16 มกราคม 2548 22:23 น.

นวนิยาย:ปางอดีต (ตอนที่2)

สุชาดา โมรา

เจ้าคุณแม่ของลูกไปไหนทำไมเจ้าคุณพ่อถึงทำแบบนี้
	น้าเขาอยากจะมาดูลูกน่ะพ่อก็เลย
	น้ำผึ้งแก้วไม่ยอมตอบอะไรทั้งนั้น  หล่อนนั่งนิ่งจนพิธีตัดจุกเป็นอันว่าเสร็จสิ้น  หล่อนเดินกลับไปยังห้องของหล่อนจากนั้นก็ไม่ยอมออกมาเลย  หล่อนนอฟุบอยู่ที่เตียงแล้วก็ร้องไห้  ไม่มีใครตอบได้ว่าหล่อนเป็นอะไร  ไม่ว่าเจ้าคุณพ่อของหล่อนจะถามบ่าวไพร่กี่คนก็ไม่มีใครรู้ว่าหล่อนทำไมถึงไม่ยอมออกมาจากห้อง  เจ้าคุณพ่อรู้สึกผิดหวังมากที่ลูกสาวทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย
	..
	เจ้าคุณย่าเจ้าคะ  หลานอยากจะไปอยู่ในวังกับเจ้าคุณแม่เสียวันนี้เลย
	ทำไมมารบย่าแต่เจ้าล่ะลูกทุกทีเจ้าบอกเองไม่ใช่รึว่าไม่อยากไปอยู่ในวัง  เจ้ากลัวว่าจะไม่มีเพื่อนไม่ใช่รึ
	หลานโตแล้วนะเจ้าคะ  ไม่ต้องมีเพื่อนก็ได้เพียงแต่หลานไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกแล้ว  หลานอยากจะไปเป็นข้าหลวงของสมเด็จฯ ท่าน  เจ้าคุณย่าจะให้หลานไปไหมเจ้าคะ
	เอาก็เอา  รีบไปเปลี่ยนผ้านุ่งแล้วตามย่ามา
	เจ้าคุณย่านั่งกรองดอกไม้ใส่พานพร้อมธูปเทียนแพ  เมื่อน้ำผึ้งแก้วแต่งตัวเสร็จ  เจ้าคุณย่าก็นำสังวาลเส้นโตมาคล้อง  จากนั้นก็ส่งพานให้หล่อนและเดินนำไปยังท่าน้ำเพื่อลงเรือเก๋งที่จอดเทียบท่าอยู่
	เจ้าคิดดีแล้วรึ
	เจ้าค่ะ
	รู้จักโตสักทีถ้าไปถึงก็อย่าร้องโยเยกลับบ้านล่ะ
	นี่เป็นครั้งแรกที่น้ำผึ้งแก้วจะได้เข้าวังไปถวายตัวเพื่อเป็นข้ารองบาทสมเด็จฯ ท่าน  หล่อนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ชั่วข้ามคืนหลังจากที่หล่อนรู้สึกได้ว่าเหตุใดเจ้าคุณแม่ของหล่อนจึงไม่ยอมกลับมาใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าคุณพ่ออีก
	น้ำผึ้งแก้วลงจากเรือที่ท่าขุนนาง  หล่อนเดินตามหลังเจ้าคุณย่าไปติด ๆ พร้อมทั้งนางม้วน  นางไลบ่าวรับใช้คอยติดตามเดินถือสัมภาระตามไปด้วย
	น้ำผึ้งแก้วเดินเลาะกำแพงวังตามเจ้าคุณย่าไป  หล่อนมองซ้ายมองขวาก็เห็นผู้คนเรียงรายจับจ่ายซื้อของกันให้จ้าละหวั่น  หล่อนเดินข้ามประตูที่สองมาก็เห็นมีแต่ผู้หญิงร่างใหญ่ยืนเฝ้าประตูดูท่าทางขึงขังหล่อนรู้สึกหวาดหวั่นใจอย่างไรบอกไม่ถูก  แต่หล่อนก็ต้องเดินต่อไปเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ ๆ กับเจ้าคุณแม่ที่กำลังรออยู่ข้างในนั้น
	แม่นิ่ม
	เสียงเจ้าคุณย่าเรียกผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังนั่งหันหลังกรองมาลัยอยู่ภายในห้องโถงขนาดใหญ่  ผู้หญิงคนนั้นค่อย ๆ หันมาแล้วก็ยิ้มละไมจากนั้นก็กราบเจ้าคุณย่าด้วยท่าทางที่อ่อนน้อม
	ทายสิใครมาด้วย
	ฉันเดินออกจากข้างหลังของเจ้าคุณย่า  เจ้าคุณแม่ถึงกับยิ้มด้วยความดีใจ  น้ำผึ้งแก้วจึงเดินเข้าไปกอดด้วยความคิดถึงหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานเกือบ 2 ปี
	เอาละอย่ามัวดีใจอยู่เลยข้าหลวงตัวน้อยกำลังจะเข้าเฝ้าถวายตัวไปน้ำผึ้งแก้วเอาพานนั่นถือตามมาและอย่าลืมทำตามที่ย่าบอกล่ะ
	น้ำผึ้งแก้วเดินตามไปยังพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาทหล่อนค่อย ๆ หมอบคลานมายังหน้าพระที่นั่งท่ามกลางขุนนางใหญ่น้อยที่มาเข้าเฝ้ายามออกว่าราชการ
	นั่นคุณท้าวนางเยาวลักษณ์ใช่หรือไม่
	เพคะหม่อมฉันพาข้าหลวงคนใหม่เข้าเฝ้าถวายการรับใช้เพคะ
	เด็กนั่นน่ะหรือบะ!!!ยังเด็กอยู่เลยจะใช้การได้รึ
	ได้เพคะ  หม่อมฉันสั่งสอนมาเป็นอย่างดี
	หลานสาวเจ้ารึ
	เพคะ
	ดีมาใกล้ ๆ ข้า ส่งพานนั่นมา
	เสียงสมเด็จฯ พระองค์ทรงสรวญดังลั่น  น้ำผึ้งแก้วค่อย ๆ คลานเข่าพร้อมทั้งยกพานขึ้นไว้เหนือหัวใบหน้าก้มมองพื้นตลอดเวลา  หล่อนชำเลืองไปเห็นคุณหลวงบดินทร์นฤนาถซึ่งนั่งมองมายังหล่อนพร้อมกับยิ้มหวาน ๆ ให้  หล่อนหันกลับมายังพระที่นั่งและยกพานยื่นให้มหาดเล็กรักษาพระองค์  มหาดเล็กนำพานนั้นทูลเกล้าถวายให้กับสมเด็จฯ ท่าน  พระองค์ทรงสรวญดังเข้าไปอีกแล้วก็ตรัสรับสั่งถามต่าง ๆ นานา
	มาลัยนี่กรองเองหรือไม่
	เจ้าคุณย่าท่านกรองเพคะ
	รู้จักพูดเพคะเพขา  หัดจากใครเล่าเจ้า
	ไม่ได้หัดจากใครเพคะ  หม่อมฉันฟังจากเจ้าคุณย่าท่านพูดเจ้าค่า
	ทำอะไรเป็นบ้านเล่าเจ้า
	ทำเป็นหลายอย่างเพคะ
	หลายอย่างน่ะอะไรบ้าง
	ก็สุดแล้วแต่จะรับสั่งเพคะ  หากทำไม่ได้ก็หัดทำได้เพคะ
	อืมหลานเจ้าคนนี้ช่างพูดช่างจาผิดกับแม่ของมัน
	เจ้าคุณย่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นสมเด็จฯ ท่านทรงพอพระทัยจากนั้นก็คลานหลบไปทางอื่นปล่อยให้หลานสาวนั่งหมอบกราบอยู่ที่หน้าท้องพระโรงจนกว่าสมเด็จฯ ท่านจะตรัสสั่งให้ไป
	ชื่ออะไรเล่าเจ้า
	น้ำผึ้งแก้วเพคะ
	อายุเท่าไรกัน  นี่เพิ่งตัดจุกใช่ไหมเจ้า
	เพคะ
	น้ำผึ้งแก้วข้าหลวงที่อายุน้อยที่สุดของข้า  ข้าจะให้เจ้ามีหน้าที่ล้างบาทข้าตามตื่นนอน  และก่อนนอนจะได้หรือไม่  ทำเป็นหรือไม่เจ้า
	เป็นเพคะ
	น้ำผึ้งแก้วรับคำพร้อมทั้งยกปลายมือกระดกขึ้น
	เอาอย่างนี้เจ้าตามคุณเท้านางเยาวลักษณ์ไปแล้วไปฝึกซ้อมมา  ข้าจะให้เจ้าทำงานวันนี้แหละ  หวังว่าเจ้าคงไม่ทำข้าวของเสียหายอย่างนางรื่นข้ารองบาทคนก่อนของข้าหรอกนะ
	น้ำผึ้งแก้วค่อย ๆ คลานกลับมาหาเจ้าคุณย่าของหล่อน  จากนั้นก็เดินออกจากท้องพระโรงไปท่ามกลางขุนนางใหญ่น้อยที่แอบอมยิ้มอยู่  หล่อนหันกลับมามองคุณหลวงบดินทร์นฤนาถแล้วก็อมยิ้มจากนั้นก็หันกลับไป
	
	ผึ้งผึ้งผึ้งมือขยับแล้ว!!!!
	เสียงผู้คนมากมายคุยกันจอกแจกหญิงคนหนึ่งเรียกชื่อของฉัน  ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนี้เหลือเกิน
	ฟื้นแล้วค่ะไปตามหมอมาเร็ว!!!!
	ฉันรู้สึกสะลึมสะลือ  มึนงงไปหมด  นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  เมื่อกี้ฉันยังอยู่ที่วังกำลังเข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่พระที่นั่งจันทรพิศาลอยู่เลยแล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้หรือว่าเราฝันไปกันแน่
	เป็นอย่างไรบ้างพวกเราตกใจแทบแย่จู่ ๆ เธอก็ฟุบล้มลงพวกเราคิดว่าเธอเป็นลมแต่ก็เปล่า  เธอหลับไปถึงสองวันเชียวนะ
	จริงเหรอมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เธอเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมส้ม
	ก็ตอนที่เธอกำลังบรรยายเรื่องเขตพระราชฐานในวังให้กับผู้หมวดณรงค์และเพื่อน ๆ ของตำรวจของเขาที่มาจากกรุงเทพฯ ฟัง  พอเธอเดินมาที่พระที่นั่งจันทรพิศาล  เธอกำลังพูดถึงเรื่องการส่งพระราชสารที่ชาวฝรั่งเศสชื่ออะไรนะ
	เชอวาเลียร์  เดอ  โชมองค์
	เออใช่!!!นั่นแหละเธอหันไปเห็นตาผู้หมวดหล่อ ๆ นั่นแล้วเธอก็หยุดพูดทันที  จู่ ๆ เธอก็เดินเข้าไปหาเขา  เธอจ้องเขาเหมือนกับคนรู้จักแล้วจู่ ๆ เธอก็เป็นลมฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเธอเป็นอะไร  นี่พวกเรายังงง ๆ อยู่เลยว่าเธอทำไมถึงได้หลับไปนานถึงสองวัน
	เธอเชื่อไหมว่าฉันไปอดีตมา
	หมายความว่าไงอย่าบอกนะว่าเธอปิ้งรักกับตาผู้หมวดหล่อนั่นแล้วก็เก็บไปฝันถึงสองวันแบบนี้โธ่เพื่อนเราไม่น่าเลย
	บ้าเหรอส้ม!!!  ฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นหน้าตาผู้หมวดคนนั้นที่ไหนสักแห่ง  ฉันก็เลยจ้องมอง  แต่ฉันคิดไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนแล้วจู่ ๆ มันก็วูบไปอย่างนั้นแหละแต่ฉันกลับเห็นจุดที่ฉันยืนอยู่เป็นภาพที่แตกต่างจากปัจจุบันเหลือเกิน  ฉันเห็นเขา  เห็นครอบครัวของฉันทุกคน  เห็นสมเด็จพระนารายณ์มหาราชฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ฉันคิดว่าฉันไม่ได้ฝันเพราะมันดูจริงจังเหลือเกิน
	ฉันว่าเธอคงเรียนหนักไป  เพราะเธอทำปริญญาโทโบราณคดีใช่ไหมเธอถึงได้คลั่งขนาดนี้ฉันว่าเธอน่าจะไปพบจิตแพทย์นะ
	นี่ฉันไม่ได้บ้านะ
	ฉันก็ไม่ได้ว่าเธอบ้านี่เพียงแต่ฉันคิดว่าเธอเครียดมากไปก็เท่านั้นเอง
	น้ำผึ้งนิ่งเงียบ  ไม่ยอมพูดอะไรเธอมองจ้องหน้าส้มเพื่อนรักของเธอ  แล้วก็มองไปที่ต่าย  โอ  แป้ง  และหนูนา
	ฉันเชื่อเธอ
	เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น  ทุกคนหันไปมองกันหมด  ฉันยิ้มทันทีเมื่อเห็นยาหยีเดินมา
	จริงเหรอ
	จริงเพราะว่าอดีตกับปัจจุบันมันขนานกันอยู่  ฉันก็คนหนึ่งละที่ครั้งหนึ่งไม่เคยเชื่อเรื่องนี้  แต่พอฉันได้ไปอยู่วัดและได้ตัดกรรมในครั้งนั้น  มันทำให้ฉันเห็นภาพในอดีตชาติ  และฉันก็เชื่อว่านั่นคือเรื่องจริงฉันคิดว่าเธอคงเป็นเหมือนที่ฉันเคยเป็น
	ใช่ฉันเห็นภาพเมื่อสองร้อยกว่าปี  ฉันเห็นเรื่องราวในอดีตชาติ
	อย่าบอกนะว่าที่ยายผึ้งหลับไปสองวันนี่เธอถอดจิตไป
	เสียงส้มพูดดังขึ้น  น้ำเสียงของเธอพูดเหมือนกับไม่เชื่อว่าเป็นแบบนั้น
	ใช่นี่เขาเรียกว่าการถอดดวงจิต  บางทีเราก็ถอดดวงจิตไปโดยไม่รู้ตัว  เพราะบางทีในขณะที่เรากำลังยืนอยู่ในจุดที่อดีตชาติกำลังดำเนินอยู่นั้น  เกิดการทับรอยระหว่างเส้นลิขิต  จึงทำให้ดวงจิตในชาตินี้หลุดลอยไปหาอดีต  ทำให้เกิดนิมิตภาพเรื่องราวต่าง ๆ และดวงจิตของเรานั้นก็ได้ไปรวมกันมันจึงทำให้ภาพที่เห็นนั้นเป็นจริง
	เชื่อเขาเลยว่าทั้งคู่น่าจะไปหาจิตแพทย์
	ส้มยิ้มเยาะแล้วก็เดินไปนั่งรวมกับเพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่ที่โซฟา
	แอ๊ด..
	เสียงประตูห้องพยาบาลเปิด  ผู้หมวดณรงค์เดินมาพร้อมกับผู้หมวดอีกหลายคนเพื่อมาเยี่ยมน้ำผึ้ง  ทุกคนดูยิ้มแย้มแจ่มใส  น้ำผึ้งพยายามมองหาผู้หมวดคนนั้น  คนที่เธอเห็น  คนที่เธอสงสัยว่าจะเป็นคนในอดีตชาติเป็นญาติผู้ใหญ่ที่เธอเคยเห็น
	มองหาใครอยู่เหรอครับ!!!
	ผู้หมวดณรงค์ถามน้ำผึ้งขึ้นมาทันทีด้วยความสงสัย
	จะมองหาใครล่ะ  ก็มองหาพระเอกคนที่อุ้มเธอมาส่งโรงพยาบาลน่ะสิ
	อ๋อผู้หมวดสุเมธน่ะเหรอวันนี้เขาไปหาแฟนน่ะชอบเหรอผมติดต่อให้ได้นะ
	นี่ผู้หมวดณรงค์เพื่อนฉันไม่ชอบสามีของชาวบ้านหรอกนะ
	ผมก็ไม่ได้ว่าเขามีเมียซะหน่อย  แค่แฟนเท่านั้นเองผมติดต่อได้นะ
	ฉันไม่ได้ชอบเขาหรอกค่ะ  คือฉันจะขอบคุณเขาเท่านั้นเอง
	น้ำผึ้งตอบด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล  ครู่หนึ่งแพทย์ก็มาขอตรวจอาการของเธอ
	อาการของคุณไม่เป็นอะไรครับ  กลับบ้านได้เลย  แต่ผมสงสัยอยู่ว่าทำไมคุณถึงหลับไปนานขนาดนั้นถ้าคุณมีอาการไม่ค่อยดีให้โทรติดต่อผมได้เลยนะนี่นามบัตรของผม
	ขอบคุณค่ะ
	น้ำผึ้งออกจากโรงพยาบาลมาพร้อมเพื่อน ๆ และตำรวจอีกหลายนาย  ทุกคนคุยกันอย่างสนุกสนาน  นาจับคู่กับผู้หมวดทิน  ส้มคุยกับผู้หมวดณรงค์  ยาหยีคุยกับผู้หมวดเปรม  ต่ายคุยกับโอแฟนของเขา  ส่วนน้ำผึ้งนั้นไม่ยอมพูดจาอะไร  เธอก้มหน้าก้มตาไปตลอดทางจนกระทั่งเธอเดินออกมาพ้นประตูโรงพยาบาลไปแล้ว  เธอได้กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยที่สุด  เธอรู้สึกว่าน้ำหอมกลิ่นนี้เหมือนกับกลิ่นของคุณหลวงบดินทร์นฤนาถ  เธอจึงหยุดเดินและหันกลับมาหากลิ่นน้ำหอมกลิ่นนั้น  เธอเดินเข้าไปจับแขนผู้ชายคนนั้นทันที
	คุณ.
	อ้าว!!! ผมกำลังจะไปเยี่ยมคุณอยู่พอดีเลย  จะกลับบ้านเหรอครับ
	ค่ะ
	น้ำผึ้งแก้วยิ้มแล้วก็ยืนคุยกับผู้หมวดหนุ่มคนนี้ด้วยสีหน้าที่สดชื่นราวกับได้คุยกับแฟนเพื่อน ๆ และผู้หมวดหลายคนจึงหันกลับมามองแล้วก็ยิ้ม
	คุณรู้ได้อย่างไรว่าเป็นผม
	ฉันได้กลิ่นน้ำหอมค่ะ
	จำได้ขนาดนั้นเลยเหรอ!!!!
..2..
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ...ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามผลงานมาอย่างไม่ขาดสายนะคะ...หากใครยังประทับใจในนวนิยายแนวอิงประวัติศาสตร์อยู่ก็ลองอ่านเรื่องนี้ดูนะคะเผื่อจะถูกใจใครบ้าง...				
16 มกราคม 2548 22:14 น.

นวนิยาย:ปางอดีต ( ขอเสนอเป็นตอนแรกค่ะ )

สุชาดา โมรา

เป็นกระไรไปเจ้าทุกทีพี่ก็จูงแขนเจ้าได้วันนี้เป็นอะไรไป
	มันไม่งามเจ้าค่ะอิฉันเดินเองได้
	แก่แดดนักนะเราคุณแม่ของพี่ก็มาด้วย
	เด็กน้อยหันไปไหว้คุณหญิงแล้วก็ไหว้ชายหนุ่ม  จากนั้นก็เดินขึ้นเรือนไปอย่างระมัดระวังกิริยา  หล่อนนั่งลงใกล้ ๆ เจ้าคุณย่าแล้วก็กระซิบกระซาบอะไรบางอย่างก่อนที่ชายหนุ่มและแม่ของเธอจะขึ้นเรือนมา
	เด็กน้อยคลานห่างออกไปจากนั้นก็ยกน้ำลอยดอกมะลิมายื่นให้ชายหนุ่มแล้วก็คลานห่างออกไปอีก  ผู้ใหญ่คุยกันจนออกรสเด็กน้อยนั่งพับเพียบทำหน้าเบ้เพราะไม่อยากจะนั่งอยู่ตรงนี้  หล่อนรู้สึกเบื่อมากที่ต้องมานั่งฟังผู้ใหญ่เขาคุยกัน
น้ำผึ้งแก้วเอ๊ยมานี่สิลูก
	เจ้าค่ะคุณย่า
	เสียงคุณย่าซึ่งเป็นคุณท้าวนางในตำหนักของสมเด็จฯ เรียกตัวหลานสาวให้คลานเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อรับหมากพลูตรงหน้าระเบียงจากคุณหลวงบดินทร์นฤนาถทหารราชองครักษ์ซึ่งมีหน้าที่ติดตามรับใข้ใกล้ชิดสมเด็จฯ
	อุ๊บ๊ะ!!!!  ไอ้หลานสาวคนนี้ของคุณท้าวช่างงามเหลือเกิน  เมื่อไรจะตัดจุกล่ะเจ้า
	นี่ลูกคุณหญิงท่านถามทำไมไม่ตอบเล่า
	คุณย่าทักท้วงน้ำผึ้งแก้วขึ้น  หล่อนจึงตอบด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆ เพราะไม่อยากจะตอบเนื่องจากหล่อนไม่ค่อยชอบคุณหลวงกับแม่ของเธอเพราะทั้งคู่ชอบมาเยี่ยมเยียนบ่อย ๆ ซึ่งตามประสาเด็กแล้วก็ไม่อยากจะมาอยู่ตรงที่ผู้ใหญ่เขาคุยกันหรอกใคร ๆ ก็อยากจะไปวิ่งเล่นทั้งนั้น
	อีก 3 เดือนเจ้าค่ะ
	อืมโตไวจริงเจ้าเห็นทีพี่คงพาเจ้าขี่คอเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้วสิ
	เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะได้ขี่เลย
	น้ำผึ้งแก้วบ่นอุบอิบจนคุณย่าค้อนหล่อนจึงค่อย ๆ คลานออกมาห่าง ๆ ผู้ใหญ่  และนำหมากพลูที่คุณหลวงบดินทร์นฤนาถนำมาฝากนั้นวางไว้ใกล้ ๆ เจ้าคุณย่า
	กระผมขออนุญาตพาน้องไปเที่ยวตลาดได้ไหมขอรับ
	เอาสินี่คงเบื่อแย่เลยเพราะวันนี้เจ้าพวกเพื่อนเล่นก็ตัดจุกกันหมดแล้ว  ไม่มีใครจะเล่นด้วยป้าก็ฝากน้องด้วยก็แล้วกันนะพ่อเมธ
	น้ำผึ้งแก้วได้ยินแล้วก็ดีใจถึงกับแสดงสีหน้าที่เบิกบานทันที  หล่อนเดินลงจากเรือนของคุณย่าแล้วรีบวิ่งกลับเรือนของตัวเองทันที
	รอก่อนนะเจ้าคะคุณหลวง
	คุณหลวงรอน้ำผึ้งแก้วอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ต้องตกตะลึงที่เห็นหล่อนแต่งตัวราวกับสาวแรกรุ่น  หล่อนดูโตเร็วมากทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ตัดจุด  ถึงแม้ว่าหล่อนยังคงสวมใส่โจงกระเบนและเสื้อถักคอกระเช้าก็ตามเถอะ  แต่ก็ดูหล่อนเป็นสาวเหลือเกิน
	กลิ่นดอกมะลิและกลิ่นอบร่ำที่มากับน้ำมันจันทร์ที่ใส่ผมของหล่อนหอมกรุ่นไปหมด  หล่อนเดินมาจูงมือคุณหลวงแล้วก็ลงเรือไปด้วยกัน  คุณหลวงไม่ให้นายมิ่งบ่าวเชื้อสายบางขันหมากตามไปด้วย
	เดี๋ยวก็ให้จูงแขนเดี๋ยวก็ไม่ให้จูงแขน  หลายอารมณ์จริงเลยเจ้า
	ก็คนมันดีใจนี่เจ้าคะเบื่อจะตายอยู่กับเจ้าคุณย่าทั้งวัน  เพื่อนก็ไม่มีสักคน  ไม่รู้จะรีบตัดจุกไปถึงไหน  พอตัดจุกแล้วก็เข้าวังไปเป็นข้าสนองพระบาทท่านฯ  น่าเบื่อจะตายไป
	น้ำผึ้งแก้วตอบด้วยน้ำเสียงที่หดหู่  พร้อมกับแสดงท่าทางดีใจและเขินอายออกมาเป็นบางครั้งจนทำให้คุณหลวงที่นั่งพายเรืออยู่นั้นอมยิ้มอยู่บ่อย ๆ
	เจ้านี่ช่างพูดจังเลยนะ
	ไม่พูดก็ได้น้ำผึ้งแก้วนึก  ตลอดทางที่คุณหลวงพายเรือไปเขาได้ชี้ให้ดูนั่นดูนี่หลายอย่าง  แต่หล่อนไม่ปลิปากพูดเลยสักนิด
	อ้าวทำไมไม่พูดเล่าเจ้า
	ก็คุณหลวงว่าอิฉัน  หาว่าพูดมากไม่ใช่รึอิฉันก็เลยไม่พูดไงเจ้าคะ
	เหอะแก่แดดจริงนะเรา  รู้จักประชดประชันพี่
	คุณหลวงถึงกับหลุดขำขึ้นมาทันที  น้ำผึ้งแก้วก็เลยนั่งหันหน้าออกไปทางอื่นเพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคุณหลวงซึ่งชอบวางมาดขุนนางข่มขู่เด็ก
	อะไรอีกเล่าเจ้านี่ขี้งอนจริงเชียว
	คุณหลวงพายเรือไปอมยิ้มไป  แสงแดดที่แผดเผาอยู่ดี ๆ ฝนฟ้าก็ตกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งตัว  คุณหลวงรีบพายเรือพาน้ำผึ้งแก้วเข้ามาหลบฝนที่เพิงหาปลาของชาวบ้านที่อยู่ระแวกนั้น
	หนาวไหมเจ้าเนื้อตัวเปียกหมดแล้ว
	หนาวสิถามได้
	น้ำผึ้งแก้วยืนกอดอกเนื้อตัวสั่น  คุณหลวงไม่รู้จะทำอย่างไรดีก็เลยดึงผ้าคาดเอวออกมาแล้วบิดน้ำจนเกือบจะแห้งยื่นให้หล่อนทันที
	เปียก ๆ แบบนี้ให้มาทำไมเจ้าคะ
	เอาไปเช็ดตัวก่อนเถอะเจ้า  ดูสิยืนสั่นเป็นลูกหมาเลย
	น้ำผึ้งแก้วหยิบผ้าคาดเอวไปเช็ดตัวจนแห้ง  จากนั้นก็พยายามบิดผ้าแต่ก็ทำไม่สำเร็จคุณหลวงจึงบิดให้แล้วก็ส่งให้หล่อน  หล่อนจึงเอาผ้าคาดเอวนั้นไปเช็ดที่หน้าของคุณหลวงทันที
	คุณหลวงก็เปียกเหมือนกันนะเจ้าคะ
	คุณหลวงยิ้มแล้วก็นั่งลง  น้ำผึ้งแก้วจึงต้องนั่งลงบ้าง  ทั้งคู่รอจนฝนหยุดตกจากนั้นจึงกลับบ้าน  หล่อนจามตลอดทางคุณหลวงก็เช่นกัน  เมื่อมาถึงเรือนเจ้าคุณย่าหล่อนจึงขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกมานั่งกับเจ้าคุณย่าทันที
	พ่อทิวไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าหรือเจ้า  เดี๋ยวป้าให้บ่าวจัดเสื้อผ้าให้
	คุณหลวงเดินตามแม่อิ่มบ่าวในบ้านไปเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเก่าของเจ้าคุณพ่อ  น้ำผึ้งแก้วนั่งจามอยู่หลายครั้งเจ้าคุณย่าจึงให้บ่าวไปหยิบยาฝรั่งที่ได้มาจากคนติดตามขิงเชอวาเลียร์  เดอ  โชมองค์  ผู้ที่ถวายพระราชสารให้กับองค์สมเด็จฯ ที่กรุงศรี  ซึ่งเขาได้มาแวะผ่านมาที่ละโว้  เจ้าคุณย่าจึงได้ขอยาดี ๆ จากเขามาหลายอย่างจึงทำให้ที่เรือนของเจ้าคุณย่ามีแต่ยาวิเศษของฝรั่งเต็มไปหมด
	ไปเล่นน้ำฝนที่ไหนกันมาเจ้าคราวหน้าต้องให้นั่งเรือเก๋งไปแล้วมั้งจะได้ไม่เปียกมอมแมมเป็นลูกหมาตกน้ำมาแบบนี้อีก
	เจ้าคุณย่าพูดแล้วก็ยิ้ม ๆ จนกระทั่งคุณหลวงเดินออกมาจากห้อง  เขาเข้ามานั่งใกล้ ๆ กับน้ำผึ้งแก้วแล้วก็หยิบปิ่นปักผมออกมาส่งให้หล่อน
	นี่คงยังไม่สายไปดอกนะเจ้า  อีกแค่สามเดือนก็จะตัดจุก  นี่พี่ให้นะ
	น้ำผึ้งแก้วก้มลงกราบที่ตักของคุณหลวงจากนั้นก็ยื่นมือไปรับปิ่นปักผมทันที
	อย่างอนพี่อีกล่ะ
	คุณหลวงพูดเบา ๆ จากนั้นก็ลาเจ้าคุณย่ากลับไป
..1
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ...สำหรับคนชอบนวนิยายรักอิงประวัติศาสตร์				
16 มกราคม 2548 22:08 น.

นวนิยาย:คิดจะรัก...ต้องพักรบ ( ตอนที่8 )

สุชาดา โมรา

ร้องออกมาเสียให้หมดเถอะอย่าเก็บเอาไว้อีกเลย  แนนซี่พูดขึ้น
คุณภูริแอบยืนมองอยู่ห่าง ๆ ที่ตรงริมหน้าต่าง  เขาเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับหยิบรูปที่หล่นอยู่ที่พื้นใบเดียวมาให้  ภาพนั้นยิ่งทำให้กิ๊กรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าคนในภาพนอนเคียงข้างอยู่บนเตียงด้วยท่าทางที่มีความสุข
นี่คุณไม่รู้เรื่องเลยหรือไงเพื่อฉันยิ่งเสียใจอยู่  คุณมาทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร
ผมขอโทษเพียงแต่ผมคิดว่าผมอยากให้คุณกิ๊กตัดใจให้ขาดเสียเถอะก่อนที่จะสายจนเกินไป
หมายความว่าอย่างไรคุณพูดให้มันดี ๆ นะ
กัญญาจูงแขนคุณภูริออกไปข้างนอกเพื่อคุยกัน  คุณภูริจึงเล่าเรื่องที่ไปเห็นคุณเอกนายตำรวจหนุ่มสามีของกื๊กพาคุณรัชนีตำรวจหญิงไปฝากท้องที่โรงพักในวันที่กิ๊กคลอดลูกพอดีกัญญารู้สึกตกใจมาก  เธอคิดมาตลอดว่าทำไมนายตำรวจหนุ่มจึงมีสีหน้าไม่ยินดียินร้ายที่ได้เป็นพ่อคนแบบนั้น
ฉันคิดอยู่แล้วเชียว
กัญญาพูดขึ้นพร้อมกับแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด  เธอกำหมัดแน่นแล้วก็หันไปมองกิ๊ก  สายตาของเธอเริ่มอ่อนโยนลงจากนั้นก็หันมามองคุณภูริด้วยสายตาที่เหมือนกับจะบอกว่าขอบคุณที่ทำให้เธอรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับกิ๊กได้กระจ่างมากยิ่งขึ้น
กิ๊กเลิกฟูมฟายเสียอกเสียใจ  เธอเริ่มเปลี่ยนเป็นคนใหม่หลังจากที่มีที่ปรึกษาดีอย่างแนนซี่แนนซี่แปลงโฉมให้กิ๊กใหม่ทำให้เธอดูสาวสวย  และสวยกว่าที่เป็นอยู่เสียด้วยซ้ำจนคุณภูริถึงกับตกตะลึงทีเดียว
นี่คุณเพื่อนฉันย่ะห้ามมอง
หึงละสิจะให้ผมมองแต่คุณคนเดียวใช่ไหมล่ะ
คุณภูริพูดขึ้นพร้อมกับทำสายตาหวานเยิ้มใส่  กัญญารู้สึกเขิน ๆ เธอหันไปตีไหล่คุณภูริเบา ๆ ทันที
อย่ามาทำตาหวานเยิ้มใส่ฉันนะ
คุณภูริจึงหันมาตีไหล่ตอบบ้าง  แต่ด้วยความที่เป็นผู้ชายทำให้เผลอทิ้งแรงออกไปมากกัญญาจึงหันมาตีตอบ  หนักเข้า ๆ ก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเริ่มทะเลาะกัน  แนนซี่จึงต้องมาห้ามศึกทั้งคู่เพื่อไม่ให้ทะเลาะกันไปมากกว่านี้
นี่หยุดหยุดหยุดได้แล้ว
แนนซี่ตะเบงเสียงดังลั่นจนทั้งคู่ต้องหยุด  กิ๊กถึงกับหลุดขำออกมาทันที
เออยายกัญญาไปแต่งตัวซะ  ฉันมีอะไรจะบอกละ  กิ๊กพูดขึ้น
อะไรเหรอมีอะไรก็พูด ๆ ออกมาสิ
ก็ยายหนูนาติดไปสัมภาษณ์สดที่ระยองน่ะเขาเพิ่งโทรมาบอกเมื่อสักพักได้มั้ง
กิ๊กและแนนซี่พูดไปเดินไปจนถึงห้องแต่งตัว
แล้วอย่างนี้ใครจะไปเป็นเพื่อนเจ๊ล่ะ โดนเจ๊อีกสองคนเบี้ยวแล้วใช่ไหม เพราะมองหาไม่เห็นทั้งหนูนาและก็ยายแป้งส่วนยายต่ายก็คงจะมาเพราะขานี้ไม่มีทางพลาดหรอก
ก็ฉันไงล่ะ
กิ๊กพูดขึ้นพร้อมกับยิ้ม  สีหน้าที่โศกเศร้านั้นเหือดหายไปภายในพริบตา  ทั้งกัญญาและแนนซี่ถึงกับฉีกยิ้มดีใจที่เห็นกิ๊กกลับมาสดใสเหมือนเดิมอีกครั้ง
เดี๋ยวนะคืนนี้ยายหนูนาเขาจะออกทีวีว้าย...ใช่...ใช่เลย...แล้วนี่แนนซี่ลืมได้ยังไงเนี่ย...ว้า...เสียดาย
เสียดายอะไรย๊ะหล่อน
เสียดายที่ไม่ได้ไปด้วยน่ะสิย๊ะถ้าไปด้วยฉันคงได้เห็นคุณภูวดล  เพราะเขาคงจะต้องตามยายหนูนาไปทำข่าวแน่ ๆ เลย
หล่อนรู้ได้ไงใครบอกหล่อน  วันนี้คุณภูวดลมาที่นี่ย่ะเธอน่ะพลาดข่าวแล้ว
จริงเหรอจริงเหรอ!!!!
แนนซี่ทำท่าดีอกดีใจมากเป็นพิเศษ  เธอลุกขึ้นยืนพร้อมกับบิดซ้ายบิดขวา  สายตาของเธอเหม่อมองไปข้างนอกราวกับจะสร้างวิมานในอากาศอย่างนั้นแหละกิ๊กจึงต้องสะกิดให้แนนซี่นั่งลงมาช่วยแต่งตัวให้กับกัญญาซึ่งเป็นเจ้าของงาน
คืนนี้เธอต้องสวยที่สุด  นางฟ้าสีขาวของฉัน
ของเธอที่ไหนของผู้ชายที่นั่งรออยู่ข้างล่างต่างหากล่ะ
เออใช่
แนนซี่พูดและหันไปค้อนควับกับกิ๊ก  ทั้งคู่ช่วยกันแต่งองค์ทรงเครื่องให้กับกัญญาราวกับเจ้าหญิง  จากนั้นแนนซี่ก็พากัญญาไปเก็บตัวในห้องและเดินลงไปเรียกให้คุณภูริมาแต่งตัว  แต่คุณภูริไม่ยอมเพราะกลัวว่าแนนซี่สาวประเภทสองจะทำมิดีมิร้าย
อย่าดึงราวบันไดสิคะตามฉันมา  ฉันไม่ทำอะไรหรอก
แนนซี่ฉุดกระชากลากถูคุณภูริจนมาถึงห้องแต่งตัว  แนนซี่จึงให้คุณภูริแต่งตัวใหม่เพื่อให้เข้ากับกัญญาเจ้าของงาน
ใส่นี่ซะ  ฉันจะไปรอข้างนอก
ทำไมต้องใส่
ไม่อยากเป็นคู่ควงกับเจ้าหญิงของเราหรือไง
คุณภูริถอนใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นแนนซี่ออกไปนอกห้อง  เขาแต่งตัวด้วยความระมัดระวัง  สายตาของเขาจ้องมองไปรอบ ๆ ห้องด้วยความหวาดระแวงเพราะกลัวว่าแนนซี่จะแอบมองเขาขณะที่เขากำลังใส่กางเกงอยู่นั้นแนนซี่ก็เปิดประตูพรวดเข้ามา  เขาถึงกับตำใจดึงผ้าผ่อนที่วางระเกะระกะอยู่มาปิดช่วงล่างของเขาทันที
ลืมของค่ะ
แนนซี่พูดขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปที่คุณภูริแบบขำ ๆ เมื่อแนนซี่ออกไปนอกห้องแล้วคุณภูริจึงวิ่งไปล็อกประตูทันที  เขาสวมเสื้อผ้าจนเสร็จแล้วก็เดินไปเปิดล็อกประตูเขาถึงกับถอนใจเฮือกใหญ่ทีเดียว
นึกว่าจะเสร็จกระเทยซะแล้วสิคุณภูรินึก
แนนซี่เดินมาเคาะประตูสามครั้ง  คุณภูริยังไม่ทันได้ตอบอะไรแนนซี่ก็เดินตรงเข้ามาโปะแป้งให้กับเขาทันที
ผู้ชายน่ะไม่ต้องแต่งตัวอะไรมากหรอก  ยังไง ๆ ก็หล่ออยู่ดีนั่นแหละ
แนนซี่พูดขึ้นพร้อมกับพาคุณภูริเดินออกมาจากห้องแต่งตัวและพามาที่ลานกลางงานในตอนหัวค่ำผู้คนเข้ามาในงานมากมาย  คุณภูริหันไปมองหลายคนที่สวมหน้ากาก  เขาพยายามมองหากัญญาแต่ก็ไม่พบ
พี่ภูริ
ไงดลหล่อเชียวนะแก
ไม่ได้หรอกวันเกิดหวานใจผมทั้งทีผมก็ต้องมาสิ
เดี๋ยวแกได้หวานใจแน่นั่นไง
คุณภูริพูดแล้วก็อมยิ้มพร้อมกับหันไปมองแนนซี่ซึ่งเดินมาพร้อมกับกิ๊กในชุดเจ้าหญิงสีขาว  แต่แนนซี่สวมชุดซูสีไทเฮาเดินตรงมายังคุณภูวดลซึ่งบังเอิญสวมชุดฮ่องเต้ตามคำบอกเล่าของหนูนาซึ่งก็เป็นไปตามแผนที่แนนซี่วางไว้ให้หนูนาไปปล่อยข่าวว่างานนี้สวมชุดแฟนซีและกัญญาจะสวมชุดจีนให้คุณภูวดลแต่ตาม
คุณภูริถึงกับหลุดขำออกมาทันที  เขาไม่ยอมบอกสิ่งที่เขารู้ให้กับน้องชายทราบเขาเก็บเรื่องนี้ไว้ขำเพียงคนเดียวเท่านั้นเอง  กิ๊กพาคุณภูริเดินมาใกล้ ๆ กับต้นพิกุลจากนั้นก็ชี้ให้คุณภูริเห็นผู้หญิงชุดขาวที่สวมหน้ากากขนนกยืนอยู่ทางด้านหน้าของเขา
นั่นไงคะไปสิ
คุณภูริเดินเข้าไปคุยกับกัญญา  แต่เธอไม่ยอมตอบอะไรเพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดหน้ากากคุณภูริพากัญญาเดินเข้าไปเต้นรำที่กลางลานที่จัดเตรียมเอาไว้ในขณะที่คุณภูวดลกำลังเต้นรำเพลิดเพลินอยู่กับแนนซี่กระต่ายเต้นรำกับพี่โอสามีของเธอแป้งเต้นรำกับพี่นันต์สามีของเธอส่วนกิ๊กนั้นก็มีชายหนุ่มแต่งกายชุดสีขาวเดินมาโค้งขอเต้นรำกับเธอ  เธอจึงเดินออกไปเต้นรำกับเขาที่กลางลาน
เพื่อน ๆ ทุกคนมากันพร้อมหน้า  ขาดเพียงหนูนาคนเดียวที่มาร่วมงานไม่ได้  ช่างภาพจับภาพผู้คนในงาน  กล้องหลายตัวจับจ้องไปยังกัญญาและคุณภูริ  ทั้งคู่เต้นรำกันอย่างสนุกสนานโดยที่ไม่รู้ตัวว่ามีนักข่าวแอบปะปนเข้ามาในงานด้วย
..8..
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ...ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ...				
15 มกราคม 2548 14:53 น.

นวนิยาย:บันทึกรักสีชมพู (ขอเสนอเป็นตอนแรกค่ะ)

สุชาดา โมรา

ก๊อกก๊อกก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้น  อัปสรสวรรค์ปาดหยาดน้ำตาที่ค่อย ๆ ไหลลงมาอาบสองแก้มให้เหือดหายไปจากใบหน้า  เธอตะโกนถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
	มีอะไรคะ
	สรเดี๋ยวแต่งตัวให้เสร็จนะจะได้ไปทานข้าวกับคุณอู๋
	ค่ะ
	อัปสรสวรรค์รับคำ  เธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีชุดที่เธอสวมใส่นั้นเรียบง่ายดูคล่องตัวและรัดกุมเธอแต่งตัวดูดีที่สุดเท่าที่เคยสวมใส่  เพราะปกติแล้วเธอเป็นสาวมั่นใจในตัวเองสูงและแต่งกายออกจะเปรี้ยวหวือหวาเป็นพิเศษ  แต่วันนี้เธอกลับสวมใส่เพียงเสื้อยืดกางเกงยีนส์เท่านั้น
	อัปสรสวรรค์เดินออกมาจากห้อง  เธอถือกระเป๋าสะพายใบเล็กสีดำเดินตรงมายังคุณอู๋คู่หมั้นของเธอซึ่งนั่งอยู่ที่โซฟาเขายิ้มแล้วก็ลุกขึ้นพาเธอไปขึ้นรถ
	อีกแค่ปีเดียวก็จะจบแล้วนะพี่จะให้เวลาสรใช้ชีวิตวัยรุ่นให้เต็มที่เพื่อที่จะได้เตรียมพร้อมกับการเริ่มครอบครัวใหม่
	ค่ะสรจะใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดค่ะ  ขอเวลาสรเรียนให้จบปริญญาโทก่อนนะคะ  เพราะตอนนี้สรมีโครงการเรียนต่อหลายสาขาเลยค่ะ  จะได้กลับมาทำงานได้เต็มที่
	พี่คิดว่าหลังจากแต่งงานไปแล้วพี่จะให้สรอยู่กับบ้านคอยเป็นแม่บ้านแม่เรือนให้กับพี่
	แล้วสรจะเรียนไปเพื่ออะไรคะ  อัปสรสวรรค์รู้สึกเคืองในใจอยู่นิด ๆ แต่เธอกลับแสดงสีหน้าอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก
	ก็เอาปริญญาไปแขวนไว้ที่ข้างฝาบ้านเล่น ๆ ไงอยู่กับพี่ไม่ต้องคิดอะไรมากแค่เป็นแม่บ้านคอยดูแลพี่ก็พอแล้ว  จะมานั่งทำงานให้มันเหนื่อยไปทำไม  คุณอู๋ตอบอย่างไม่สนใจอะไร  เขานั่งขับรถไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่ถามคู่หมั้นของตัวเองสักนิดว่ากำลังคิดอะไรอยู่
	คุณอู๋และอัปสรสวรรค์เดินเข้ามายังร้านอาหาร  เขาเดินมานั่งที่โต๊ะตรงมุมสุดของร้านอัปสรสวรรค์เดินสวนกับผู้ชายคนหนึ่ง  เธอรู้สึกเจ็บแปลบที่ในหัวใจขึ้นมาทันที  แขนขวาที่เดินสวนกับเขานั้นร้อนผ่าวราวกับไฟที่กำลังลุกท่วมแขน  เธอหันกลับไปมองชายคนนั้นทันทีชายคนนั้นมากับแฟนสาวหน้าหวาน  ตัวเขาเองก็ดูหล่อและมีเสน่ห์  ผิวขาวสูงโปร่ง  เดินหลังตรงราวกับทหารแต่ขอบเสื้อยืดที่เขาใส่นั้นเป็นสีแดงเลือดหมู  อัปสรสวรรค์รู้ได้ทันทีเลยว่าเขาต้องเป็นนายตำรวจแน่ ๆ
	มองอะไรเหรอนั่งสิ
	คุณอู๋ถามเธอด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวด  เขาดึงแขนเธอให้เธอนั่งลงมือนั้นจับที่แขนของเธอแรงมากจนอัปสรสวรรค์รู้สึกกลัว  เธอนั่งลงสั่งอาหารทันทีเธอรีบทานและรีบที่จะกลับเพราะไม่อยากนั่งอยู่กับคู่หมั้นของเธอเพราะเขาเป็นคนเจ้าระเบียบ  เจ้าอารมณ์  และเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองเขาไม่ค่อยคิดถึงจิตใจของผู้อื่น  แม้แต่คู่หมั้นของเขาเองเขายังไม่คิดที่จะพูดดี ๆ เลยถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่หล่อและรวยเพียงใดก็ตาม
	อัปสรสวรรค์เดินออกมาจากร้านอาหารคุณอู๋รีบด่วนไปที่รถก่อน  เธอหันกลับมามองผู้ชายคนนั้นแต่ก็ไม่เห็นจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงใครบางคนที่กำลังทะเลาะกันอยู่  เมื่อเธอเดินพ้นประตูร้านออกไปแล้วกระเป๋าสตางค์ใบสีดำก็ลอยมากระแทกที่หน้าเธอชายคนนั้นกับแฟนสาวกำลังทะเลาะกันหนักมาก  ทั้งคู่ต่างไม่ยอมกัน  ดูท่าทางพวกเขาคงจะเป็นสามีภรรยากันมากกว่าเพราะไม่อย่างนั้นคงจะไม่ทะเลาะกันรุนแรงขนาดนี้อัปสรวรรค์เก็บกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา  เธอเห็นรูปที่อยู่ในกระเป๋าคือรูปของผู้ชายคนนั้น  เธอพยายามจะนำกระเป๋าไปคืนเขาแต่ก็ไม่ทันเพราะเขาขับรถออกไปแล้ว  เธอจึงต้องเก็บกระเป๋าใบนั้นเอาไว้เพื่อที่จะได้นำไปคืนเขา
	ทำอะไรอยู่จะกลับหรือเปล่า
	เสียงตะโกนของคู่หมั้นเธอดังขึ้น  เธอรีบเก็บกระเป๋าใบนั้นและรีบเดินมาขึ้นรถทันทีเขามาส่งเธอที่บ้านและก็พยายามจะลวนลามเธอในรถแต่เธอก็ขัดขืนและตบหน้าเขาทันที
	นี่เธอ!!!!  ขอแค่นี้ไม่ได้เหรอ  จะเล่นตัวไปทำไม  อีกหน่อยก็จะแต่งงานกันแล้ว  ยังมีอะไรที่ต้องอายด้วยเหรอ  เขากระชากแขนเธอและพูดเสียงดังลั่นรถ
	ฉันเป็นแค่คู่หมั้นคุณนะฉันไม่ใช่เมียคุณ  คุณจะได้มาทำอะไรตามใจชอบแบบนี้ฉันไม่ชอบเลย
	อย่ามาเถียงนะพี่คุณติดการพนันผมเท่าไรวันนั้นผมจะเอาคุณไปเป็นนางบำเรอก็ได้แต่ผมไม่ทำทั้ง ๆ ที่พี่คุณขายคุณให้ผมในบ่อนเสียด้วยซ้ำนี่ผมยังเห็นแก่หน้าของพ่อแม่คุณหรอกนะ  ไม่อย่างนั้นคุณคงจะไม่ได้มานั่งลอยหน้าลอยตาแบบนี้ได้หรอก
	ที่จริงพี่ชายฉันก็ไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ จริง ๆ แล้วฉันไม่จำเป็นต้องมารับผิดชอบเรื่องนี้ก็ได้  แต่เพราะคุณไม่ใช่เหรอที่บอกว่าถ้าไม่อยากให้พี่ชายตายก็ให้หมั้นกับคุณพ่อแม่ฉันมีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าหนี้เพียงไม่กี่ล้านด้วยซ้ำ  แต่คุณทำไม!!!!
	ก็เพราะว่าผมอยากได้คุณไปเป็นแม่บ้านของผมไงคุณไม่เข้าใจเหรอผมไม่ต้องการเงินอีกต่อไปแล้วเพราะผมเองก็มีเหมือนกัน
	เขาตวาดใส่เธอจนเธอรู้สึกกลัว  เธอสลัดแขนออกและรีบเปิดประตูรถและวิ่งเข้าบ้านทันที
	เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเจออะไรแบบนี้ไอ้ผู้ชายเฮงซวยเดี๋ยวก็ขู่ว่าจะฆ่า  เดี๋ยวก็ขู่ว่าจะบอกพ่อกับแม่  ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าคุณแม่ของเรากำลังป่วยหนัก  ไม่ต้องการให้อะไรมากระทบกระเทือนจิตใจผู้ชายเลวอัปสรสวรรค์คิด  เธอนอนร้องไห้อยู่ในห้องเพียงคนเดียว  จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นพรวดเพราะนึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างที่เธอควรที่จะทำมากกว่านี้
	อัปสรสวรรค์เปิดกระเป๋าสะพายและหยิบกระเป๋าสตางค์ใบนั้นขึ้นมา  เธอเปิดดูรูปและบัตรประจำตัวของเขา  เธอเห็นรูปเขากับผู้หญิงคนนั้น  และมีรูปตัวเขาเองเดี่ยว ๆ เธอจึงเดินไปเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องและแสกนรูปของเขาเก็บไว้ทันทีเธอเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่  แต่ที่รู้ ๆ คือเธอรู้สึกแปลก ๆ ที่ได้เจอเขาทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่ได้ชายสายตามองเธอเลยสักนิด
	ในกระเป๋าใบนั้นมีเงินติดอยู่เพียงสองพันบาทเท่านั้น  บัตรและเอกสารที่พบก็มีแต่บัตรข้าราชการ  บัตรประจำตัวของตำรวจ  บัตรเอทีเอ็มและเครดิตการ์ดอีกสองใบ  เธอคิดว่าเธอจะนำกระเป๋าใบนั้นไปคืนที่ไหนดี  แต่ก็คิดไม่ออก  เธอจึงเก็บกระเป๋าใบนั้นเอาไว้ใต้หมอนและก็รีบอาบน้ำนอนทันที
..1


โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ...				
14 มกราคม 2548 12:04 น.

นวนิยาย:คิดจะรัก...ต้องพักรบ(ตอนที่7)

สุชาดา โมรา

เปล่าแต่ว่าผู้ชายคนนั้นหล้อหล่อละตัวเอง
บ้ายังมีแก่ใจมาเล่นอีกไปเข้างานเถอะ
กุหลาบสีขาวนี่กัญญาแทบจะกว้านเอามาหมดจากไร่ดอกไม้ที่มีที่นี่  วันนี้หล่อนต้องการให้มีเพียงกุหลาบสีนี้สีเดียว...กัญญาให้คุณวจีมารับดอกไม้  ขณะที่หล่อนกำลังแต่งตัวอยู่นั้นคุณวจีก็จะต้องแต่งเตรียมสถานที่ด้วยดอกไม้สดทั้งหมดและหล่อนเลือกแต่กุหลาบ...   ฝีมือการจัดดอกไม้ของคุณวจีอยู่พอประมาณ คุณวจีทำตามคำสั่งของกัญญาซึ่งจะเนรมิตงานนี้ให้เป็นเวทีสำหรับนางฟ้าเท่านั้นคุณวจีและลูกน้องจัดซุ้มและตกแต่งงานให้ดูราวกับสวรรค์บนดินเลยทีเดียวบ่งบอกถึงความมีรสนิยมของเจ้าของงานและความโรแมนติกของกัญญามากยิ่งขึ้น
กัญญาเป็นคนที่ทำอะไรได้หลายอย่างหากว่าเธอต้องการจะทำ  นิสัยของเธอเป็นอย่างนั้นเรียนรู้สิ่งต่างๆ และเอาจริงเอาจังกับมันสักระยะที่เธอเห่อและตื่นเต้นกับสิ่งนั้นๆ แต่พอความรู้สึกแต่แรกคลายหายไปหล่อนก็จะไม่ใส่ใจอีกเลย...กัญญาจึงเป็นคนเบื่อง่าย เธอมีอารมณ์ที่วูบวาบทั้งทางขึ้นและลง...  เธอไม่ค่อยได้อยู่ตรงกลางกับสิ่งใด ๆ ที่ผ่านเข้ามา เรียกว่าไม่มากเกินไปก็น้อยเกินไปเสมอและงานนี้ที่เธอได้เสกสรรขึ้นก็เพื่อให้แขกที่มาร่วมงานและลูกค้ารายใหญ่ได้จดจำภาพนี้ตราบนานเท่านานเลยทีเดียว
อ้าวคุณแนนซี่คุณกิ๊ก  มาถึงแล้วเหรอคะงานเริ่มตอนกลางคืนนะคะคุณจะรีบร้อนแต่งตัวไปไหนคะ
อ้าวเหรองั้นฉันไปเปลี่ยนชุดในรถก่อนนะเดี๋ยวมาก
แนนซี่กลับไปแต่งตัวใหม่  เธอใส่เสื้อยืดเอวลอย  กางเกงยีนส์ขาสั้นเดินนวยนาถออกมาช่วยงานคุณวจี  ทำให้คุณวจีชำเลืองมองอยู่หลายครั้งแล้วก็แอบอมยิ้มอยู่บ่อย ๆ
คนส่งดอกไม้ที่นั่งมากับคนขับรถปิกอัพบอกกับคุณวจีว่า
รวบรวมดอกไม้ได้เท่านี้เองครับ  คุณกัญญาสั่งเอาไว้ล่วงหน้าหนึ่งอาทิตย์
ก็ไม่น้อยนะคะ ทั้งหมดรวมกันได้มาเกือบจะสองแสนดอก
คุณวจียิ้มแย้ม ไม่น้อยสำหรับการจะนำมาใช้...เกือบสองแสนดอก...จะจัดแต่งในส่วนที่หมายตาเอาไว้เนรมิตโรงงานให้เป็นดินแดนแห่งกุหลาบขาว
ค่ะ ได้เท่านี้ก็ดีแล้ว กลัวจะไม่ได้เลยเสียมากกว่าเพราะดอกกุหลาบขาวมีคนสั่งจองเยอะไม่ใช่เหรอคะ
คุณวจีพูดขึ้นพร้อมกับสั่งให้เด็ก ๆ เอาดอกไม้ลงแล้วจ่ายเงินทันทีคุณวจีจ่ายค่าดอกไม้เป็นเงินสด  เพราะรู้ว่าเขาต้องเอาดอกไม้มาจากหลายเจ้าด้วยกัน  เมื่อจ่ายเงินกับคนที่จัดแจงหาดอกไม้นี้มาให้ด้วย กำชับไปอีกหนก่อนจะจากกัน
งานเริ่มตอนค่ำสองนะคะ อย่าลืมแวะมา...
ครับไม่ลืม...ขอไปแต่งตัวหล่อก่อนนะครับ
คุณวจีมองชายคนนั้นกับรถปิกอัพสี่คันที่กำลังขับลับสายตาออกไปแนนซี่และกิ๊กรู้สึกงง ๆ เธอสงสัยว่าทำไมคุณวจีถึงต้องชวนชายคนนั้นมาด้วย
คุณวจีทำไมต้องชวนผู้ชายคนนั้นด้วยล่ะ
อ๋อนั่นคุณนิว  อดีตแฟนของน้องสาวคุณกัญญา
เอฉันจำได้ว่ายายกัญญาเป็นลูกคนเดียวไม่ใช่เหรอ
อ๋อเธอมีลูกพี่ลูกน้องอีกคนค่ะ  ชื่อสาแต่ว่าเธอเสียไปแล้วละค่ะอีกอย่างเรื่องนี้มันก็ซับซ้อนด้วย  คือก่อนที่คุณกัญญาจะไปเรียนปริญญาโทใบที่สองที่ปารีสเธอคบกับคุณนิวมาก่อนพักหนึ่งด้วย  เธอก็เลยต้องชวนเขามางานนี้
อ๋อไม่เห็นบอกให้เพื่อนรู้เลยเนาะใจร้ายที่สุดเลย
แนนซี่พูดขึ้นพร้อมกับช่วยคุณวจีจัดดอกไม้ให้สวยงาม  จากนั้นก็เดินไปอาบน้ำใหม่ที่บ้านของกัญญาซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่ทำการบริษัทมากนัก  เพียงแค่มีรั้วกั้นเท่านั้นเอง
แนนซี่และกิ๊กไปเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวใหม่  กิ๊กจึงพูดถึงเรื่องคุณเอกนายตำรวจหนุ่มสามีของเธอด้วยความคับแค้นใจให้กับแนนซี่ฟังพร้อมทั้งชี้รอยเขียวช้ำเป็นจ้ำ ๆ ให้แนนซี่ดูว่าตนเองถูกทำร้ายร่างกาย
โธ่ฉันเคยบอกเธอก่อนที่ฉันจะไปอเมริกาแล้วใช่ไหมว่า  อย่าแต่งกับคนนี้เธอก็ไม่เชื่อ
จะให้ฉันทำไงได้ล่ะในเมื่อตอนนั้นฉันท้อง
โธ่เอ๊ย.!!!!
แนนซี่แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งจริง ๆ แล้วเพื่อนทุกคนก็ไม่มีใครอยากให้เธอแต่งงานกับเขาเพราะทุกคนก็รู้ดีว่าเขาพยายามหลอกลวงเธอ  เขาไม่ได้หวังดีกับเธอเลยสักนิด  เขาคิดถึงแต่เรื่องสมบัติของเธอและชื่อเสียงของเธอมากกว่าเรื่องความรักเสียอีก
ฉันรู้เรื่องของพี่เอกมานานแล้วเหมือนกัน  แต่ฉันก็ไม่กล้าพูดเพราะกลัวว่าเธอจะไม่เชื่อ
งั้นก็ช่วยบอกฉันให้กระจ่างเสียทีเถอะก่อนที่ฉันจะฟ้องหย่ากับเขา
ก็ได้ฉันจะบอกว่าก่อนที่เขาจะมีเธอเขาแต่งงานมาแล้วมีลูกด้วยกันคนหนึ่ง  น่าจะราว ๆ อายุของลูกชายของยายหนูนานี่แหละต่อมาเมียเขาก็ตายเขาก็เลยมาคบกับตำรวจหญิงที่อยู่บนโรงพักแล้วก็ซื้อบ้านให้กัน  ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลา  ต่อมาก็มีเธอนี่แหละที่จู่ ๆ ก็ตกหลุมพรางให้เขาหลอกเงินที่เธอมีอยู่ที่หมดไปนั้นเพราะเขาโยกย้ายถ่ายเทไปให้ยายรัชนีเมียลับ ๆ ของเขา
แล้วเธอรู้ได้อย่างไร
เธอก็รู้ ๆ อยู่ไม่ใช่เหรอว่าฉันคลั่งไคล้ดาวนายร้อยฉันก็เลยรู้จากปากของนายตำรวจหลายคนนอกจากนี้ฉันยังไปเห็นด้วยตัวเองด้วยนะ  ถ้าเธอไม่เชื่อเดี๋ยวฉันไปที่ท้ายรถเอารูปมาให้ดูก็ได้
งั้นก็ดี  ฉันขอเอาไปเป็นหลักฐานในการฟ้องหย่าเลยก็แล้วกัน
..7
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ...ขอขอบคุณคำติชมทุกคำนะคะ...ขอขอบคุณเพื่อนๆที่เป็นกำลังใจให้เสมอมาค่ะ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุชาดา โมรา