7 มกราคม 2548 23:54 น.
สุชาดา โมรา
แป้งเป็นเพื่อนคนแรกในกลุ่มที่แต่งงานก่อนเพื่อน แป้งทำงานอยู่ที่เดียวกับแฟนของเขาและคบค้าดูใจกันมานานตั้งแต่ตอนที่พวกเรายังเรียนปริญญาตรีอยู่ที่เมืองไทย แฟนของแป้งเป็นคนรักครอบครัวแต่เสียอย่างเดียวคือเรื่องเจ้าชู้ พี่นันต์เป็นหัวหน้าแผนกฝ่ายศิลป์ของบริษัทขายเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงมาก แป้งมักจะปวดหัวเสมอกับเรื่องของเขา เพราะเขาเป็นคนหน้าตาดี และพูดจาหว่านเสน่ห์สาว ๆ เก่งจึงทำให้สาว ๆ เข้ามารุมล้อมมากมาย แต่แป้งก็ยังอดทนอยู่กับเขามานานถึงสี่ปีโดยที่ไม่ว่ากว่าเขาแม้แต่นิดเดียว แป้งมีลูกสาววัยน่ารักชื่อแนท ซึ่งกัญญายังไม่เคยเห็นหน้าลูกสาวของแป้งคนนี้เลย เธอรู้เรื่องจากจดหมายที่แป้งส่งไปให้ตอนที่เธออยู่ปารีสช่วงที่เรียนปริญญาโท
กระต่ายเป็นเพื่อนคนที่สองที่แต่งงาน เธอเป็นแม่บ้านแม่เรือน ขยันทำงานและเอาอกเอาใจคนเก่ง ต่ายจึงเป็นที่รักของคนในครอบครัวของแฟนเธอ พี่โอเป็นคนดีขยันทำงาน แต่เป็นคนที่เก็บเงินไม่ค่อยจะอยู่ มีเท่าไรก็มักจะไปเฮฮากับเพื่อนเสมอ ๆ ต่ายจึงทำหน้าที่เป็นเสมียนส่วนตัวของเขาคอยบงการไม่ให้ใช้เงินเก่ง ต่ายให้เงินพี่โอติดตัวทำงานเพียงวันละยี่สิบบาทเท่านั้นเพราะวันทั้งวันพี่โอก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แต่กับอู่ซ่อมรถทั้งวัน กลางวันต่ายก็หาข้าวหาน้ำมาเสริฟให้ตลอด พอตกเย็นก็ไม่ยอมปล่อยให้คลาดสายตาไปไหนเพราะกลัวว่าพี่โอจะหนีเที่ยวกลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ อีก จนชาวบ้านล่ำลือกันไปทั่วว่าคุณนายเสือดุ หรือคนคุมบังเหียนเจ้าของอู่โอบริการ ต่ายแต่งงานมาสามปีต่ายบอกว่ายังไม่อยากจะมีลูกเพราะตัวเองยังไม่ได้ปลูกบ้านแยกครอบครัวออกไป ต่ายจึงรอให้พี่โอเก็บเงินให้มากกว่านี้เพื่อที่จะได้ไปปลูกบ้านในที่ของตัวเอง
หนูนาเป็นเพื่อนคนที่สามที่แต่งงานหลังจากที่ต่ายแต่งงานได้เพียงสองเดือน หนูนาทำงานเป็นนักข่าวของช่อง N.TV เธอเป็นคนปราดเปรียวคล่องแคล่วในการทำงานมากจนได้รับขนานนามจากโทรทัศน์หลาย ๆ ช่องว่านักข่าวหัวเห็ด คือมีสถานการณ์อะไรที่ไหนเธอก็จะไปอยู่ที่นั่นและเก็บข้อมูลได้เร็วมากจนทางโทรทัศน์หลาย ๆ ช่องก็อยากจะได้เธอไปเป็นนักข่าวของเขา หนูนาคบหาดูใจกับแฟนของเขามาตั้งแต่ตอนเรียนปริญญาตรีและก็แต่งงานกันตอนที่เธอกำลังเรียนต่อโท มีลูกด้วยกันสองคนคือต้นต่อ และต้นเอก เป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่ถึงกระนั้นหนูนาก็เป็นคนรักสวยรักงามมาก ถึงจะมีลูกแฝดสองเธอก็ยังคงรักษาทรวดทรงได้ดีทีเดียว ต้นกล้าแฟนของหนูนาทำงานเป็นวิศวกรเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง เป็นคนเก่งและขยันทำงานมาก ถึงแม้ว่าจะอายุน้อยกว่าหนูนาถึงสามปีแต่ก็ไม่เคยคิดนอกใจหนูนาเลย ทำให้ครอบครัวของเธอดูมีความสุขมากที่สุด
กุ๊กกิ๊กเป็นเพื่อนคนสุดท้ายที่กำลังจะแต่งงาน เธอทำงานเป็นเลขานุการผู้ว่าราชการจังหวัด มีชื่อเสียงในด้านการเข้าสังคมกับเจ้านายและเธอยังมีอาชีพเสริมเป็นเจ้าของฟาร์มเลี้ยงสุนัขอีกด้วย ดูท่าทางเธอจะมีความสุขกับการทำงานของเธอมาก เธอมีคู่หมั้นเป็นวิศวกรมือหนึ่งของเมืองไทยแต่เธอก็สลัดรักเขาเพราะเธอไปตกหลุมรักนายตำรวจหนุ่ม ด้วยความใกล้ชิดสนิทสนมกันจึงทำให้เธอปันใจให้เขาและแอบมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งจนต้องบอกเลิกลากับพี่ธนูวิศวกรหนุ่ม กิ๊กคบกับนายตำรวจหนุ่มเป็นเวลาปีกว่า ๆ เธอเคยเขียนจดหมายมาบอกกัญญาเสมอ ๆ ว่าเธอมั่นใจที่จะแต่งงานกับเขามากถึงแม้ว่าเงินเดือนของนายร้อยจะน้อยนิดไม่เท่ากับเงินเดือนของเธอก็ตาม แต่เธอก็จะอดทนกัดก้อนเกลือกินกับเขาได้ ก่อนที่เธอจะแต่งงานนั้นเธอกำลังตั้งท้องได้สองเดือน
อุ๊ย!!!! ยายกัญญา มาได้ไงเนี่ย
จะให้เหาะมาหรือไงย๊ะคุณแม่ลูกสอง
ทำพูดไปไว้รอเธอแต่งก่อนเถอะฉันจะล้อให้ดูแม่นางว่าที่คานเพชรนิเวศน์
อุ๊ยยายหนูนานั่น
หนูนาและกัญญาหันไปมองผู้หญิงชุดสีฟ้าที่เดินมาจากซุ้มประตูดอกกุหลาบสีขาว เธอทั้งขาวสวยดูมีราศีผู้ดี๊ผู้ดี ส่วนผู้ชายที่เดินมาด้วยกันนั้นกัญญาจำได้ดีว่าเป็นพี่โอแฟนหนุ่มของต่าย แต่กัญญาสงสัยอยู่ว่าผู้หญิงที่เดินมาด้วยนั้นคือใคร เพราะเธอดูสวยมาก ดูไม่เหมือนเพื่อนรักของเธอเลย
หนูนานั่นมันพี่โอไม่ใช่เหรอ มากับใครน่ะ
โอ้โหสวยเนาะ
นี่หนูนา ฉันถามน่ะไม่ได้ยินเหรอ
เอ่อขอโทษทีเพื่อน ไม่ได้ฟัง พูดอีกทีได้ไหม
พอเลยจบแล้ว
กัญญาพูดด้วยความรู้สึกที่งอน ๆ น้อยใจเพื่อนที่ไม่ได้ฟังที่เธอพูดเลย เมื่อผู้หญิงชุดสีฟ้านั้นเดินเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกับพี่โอกัญญาก็รู้สึกแปลกใจมากที่เห็นต่ายสวยผิดตาไปจากเดิมมาก
สวยต่าย ทำไมเธอสวยได้ถึงขนาดนี้ล่ะ!!!!
ก็วันนี้งานแต่งเพื่อนทั้งทีก็ต้องสวยเป็นธรรมดาสิ และวันนี้คนใหญ่คนโตตั้งเยอะตั้งแยะมากันเพียบ จะให้ฉันขี้เหล่ได้อย่างไร
แหมก็เคยเห็นแต่เธอแต่งตัวเรียบร้อยนี่ ไม่คิดว่าจะกล้าเว้าหน้าแหวกหลังขนาดนี้
ก็อย่างนี้แหละครับ หลายอารมณ์ยิ่งตอนนี้กำลังมีน้องด้วย
พี่โอพูดเสียงดังพร้อมแสดงสีหน้าที่บ่งบอกถึงความดีใจให้เห็น กัญญาและหนูนาถึงกับแสดงความดีใจทันที ต่ายรู้สึกเขินอายมากหันมาตีแขนพี่โออย่างอาย ๆ ทำให้เพื่อน ๆ หัวเราะไม่หยุดทีเดียว
เอ๊ะ!!!! แล้วต้นกล้าล่ะ ไม่มาเหรอ
อ๋ออยู่นั่นไง
หนูนาชี้ให้ต่ายและกัญญาหันไปมองผู้ชายที่กำลังจับกล้องบันทึกเทปวีดีโออยู่หน้าเวที
อ๋อเป็นนักข่าวคนเดียวไม่ได้ ต้องให้พ่อวิศวะหนุ่มไปเป็นตากล้องด้วยเหรอ
แหมก็ยายกิ๊กเขาวานให้ฉันมาเป็นพิธีกรนี่ ฉันก็เลยทำเต็มที่เอากล้องมาอัด ส่วนของยายกิ๊กก็มีช่างภาพที่จ้างมาอยู่ข้างหลัง งานนี้ได้ลงหนังสือพิมพ์ด้วยนะเพราะมีท่านผู้ว่าฯ มาหลายท่าน และก็มี ส.ส.ธนิต มาด้วยนะ ฉันก็เลยถือโอกาสทำข่าวไปด้วยอย่างไรล่ะ
แหมเราก็นึกว่ารักเพื่อน ที่พูดมานี่ผลประโยชน์หมดเลยนะ
หนูนาหันมาตีแขนกัญญาทันที เธอรู้สึกหมั่นเขี้ยวกัญญามากเพราะเธอไม่ได้เจอกัญญาตั้งนานถึงสองปี
กลุ่มเราก็จบโทกันทั้งนั้นเนาะ ยายต่ายจบมาก็มานั่งคุมสามีอยู่กับบ้านเฉย ๆ ยายแป้งก็จบมาเป็นรองผู้บริหารฝ่ายศิลป์ ยายกิ๊กก็เป็นท่านเลขาฯ ส่วนเธอก็จบมาก็กลับมาสานต่อธุรกิจของพ่อเธอ โหทำงานสบาย ๆ กันทุกคนเลยเนาะ
หนูนาพูดขึ้นพร้อมกับแสดงสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เธอรู้สึกมีความสุขมากที่เห็นเพื่อน ๆ อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
เออแล้วยายแป้งล่ะ
นั่นไงพูดปั๊บมาปุ๊บเลย วันนี้แปลกแฮะพาพี่นันต์มาได้
ทำไมเหรอต่าย
ก็ทุกทีแป้งมักจะเป็นช้างเท้าหลังตลอดเลยน่ะสิ
ต่ายพูดขึ้นพร้อมแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายเมื่อเห็นพี่นันต์เดินมา แป้งเดินมาหยุดตรงหน้าเพื่อน ๆ แล้วก็โผเข้ากอดคอเพื่อน ๆ ทุกคนทันที แป้งดีใจมากที่เจอกัญญาเพราะตั้งแต่กัญญาไปเรียนต่อโทที่ปารีสเธอก็ไม่ได้กลับมาเมืองไทยเลย
นี่ลูกสาวเราเองน้องแนทไหว้ป้าเขาสิลูก
แหมกล้ามาก!!!! ให้ฉันเป็นป้าเลยเหรอ
กัญญาพูดด้วยท่าทางค้อน ๆ เด็กน้อยไหว้ทุกคนด้วยท่าทางที่อ่อนน้อม กัญญาเห็นเด็กน้อยคนนี้แล้วก็ยิ้มแก้มปลิทีเดียว เธอรู้สึกรักเด็กคนนี้มากเพราะดูท่าทางไม่ดื้อเลย อีกอย่างกัญญาก็เป็นคนรักเด็กด้วยจึงทำให้เธอรู้สึกถูกใจเด็กคนนี้มาก
ก็ให้เกรียติเป็นป้าไม่ได้เหรอ เธอแก่กว่าฉันตั้งสองเดือน
ครู่หนึ่งหนูนาก็ต้องเดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อเป็นพิธีกร นายตำรวจหนุ่มเดินออกมาจากหลังเวทีจากนั้นก็มายืนหยุดอยู่ตรงหน้าเวที ชิงช้าค่อย ๆ หย่อนลงมาจากข้างบนพร้อมกับผู้หญิงสวมชุดขาว ดอกไม้โปรยปรายลงมาตลอดเสียงเพลงจังหวะวอลเปิดดังตลอดเวลา เพื่อน ๆ ทุกคนรู้สึกว่าบรรยากาศของงานนี้ดูโรแมนติกเหลือเกิน
กิ๊ก.!!!!!
เพื่อน ๆ สาวทุกคนพูดพร้อมกัน กิ๊กหันมามองเพื่อน ๆ พร้อมกับโบกมือ ผู้คนในงานปรบมือดังอยู่ตลอดเวลา นายตำรวจหนุ่มยกแขนขึ้นพร้อมกับโค้งรับ กิ๊กเกี่ยวแขนนายตำรวจหนุ่มเดินมายังฟอล์ที่ต่อออกมาจากเวที เสียงเพลงลีลาศดังขึ้นคู่บ่าวสาวเต้นรำบนฟอล์ด้วยท่าทางที่ซ้อมกันมาเป็นอย่างดี. ผู้คนที่มาในงานจึงร่วมกันเต้นรำอย่างสนุกสนาน
ขอโทษครับออกไปเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับ
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาโค้งให้กัญญาออกไปเต้นรำด้วย กัญญาควงแขนชายคนนั้นและเดินออกไปกลางวงเต้นรำอย่างสนุกสนาน ชายคนนั้นถามเธอหลายเรื่อง เธอก็ตอบไปพร้อมกับถามเขาเช่นกันจนทราบว่าเขาชื่อภูริเป็นประธานบริษัทคนใหม่ของ N.TV ซึ่งมาดูวิธีการทำงานของนักข่าวสาวว่าทำไมเธอถึงได้ทำงานดีจนใคร ๆ ก็อยากได้ตัวเธอไปร่วมงานด้วย แต่กัญญาก็ไม่ได้เชื่อผู้ชายคนนี้มากนักเพราะเธอกลัวว่าเขาจะอำเธอมากกว่า
นายคนนี้ยังเด็กอยู่เลย จะเป็นประธานบริษัทได้อย่างไร สงสัยจะขี้โม้เสียมากกว่ากัญญานึก
หนูนาเดินลงมาจากเวทีเพื่อสัมภาษณ์เพื่อน ๆ และแขกที่มาร่วมงานสร้างความสนุกสนานเคลื้นเครงให้กับแขกผู้มีเกรียติทุกท่านยิ่งนัก หนูนาถามท่านผู้ว่าฯ เจ้านายคนก่อนของกุ๊กกิ๊ก จากนั้นก็เดินมาถามท่านผู้ว่าฯ เจ้านายคนปัจจุบัน และเดินไปถาม ส.ส.ธนิต ทุกคนต่างพากันหัวเราะ ส.ส.ธนิตกันใหญ่เพราะท่านมีอารมณ์ขันกึ่ง ๆ ลามกนิด ๆ ทำให้งานดูไม่กร่อย จากนั้นหนูนาก็เดินมายังโต๊ะของพวกเราและเริ่มกล่าวความรู้สึกของตัวเองในฐานะเพื่อนของกุ๊กกิ๊ก
ตั้งแต่เรารู้จักกัน วันแรกเรารู้สึกว่ากิ๊กเป็นคนแปลก คือแปลกตรงที่กิ๊กจะตีสนิทกับคนเร็วมาก พูดจาตรง ๆ จนคนบางคนรู้สึกไม่ค่อยดี ถ้าไม่คบกันจริง ๆ ก็จะไม่รู้ว่ากิ๊กหวังดีกับเพื่อน นาดีใจมากนะที่กิ๊กมีวันนี้ถึงแม้ว่าเราจะคาดหวังกับกิ๊กไว้ต่าง ๆ นานา แต่กิ๊กก็พลิกผันตัวเองจนมีอนาคตที่ก้าวไกลขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกกิ๊กเคยฝันว่าอยากเป็นครู แต่พักหลังเราก็ดีใจที่กิ๊กหาตัวเองพบและหาคนรู้ใจจริง ๆ พบ เราขอให้กิ๊กใช้ชีวิตคู่อย่างคนรักและรู้ใจกัน พี่เอกคะถ้ากิ๊กเพื่อนของพวกเราทำให้พี่ต้องขุ่นข้องหมองใจก็ขอให้อภัยกันด้วยนะคะ
ฉันมั่งสิ
หนูนาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอไม่อยากให้กิ๊กแต่งงานกับนายตำรวจหนุ่มเลยเพราะเธอรู้สึกว่าเขาเหมือนจะมากอบโกยผลประโยชน์จากเธอแต่หนูนาก็พูดไม่ได้เพราะกลัวว่าเพื่อนจะหาว่าอิจฉา หนูนาถึงกับกลั้นน้ำตาเกือบไม่อยู่ เมื่อต่ายเห็นดังนั้นจึงสร้างความสนุกสนานด้วยการทำทีว่าอยากจะพูด ต่ายแย่งไมโครโฟนมาถือแล้วก็พูดทันที
อ่ะเราจะมาถามกันนะคะว่าเพื่อน ๆ ในแก๊งค์เราใครมีความรู้สึกอย่างไรเริ่มต้นจากคุณแป้งผู้ช่วยประธานบริษัทอิเล็กทรอนิกส์แห่งประเทศไทย
แป้งเหรอแป้งก็ยินดีกับกิ๊กด้วย แป้งอยากให้กิ๊กเอาใจเขามาใส่ใจเรา มองโลกให้กว้าง ๆ และหัดฟังหูไว้หู
อ้าวแล้วคุณกัญญาล่ะคะ สาวนักเรียนนอกปริญญาโทสองใบจากปารีส เจ้าของบริษัทผ้าฝ้ายและลินิน จำกัด อยากจะแสดงความรู้สึกอะไรไหมคะ
ต่ายทำท่าจะส่งไมโครโฟนให้แต่ก็หันมาพูดเสียเองสร้างความขบขันให้กับผู้คนในงานยิ่งนัก ทำให้ไม่มีใครหันไปมองหนูนาที่กำลังหันหลังเช็ดหยาดน้ำตาอยู่
เราอยากบอกว่ารักกิ๊กมากและหวงกิ๊กมากที่สุด ถ้าหากกิ๊กต้องเสียใจพี่เอกน่าจะรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่ายหัวเราะ รักกันนาน ๆ นะคะ ถนอมน้ำใจกันด้วย
ต่ายพูดเหมือนกับจะพูดเล่น แต่สายตาของต่ายจ้องมองนายตำรวจหนุ่มตาเขม็งทำให้นายตำรวจหนุ่มรู้สึกกลัว ๆ อยู่เหมือนกัน ต่ายส่งไมโครโฟนให้กัญญาจากนั้นก็ไปแอบยืนน้ำตาซึมอยู่ข้างหลัง พี่โอต้องตามไปปลอบใจ
เราก็ไม่รู้จะว่าอะไรนะ แต่เรารู้สึกทั้งดีใจและเสียใจที่เธอแต่งงาน อย่าเข้าใจผิดนะ คือเราดีใจก็คือเธอได้มีคนรักที่รู้ใจ แต่ที่เราเสียใจก็เพราะเราอยากรู้ว่าเธอทำไมถึงด่วนแต่งงาน ทำไมไม่อยู่เป็นสาวคานเพชรนิเวศน์ด้วยกันล่ะแหมแม่นาง ชอบตั้งฉายาให้คนอื่นทำไมไม่อยู่ด้วยกันล่ะจ๊ะ
กัญญาพูดด้วยท่าทางอารมณ์ดี ผู้คนในงานต่างหัวเราะจนท้องแข็งไปตาม ๆ กัน ผู้ชายคนหนึ่งเดินมาคว้าไมโครโฟนไปจากกัญญา เขาดูหล่อและมีเสน่ห์ กิ๊กเจ้าสาวของงานดูท่าทางตกใจมาก โดยเฉพาะพ่อแม่ของกิ๊กถึงกับลุกขึ้นมองทีเดียว
พี่ขอแสดงความยินดีด้วยนะถึงแม้ว่ากิ๊กจะไม่ได้เชิญพี่มาก็ตามแต่พี่ก็อยากจะบอกกับกิ๊กว่า อย่ามองอะไรแค่เปลือกนอก ถ้าจะมองต้องมองให้ลึกถึงข้างในจิตใจคน ถ้าหากกิ๊กมีปัญหาก็ขอให้จำไว้ว่าพี่คนนี้ยังเหมือนเดิม
หนูนา ต่าย และแป้งถึงกับตกใจมากที่เห็นพี่ธนู อดีตคู่หมั้นของกิ๊กมาร่วมงาน พี่เต้นำกล่องของขวัญเดินไปยื่นให้กับกิ๊กทันทีจากนั้นก็กอดกิ๊กไว้แน่นก่อนที่จะเดินออกไปจากงานกิ๊กวิ่งตามพี่เต้ออกไปเพื่อที่จะไปกล่าวคำขอบคุณกับเขากัญญารู้สึกงงมากเมื่อถามเพื่อน ๆ ก็ได้ความว่าพี่เต้คือคู่หมั้นของกิ๊กแต่กิ๊กสลัดรักเพราะแพ้ความใกล้ชิดของนายตำรวจหนุ่มและคำพูดหว่านล้อมของเขา เพื่อน ๆ ไม่มีใครชอบนายตำรวจหนุ่มคนนี้เลยเพราะต่างก็รู้สึกว่าเขาเหมือนจะมาปอกลอกกิ๊กมากกว่ารัก
.1..
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ...ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ
7 มกราคม 2548 23:39 น.
สุชาดา โมรา
ท่ามกลางความสนุกสนานของผู้คนจำนวนมากในแถบอันดามันที่กำลังครื้นเครงกับการเล่นน้ำทะเลไม่มีใครรู้ได้ว่าแผ่นท้องทะเลที่ดูสวยงามจะมาพร้อมกับความร้ายกาจที่คาดไม่ถึง การแยกตัวใต้พื้นพิภพซึ่งเป็นลักษณะการยกตัวขึ้นสูง ทำให้เกิดแผ่นดินไหว ผู้คนทางแถบที่สูงที่สุดอย่างเชียงใหม่จะได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว เกิดการสั่นสะเทือนรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเกิดแผ่นดินไหวมา ซ้ำร้ายกว่านั้นผืนพิภพใต้ท้องทะเลที่ได้ยกตัวขึ้นนั้นทำให้เกิดครื่นใต้น้ำและซัดเข้าสู่ฝั่งอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นหนีตายกันจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด บ้างก็ไม่ทันได้ตั้งตัวถูกคลื่นซัดโหมกระหน่ำ เสียทั้งทรัพย์และบุคคลที่รัก ทำให้มีเด็กกำพร้าจำนวนมาก ผู้คนอดอยากหิวโหย เด็กเล็กตาดำ ๆ ซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวร้องโหยหาพ่อแม่แต่ก็ไม่อาจจะเจอได้สร้างความสลดใจให้กับคนไทยทั้งประเทศยิ่งนัก
มหันตภัยที่เกิดในครั้งนี้เรียกว่าซูนามิ ซึ่งมาจากภาษาญี่ปุ่น เป็นการรวมระหว่างคำว่า ซู ซึ่งแปลว่าภัยธรรมชาติ นามิ แปลว่าทะเล เมื่อมารวมกันจึงแปลว่าภัยที่เกิดจากทะเล ต่อมาจึงเกิดการผันแปลทางกระบวนการเกิดเสียงเรียกว่า ซีนามิ และล่าสุดเรียกว่า ซึนามิ ทางอเมริกาวัดค่าได้ถึงเก้าลิตเตอร์ ซึ่งนับว่าเป็นมหันภัยที่เกิดขึ้นทางน้ำครั้งรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ท่ามกลางความเศร้าสลดนั้นก็ยังทำให้ผู้คนทางหกจังหวัดภาคใต้ที่อยู่ฝั่งอันดามันได้รับธารน้ำใจที่หลั่งไหลมาจากคนไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค ทรัพย์สินเงินทอง หรือแม้แต่โรงศพที่คนไทยทั้งประเทศร่วมบริจาค ทำให้เรารู้ว่า คนไทยไม่ทอดทิ้งคนไทยด้วยกัน คนไทยเป็นชาติที่สามัคคีที่สุด นอกจากนั้นยังได้มิตรภาพจากต่างแดนที่ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่อาสาสมัครลงไปช่วยเหลือในการกู้ศพผู้เสียชีวิต หรือแม้แต่ไมตรีที่หลาย ๆ ประเทศได้ส่งลงมาช่วย ได้แก่ หน่วยกู้ภัยของชาวเกาหลี ของชาวเยอรมัน ญี่ปุ่น หน่วยแพทย์ของจีนที่จะร่วมตรวจ DNA ให้ฟรี รวมทั้งการช่วยเหลือของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาด้วย สร้างความประทับใจให้กับคนไทยและคนอื่น ๆ ทั่วโลกยิ่งนัก
ถึงแม้ว่าคนไทยจะพบกับความโหดร้ายที่ทำลายทั้งชีวิตและทรัพย์สินไปนั้น แต่ในทางกลับกันก็ทำให้คนไทยหันกลับมาสามัคคีและรักใคร่ปองดองกันเหตุนี้คนไทยทั้งประเทศจึงอยากบอกกับคนไทยที่รักในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า คนไทยได้สูญเสียอะไรไปมากแล้ว ขอให้เราจงสามัคคีกันอย่าได้คิดแยกตัวออกไปเลย เพราะอย่างไรเราก็เกิดในแผ่นดินไทยและตายในแผ่นดินไทยมานับตั้งแต่สมัยสุโขทัยแล้ว หากลองมองดูแผนที่ประเทศไทยในสมัยนั้นก็จะพบว่าไม่ว่าจะเป็นปัตตานี ยะลา และนราธิวาสนั้นก็เป็นชาติเดียวกันกับเรามาตลอด เพียงแต่ในสมัยรัชกาลที่ 1 นั้นพระองค์ทรงลงไปภาคใต้เพื่อกอบกู้เมืองคืนฉะนั้นอย่าได้คิดแยกตัวออกไปเลย เพราะไม่มีชาติไหนที่จะรักและสามัคคีกันเท่าชาติของเราอีกแล้ว แผ่นดินนี้สงบได้เพราะพระบารมีแห่งราชวงศ์จักรี คุณก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่เกิดและเติบโตในแผ่นดินไทย อยู่ภายใต้ร่มของพระมหากษัตริย์มาชั่วยุคสมัย ทำไมเราจึงไม่รักสามัคคีกันเล่า หันกลับมาเถอะนะ คนไทยย่อมให้อภัยเพื่อนคนไทยด้วยกันเสมอ รักสามัคคีกันไว้เพราะเรามันชาติเดียวกัน สายเลือดเดียวกันต้องไม่ทอดทิ้งกัน อย่าลืมว่าคนไทยไม่เคยทอดทิ้งคนไทยด้วยกัน ประเทศไทยเป็นชาติที่รักสงบและรักความมีอิสระที่สุด รักกันเถอะนะเพื่อนผองไทย
7 มกราคม 2548 23:24 น.
สุชาดา โมรา
------------------------------
7 มกราคม 2548 23:21 น.
สุชาดา โมรา
--------------------------------------------
7 มกราคม 2548 23:18 น.
สุชาดา โมรา
-----------------------------------------