25 พฤศจิกายน 2547 12:19 น.
สุชาดา โมรา
ดาว พี่ขอคุยด้วยคนสิ
มีอะไรเหรอพี่นัท
พี่จะต้องไปทำงานแล้ว พี่คงไม่ได้มาเล่นยูโดอีกแต่พี่จะติดต่อมาบ่อย ๆ นะ แล้วอย่างอแงล่ะ อ้อ...อย่าไปทำขี้อ้อนกับเจ้าเบลวมากนักนะเขาจะรำคาญ อีกอย่างก็เพลา ๆ การหยอกเย้าเล่นหัวกับพวกผู้ชายได้แล้วเขาจะหึง ยิ่งคนเงียบ ๆ อย่านี้นะน่ากลัวที่สุดเลยรู้ไหม...
พี่นัทขยี้หัวฉันแล้วก็เดินออกไปจากสมาคมฯ ถึงตอนแรกฉันจะยิ้มแต่พอเขาเดินจากไปฉันก็รู้สึกว่าจิตใจมันหวั่นไหว เพราะฉันยังไม่อาจลืมเขาได้เลย... ทำยังไงนะฉันถึงจะลืมเขาได้
หลังจากนั้นไม่นานพี่เบลวก็พยายามพูดคุยมากขึ้นจนเราสนิทกันมากขึ้น ความผูกพันธ์มีมากขึ้นจนทำให้ฉันรักพี่เขาเข้าแล้ว... ที่จริงฉันเริ่มชอบ ๆ พี่เขาตั้งแต่ตอนที่ปรึกษาเรื่องราวต่าง ๆ แล้วละ ยิ่งตอนที่ฝนตกนั่งเปียกมาด้วยกันแล้วตอนนั้นฉันจำได้ดีว่าตักของเขาอุ่นมากทีเดียว ฉันว่ารักของเรามันเริ่มก่อตัวก็ตอนนั้นแหละ เขาเป็นเหมือนทุก ๆ สิ่งทุก ๆ อย่างของฉันจนฉันไม่อาจแยกจากเขาได้
พักหลังเหมี่ยวไม่มาเรียนบ่อยมาก เพื่อน ๆ ในกลุ่มต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่าเหมี่ยวติดผู้ชายที่เป็นกระเป๋ารถเมย์ ทำให้เหมี่ยวติด มส.หลายตัวจนเท่ากับฉัน แต่ของเหมี่ยวนั้นติดของ ม.6 แต่ฉันติดของ ม.5 พักหลังเหมี่ยวก็ไม่มาเลยจนอาจารย์โฮมรูมคนใหม่ต้องเรียกผู้ปกครองหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีใครมาจนวันหนึ่งฉันอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งพาดหัวข่าวว่าเหมี่ยวถูกข่มขืน 11 คนตอนนั้นฉันรู้สึกดีใจมากที่เหมี่ยวโดนแบบนั้น ฉันสะใจมากทีเดียวเพราะไม่คาดคิดว่าเหมี่ยวจะกรรมตามทันขนาดนี้... แต่พอมานึก ๆ ไปก็สงสารเหมี่ยวเหมือนกัน... เหมี่ยวอายเพื่อนอายทุกคนที่สมาคมฯจนไม่กล้ามาเรียน และในที่สุดก็หมดอนาคตต้องไปอยู่บ้านเลี้ยงลูกที่ไม่อยากให้เกิดมา น่าสงสารจริง ๆ...
ฉันเรียนจบ ม.6 แต่ฉันก็ไม่ได้จบตามเพื่อนเพราะฉันต้องมาเรียนซ้ำเพื่อแก้ มส.ให้หมดทั้ง 7 ตัวหลังจากที่อาจารย์ทำฉันแสบมาก ๆ ในตอนนั้น แต่ฉันก็ไม่ย่อท้อนะฉันสามารถที่จะไปเรียนกับรุ่นน้องได้โดยที่ไม่อาย นั่นเป็นเพราะคำพูดของพี่เบลวในวันนั้น ฉันจำได้ดีว่าพี่เขาบอกให้ฉันอดทน และกล้าเหมือนที่เล่นยูโด...
หลายวันต่อมาทางกองทัพอากาศก็มีหนังสือมาถึงโรงเรียน ในหนังสือฉบับนั้นพูดถึงเรื่องที่ฉันไปแข่งกีฬาที่ฟิลิปปินล์เมื่อปีที่แล้ว ก็ช่วง ม.5 นั่นแหละอาจารย์ทุกคนจึงประชุมและเห็นพ้องต้องกันว่าฉันไม่สมควรที่จะติด มส. อาจารย์จึงให้ผ่านมาได้ด้วยดี
......................................
ฉันเรียนจบจนได้ ถึงแม้ว่าจะไม่จบพร้อมเพื่อนก็ตาม ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้ ฉันมีความสุขมากที่เจอสังคมใหม่ ๆ เจอเพื่อนใหม่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกคนดีกับฉัน ฉันตั้งใจเรียนจนเป็นที่ภาคภูมิใจแก่พ่อแม่และทุก ๆ คนรวมทั้งคนรักของฉันด้วย พี่เบลวยังคงให้กำลังใจฉันเสมอมา ถึงแม้ว่าตอนนี้พี่เบลวจะไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ ฉันก็ตาม เพราะพี่เบลวไปเรียนต่อวิศวะที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจึงทำให้เราไกลกัน แต่ความหวังความฝันและความรักของเรายังคงอยู่ใกล้กันเสมอ...
เราคบกันมา 7 ปี ตอนนี้ฉันเรียนจบแล้ว พี่เบลวก็เรียนจบฉันตั้งใจไว้ว่าจะเปิดโรงเรียนสอนยูโดเป็นของตัวเองเสียทีเพราะชีวิตฉันฝากความหวังไว้กับสิ่งนี้... ฉันมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่งซึ่งมาจากการแข่งขันและเงินเดือนที่ได้จากการเป็นอาจารย์สอนยูโด ฉันจึงรวมเงินกับพี่เบลวและเปิดโรงเรียนขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจ...
นักเรียนทุกคนพร้อม...ตบเบาะท่าที่ 1 ปฏิบัติ
เสียงนักเรียนตบเบาะกันดังสนั่น คนมาเรียนมากมาย พอฉันได้สอนนักเรียนพวกนี้ก็ยิ่งทำให้ฉันมีความสุขมากขึ้นทำให้ฉันหวนคิดถึงวันเก่า ๆ ที่มีพี่นัทอยู่ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกเฉย ๆ แล้วละเพราะคนที่สำคัญของฉันอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว ฉันไม่ได้คิดอะไรกับพี่นัทอีกต่อไปแล้ว นั่นเป็นเพราะฉันมีพี่เบลวมาคอยเติมเต็มในสิ่งที่ฉันขาดหายไป ฉันมีความสุขและพอใจกับสิ่งที่ฉันมีอยู่ในขณะนี้มากทีเดียว...
งานเลี้ยงที่ใหญ่โตเริ่มขึ้นพี่เบลวแต่งตัวภูมิฐานเป็นพิเศษ ใส่สูตรผูกไทน์ ส่วนฉันสวมชุดขาวยาวลากพื้นเดินมาที่หน้างาน พี่เบลวเดินไปจับมือฉันและพาเดินมาหาผู้คน ย่าของฉันคล้องมาลัยให้ฉันและพี่เบลว จากนั้นฉันก็ไปนั่งหมอบอยู่ที่ที่ผู้ใหญ่เตรียมไว้ ฉันประนมมือรับไหว้ผู้ใหญ่ ย่าของฉันค่อย ๆ บรรจงหลั่งน้ำสังข์ลงบนมือฉัน
อย่าทะเลาะกันนะลูก มีอะไรก็ใช้เหตุผลคุยกัน เบลว...ย่าฝากน้องด้วยนะ
รักกันนาน ๆ นะลูก เบลวแม่ฝากน้องด้วยนะ
พ่อไม่มีอะไรจะพูดหรอก แต่พ่อดีใจที่มีวันนี้ ดูแลกันดี ๆ นะ เบลวพ่อฝากน้องด้วยนะ
แม่ฝากพี่เขาด้วยนะลูก
พ่อฝากพี่ด้วยนะลูก
งานแต่งงานผ่านไปได้ด้วยดี ตอนนี้ชีวิตฉันไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว ฉันของเพียงแค่เรามีกันและกัน มั่นใจในรักและเชื่อมความสัมพันธ์กันไปตลอดกาล...
ดาว...พี่รักดาวนะ
ดาวก็เหมือนกันค่ะ
ฉันมีความสุขที่สุดในชีวิตของฉันมากเลย ฉันจะดุแลเขาให้ดีที่สุดตราบเท่าที่ฉันจะทำได้ ฉันจะเป็นศรีภรรยาที่ดีแก่เขาฉันสัญญา....
..................................จบ................................
ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามมาโดยตลอดนะคะ
25 พฤศจิกายน 2547 12:11 น.
สุชาดา โมรา
หลังเลิกเรียนฉันมักจะแอบมาเล่นยูโดอยู่บ่อย ๆ ไม่มีใครรู้หรอกว่าฉันมาเล่นเพราะทุกคนกลับบ้านเย็น แต่ว่าวันนี้ฉันกลับไม่รู้ตัวเลยว่าในขณะที่ฉันสอนยูโดอยู่นั้นพ่อได้แอบมาดูฉัน พอฉันเลิกซ้อมก็มาแต่งตัวและเดินออกมา พี่เบลวบอกว่าพ่อพี่เบลวมารับให้ฉันกลับด้วย
พ่อคะ....สวัสดีค่ะ
ฉันกำลังจะขึ้นรถของพ่อพี่เบลว
ดาว....!!!!มาขึ้นรถพ่อเดี๋ยวนี้
ฉันถึงกับสะดุ้งโหยงทันทีเมื่อได้ยินเสียงพ่อ ฉันหันไปมองพ่อแล้วก็หันกลับมามองพ่อพี่เบลวแล้วก็ยิ้มจากนั้นจึงเดินไปขึ้นรถ พ่อขับรถมาได้พักหนึ่งก็ถามฉัน
รักยูโดมากไหม
ฉันเงียบไม่ตอบอะไร ได้แต่ทำท่าสลดเพราะฉันมีความผิดที่หนีมาเล่นยูโดทั้ง ๆ ที่ท่านสั่งห้ามไม่ให้เล่น
พ่อจะอนุญาติให้เรามาเล่นก็ได้ แต่ต้องตั้งใจเรียนและแก้ มส.ให้หมดด้วย ได้ยินที่พ่อพูดไหม...!!!
ค่ะ
ฉันตกใจเสียงพ่อมากถึงกับรีบตอบทันที แววตาของพ่อดู ๆ ก็รู้ว่าโกรธ แต่พ่อทำใจเย็นแล้วก็ฝืนใจให้ฉันมาเล่นยูโด
ที่จริงยูโดไม่ได้ทำให้ฉันเสียคนหรอก แต่ที่ฉันเสียคนก็เพราะมีเพื่อนไม่ดี เพื่อนที่แย่มาก ๆ ใส่ร้ายสารพัด แกล้งและรังควานเราอยู่ตลอดเวลาจนทำให้ฉันไม่อยากจะเข้าเรียน แต่เพราะฉันมีพี่เบลวนี่แหละถึงทำให้ฉันเข้าเรียนได้...
งานฤดูหนาวใกล้จะมาถึง ทางโรงเรียนก็เตรียมงานจัดข้าวของเสียยกใหญ่ ฉันได้รับคัดเลือกให้ไปเดินขบวนเชิญชวนมางานฤดูหนาว ฉันจึงต้องแต่งชุดไทยแล้วขึ้นมานั่งบนเสลี่ยงมีคนหามถึง 16 คน ปีนี้ฉันได้ออกงานเป็นเทพีงานฤดูหนาวเพราะฉันชนะการประกวดสตาร์วีคมัธยมศึกษาที่โรงเรียน ฉันจำได้ดีว่าฉันแสดงความสามารถพิเศษคือเล่นยูโด ตีระนาดเอก สีซอด้วงและเล่นกีตาร์ซึ่งผิดแปลกกว่าคนอื่น ๆ จากนั้นจึงเดินบนเวทีด้วยชุดไทยจักรี พอชนะการประกวดครั้งนั้นฉันก็ได้ไปแสดงโชว์อีกหลายงาน ได้ไปรำไทยที่นาฏศิลป์ไปครอบครูที่นั่น จากนั้นก็เป็นงานฤดูหนาวนี้ อาจารย์จึงมีโล่ห์และเกียรติบัตรให้เพราะฉันกีฬาเด่นกิจกรรมดีเป็นนักเรียนตัวอย่าง แต่อาจารย์ก็ไม่รู้หรอกว่าฉันติด มส. ระนาวเลย...
พอเดินขบวนกันเสร็จอาจารย์ก็ให้ไปถ่ายรูปและฉันก็เป็นต้นแบบให้อาจารย์วาดรูปด้วย ทำให้ฉันกลายเป็นที่รักของอาจารย์หลาย ๆ คนเพื่อน ๆ ก็เริ่มพูดคุยกับฉันจนฉันมีกลุ่ม แต่ฉันก็ไม่ได้คบกับคนพวกนี้จริง ๆ จัง ๆ หรอกเพราะฉันกลัวว่าจะเป็นเหมือนเหมี่ยว ฉันรู้สึกเข็ดกับคำว่าเพื่อนจริง ๆ รู้หน้าไม่รู้ใจทำอะไรก็หักหลังปัดแข้งปัดขาไปซะทุกเรื่องฉันจึงคบกับเพื่อนแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น
ฉันเดินงานฤดูหนาวกับพี่เบลวอย่างมีความสุข ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้จับมือกับพี่เบลว ฉันเป็นคนคว้ามือเขามาจับเองแหละเพราะเขาเป็นคนที่ไม่ล่วงเกินใคร จากนั้นฉันก็เดินเที่ยวจนเพลิน ฉันไม่รู้ตัวหรอกว่ามีใครแอบมองฉันอยู่ ฉันเดินกับพี่เบลวอย่างเปิดเผย พอเมื่อยก็ซื้อน้ำมานั่งดื่มที่หน้าหลวงพ่อขาว สักพักก็เดินต่อจนกระทั่งฉันมาเลือกซื้อโคมไฟที่ทำจากปลาดาว มันสวยมากพอฉันเดินออกมาฉันก็เจอพ่อ
เพี๊ยะ..........!!!!
พ่อตบหน้าฉัน ผู้คนหันมามองกันเป็นแถว
มีอะไรกับมันแล้วใช่ไหมถึงให้มันจับมือ....!!!!!
พ่อพูดด้วยอารมณ์โมโห ฉันไม่เข้าใจว่าแค่คนรักกันเดินจับมือกันมันผิดตรงไหน ฉันไม่ได้ทำอะไรเสียหายขนาดที่พ่อเข้าใจหรอกและพี่เบลวก็ไม่ใช่คนแบบนั้นด้วย พ่อทำไมถึง... ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ และไม่คิดหรือพยายามจะเข้าใจด้วยเหมือนกับที่พ่อไม่เข้าใจฉัน
กลับบ้านเดี๋ยวนี้...นายมาด้วย...เร็ว....!!!!
พ่อให้ฉันกับพี่เบลวขึ้นรถ พ่อบอกว่าอายเขาจะให้ไปเครียกันที่บ้านพี่เบลวจึงโทรหาพ่อกับแม่ของเขาให้มาที่บ้านฉัน พอพ่อขับรถมาจอดที่หน้าบ้านฉันเปิดประตูลงจากรถพ่อก็ฉุดกระชากลากถูฉันเข้ามาในบ้านทันที พ่อคว้าไม้เรียวออกมามือหนึ่งจับข้อมือฉันและอีกมือหนึ่งก็เอาไม้เรียวฟาดที่หลังของฉันหลายที ฉันจำไม่ได้ว่าพ่อฟาดไปเท่าไร แต่พ่อฟาดไม่หยุดเลย ฉันทั้งเจ็บและก็ปวดใจมากที่พ่อไม่ฟังเหตุผลของฉันเลย...
แกมีอะไรกับมันแล้วใช่ไหม....!!!!
เปล่า...หนูไม่ได้ทำอะไรเสียหาย พ่อ....!!!
คุณอาผมกับดาวไม่มีอะไรกัน
นายอย่ามาพูด...มันไม่ใช่เรื่องของนาย
ทำไมจะไม่ใช่ในเมื่อมันเกี่ยวโยงกับผม คุณอาน่าจะรู้นะว่าลูกสาวคุณอาเป็นคนถือเนื้อถือตัว แต่วันนี้เธอมาจับมือผมเอง ผมก็ไม่เข้าใจว่าเธอทำไมถึงมาจับมือกับผมทั้ง ๆ ที่ผมคบกับเธอมาได้แค่เดือนเดียว คุณอาต้องเชื่อในเกียรติของลูกสาวคุณอาสิ
พ่อตีฉันด้วยความโมโหแต่พอพ่อฟังพี่เบลวพูดทำให้พ่อวางไม้และเดินมานั่งที่โซฟา พี่เบลวเป็นคนพูดนิ่ม ๆ แต่พ่อเป็นคนอารมณ์ร้อน เมื่อใช้น้ำเย็นเข้าข่มไฟที่ร้อนระอุอย่างพ่อจึงสงบลง สักพักพ่อกับแม่ของพี่เบลวก็มาถึง
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับ
แม่ของพี่เบลวเดินเข้ามาคุยกับพ่อ ส่วนพ่อของพี่เบลวก็เดินมาคุยกับพี่เบลว ฉันเองจึงหลบเข้าห้องไป ฉันไม่รู้หรอกว่าผู้ใหญ่คุยอะไรกันแต่ฉันคิดว่าฉันอาจจะต้องเลิกคบกับคนดี ๆ อย่างพี่เบลวแน่ ๆ และอาจจะไม่ได้ไปเล่นยูโดอีก... ฉันส่องกระจกดูหลังของตัวเอง ฉันเห็นรอยไม้เรียวที่หลังเต็มไปหมด บางรอยเป็นรอยนูนขึ้นมาแตกมีเลือดซิบ ๆ ฉันรู้สึกแสบหลังมากเลย ถ้าวันนี้ย่าไม่ไปหาหมอย่าคงช่วยฉันได้ แม่ก็ไปทำงาน ปู่ก็ไปทำใบภาษี วันนี้จึงไม่มีใครอยู่ช่วยฉันได้เลยสักคนเดียว... ย่าจ๋ากลับมาเร็ว ๆ หน่อยนะคะหนูไม่อยากอยู่กับพ่อในเวลาอย่างนี้เลย...
.................................20..................................
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะกำลังจะอวสานแล้วค่ะ
ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามมาโดยตลอดนะคะ ตอนนี้ได้ตีพิมพ์เป็นเล่มแล้วใช้ชื่อใหม่ว่าสาวน้อยเลือดยูโดนะคะ
ขอบคุณค่ะ
25 พฤศจิกายน 2547 12:01 น.
สุชาดา โมรา
ดาวลูกไปร้านตัดชุดกับพ่อหน่อยได้ไหม นี่เราจะไปกันทั้งครอบครัวเลยนะ
ถึงฉันจะไม่อยากไปกับพ่อแต่ฉันก็ต้องไป เพราะฉันรู้ว่าถ้าท่านโกรธขึ้นมาคงจะแย่มาก พ่อมาร้านตัดชุดวิวาห์ พ่อเลือกชุดอยู่ส่วนฉันก็นั่งดูแบบไปเรื่อย ๆ
ดาวนี่พ่ออยากให้หนูมาลองชุดนี้จังเลย
หนูไม่เอาหรอกเพราะหนูไม่รู้ว่าจะใส่ไปไหน ไม่ลองนะคะ
ไม่ได้....!!!
พ่อพูดเสียงดังลั่นร้านฉันเลยต้องเดินไปลองชุดราตรีสีขาว ชุดนี้หลวมมากแต่ช่างบอกว่าจะเอาเข้าให้พอดี ช่างให้ฉันเดินออกมาให้พ่อกับแม่ดู
สวยมากเลยลูก...แต่เอ๊ะนี่มันรอยไม้เรียวเมื่อวันนั้นเหรอ ทำไมมันเป็นแผลขนาดนี้
ฉันก้มหน้าเงียบไม่พูดอะไร พ่อเดินเข้ามาดูใกล้ ๆ จากนั้นทั้งแม่ ย่า อาและปู่ก็รุมว่าพ่อเลย ทุกคนว่าพ่อว่าทำเกินกว่าเหตุทำให้หลังฉันเป็นแผลเป็นลึกเพราะพ่อตีอย่างไม่ยั้งมือ พอทุกคนทะเลาะกันหนักเข้าฉันก็เลยไปเปลี่ยนชุดและนั่งร้องไห้ในห้องแต่งตัว ฉันรู้สึกแย่มากที่เห็นทุกคนทะเลาะเบาะแว้งกัน ฉันรู้สึกว่าฉันเองเป็นฉนวนให้ครอบครัวแตกร้าว... ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพ่อจะให้ฉันไปงานไหน แต่ตอนนี้จิตใจฉันมันบอบช้ำมากเลยฉันไม่อยากจะไปไหนหรือทำอะไรทั้งนั้น
พอกลับมาบ้านทุกคนก็ไม่มีใครคุยกับพ่อ พ่ออารมณ์ไม่ค่อยดีจึงเดินไปหลังบ้าน ส่วนคนอื่น ๆ ก็นั่งดูทีวีกัน ฉันเองก็เข้าไปเก็บตัวอยู่แต่ในห้องเพราะไม่อยากพูดหรือคุยกับใคร ฉันอายและรู้สึกแย่ หัวใจมันเหี่ยวเฉาจนไม่อยากจะมองหน้าใครอีกต่อไปแล้ว
ดาว...โทรศัพท์ลูก
สวัสดีค่ะ...พี่เบลวเหรอคะ ค่ะ ค่ะ ค่ะ หา....!!!!
พี่เบลวโทรมาบอกเรื่องานหมั้น ฉันตกใจมากที่เพิ่งมารู้ทีหลังว่าฉันจะต้องหมั้นหมายกับพี่ เบลว ไม่เห็นมีใครมาบอกฉันเลย... ที่จริงฉันก็ชอบพี่เบลวนะแต่ลึก ๆ ในใจมันยังคงมีพี่นัทอยู่ จะให้ฉันทำยังไงดีเนี่ย ฉันรู้สึกสับสนกับตัวเองมากเลย
ฉันไปซ้อมยูโดเป็นปกติ แต่วันนี้ทุกคนพูดกันหนาหูเรื่องงานหมั้นของฉันกับพี่เบลว เป็นเพราะพี่เบลวไปเล่าเรื่องให้พี่ตูนฟังแท้ ๆ ตานี่ถึงได้ปากโป้ง
ดาว...พี่ขอคุยด้วยได้ไหม
ฉันอึ้งมากพี่นัทเดินเข้ามาคุยกับฉัน
ดาวจะหมั้นจริงเหรอ...
ฉันเงียบไม่ได้ตอบอะไรได้แต่ก้มหน้าทำหน้าตาซึม ๆ อยู่ตลอดเวลา
ดาวจะร้องทำไมในเมื่อดาวกำลังจะหมั้น...พี่ขอให้ดาวโชคดีนะ...อย่าทะเลาะกันล่ะ และอย่าให้ใครมาแยกความรักให้เดินกันคนละทางอีกนะ พี่ไม่อยากให้ดาวต้องมาเจ็บช้ำเหมือนกับตอนที่คบกับพี่
ฉันเช็ดหยาดน้ำตาแล้วก็ยิ้มให้พี่นัท พี่นัทเป็นคนดีถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าพี่นัทเสียใจ และภายในใจฉันก็ยังรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ เวลาที่ได้เห็นหรือได้ยินคำพูดจากปากของพี่นัทแต่ฉันก็ต้องวางตัวให้เหมือนพี่น้อง ต้องวางตัวเฉย ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่ฉันถวิลหาเขามาโดยตลอด แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ฉันมีคนรักใหม่ที่ดีกว่าคนเก่า และอีกหลาย ๆ อย่างที่เขามีมากกว่าพี่นัทคือ ไม่ว่าเหมี่ยวจะยั่วยวนพี่เบลวเท่าไรแต่พี่เบลวก็ไม่สนใจ เหมี่ยวพยายามทำทุกวิถีทางให้พี่เบลวแยกจากฉันแต่ก็ไม่สำเร็จนั่นเป็นเพราะพี่เบลวเป็นคนที่หนักแน่น จริงจังและจริงใจไม่เหมือนกับพี่นัท...
แล้ววันหมั้นก็มาถึง พี่ ๆ และอาจารย์ที่สมาคมฯก็มาร่วมงานกันอย่างหนาแน่น ฉันได้ออกมาจากห้องก็ตอนเริ่มพิธี ทุกคนมองกันเป็นตาเดียวเพราะไม่คิดว่าฉันจะแต่งตัวออกมาได้สวยขนาดนี้ ฉันค่อย ๆ เดินมานั่งหน้าพ่อกับแม่ทั้งฝ่ายฉันและฝ่ายเขา ย่าฉันถึงกับยิ้มแก้มปลิทีเดียว พี่เบลวหยิบกล่องแหวนออกมา แหวนวงนั้นเป็นแหวนเพชรสวิตน้ำหนัก 2.00 การัตเรือนเป็นทองคำขาวทำให้ทุกคนฮือฮากันใหญ่ ช่างภาพที่จ้างมาก็ถ่ายภาพอยู่ตลอดจนฉันรู้สึกแสบตา
ไหว้พี่เขาสิลูก
เสียงแม่บอกให้ฉันไหว้พี่เบลว ฉันจึงก้มลงกราบที่อกของเขา จากนั้นก็รอฤกษ์
ได้เวลาแล้ว 9.00 น. สวมแหวนให้น้องเลยลูก
พี่เบลวค่อย ๆ บรรจงสวมแหวนให้ฉัน จากนั้นทุกคนก็ปรบมือกัน ฉันก้มลงกราบที่อกเขาอีกครั้ง เขาจึงหยิบกล่องเครื่องเพชรออกมา ในนั้นมีทั้งสร้อยคอ สร้อยข้อมือและต่างหู พี่เบลวจึงนำมาใส่ให้ฉัน พอเสร็จพิธีก็ร่วมกันถ่ายรูป พี่ตูนแอบเหยียบชายกระโปรงฉันอยู่หลายครั้ง ส่วนพี่เบลวก็คอยประคองฉันเพราะกลัวว่าจะล้ม พองานเลิกฉันก็ไปเปลี่ยนชุดและไม่ยอมออกมาจากห้องอีกเลย ไม่ว่าใครจะชวนให้ออกมากินข้าวฉันก็ไม่ยอมออกมา จนพ่อแม่ของพี่เบลวทนไม่ไหวพาพี่เบลวกลับบ้านไป พ่อจึงมาดุฉัน
เปิด...เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ ออกมาคุยกันให้รู้เรื่อง....!!!
คุณ...ลูกทำใจไม่ได้เพราะลูกเพิ่งจะรู้เรื่องได้เพียงอาทิตย์เดียวคุณอย่าไปดุลูกเลยนะ เมื่อเช้าลูกก็เหนื่อยมาพอแรงแล้วไหนจะตื่นมาแต่งตัวแต่งหน้าตั้งแต่ตี 4 อีกล่ะ คุณไปนั่งดูทีวีดีกว่านะ
ฉันแอบฟังพ่อกับแม่คุยกัน สักพักฉันก็โทรหาพี่เบลว
พี่เบลวเหรอ ดาวขอโทษนะคือดาวปวดหัวน่ะพี่คงไม่ว่ากันนะ
ฉันดีใจที่พี่เบลวไม่ว่าอะไร ฉันรู้สึกสำนึกผิดเพราะฉันทำตัวไม่เหมาะสมเลย ฉันนี่แย่จริง ๆ ฉันไม่น่าทำลงไปแบบนั้นเลย
เช้าวันใหม่ฉันก็ไปเรียนตามปกติ เพื่อน ๆ หลายคนเดินเข้ามาถามฉันถึงเรื่องการหมั้นเพราะเหมี่ยเอามาพูดให้คนอื่นรู้กันทั่วทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ไปงานนี้
จริงเหรอที่ดาวหมั้นไม่เห็นบอกกันบ้างเลย
จริงเหรอ
...............................
สักพักกลุ่มของเหมี่ยวก็เดินเข้ามาถาม
จริงเหรอที่แกแย่งแฟนเพื่อนถึงขนาดลงทุนหมั้นหมายเพราะกลัวว่าเหมี่ยวจะแย่งคืน
ฉันรู้สึกโมโหจริง ๆ ที่ได้ยินเอ๊ะพูดแบบนี้
เธอเชื่อเหมี่ยวได้กี่เรื่อง เหมี่ยวโกหกมากี่เรื่องแล้ว ถามจริง ๆ เถอะเพื่อนแบบนี้เธอคบเข้าไปได้ยังไง ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าการศึกษาสูง ๆ อย่างเธอนี่จะถูกเหมี่ยวจูงจมูกได้ง่าย ๆ
พวกนั้นถึงกับอึ้งชั่วคณะ แล้วก็หันมาจะทำร้ายฉัน
นี่แกด่าฉันเหรอ...แก...
อย่านึกนะว่าฉันจะไม่สู้....!!!!
ฉันพูดด้วยท่าทางเอาเรื่องพวกนั้นจึงเดินออกไปไม่มารังควานฉันอีก...
............................21.................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ กำลังจะอวสานแล้วนะคะ
ขอขอบคุณเพื่อนๆมากที่เป็นกำลังใจให้เสมอมา ขอบคุณค่ะ
16 พฤศจิกายน 2547 09:48 น.
สุชาดา โมรา
พี่เบลวมาส่งมารับฉันทุกวัน แต่เขาไม่รู้หรอกว่าบางทีฉันก็หนีเรียนบ้างเพราะฉันรู้สึกกดดันทุกทีที่เจอเพื่อน แต่ก็นั่นแหละการเรียนฉันเริ่มแย่ลงเพราะผลมาจากการที่ไม่เข้าเรียนนี้แหละ ไม่มีใครคาดคิดว่าฉันจะเรียนตกต่ำเพราะฉันเรียนได้เป็นอันดับต้น ๆ ของห้องตลอดระยะเวลา 2 เทอมที่ผ่านมา ใกล้สอบแล้ว ฉันยังคงเข้าเรียน อาจารย์ที่เป็นความกับฉันก็กดคะแนนฉัน เขาคงแค้นที่ฉันกับย่ายื่นฟ้องต่อศาลเพราะป่านนี้แล้วคดีก็ยังไม่ไปถึงไหนเสียที
เรื่องนี้ยืดเยื้ออยู่หลายวันจนอาจารย์ทั้งหมดยอมความ แต่ย่าฉันไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้หรอกย่ายื่นคำร้องร้องเรียนถึงกรมสามัญศึกษา และทำอย่างนี้หลายครั้งจนอาจารย์ทั้ง 7 คนถูกเรียกไปสอบสวนหลายครั้ง จากนั้นทางโรงเรียนก็สั่งย้ายอาจารย์ทั้ง 7 คนภายใน 24 ชั่วโมงทำให้ฉันได้อาจารย์ประจำชั้นใหม่ แต่ผลที่ตามมาคือก่อนที่อาจารย์ทั้ง 7 คนจะไปนั้นเขาได้ส่งใบเกรดไปแล้วว่าฉันต้องติด มส. (หมดสิทธิ์สอบ) แน่นอน ฉันรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับฉันเลย ฉันต้องติด มส. ถึง 7 ตัว ฉันรู้ตัวเลยว่า ม.5 นี้ฉันเรียนไม่จบแน่ ๆ ฉันจะทำอย่างไรดีนะ ชีวิตฉันจะดำเนินไปอย่างไร...
พอฉันรู้ว่าฉันติด มส.ก่อนที่จะได้สอบปลายภาคฉันไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรดีจึงไปปรึกษาอาจารย์ในสมาคมฯ อาจารย์ดนัยและอาจารย์อีกหลายท่านลงชื่อเซ็นหนังสือราชการส่งไปที่สมาคมยูโดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูประถัมป์ แต่ยาวนานมากข่าวคราวไม่ได้ตอบรับเสียที ฉันรู้สึกหมดหวังแล้ว คิดว่าต้องเรียนไม่จบแน่ ๆ ประวัติฉันล้มเหลวแล้ว ฉันจะเข้าเรียนที่ไหนได้อีกถ้าในใบทรานสคิปมี มส.ยาวถึง 7 ตัวแบบนี้
ฉันเข้าสอบเฉพาะวิชาที่ไม่ติด มส. ฉันไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรแต่ที่รู้ ๆ คือฉันต้องเรียนไม่จบ ม.5 แน่ ๆ เพราะฉันต้องมาเริ่มต้นเรียนวิชาพวกนี้ใหม่อีกครั้ง
ฉันไม่กล้าบอกใครเลยจริง ๆ ว่าฉันจะเรียนไม่จบ แต่ฉันก็กล้าที่จะมาพูดกับพี่เบลวเพราะฉันมีความรู้สึกว่าพี่เบลวเป็นคนที่ฉันให้คำปรึกษาได้
ฉันมาซ้อมยูโดเป็นปกติ แต่วันนี้มันไม่ปกติเสียแล้ว...ฉันเดินมาจนเกือบจะถึงหน้าประตูกรม ร.พ.ศ.ที่2 ฉันเห็นพี่นัทกำลังมีเรื่องชกต่อยกับนักเลงกลุ่มหนึ่งฉันจึงวิ่งเข้าไปช่วย ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้คิดหรอกว่าฉันเป็นผู้หญิงคงสู้พวกนั้นไม่ได้เพราะพวกนั้นมีมีด แต่ฉันก็วิ่งเข้าไปช่วยเพราะใจฉันยังแคร์พี่นัทอยู่
นี่มันอะไรกันเนี่ย...พวกแกเป็นใคร...
แฟนแกเหรอ สวยนี่หว่า...คืนนี้ไปนอนกับพี่ไหมน้อง....!!!!
ฉันทั้งอึ้งและโมโหจึงเข้าไปเอาชุดยูโดที่ทั้งหนาและหนักเควี้ยงใส่หน้าผู้ชายคนนั้นทันที จึงทำให้พวกนั้นโกรธและจับมือฉันไว้
สวย ๆ แบบนี้ ดุ ๆ อย่างนี้พี่ชอบ ไป...เฮ้ยพวกเราคืนนี้มีของเล่นใหม่แล้วเว้ย....!!!!
ฉันทั้งโกรธและกลัวจึงดิ้นกระโดด ๆ จนชายคนนั้นรำคาญเลยหันมาตบหน้าฉันแต่ไม่ทันได้ตบฉันก็จับแขนหักเลยแล้วก็ถีบจนหงายท้องและวิ่งเข้าไปหาพี่นัท พี่นัทกำลังจะถูกซ้อม คนพวกนั้นจับแขนพี่นัทไว้และจะต่อย ฉันจึงวิ่งกระโดดถีบชายคนนั้นทันที พี่นัทดิ้นจนหลุดแล้วก็คว้าชุดยูโดพาฉันวิ่งมาที่ประตู แต่ยังไม่ทันจะถึงพวกนั้นวิ่งเอามีดมาจะแทงพี่นัทฉันจึงเอาตัวเข้าขวาง
ดาว.....!!!!
พี่นัทร้องเสียงหลง คนพวกนั้นก็ตกใจจึงวิ่งหนีไป ส่วนฉันนึกว่าตัวเองไม่รอดแน่ ๆ จึงฟุบตัวลงแล้วก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย...ตื่นมาอีกทีก็รู้สึกว่านอนอยู่บนเบาะซ้อม ฉันคิดว่าตัวเองตายไปแล้วซะอีก ไม่มีเลือดซักนิด
ดาว...ฟื้นแล้ว ขอบใจนะ
ดาวไม่ตายเหรอพี่นัท
จะบ้าเหรอ...พูดอะไรอย่างนั้น พี่ตกใจมากนึกว่าดาวถูกแทงตายซะแล้วเหมือนกัน แต่ดีนะที่ดาวกอดชุดยูโดอยู่ตลอดพอไอ้พวกนั้นเข้ามาแทงมีดเลยติดชุดนี่แหละ
ฉันดีใจมาก อย่างน้อย ๆ ฉันก็ได้ปกป้องคนที่ฉันรักได้ครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้รักกันอีกแล้วก็ตาม แต่ฉันก็ดีใจที่เขาปลอดภัย... ฉันตั้งปณิธานเอาไว้ว่าสักวันฉันจะต้องช่วยเขา วันนี้ฉันทำสำเร็จแล้ว... ฉันไม่รู้ว่าพี่เขาไปมีเรื่องอะไรกับใครมาแต่ฉันก็จะไม่ถามหรอกเพราะฉันไม่อยู่ในฐานะที่จะถามได้อีกต่อไปแล้ว...
ฉันไม่รู้หรอกว่าขณะที่ฉันฟื้นขึ้นมานั้น มีคน 2 คนกำลังจ้องมองฉันอยู่ คนหนึ่งมองด้วยความเกลียดชัง แต่อีกคนหนึ่งมองด้วยความห่วงหา...ฉันเข้าไปแต่งตัวในห้องแล้วก็เดินออกมา
ดาว ๆ ๆ...เป็นอะไรบ้างหรือเปล่า
ไม่เป็นอะไรแล้วละพี่เบลว...ขอบคุณนะที่เป็นห่วง
ฉันรู้ทันทีว่าคนที่ห่วงฉัน แอบมองฉันนั้นคือพี่เบลว แต่อีกคนที่มองฉันด้วยความเกลียดชังนั้นฉันรู้โดยที่ไม่ต้องบอกเลยว่าคือเหมี่ยว... วันนี้ฉันจึงซ้อมยูโดด้วยความสุข ฉันเริ่มรู้ตัวแล้วว่าพี่เบลวสายตาไม่เหมือนเดิม ฉันไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะแต่ฉันรู้ด้วยสัญชาตญาณของตัวฉันเอง ฉันจึงลองใจเขาด้วยการเอาไดอารี่ที่ฉันเขียนเป็นกลอนทั้งหมดแอบเอาไปใส่ในกระเป๋าเขา ในนั้นฉันไม่ได้บอกว่าฉันหมายถึงใคร แต่ฉันจงใจเขียนในตอนท้ายเป็นชื่อพี่เบลว และแผ่นรองปกก็มีชื่อฉันอยู่ด้วย...ฉันไม่รู้ว่าเขาจะทำหน้าอย่างไรเมื่อได้อ่าน ถ้าเขาชอบฉันเขาคงจะมาหาฉัน แต่ถ้าเขาไม่มีใจเขาก็คงจะโกรธหรือว่าว่าฉันบ้า...
เช้ารุ่งขึ้นของวันปิดเทอมวันแรกฉันมาช่วยงานศพของอาจารย์สิงห์ทอง หลังจากที่เขาไว้ศพมาเป็นเวลายาวนานมาก ฉันมานั่งจัดอาหารเลี้ยงพระ พี่เบลวเขาก็มา เขามาก่อนฉันเสียอีกแต่เขานั่งกับผู้หญิงคนหนึ่งรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน เขาคุยกันอย่างคนสนิทจนฉันรู้สึกตัวว่าบ้าไปเองที่คิดว่าเขามีใจให้ ฉันนั่งจัดอาหารจนเสร็จแล้วก็เดินออกมาจากวัดพร้อมกับพี่เจี๊ยบ มาเดินเล่นบนรางรถไฟเพื่อดูแม่น้ำที่อยู่ข้างล่างสะพาน
ดาว....ดาว....
พี่เบลววิ่งมาเรียกฉัน ฉันตกใจมากคิดว่ามีเรื่องอะไรเพราะเห็นเขาทำหน้าตาตื่น ๆ อย่างไรชอบกล เขาวิ่งมาคุยอะไรกับพี่เจี๊ยบก็ไม่รู้จนพี่เจี๊ยบเดินออกไป
อ้าว...พี่เจี๊ยบจะไปไหนล่ะ
ฉันตะโกนลั่นสุดเสียงพี่เจี๊ยบหันมายิ้มแล้วก็โบกมือบ๊ายบายแล้วก็เดินออกไป ส่วนพี่เบลวก็เดินมาหาฉันแล้วก็ส่งไดอารี่คืนมาให้ฉัน
เมื่อวานใครไม่รู้เอามาใส่ในกระเป๋าพี่ อ่ะพี่คืนให้
แอบอ่านหรือเปล่า....!!!!
ก็นิดหน่อย แต่เก่งนะเขียนชีวิตส่วนตัวเป็นกลอนไปหมดเลย
ฉันรู้สึกอาย ๆ แล้วก็รู้สึกว่าเราเองไม่สมควรทำแบบนั้นเลย ฉันจึงเดินหนีออกมา
พรุ่งนี้วันเผาศพอาจารย์สิงห์ทองถึงพี่จะมาไม่ทันแกแต่พี่ก็จะบวชให้แก ดาวว่างหรือเปล่า ถ้าว่างพรุ่งนี้มาช่วยงานได้ไหม คือพี่อยากให้ดาวมาถือใบบัวให้พี่ตอนโกนผม พี่จะได้เอาใบบัวไปลอยน้ำไง
ฉันพยักหน้าแล้วก็เดินออกมา ฉันคิดว่าพี่เขาจะว่าเราซะอีกที่แท้ก็มาพูดเรื่องแค่นี้เอง ฉันเดินกลับเข้ามาในงานอีกครั้ง ฉันเห็นพี่เบลวเดินเข้าไปคุยกับพี่เจี๊ยบแล้วพี่เจี๊ยบก็ตีไหล่พี่เบลว ฉันไม่รู้หรอกว่าพี่ 2 คนคุยอะไรกันแต่ที่รู้ ๆ ต้องไม่เกี่ยวกับเราแน่นอน
วันนี้เป็นวันที่พี่เบลวและพี่ ๆ อีกหลายคนจะบวชให้อาจารย์สิงห์ทอง ฉันมาที่วัดแต่เช้ามืดเอาใบบัวมารองผมให้พี่เบลว พี่นัท พี่ดอนและพี่ ๆ อีกหลายคนมองมาเป็นตาเดียวแล้วก็แซวฉัน
ตกลงปลงใจกับไอ้ทึ่มนี่แล้วเหรอ
ฉันทำหน้างง ๆ แล้วก็หันไปถาม
ไม่เข้าใจ...อธิบายหน่อยได้ไหมคะ
ทุกคนหัวเราะแล้วก็ไม่พูดอะไร พอตอนเย็นเผาศพอาจารย์เสร็จอาจารย์นิพนธ์ก็ไปเอาธงชาติที่คลุมอยู่บนฝาโลงออกมาเพื่อที่จะถวายวัด ส่วนพวกพี่ ๆ ก็ไปสึกบนกุฏิ
ดาว...เธอรอพี่เบลวหน่อยนะ
เธอ...
ฉันเป็นแฟนพี่เก้าน่ะ ไม่ใช่แฟนพี่เบลวหรอกอย่าคิดมาก
ฉันทำหน้างง ๆ แล้วก็หันไปมองคนอื่น ใคร ๆ เขาก็กลับกันหมดฉันจึงเดินออกไป ฉันไม่รู้ว่าจะรอพี่เบลวทำไมเพราะฉันไม่ใช่แฟนของเขานี่...
ดาว....!!!!!
พี่เบลววิ่งตามฉันออกมาแล้วก็ขึ้นรถเมย์มาพร้อมกัน มาลงที่หน้าสมาคมฯ ฉันเดินข้ามสะพานลอยมาโดยไม่พูดอะไร พี่เบลวก็ไม่พูดเหมือนกัน ราวกับว่าไม่รู้จักกัน พอเล่นยูโดเสร็จพี่เขาก็นั่งรถเมย์มาส่งฉันถึงหน้าปากซอย พี่เขาไม่พูดอะไรสักนิดจนกระทั่งลงจากรถเมย์
ดาว...พี่รักดาวนะ....!!!!
ฉันอึ้งแล้วก็หันไปมองหน้าพี่เบลว พี่เขายิ้มอย่างจริงใจแต่ฉันก็ทำหน้าเฉย ๆ
อ๋อ...เหรอก็รู้มานานแล้วละ
รู้ได้ไง...
รู้ของฉันหมายถึงรักแบบพี่ชาย แต่พี่เบลวคิดว่าฉันรู้ว่าเขารักฉันอย่างคนหนุ่มสาว เพราะหลังจากที่ฉันบ้าไปเองก็เลยทำให้หัวใจตายด้าน
พี่เบลวชอบดาวเหมือนน้องใคร ๆ ก็รู้...
ไม่ใช่อย่างนั้น...เป็นแฟนพี่ไหม
ฉันอึ้งแล้วก็หันไปยิ้ม
เอาไว้พิจารณาก็แล้วกันนะ...วันนี้ไปส่งดาวให้ถึงบ้านได้ไหม
พี่เบลวจึงเดินไปส่งฉันถึงบ้านเป็นครั้งแรก ทุกคนในบ้านชอบพี่เบลวมากยกเว้นพ่อของฉัน ดูท่านจะไม่พอใจเอาเสียเลย แต่ยังไง ๆ ฉันก็รู้แล้วละว่าที่ฉันคิดว่าฉันบ้านั้นมันไม่จริง...ฉันเดาถูกว่าเขารักฉันจริง ๆ...
......................................19.....................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ จะอวสานแล้ว
20 กันยายน 2547 09:48 น.
สุชาดา โมรา
หลายวันผ่านไปฉันไปเรียนด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากไปเรียนเลย ฉันมีความรู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่โลกของฉัน ไม่เหมือนที่สมาคมฯ ถึงแม้ว่าจะเจอเหมี่ยวเหมือนกันแต่อย่างน้อย ๆ ที่นั่นก็มีคนคุยกับฉันไม่เหมือนที่นี่... ฉันเข้าไปเรียนวิชาสุขศึกษาที่ตึกเก่าพอฉันนั่งที่โต๊ะก็เกิดเรื่อง
ผว๊ะ...........!!!!!........โครม..........!!!!!
ใครคนหนึ่งตรงลี่เข้ามาตบหน้าฉันจนโต๊ะแล็กเชอร์ล้มไปทางฝั่งขวาทำให้ไม้ลองแขนกระแทกชายโครงของฉันจนจุก จากนั้นใครต่อใครอีกหลายคนก็มารุมทำร้ายฉัน ฉันไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้เพราะมันชุลมุนวุ่นวายเหลือเกินจนไม่สามารถที่จะลุกขึ้นได้ ฉันรู้สึกว่ามึนงงทำอะไรไม่ถูก ไม่มีใครมาช่วยฉันเลย
อะไรกันน่ะ
เสียงอาจารย์ดังขึ้น อาจารย์ไตร่สวนเรื่องราวและก็ส่งไปที่ห้องปกครองให้อาจารย์ทำโทษ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีความผิดแต่โทษก็เท่ากัน ฉันถูกอาจารย์ตี 3 ทีเท่า ๆ กับพวกนั้น ที่จริงฉันไม่เข้าใจเลย มันเป็นเพราะสาเหตุอะไรพวกนี้ทั้งห้องจึงมารุมทำร้ายฉัน ฉันงงไปหมดจึงถามพวกนี้ต่อหน้าอาจารย์
ถามจริง ๆ เถอะทำไมต้องมาตบฉันด้วย
ก็หมั่นไส้น่ะมีไรไหม...เห็นไปแข่งมาเก่งนักนี่ไม่เห็นใช้วิชาที่เรียนมาทำร้ายใครได้เลย ถุย...ทุเรศใช่ไหมพวกเรา
พออาจารย์ได้ยินจึงเรียกทุกคนในห้องยกเว้นฉันไปทำโทษด้วยการให้ไปพัฒนาชุมชนในที่ต่าง ๆ และถ่ายรูปพร้อมกับให้ชาวบ้านเซ็นมาว่าไปจริง...
ฉันได้ยินเสียงบ่นเสียงด่าเสียงพูดจาเสียดแทรก เสียดสีจนรับไม่ไหวอีกแล้ว หนัก ๆ เข้าห้องนี้ฉันก็ชักจะอยู่ด้วยไม่ได้แล้วละ ฉันจึงตัดสินใจไม่เข้าเรียนอีกครั้งเพื่อหนีปัญหาที่รุมเร้าในจิตใจ ฉันหาทางออกไม่ได้จริง ๆ ฉันรู้สึกแย่มาก ๆ ที่เหตุการณ์มันเป็นแบบนี้
พอฉันไม่เข้าเรียนฉันก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนก็เลยมานั่งที่ศาลาในโรงเรียนจนเจอเพื่อนคนหนึ่งชื่อฟิล์ม ที่จริงเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนหรอกแต่ว่าเรามาสนิทกันตอนที่จะหนีออกจากโรงเรียนเนี่ยแหละ ฉันจึงพาฟิล์มไปที่ประตูข้างของโรงเรียนแล้วก็ปีนออกมา ฟิล์มรู้จักร้านขายอุปกรณ์การเรียนอยู่ร้านหนึ่งก็เลยพาฉันเข้าไปหลบสารวัตรนักเรียนที่นี่ ฉันจึงสนิทกับลูกจ้างของร้านที่ชื่อดวง
หลังจากนั้นมาฉันก็ไม่ยอมเข้าเรียนอีกเลยจนกระทั่งอาจารย์ทองเรียกผู้ปกครองไปพบเพราะฉันไม่เข้าเรียนมาหลายวันแล้วพอผู้ปกครองมาอาจารย์ก็เอารายละเอียดการโดดเรียนออกมาให้ปู่ฉันดูจนวันนั้นกลับไปบ้านฉันจึงถูกตีหลายทีจนเนื้อแตก
หนูสัญญาว่าจะเข้าเรียนค่ะ....!!!!
แต่พอวันรุ่งขึ้นฉันมาเข้าเรียนสังคมในห้องก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังมีการเสแสร้งและก็กล่าวร้าย พูดจาเสียดแทงตลอดจนแทบจะทนไม่ได้ นอกจากนั้นก็ยังมายืนรุมด่าทออีก ฉันรู้สึกเครียดมาก รู้สึกว่าตัวเองเหมือนหมาหัวเน่าที่ไม่มีใครเขาคบอีกแล้ว... ฉันจึงตัดสินใจอีกครั้ง คราวนี้ฉันไม่เข้าเรียนเลย แต่ฉันยังคงเข้าไปเล่นยูโดต่อ เหมี่ยวก็เอาไปพูดที่สมาคมฯนินทาฉันเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันไม่เข้าเรียน
นังแววดาวนะไม่เข้าเรียนละเธอ สงสัยจะมีผัวละเลยไม่เข้าเรียน
เหรอ...ไม่อยากจะเชื่อเลยเห็นหน้าหงิม ๆ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนแบบนี้ถึงว่าพี่ ๆ ที่นี่ถึงได้รุมจีบที่แท้ก็พวกให้ท่าให้ทางนี่เอง แต่ดูอย่างพี่เหมี่ยวสิถึงไม่สวยแต่ก็มีเสน่ห์เนาะพี่นัทถึงได้มาชอบ
หยุดพูดแล้วแล้วแก้ม.....!!!!เลิกพูดถึงพี่นัทได้ไหมในเมื่อนังดาวมันแย่งไปหมดแล้ว ดูสิแข่งคัดสายมันยังแย่งสายจากพี่เลย แล้วตอนที่ไปแข่งมันยังแย่งจนได้ไปเที่ยวเมืองนอก กลับมาทำเป็นเก่งมาสอนคนอื่นที่แท้ก็เทียบกันไม่ติด
จริงเหรอ...พี่ดาวร้ายขนาดนี้เลยเหรอ...
อืม....
เหมี่ยวไม่รู้หรอกว่าฉันยืนอยู่ที่ประตู ฉันได้ยินทุกคำพูดเพราะประตูอยู่ห่างจากเหมี่ยวและแก้มเพียงแค่เมตรเดียวเท่านั้น ฉันรู้สึกฉุนก็เลยพูดคำแรง ๆ ออกมา
ต่ำ.....!!!!!
แล้วก็เดินผ่านหน้าไปทำให้เหมี่ยวและแก้มถึงกับอึ้งเงียบทันที ฉันเดินมาเคารพเบาะแล้วก็ขึ้นไปวอร์มอัพจนเครื่องอุ่นได้ที่ฉันจึงเรียกเหมี่ยวขึ้นมา
เห็นบอกว่าเก่งเจ๋งมากไม่ใช่เหรอมา....ขึ้นมาสู้กันซะตั้งเป็นไร ตัวต่อตัวนะอย่าเล่นหมาหมู่เหมือนทุกที ฉันไม่ชอบเล่นสกปรก ขึ้นมาเลย
ฉันทั้งโกรธและโมโหมากที่จู่ ๆ ก็ถูกนินทาทั้งต่อหน้าและลับหลัง ฉันแค้นที่สุดจังหวะนี้แหละฉันจะทำให้เห็นว่าใครกันแน่ที่โกหก ใครกันแน่ที่พูดปดมาตลอดเวลา คนที่นี่อุตส่าห์ให้อภัยมาหลายครั้งหลายหน แต่เหมี่ยวก็ยังไม่เลิกสันดารเดิม ๆ อีก ฉันจึงต้องใช้วิธีนี้แหละ... เหมี่ยวถึงกับอึ้งไม่กล้าขึ้นมาเทียบสายกับฉันเลย ระหว่างสายดำกับสายขาวที่ไร้ประสิทธิภาพอย่างเหมี่ยวใครมันจะแน่กว่ากัน ปกติแล้วเหมี่ยวไม่ค่อยอยากจะซ้อมเพราะทำฟอร์มว่าท้อง พอไม่ฝึกปรือฝีมือก็ถดถอยมาเร่งซ้อมตอนหลังก็ไม่เห็นจะไปแข่งอะไรที่ไหนได้เลย น่าเบื่อจริง ๆ ที่มีคนแบบนี้อยู่ในโลก ชีวิตฉันนี่มันยิ่งกว่านิยายน้ำเน่าเสียอีก
เหมี่ยวทำท่ากล้า ๆ กลัว ๆ ฉันจึงต้องตะโกนย้ำลงไปอีก แต่คราวนี้ผู้คนในนี้เริ่มมากขึ้นกว่าตอนแรก ฉันตั้งใจใจไว้ว่าจะให้อายสู้หน้าใครไม่ได้ทีเดียว จะทำให้เหมือนกับที่เหมี่ยวทำกับฉันเอาไว้ที่โรงเรียน แลกกัน....!!!!
ทำไม....กลัวหรือไง จะอ่อนข้อให้ก็ได้ ขึ้นมา....!!!!
พี่เหมี่ยวขึ้นไปสิจะมัวรีรออะไรอยู่ ไปจัดการกับมันเลย มันจะได้รู้ว่าพี่เจ๋ง
แก้มยุให้ขึ้นมาจนเหมี่ยวต้องเดินขึ้นมาหาฉัน ทุกคนที่นี่ก็รู้อยู่ว่าฉันกับเหมี่ยวไม่ถูกกันก็เลยมามุงดู และพี่โอม พี่นัท พี่ดอน พี่ทิพย์และพี่เก้าก็มาร่วมเป็นกรรมการด้วย
ฮาจิเมะ.....!!!!
ฉันเดินเข้าตรงใส่ด้วยอารมณ์ที่บ้าบิ่นบ้าเลือดและบ้าครั่ง ฉันฉุนมาก ๆ ในใจก็คิดว่าจะเอาให้ตายไปข้างนึงเลย แต่อีกใจก็คิดว่าอย่าทำเลยมันไม่ดี แต่ฉันควบคุมอารมณ์ไว้ไม่ไหวแล้วจึงรุกเข้าไปหักแขนและทุ่มทันทีด้วยท่าโมโนเตะ-เซโออินาเงะ คือจับแขนหักและดึงแขนหลบในเข้ามาก่อนที่จะทุ่ม โชคดีที่ฉันยั้งมือแขนจึงไม่หัก แต่พอทุ่มได้ฉันก็ฉุดขึ้นมาให้สู้ต่อ ฉันทุ่มได้หลายทีและก็สกัดจุดสำคัญได้หลายครั้ง ฉันเล่นนอกเหนือกติกาที่วางไว้เพราะฉันใช้ลูกเล่นเข้าไปใส่อย่างการกดลิ้นปี่ การกดทัดดอกไม้ การสกัดจุดลมไม่ให้เปิดและการกดไหปลาร้าไม่ให้มีทางสู้ได้ซึ่งมาจากการที่ฉันเคยเล่นโยคะและไทเก๊กเมื่อครั้งอายุ 3 ขวบทั้งนั้น ฉันรุกจนเหมี่ยวสู้ไม่ไหวล้มลงไปตบเบาะยอมแพ้แต่ฉันดึงมือขึ้นมาไม่ให้ตบเบาะได้ครบ 3 ทีเพื่อที่จะสู้ต่อ ฉันรุกเข้าใส่อย่างคนบ้าครั่งจนพี่ ๆ ต้องเข้ามาห้าม
พอ....พอ ๆๆๆๆ พอได้แล้วจะเอาให้ถึงตายหรือไง....!!!!
ดาวพี่ว่าพอเถอะสงสารเหมี่ยวบ้าง
พี่นัท....!!!!พี่นัทจะมาห้ามดาวทำไม ทำไมไม่คิดบ้างเวลาที่ดาวโดนรังแก ดาวไม่ใช่นางเอกน้ำเน่านะที่จะได้อ่อนแอสู้คนไม่ได้ ถ้ามาสู้กันตัวต่อตัวละก็สู้ได้อย่าอย่าเล่นหมาหมู่หรือสงครามประสาทกัน ดาวไม่ชอบ....!!!!
ฉันพูดอย่างเน้นเสียง น้ำเสียงที่เปร่งออกมาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและชิงชังที่สุด
ดาว...พอเถอะเวรต้องระงับด้วยการไม่จองเวรนะ มาคุยกับพี่เถอะจะได้สงบสติลงบ้าง
พี่เบลวมาจากไหนตอนไหนก็ไม่รู้ แต่พี่เขาก็ให้สติกับฉันทำให้ฉันอารมณ์ไม่ฟุ้งซ่าน ฉันไปนั่งที่เดิมตรงใต้ต้นไทร พี่เบลวให้ฉันระบายความในใจออกมาให้หมดและบอกฉันว่าตอนเย็นจะไปที่ร้านนั้นจะไปรับฉันมาที่สมาคมฯ ตอนเช้าเขาจะรีบมาส่งฉันเข้าไปเรียน พี่เขาให้ฉันสัญญาว่าจะเข้าเรียน ฉันจึงจำเป็นต้องสัญญาทั้ง ๆ ที่ฉันไม่อยากเข้าเรียนเลย...
ฉันกลับบ้านด้วยความหดหู่ใจพอมาถึงบ้าน
ดาวเข้าเรียนหรือเปล่าลูก
ฉันไม่ตอบย่าเพราะไม่อยากโกหก ฉันหันไปมองแล้วก็เดินเข้าห้องไป ฉันไม่ได้โกหกว่าฉันเข้าหรือไม่เข้าเรียน เพียงแต่ฉันไม่ได้พูดออกไปก็เท่านั้น แต่ทุกคนก็มักจะเค้นเอาความจริงกับฉันอยู่ตลอดจนฉันไม่รู้จะทำอย่างไรก็ได้แต่บ่ายเบี่ยงหลบหน้าหลบตาคนในบ้านแล้วก็นั่งอ่านหนังสือให้เขาเห็นแต่เขาก็ไม่รู้หรอกว่าฉันนั่งอ่านการ์ตูนไม่ใช่หนังสือเรียน
ฉันรู้สึกแย่ที่สุด ทำไมชีวิตฉันมันต้องเป็นแบบนี้ ได้อย่างเสียอย่างไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย การเรียนดี กีฬาเด่น กิจกรรมดีแต่ชีวิตคู่และเพื่อนฝูงไม่มี ซ้ำร้ายยังโดนทำร้ายแบบไม่มีสาเหตุ ฉันจะทำอย่างไรดี ชีวิตฉันทำไมหักเหแบบนี้นะ ใครก็ได้มาช่วยหาทางออกให้ฉันที ฉันจะได้พ้นออกจากห้องมืดแคบ ๆ ที่อยู่ในใจฉัน ฉันจะได้พ้นบ่วงกรรมนี้... ฉันทำกรรมอะไรไว้นักหนานะ...
..............................18....................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ