสนุกแห่งนี้ แล้วเธอก็วางลง เธอเดินไปหยิบนั่นหยิบนี่ดูด้วยความสนใจ ในที่สุดก็ต้องหันกลับมาหยิบตะเกียงใบเดิม มือของเธอจึงบังเอิญไปจับตะเกียงใบเดียวกันกับคุณภูริ จึงทำให้เธอรู้สึกเขินปล่อยมือจากตะเกียงทันที คุณภูริจึงหยิบตะเกียงยื่นให้เธอ จากนั้นเขาจึงเดินไปเลือกซื้อของที่ถูกใจออกมาสองสามชิ้นก่อนที่จะไปรวมตัวกับเพื่อน ๆ ที่หน้าประตูทางออกของสวนสนุก
คุณได้อะไรมาคะ ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย กัญญาถามขึ้น
ผมก็ได้ของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ มา มันไม่มีความสำคัญอะไรหรอก คุณภูริตอบ
กัญญาเมื่อได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกงอนทันที เธอรู้สึกว่าทำไมคุณภูริถึงได้มีลับลมคมนัยกับเธออยู่ตลอดเวลาในขณะที่เธอเองก็ไม่เคยมีเรื่องลับลมคมนัยกับเขาเลยสักนิดเดียว
คุณภูริเมื่อรู้ว่ากัญญารู้สึกงอนอยู่นิด ๆ เขาจึงหยิบของฝากชิ้นหนึ่งออกมาพร้อมกับบอกให้กัญญาหลับตาลง
หลับตาก่อนสิ ผมมีอะไรจะให้
คุณภูริหยิบสร้อยคอซึ่งมีจี้รูปหัวใจออกมาใส่ให้เธอ ในขณะที่เพื่อน ๆ ของเธอเดินมาพร้อมกับสามีและลูก ๆ พอดี ทุกคนจึงได้เห็นความรักของคนทั้งคู่ที่มีต่อกันอย่างหวานซึ้ง
แหมน่าอิจฉาจังเลย คู่นี้เขาสวีทกันอีกแล้ว หนูนาพูดขึ้น
อย่าไปยุ่งกับเขาเลยครับคุณแม่ มันไม่ใช่เรื่องของเรา ต้นต่อลูกชายของเธอพูดขึ้น
ตายแล้วไปเอาคำพูดแบบนี้มาจากไหน แก่แดดแก่ลมจังเลยนะเรา หนูนาหันไปเอ็ดลูกชายทันที
คุณพ่อสอนครับว่าอย่ายุ่งเรื่องของชาวบ้าน ก่อนที่จะยุ่งต้องยุ่งเรื่องของตัวเองก่อน คุณพ่อยังยกตัวอย่างเกี่ยวกับคุณแม่ให้ฟังบ่อย ๆ เลย ต้นต่อแย้งขึ้น
ตายแล้วนี่คุณสอนให้ลูกเถียงเหรอคะเดี๋ยวกลับไปบ้านเราต้องคุยกันหน่อยแล้ว
หนูนาพูดขึ้นพร้อมกับหันไปมองต้นกล้าแล้วก็ค้อน ๆ ต้นกล้านั้นก็ทำเฉย ๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หนูนาจึงต้องเงียบและหันไปซุบซิบกับเพื่อน ๆ เพื่อหาแนวร่วมในการนินทา แต่เพื่อน ๆ กลับนิ่งเฉยและเดินขึ้นรถไป ทำให้หนูนารู้สึกอาย ๆ แล้วก็รีบเดินขึ้นรถไปทันที
ขอบคุณค่ะแหมมันสวยจังเลยนะคะ
กัญญาพูดขึ้นพร้อมกับเอามือซ้ายไปสัมผัสกับสร้อยที่คอ ส่วนมือขวาของเธอนั้นจับกระจกจากแป้งพับตลับ สายตาของเธอจ้องมองไปที่คอที่มีสร้อยคอรูปหัวใจน้อย ๆ น่ารักประดับไปด้วยพลอยเม็ดเล็ก ๆ ที่แสนสวยเรียงรายอยู่ 9 เม็ดด้วยกัน เธอรีบเก็บตลับแป้งแล้วก็หันไปกอดคุณภูริด้วยท่าทางดีใจราวกับเด็ก ๆ ทำให้เขายิ้มหน้าบานเลยทีเดียว คุณภูริจูงมือกัญญาเดินขึ้นรถและก็ขับรถออกมาและตรงดิ่งไปส่งที่บ้านของเธอ สายตาของเขาจ้องมองทางไปและก็หันมายิ้มกับเธอไปตลอดทำให้กัญญารู้สึกมีความสุขมากที่สุดเพราะนาน ๆ เธอจะได้ออกมาเที่ยวแบบนี้สักครั้งนึง
ขอบคุณนะคะ สำหรับความสุข ความสนุกสนานในวันนี้ นี่ถ้าฉันไม่ได้คุณฉันคงยังนั่งกลุ้มใจเรื่องงานอยู่กับบ้านทั้งวันแน่ ๆ กัญญาพูดขึ้นพร้อมกับเดินลงจากรถ เธอโบกมือบ๊ายบายกับเขาจนกระทั่งรถแล่นออกจากบ้านจนลับสายตาไปแล้วเธอจึงเข้าบ้าน
แหมอารมณ์ดีจังเลยนะแม่ลูกคนนี้ คุณแม่อิ่มแม่ของเธอพูดขึ้น กัญญายิ้มแล้วก็เดินขึ้นบันไดบ้านไป
..25..
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ
เจอกันเร็ว ๆ นี้ที่ร้านหนังสือ ซี-เอ็ด ทั่วประเทศค่ะ