2 กุมภาพันธ์ 2548 01:27 น.
สุชาดา โมรา
ตอนเราเรียนมหาลัยเอกชน ที่เชียงใหม่ ปี2 เราได้ย้ายไปเช่าหอพักใกล้ๆ มหาวิทยาลัยเป็นห้องแถว3ชั้นแล้วแบ่งเป็นห้องๆรวม6 ห้อง ข้างล่างเป็นร้านขายนมสด พี่เจ้าของบ้านจะอยู่บ้านข้างๆ ทีนี้เวลาช่วงนั้น เป้นช่วงที่เรากำลังจะเลิกกับแฟนเก่า ที่อยู่คนละจังหวัด ตอนนั้นแฟนเก่าเราเค้าไม่พอใจที่เราจะเลิก เลยวางแผนจะฆ่าเรา...ซึ่งเค้าได้มาหาที่หอพักเราแล้วนัดกันจะไปบ้านเค้าที่จังหวัดลำพูน แต่คืนนั้นมันดึกมากแล้ว เราจึงบอกให้เค้านอนที่ห้องเรา โดยให้เค้านอนเตียง ส่วนเรานอนที่พื้น...พอจะนอน เราลุกไปปิดไฟ ที่อยู่ห่างที่นอนเราประมาณ2 เมตร พอเราปิดไฟปุ๊บ เดินมาได้3ก้าว แฟนเก่าเราที่นอนอยู่ที่เตียงก็ร้องออกมาว่า โอ๊ย ลูกน้ำตบหน้าเราทำไม.... เรางง มาก ระยะห่างของเราที่ห่างจากตัวเขา มากกว่า2 เมตรแน่นอน..เราเลยตอบไปว่า"เปล่า เราอยู่ตรงนี้ ตรงปลั๊กไฟ ..แฟนเก่าเราอึ้งไปเลยบอกว่า"แล้วใครตบหัวเราอ่ะ..แล้วจะมีใครอ่ะคะ อยู่กัน2คน เราเลยบอกให้เค้า กราบหมอน ขอขมา เจ้าที่ค่ะ
พอ อีก2วัน เรานั่งอยู่ร้านนมสด ใต้หอ..มีพี่ที่อยู่ชั้น2 วิ่งร้องไห้ลงมา.เรากะพี่ร้านนมสด ตกใจมาก ถามว่าเป็นอะไร..พี่เค้าบอกว่า..ผีอำ ขยับไม่ได้ ท่องบทสวดก็ไม่ออก เป็น10นาทีเพิ่งหลุดมาได้ เราอึ้งไปเลย ถามพี่ร้านนมสด ที่อยู่มานานแล้ว เค้าบอกว่า ที่นี่ผีเฮี้ยน โดนกันทุกคนแหละ แล้วเราไม่โดนบ้างหรือ..แต่เราไม่เคยโดนค่ะ อยู่เกือบปี ไม่เคยโดนเลย
ความจริงผีก็มีอะไรคล้าย ๆ คนเรานี่เองเพียงแต่มักจะฝังใจในการทำอะไรสักอย่าง เพราะไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไป ในหอพักเก่าแก่แห่งหนึ่งในลอนดอนประเทศอังกฤษ นักศึกษาชายคนหนึ่งถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเวลาตีสอง ในคืนวันหนึ่งเพราะมีเสียงก้าวเดินหนักๆ จากห้องครูใหญ่ ทีละก้าวทีละก้าวช้าๆ ไปตามทางเดินผ่านห้องของเขา ตรงไปหยุดยังห้องน้ำอีกด้านหนึ่ง นักศึกษาผู้นั้นไม่สนใจว่าเป็นเสียงอะไรเขาเข้านอนต่อทันที
คืนต่อมาเวลาตีสองเช่นเดิม ก็มีเหตุการณ์ทำนองเดียวกันเกิดขึ้นอีก คราวนี้เขาไม่คิดว่าเขาดูหนังสือมากจนเพลีย เพราะเสียงนั้นดังชัดมากในความเงียบสงัด เหตุการณ์เกิดขึ้นเหมือนเดิมเปี๊ยบ จนไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครมาเข้าห้องน้ำในลักษณะเดียวกัน ในเวลาเดียวกัน โดยบังเอิญขนาดนี้ เขาอดถามครูใหญ่ในเช้าวันรุ่งขึ้นไม่ได้ว่า ครูใหญ่ไปห้องน้ำในเวลาตีสองหรือ เปล่าคำตอบจากครูใหญ่คือ เปล่าเลย คำตอบนี้ทำให้นักศึกษาหนุ่มขน ลุกเกรียว แต่ก็ยังไม่เชื่ออะไรง่ายๆ อย่างนั้น โดยเฉพาะเขาเองก็เป็นคนหัวสมัยใหม่อย่างนี้
คืนที่3 นักศึกษาหนุ่มก็ตัดสินใจว่า ถ้ามีเสียงเดินอีก เขาจะออกไปดูให้ได้ว่า ใครทำเช่นนั้น หลังจากดื่มกาแฟแก่ๆ ไปหลายแก้ว แทนที่จะตาค้าง เขากลับผลอย หลับไปง่ายๆ มาตกใจตื่นขึ้นอีกครั้งเวลาตี 2 พอดี พร้อมๆ กับที่ได้ยินเสียงคนเดินเช่น 2 คืนที่ผ่านมา เขากระโจนออกจากเตียงทัน ทีเปิดประตูผาง แล้วยื่นศรีษะออกไปนอกห้อง มองไปยังประตูห้องครูใหญ่ ทางเดินทั้งสองข้างและประตูห้องน้ำ เขาไม่พบใครเลย แต่น่าประหลาดเสียงนั้นยังคงก้องเหมือนมีใครกำลังเดินผ่านเขาไปยังประตูห้องน้ำ เหมือนเช่นเคยเสียงนั้นหยุดลงที่หน้าประตู เหมือนทุกคืนที่ผ่านมา ชายหนุ่มตัวชาไปหมด เขากลับเข้านอน แต่คืนนั้นทำอย่างไร ก็ไม่สามารถหลับลงได้
เช้าวันรุ่งขื้นเขาจึงพยายามไต่ถาม จากที่ต่างๆ เพื่อแสวงหาความจริง จนพบว่าเมื่อ 14 ปีที่แล้ว มีครูใหญ่ คนหนึ่งตายในห้องน้ำ ห้องนั้น เขาฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอ !!! น่าเสียดายที่ไม่มีใครพยายามช่วยเหลือ ท่านครูใหญ่ผู้น่าสงสาร ให้หลุดพ้นจากวงเวียนแห่งกรรม ไม่มีใครช่วยชี้ทางออกให้ ท่านจึงยังคงต้องเดินจากห้องเดิมที่ท่านเคยอยู่ เดินไปยังห้องน้ำด้วยฝีเท้าหนัก ๆ เพื่อพบตัวเองแขวนคออยู่ในนั้นทุกคืน... ทุกคืนคุณคงนึกบ้างแล้วใช่ไหมว่า ถ้าเกิดจะต้องพบ กับประสบการณ์น่าขนลุกเช่นนี้ กับตัวเองขึ้นมาจริงๆ คุณจะทำอย่างไร วิ่งหนี อยู่สู้ พูดกับผี หรือทำเฉยๆ น่าเสียดายที่ไม่มีใครเขียนคู่มือการจัดการกับผีขึ้นไว้เสียด้วย แต่ถ้ามีเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นจริงๆ วิธีง่ายๆ ก็คือ ทำใจเย็นไว้ ตั้งสติให้ดีถ้าทำได้ แล้วอย่าลีมว่า ผีก็ ( เคย ) เป็นคน เช่น เดียวกับเรา
2 กุมภาพันธ์ 2548 01:20 น.
สุชาดา โมรา
ฮีโร่ที่ในปัจจุบันนี้ ยุค 2005 นั้นก็คงหนีไม่พ้นเรื่องราวของทหาร และตำรวจ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อย่างองอาจและตรงไปตรงมา และในปักษ์นี้ดิฉันขอเสนอเรื่องราวของตำรวจ และแนวทางในการเข้ารับราชการตำรวจนะคะ
ทุกวันนี้ภาพพจน์ที่ประชาชนมีต่อตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชการนั้นเป็นภาพในเชิงลบ ทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่ทั้งหลายก็ได้แสดงผลงานและความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับภาพพจน์ที่ดีของตำรวจออกมาแล้วแต่ประชาชนส่วนมากก็ยังคงมองตำรวจในทางไม่ดี หลายคนมองตำรวจเหมือนพวกโกงกินเงินตราประชาชนโดยใช้คำสแลงไปต่าง ๆ นานา เช่น ไอ้โด้ย! โดเรม่อน เป๋าโจ้ เป็นต้น ซึ่งคำเหล่านี้ต่างมีความหมายแบบเดียวกันคือ ผู้ที่มาเอาทรัพย์สินของประชาชน
เจ้าหน้าที่ตำรวจมีด้วยกันหลายฝ่ายด้วยกัน มีทั้งเจ้าหน้าที่จราจร เจ้าหน้าที่คดีสืบสวนสอบสวน เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฯลฯ. ซึ่งแบ่งหน้าที่กันตามสาขาที่เรียนมา เจ้าหน้าที่ในแต่ละฝ่ายนั้นจะปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างตรงไปตรงมา งานและหน้าที่ต้องมาพร้อม ๆ กับคุณธรรม ในที่นี้ที่จะยกตัวอย่างขึ้นมานั้นมีเจ้าหน้าที่ถึง 2 ฝ่ายด้วยกันคือ ฝ่ายงานจราจร และฝ่ายคดีสืบสวนสอบสวน ซึ่งเป็นฝ่ายที่พบปะประชาชนมากที่สุดและเป็นฝ่ายที่มีเสียงซุบซิบนินทามากที่สุด กล่าวคือประชาชนมองเห็นนายตำรวจทั้งสองฝ่ายนี้เป็นคนไม่ดี คอยจะหาแต่เงินใต้โต๊ะ หรือขาไก่
การปฏิบัติหน้าที่ตามท้องถนนของตำรวจจราจรนั้นค่อนข้างจะเสี่ยงอันตราย เนื่องจากรถบางคันหรือวัยรุ่นบางคนไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจตราของเจ้าหน้าที่ บางคนขับรถหนี บางคนขับรถพุ่งชนทำให้นายตำรวจจำนวนไม่น้อยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส บางคนถึงขั้นต้องลาออกจากงานเพราะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะต้องพิการไปตลอดชีวิต
เจ้าหน้าที่คดีสืบสวนสอบสวนค่อนข้างจะเป็นงานที่หนักพอสมควร งานในจุดนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องปฏิบัติงานอย่างรัดกุม เกี่ยวข้องทั้งทางด้านเอกสารและการจับกุมคนร้าย ซึ่งในแต่ละวันหากได้เบาะแสจากสายตรวจหรือสายของทางตำรวจนั้นรายงานเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของคนร้าย เช่น คดีค้ายาเสพติด ค้าประเวณี ค้าของเถื่อน เป็นต้น หรือคดีอุบัติเหตุ คดีชิงทรัพย์ และคดีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับวอวิทยุ หรือได้รับเรื่องก็จะรีบออกไปปฏิบัติหน้าที่ทันทีอย่างไม่รอช้า จึงทำให้เจ้าหน้าที่บางคนอาจจะได้รับบาดเจ็บ หรือบางคนอาจจะเสียชีวิตได้ เนื่องจากคนร้ายไม่ยอมให้จับกุมโดยดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องปฏิบัติงานไปตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและสมเหตุสมผลที่สุด
ทั้งสองตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นเป็นงานที่เสี่ยงอันตรายไม่แพ้กับทหาร งานของตำรวจมีมากมายในแต่ละวันจนไม่มีเวลาที่จะให้กับครอบครัวหรือแม้แต่การสังสรรค์กันในหมู่คณะเลยก็ว่าได้ เวลาทั้งหมดของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นมอบให้งานไปจนหมดสิ้นทุกคนเชื่อไหมคะว่าจากการที่ดิฉันเองได้ลงไปสัมภาษณ์และเข้าไปคลุกคลีกับทาง สภอ.เมืองลพบุรีมา ตลอดระยะเวลา 24 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนใหญ่จะใช้เวลาพักหรือเวลาที่อยู่กับครอบครัวเพียง 14 ชั่วโมง และใน 7 วันมีวันว่างเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น 1 เดือนต้องเข้าเวรทั้งหมด 3 ครั้ง จึงทำให้งานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นหนักกว่างานของทหารเสียอีก สวัสดิการต่าง ๆ ก็ไม่เท่ากับทหาร นอกจากนี้เวลาว่างก็ยังไม่เท่ากับทหารอีกด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนใหญ่จะค่อนข้างเครียดไปกับงานแต่ก็มักจะหาวิธีการผ่อนคลายความเครียดอยู่เสมอ ๆ เพื่อไม่ให้งานที่ทำนั้นเกิดความผิดพลาดได้ เนื่องจากงานที่ทำนั้นต้องเน้นความถูกต้อง ชัดเจนเป็นหลัก ต้องมีความแม่นยำในข้อมูลเพื่อไม่ให้ผิดพลาดและกระทบกระเทือนเรื่องราวของใคร และต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา
จากการที่ไปสัมภาษณ์นั้น งานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นงานที่หนักและค่อนข้างจะเครียด แต่ก็เป็นงานที่หลายผู้คนอยากที่จะเข้าไปสัมผัส อยากที่จะได้แต่งเครื่องแบบสีกากี อยากมีดาวหรือโล่ห์ประดับบนบ่าของตัวเอง วันนี้ดิฉันมีทางออกในการไขข้อข้องใจให้กับหลาย ๆ คนที่อยากเจ้าเข้าไปทำงานเป็นตำรวจกันค่ะ
อย่างที่กล่าวมาว่างานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นแบ่งออกเป็นหลายหน่วยงาน บางหน่วยงานก็ไม่จำเป็นที่จะต้องจบตำรวจมาก็ได้ สามารถเรียนบัญชี เรียนนิติศาสตร์ เรียนสังคมศาสตร์ เรียนรัฐศาสตร์ มาสมัครสอบเข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตามอัตราที่เปิดรับสมัคร
แต่งานบางอย่างก็จำเป็นที่จะต้องเรียนตามสายมาโดยตรงอย่างเช่นเจ้าหน้าที่คดีสืบสวนสอบสวน ซึ่งต้องเรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยสามพรานที่นครปฐมมาโดยตรง เพื่อฝึกปฏิบัติงานเรียนรู้เรื่องจิตวิทยาในการจับกุมคนร้าย และเรียนรู้เรื่องคดีต่าง ๆ ก่อนที่จะมาปฏิบัติงานจริง ๆ ตามกระบวนการยุติธรรม
นายตำรวจส่วนใหญ่นั้นที่เข้ามารับใช้ชาติรับใช้ประชาชนก็เพราะใจรัก อยากที่จะเป็นฮีโร่ในสายตาของประชาชน อยากเป็นผู้กล้า อยากที่จะให้ประชาชนมองเห็นภาพพจน์ที่ดีของตำรวจไม่ใช่มองในภาพลบ นายตำรวจหลายนายฝากบอกกับประชาชนทุกคนว่าโปรดเห็นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เป็นหลัก เพราะงานที่ทำนั้นต้องปฏิบัติตามหน้าที่และเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาเท่านั้น อย่ามองตำรวจในภาพลบอีกเลยหรืออย่าเรียกนายตำรวจในทางที่ไม่ดีอีกเลย
$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$
1 กุมภาพันธ์ 2548 23:53 น.
สุชาดา โมรา
ราศี มังกร
เกิดระหว่างวันที่ 16 ม.ค.-15 ก.พ.
การงาน > ชาวมังกรยังต้องรบราฆ่าฟันกับงานหนักต่อไป แม้จะไม่ค่อยมีความสุขนัก แต่หน้าที่ทำให้คุณต้องอดทนทำต่อไป ปักษ์นี้ทำอะไรก็ไม่เข้าตาเจ้านาย ก็ต้องทำใจหน่อยนะ การเงิน > ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของชาวมังกร มาจากเรื่องของสังคม รายจ่ายก้อนใหญ่ๆไม่ค่อยมี แต่ก้อนเล็กๆเมื่อจ่ายบ่อยๆ มันก็สร้างปัญหาให้ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นระวังไว้บ้างก็ดี ความรัก > คนโสดที่แอบชอบใครอยู่ ยังไม่มีโอกาสบอกความในใจ แต่ต้องทำใจไว้หน่อย อาจเป็นประเภทรักซ้อนซ่อนรักก็เป็นได้ คนไม่โสด หัดเอาใจแฟนบ้าง เขาน้อยใจอยู่นะตอนนี้
ราศี กุมภ์
เกิดระหว่างวันที่ 16 ก.พ. -15 มี.ค.
การงาน > สำหรับงานของคุณในระยะนี้ค่อยๆ ซาลง คุณจัดระบบได้ระดับหนึ่งแล้ว ก็ต้องรีบเคลียร์ก่อนสิ้นปี จะได้ไปเที่ยวแบบไม่มีกังวลงัยล่ะ สถานการณ์ รอบๆตัวก็กำลังดีขึ้น ไม่มีอะไรน่าวิตก เจ้านายและเพื่อนร่วมงาน ไม่มีเวลามา ก่อเรื่องยุ่งยากให้คุณ การเงิน >เเงินไม่มีปัญหา คุณมีเผื่อไว้สำหรับใช้จ่ายเพื่อซื้อความสุขให้กับตัวเองอยู่แล้ว แถมยังเหลือแบ่งปันให้กับคนในครอบครัวอีกต่างหาก ยังไม่มีรายจ่าย ก้อนโตให้ต้องหนักใจในระยะนี้ ความรัก >การเอาแต่ใจตัวเองทำให้ทุกอย่างแย่ลง ใครๆก็จะค่อยๆถอยห่างจากคุณไป ถ้าคุณไม่ปรับตัวเสียใหม่ คนโสดยังสนุกกับการใช้ชีวิตโสด และยังไม่อยาก รับใครเข้ามาในชีวิต
ราศี มีน
เกิดระหว่างวันที่ 16 มี.ค.-13 เม.ย.
การงาน > คุณกำลังจัดระบบงานให้กับตัวเองอยู่ในขณะนี้ อีกซักพักทุกอย่าง ก็จะค่อยๆเป็นรูปเป็นร่าง ปักษ์นี้ก็เลยต้องเหนื่อยนิดนึง หลังจากนี้น่าจะดีขึ้นปัญหาเก่า ๆ กำลังจะคลี่คลายในเร็ว ๆ นี้ การเงิน> ปักษ์นี้นอกจากรายจ่ายประจำเดือนของตัวเองแล้ว อาจต้องเสียเงินในการ ดูแลสุขภาพของคนในครอบครัวด้วย รายได้ยังสม่ำเสมอ แถมมีรายได้พิเศษ อีกต่างหาก ความรัก > คุณเป็นคนมีเสน่ห์ แต่โชคไม่ดี คนที่เข้ามาส่วนใหญ่ใน ระยะนี้มักจะ เป็นประเภทของมีตำหนิ หรือไม่ก็ปิดบังความลับบางอย่างอยู่ คนมีแฟน แล้วชีวิตรักมีความสุขดี
ราศี เมษ
เกิดระหว่างวันที่ 14 เม.ย. - 15 พ.ค.
การงาน > ระยะนี้งานของคุณๆชาวเมษ ยังคงมีเข้ามาตลอด ยิ่งช่วงใกล้สิ้นปี แบบนี้ งานก็ยิ่งท่อมหัวท่วมหู แถมยังต้องคอยระวังข้อผิดพลาดบางอย่างไว้ด้วย โดยเฉพาะเอกสารสำคัญ เจ้านายไม่ค่อยมีปัญหา ส่วนลูกน้องแม้จะ ทำงานไม่ได้ดังใจ แต่ก็ช่วยเหลืองานดีการเงิน >สิ้นปีแล้ว แต่รายจ่ายยังสูงไม่เลิก เผลอๆอาจต้องควักกระเป๋า จ่ายเงิน ก้อนโต เพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัย หรือซื้อหาเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน ไม่ต้อง เครียดมาก คุณยังพอมีจ่าย ไม่ต้องถึงกับหยิบยืมชาวบ้าน ความรัก >ความรักยังไม่ค่อยจะสดชื่นนัก ปัญหาเก่าๆยังคงคั่งค้างอยู่ ส่วนใครที่ยัง โสด ถ้ามีใครเข้ามาตอนนี้ให้ค่อยๆคบกันไปก่อน อย่าไว้วางใจใครๆ ง่ายนัก กันไว้ดีก่อนดีกว่า
ราศี พฤษภ
เกิดระหว่างวันที่ 16 พ.ค.- 15 มิ.ย.
การงาน > งานประจำไม่ได้มีปัญหาอะไร ถึงจะยุ่งแต่ก็ลุยทำไปได้ แต่สังคมใน ที่ทำงานต่างหากที่ทำให้คุณเครียด ไล่มาตั้งแต่เจ้านายยันเพื่อน ร่วมงานเลยทีเดียว การเงิน > เงินทองสำหรับคุณชาวพฤษภปักษ์นี้ไม่มีปัญหา แถมคุณยังมีแผนที่จะ ซื้อของขวัญให้ตัวเองส่งท้ายปีอีกด้วย เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่เล็งไว้นาน แล้ว ได้ฤกษ์เสียที ความรัก > ด้วยความที่มุ่งทำงานเสียจนแทบไม่มีเวลาให้กับคนใกล้ตัว อาจทำให้มี การแง่งอนกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ คนโสดขยันออก งานจริงนะช่วงนี้ อาจได้ส่งสายตาหวานๆกับใครบางคนก็ได้
ราศี มิถุน
เกิดระหว่างวันที่ 16 มิ.ย.- 15 ก.ค.
การงาน > งานที่ต้องพบปะกับผู้คนมากหน้าหลายตาค่อนข้างมาแรง อาจต้อง กลับไปฟื้นฟูภาษาเป็นการณ์ใหญ่ หรือไม่ก็ต้องพบปะกับลูกค้า บ่อยหน่อยนะช่วงนี้ การเงิน > ปักษ์นี้คุณต้องใช้จ่ายเกี่ยวกับเรื่องสังคมค่อนข้างสูง จะเลือกซื้อหาอะไรให้ใคร ก็ต้องเป็นของดี ราคาสูง ยังไงๆ ก็ต้องคำนวณ เงินในกระเป๋าไว้บ้าง จะได้ไม่เกิดปัญหาทีหลังนะ ความรัก > หนาวนี้ใครๆเขาก็ควงกันไปเที่ยว แต่คุณๆที่ยังไม่มีใคร คุณกลับ ไม่ได้รู้สึกเหงา เพราะถึงจะไม่มีใคร แต่โปรแกรมท่องเที่ยวกับเพื่อนๆ หรือครอบครัวก็ทำให้คุณมีความสุขดีอยู่แล้ว คนมีคู่พูดคุยอะไรอย่าใช้อารมณ์ ให้มากนัก
ราศี กรกฎ
เกิดระหว่างวันที่ 16 ก.ค.- 15 ส.ค.
การงาน > งานเต็มไปด้วยความขัดแย้ง คุณต้องใช้ความอดทนค่อนข้างสูงในการ ประสานงานกับคนรอบข้าง แม้เจ้านายจะคุ้มครองได้ แต่ดูเหมือนว่าเขา กำลังยุ่งกับเรื่องของตัวเองอยู่นะ การเงิน > อย่าใช้เงินมือเติบมากนักในช่วงนี้ เพราะเงินที่คาดไว้ว่าน่าจะได้ อาจไม่ได้ อย่างที่หวังไว้ก็ได้ ปิ๊งของชิ้นไหนก็รอไปก่อน ระวังของมีค่าไว้ด้วย อาจตก หายได้ในช่วงนี้ ความรัก >
ชาวกรกฏปักษ์นี้เรื่องความรักค่อนข้างฉลุย คนมีคู่แล้ว ชักชวนกันไป ท่องเที่ยวสดชื่นดี คนโสด สนุกสนานเต็มไปด้วยงานปาร์ตี้ แต่ยัง ไม่เจอคนถูกใจ
ราศี สิงห์
เกิดระหว่างวันที่ 16 ส.ค.- 15 ก.ย.
การงาน > ปัญหาของชาวสิงห์ในปักษ์นี้ เป็นเรื่องของเอกสารสัญญา อาจมีข้อผิดพลาดได้ ก่อนลงนามเซ็นสัญญาอะไร ให้ตรวจตราให้รอบคอบ เจ้านายยังคงสนับสนุนดี แต่เพื่อนร่วมงานค่อนข้างหงุดหงิดง่าย การเงิน > ทางด้านการเงิน ชาวสิงห์มีเงินใช้จ่ายค่อนข้างคล่องตัว แม้จะเป็นช่วงปลายปีก็ตาม แถมเงินที่คาดว่าจะได้ ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ด้วยนะ น่าอิจฉาจริง ๆความรัก>เรื่องความขัดแย้งระหว่างคุณกับคนรัก ส่วนใหญ่เกิดจาก ฝ่ายคุณมาก กว่าฝ่ายเขานะ เพราะคุณใจคอโลเลไม่หนักแน่น คนโสด อย่าเชื่อคารม ใครมากนัก ใช้เวลาในการศึกษากันและกันให้ดีเสียก่อน
ราศี กันย์
เกิดระหว่างวันที่ 16 ก.ย. - 15 ต.ค.
การงาน > คุณจะได้ปรับเปลี่ยนด้านการงาน ถ้าไม่ย้ายงานก็อาจปรับตำแหน่ง หรือไม่ก็ย้ายที่ทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง ชาวกันย์ไม่ควรกังวลใจ เพราะการปรับเปลี่ยนครั้งนี้จะส่งผลดีกับคุณ การเงิน > ทางด้านการเงินไม่มีปัญหา ยังคงได้รับรายได้สม่ำเสมอ แถมเงินพิเศษ ก็มีเข้ามา แถมเครดิตดีอีกต่างหาก ออกปากขอหยิบยืมจากใคร ไม่ผิดหวังแน่นอน ความรัก > คนมีครอบครัวแล้ว อย่าปล่อยปละละเลยคนรัก เพราะมีเค้าว่า มือที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 กำลังจ้องจะเข้ามาทำลายความสุขของคุณ สาวโสดหนุ่มโสดทั้งหลาย รัก เขาชอบใคร ก็บอกๆไปเหอะ เก็บไว้ใครจะไปรู้ล่ะ กำลังจะขึ้นปีใหม่แล้ว กล้าๆหน่อย
ราศี ตุลย์
เกิดระหว่างวันที่ 16 ต.ค.. - 15 พ.ย.
การงาน >งานของคุณไม่เคยลดลงเลย ยังคงมากเหมือนเดิม แต่คุณเองก็ชอบให้เป็นอย่างนี้นี่นะ เพราะคุณๆชาวตุลย์รักที่จะทำงาน มันเป็นความสุขอย่างหนึ่งของคุณนั่นเอง คุณก็เลยไม่บ่น ไม่เครียด เหมือนราศีอื่นๆ การเงิน > เงินค่อนข้างดี เงินประจำ หรือเงินพิเศษ รวมถึงเงินจากลูกหนี้ทยอยเข้ามือไม่ขาดสาย แต่ก็มีรายจ่ายรออยู่ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะ รายจ่ายเรื่องค่ารักษาพยาบาลคนในครอบครัว ความรัก> คุณกับคนรู้ใจมักมีปากเสียงกัน จนคุณรู้สึกหงุดหงิด การใช้ อารมณ์ ไม่ใช่การแก้ปัญหา ควรใจเย็นลงนิด แล้วปัญหาจะคลี่คลายไปเอง คนโสด แอบปิ๊งใครบางคนอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าบอก
ราศี พิจิก
เกิดระหว่างวันที่ 16 พ.ย. - 15 ธ.ค.
การงาน > งานของชาวพิจิกดีวันดีคืน แม้ระยะแรกจะมีปัญหาให้ปวดหัวอยู่บ่อยๆ แต่ปักษ์นี้คุณจะมีความสุขในการทำงานมากขึ้น ปัญหาที่เคย เจอก็ลดน้อยถอยลงไปมาก การเงิน >เงินไม่ค่อยเป็นปัญหาในปักษ์นี้ แต่อาจกลับมามีปัญหาหนักได้ ถ้าคุณไม่ระวังเรื่องค่าใช้จ่าย ระยะนี้รายจ่ายส่วน ใหญ่เกิด จากรายจ่ายส่วนตัวของคุณนั่นเอง ความรัก >ความรักไม่ค่อยจะดีนัก ส่วนใหญ่เกิดจากเรื่องของคำพูด อารมณ์ขึ้นๆลงๆ ด้วยกันทั้งคู่ ห่างๆกันไปก่อนก็ดีนะช่วงนี้ ชาวพิจิกที่ยัง โสดจะเจอ ใครบางคนที่ถูกใจเจอกันจากการติดต่อประสานงาน หรือเพื่อน แนะนำให้รู้จัก
ราศี ธนู
เกิดระหว่างวันที่ 16 ธ.ค. - 15 ม.ค.
การงาน > งานดีมาก ผู้ใหญ่เห็นความสามารถ อาจมีการปรับตำแหน่งให้สูงขึ้น ท้าทายให้คุณมีกำลังใจในการที่จะพัฒนางานให้ดีขึ้นอีกด้วย คุณก็เลยค่อนข้างจะแฮ้ปปี้ส่งท้ายปี ส่วนปัญหาเก่าๆที่ผ่านมา แม้จะยังไม่ได้ถูกแก้ไข แต่จะค่อยๆลดน้อยถอยลงไปเอง การเงิน > รายจ่ายที่คั่งค้างมาจากเดือนก่อนๆ กำลังตามมาทำให้คุณปวดหัว แถมรายจ่ายใหม่ๆที่ต้องใช้เพื่อสังคม ก็ดูเหมือนจะมากกว่าทุกเดือน ปักษ์นี้ก็เลยเครียดหนักหน่อยนะ แต่ไม่เป็นไรคุณยังพอรับมือไหว ค่อยๆแก้ไขปัญหาให้ผ่านพ้นไปได้ ความรัก > ความรักของชาวธนูส่วนใหญ่เกิดจาก อารมณ์ร้อนของคุณเอง บางคนก็อาจเกิดจากปัญหารักซ้อนซ่อนรัก คนโสด หนาวนี้ยังคงต้องเหงาต่อไปนะ เพราะยังไม่เจอคนถูกใจเอาซะเลย
( คุณกุหลาบ คงไธสง โหราศาสตร์บ้านนกน้อย อ.นิคมสร้างตนเอง จ.ลพบุรี )
1 กุมภาพันธ์ 2548 23:49 น.
สุชาดา โมรา
พวกเราเดินทางมาเนิ่นนานแวะที่พิษณุโลกก่อน จากนั้นจึงเข้าสู่แหล่งอารายธรรมสุโขทัย เมืองประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การศึกษายิ่งนัก ความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่ยังคงหลงเหลือไว้ให้ลูกหลานได้ชมนั้นเป็นของขวัญอันล้ำค่า สมควรยิ่งกับการศึกษาและบูรณะซ่อมแซมให้คงอยู่สืบไปชั่วกาลปาวสาน ดินแดนแห่งนี้ครั้งหนึ่งเป็นดินแดนที่มีกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ปกครองอยู่ถึง 9 พระองค์ และหนึ่งในนั้นคือพ่อขุนรามคำแหงมหาราชซึ่งจัดได้ว่าเป็นบิดาแห่งภาษาไทยเลยก็ว่าได้ เพราะพระองค์ทรงคิดค้นอักษรไทยขึ้น
ณ ที่แห่งนี้ยังเป็นที่ที่โด่งดังไปทั่วโลก เพราะเคยมีนางนพมาศ หรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ซึ่งได้เป็นผู้ทำให้เกิดประเพณีลอยกระทงขึ้น ประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแห่งการศึกษา ทำให้พวกเราหลายคนยืนมองวิทยากรพูดด้วยท่าทางใจจดจ่ออย่างตั้งใจจริง หลายคนเดินถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน หลายคนสนใจในตัวสถาปัตยกรรม หลายคนสนใจในเรื่องของประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสุโขทัย บรรยากาศในวันนั้นจึงดูสดใสยิ่งนัก
วิทยากรได้พาพวกเราชาวภาษาไทยเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย เขาได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง ตัวฉันเองจับใจความได้ว่าอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า อำเภอศรีสัชนาลัย บนฝั่งขวาของแม่น้ำยม เดิมชื่อว่า เมืองเชลียง เปลี่ยนชื่อเป็น ศรีสัชนาลัย ในสมัยกษัตริย์ราชวงศ์พระร่วงขึ้นครองกรุงสุโขทัย และได้สร้างเมืองขึ้นใหม่เป็นศูนย์กลางการปกครองแทนเชลียง ในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์มีโบราณสถาน และโบราณวัตถุอยู่มากมายสำรวจค้นพบแล้ว 134 แห่งที่สำคัญ ๆ ก็ได้แก่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือวัดพระบรมธาตุเมืองเชลียง หรือวัดพระปรางค์, วัดเขาสุวรรณคีรี, วัดเจดีย์เจ็ดแถว, วัดสวนแก้วอุทยานใหญ่, วัดเขาพนมเพลิง, วัดช้างล้อม, วัดสวนแก้วอุทยานน้อย และวัดนางพญา เป็นต้น
จากการที่ได้ฟังวิทยากรบรรยายและการถอดแถบบันทึกเสียงนั้นได้ข้อมูลของแต่ละวัดดังนี้คือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือวัดพระบรมธาตุเมืองเชลียง หรือวัดพระปรางค์ ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองเก่าศรีสัชนาลัย ลงไปทางด้านใต้ประมาณ 3 กม. สิ่งสำคัญภายในวัดคือ มีพระปรางค์องค์ใหญ่ก่อด้วยศิลาแลง ฐานสี่เหลี่ยมจตุรัสกว้าง 22.50 เมตร ด้านหน้าพระปรางค์มีบันไดขึ้นไปสู่ซุ้มประตูเข้าองค์ปรางค์ ซึ่งมีพระปรางค์องค์เล็กตั้งอยู่กลางห้อง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
วัดเขาสุวรรณคีรี อยู่ทางทิศตะวันตก ห่างจากยอดเขาพนมเพลิง 200 เมตร และมีความสูงกว่ายอดเขาพนมเพลิง เล็กน้อย เป็นที่ตั้งของพระเจดีย์ที่มีรูปเป็นองค์ระฆังคว่ำใหญ่โตและสูงมาก ฐานของเจดีย์ทำสูงขึ้น ไปถึง 5 ชั้น มีบันไดศิลาแลงเตี้ย ๆ สำหรับเดินขึ้นไปบริเวณฐานของเจดีย์ ที่ด้านหลังของเจดีย์ใหญ่มีวิหารน้อยและเจดีย์ขนาดเล็กๆ และตรงกำแพงแก้วชั้นในทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีรูปยักษ์ปูนปั้น ขนาดใหญ่ และรูปสิงห์ รูปปูนปั้นเหล่านี้ชำรุดและล้มอยู่กับพื้นดิน ลักษณะของรูปยักษ์คล้ายรูปยักษ์วัดช้างล้อมมากสันนิษฐานว่า พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงสร้างวัดนี้
วัดเจดีย์เจ็ดแถว วัดนี้นับว่ามีความสวยงามมากกว่าวัดอื่นในเมืองสุโขทัย เพราะมีเจดีย์แบบต่างๆ กันมากมายเป็นศิลปะสุโขทัยแท้ก็มี เป็นศิลปะแบบศรีวิชัยผสมสุโขทัยก็มี นอกจากนี้ภายในเจดีย์บางองค์ยังมีภาพเขียนผนังอีกด้วย แต่ในปัจจุบันลบเลือนไปเกือบหมดแล้ว
วัดสวนแก้วอุทยานใหญ่ อยู่ไม่ห่างจากวัดเจดีย์เจ็ดแถวนัก มีกำแพงศิลาแลงล้อมรอบ สิ่งสำคัญของวัดนี้ก็คือ เจดีย์ทรงลังกา ที่ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทำให้ดูแปลกตากว่าเจดีย์ทรงลังกาวัดอื่น ๆ
วัดเขาพนมเพลิง ตั้งอยู่บนยอดเขาลูกเตี้ยๆ ของเมืองเก่าศรีสัชนาลัย สิ่งที่สำคัญของวัดนี้อยู่ที่ตัวพระเจดีย์ศิลาแลง และวิหารใหญ่ด้านหน้า ด้านหลังของเจดีย์มีมณฑปเล็กๆ หลังหนึ่งตั้งอยู่ ที่วิหารมีเสาศิลาแลง และพระพุทธรูปซึ่งตั้งเป็นประธานแต่ได้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา พระประธานในวิหารประทับ หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสร้างด้วยศิลาแลงเป็นชั้นๆ นำมา ต่อกัน และตกแต่งพอกปูนภายนอกอีกทีหนึ่ง
วัดช้างล้อม อยู่ในเขตตัวเมืองศรีสัชนาลัย เป็นวัดสำคัญของเมืองมีเจดีย์ทรงลังกาองค์ใหญ่เป็นหลักของวัดที่ฐานเจดีย์มีช้างปูนปั้นยืนหันหลังชนผนังเจดีย์อยู่โดยรอบ จำนวน 39 เชือก และช้างที่อยู่ตาม มุมเจดีย์ทั้ง 4 ทิศ ตกแต่งเป็นช้างทรงเครื่องตัวใหญ่สวยงามกว่าช้างเชือกอื่น ๆ โดยรอบเหนือฐาน เจดีย์จะมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยทุกซุ้ม
วัดสวนแก้วอุทยานน้อย หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า วัดสระแก้ว มีพระเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์เป็นหลักของวัด ด้านหน้าของซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป ทางด้านทิศตะวันตกมีสระน้ำอยู่สระหนึ่งทำให้สันนิษฐานว่าวัดนี้คือ วัดแก้วราชประดิษฐานที่มีกล่าวถึงในพงศาวดารเหนือนั่นเอง
วัดนางพญา เป็นวัดที่มีลวดลายปูนปั้นงดงามมาก ปรากฏอยู่บนซากผนังวิหารด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็น วิหารขนาดเจ็ดห้อง ภายในวิหารตามเสาทุกด้านมีเทพนมและลวดลายต่าง ๆ ทำด้วยสังคโลกไม่เคลือบ เจดีย์ของวัดก่อด้วยศิลาแลงสูงใหญ่ และมีสภาพสมบูรณ์รอบฐานเจดีย์ มีเสาโคมไฟโดยตลอด มีบันไดขึ้นไปบนเจดีย์จะเห็นได้ว่าความรู้ที่ได้รับนั้นมากมายเลยทีเดียว ใครที่ไปสุโขทัยแล้วยังไม่ได้แวะเวียนไป ณ ที่แห่งนี้ก็ถือได้ว่าพลาดโอกาสทองทีเดียวละ เพราะสถาปัตยกรรมนั้นสวยมาก อีกทั้งคุณค่าทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์อันยาวนานนั้นคุ้มค่ากับการไปเที่ยวชมอีกด้วยการเดินทางไปยังอำเภอศรีสัชนาลัยจากตัวเมืองสุโขทัย ใช้ทางหลวงหมายเลข 101 ( สุโขทัย-สวรรคโลก-ศรีสัชนาลัย ) ถึงบริเวณ กม.ที่ 64 ให้เลี้ยวซ้ายข้ามสะพานข้ามแม่น้ำยม จะมีทางแยกขวาเข้าอุทยานฯ ประมาณ 2 กม. ระยะทาง 68 กม. หรือโดยสารรถประจำทาง สุโขทัย - ศรีสัชนาลัย ได้ที่คิวรถ บริเวณตลาดเทศบาลนอกจากนี้นักท่องเที่ยวสามารถใช้เส้นทางจากสวรรคโลกไปตามทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1201 ไปจนถึงตำบลเมืองเก่า บริเวณเชิงสะพานข้ามแม่น้ำยมแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าอุทยานฯ อีก 2 กม. รวมระยะทาง 22 กม. อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 40 บาท นักท่องเที่ยวที่ต้องการขอวิทยากรนำชม หรือสอบถามรายละเอียด สามารถติดต่อได้ที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย อ. ศรีสัชนาลัย จ. สุโขทัย 64130 โทร. (055) 679211 นะคะ
นอกจากนี้ผู้ที่สนใจที่จะไปเที่ยวชมสุโขทัยก็ยังสามารถเดินทางได้โดยรถยนต์จากจังหวัดสุโขทัย ตามถนนสายสุโขทัย-สวรรคโลก-ศรีสัชนาลัย ( สายเก่า ) จะเข้าสู่อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัยได้ 2 ทางคือ สายเก่าจากอำเภอสวรรคโลกเลี้ยวซ้ายไปอำเภอทุ่งเสลี่ยม ข้ามสะพานแม่น้ำยมไปอีกประมาณ 3 กม. เลี้ยวขวาไปตามทางสายใหม่ สวรรคโลก-ศรีสัชนาลัย ระยะทางประมาณ 20 กม. ถึงบ้านเมืองเก่าเลี้ยวซ้ายลงทางลูกรังถึงบ้านสารจิตรอีก 9 กม. แล้วเดินทางต่อผ่านบ้านแก่ง บ้านปากคะยางและบ้านป่าคา ถึงที่ทำการอุทยานฯ ระยะทางประมาณ 45 กม. และสายที่ 2 จากอำเภอศรีสัชนาลัยเลี้ยวซ้ายผ่านหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอศรีสัชนาลัย ข้ามสะพานแม่น้ำยม ผ่านหน้าโรงพยาบาลศรีสัชนาลัยเลี้ยวซ้ายไปตามทางสายใหม่ ศรีสัชนาลัย-สวรรคโลก ถึงบ้านหนองอ้อ เลี้ยวขวาลงทางลูกรังไปเชื่อมกับทางสายแรกที่บ้านสารจิตร รวมระยะทางถึงอุทยานแห่งชาติฯ ประมาณ 45 กม. จะมีป้ายบอกทางชัดเจน สภาพเส้นทางจะเป็นทางราดยางขนาดสองทางวิ่ง ก่อนจะเข้าอุทยานฯ จะต้องผ่านห้วยซึ่งมีสะพานข้ามอยู่แล้ว
สำหรับการเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง จะมีรถออกจากอำเภอศรีสัชนาลัยเป็นรถสองแถว ขนาดใหญ่ จอดที่ตรงข้ามสถานีตำรวจภูธร อำเภอศรีสัชนาลัย มีป้ายเขียนนอกรถว่า บ้านโป จำนวน 1 คัน และมี แม่เรืองทรัพย์ อีก 1 คัน ซึ่งรถทั้ง 2 คันจะออกเวลา 11.00 น. ค่าโดยสารถึงอุทยานฯ คนละ 30 บาท ในกรณีที่เดินทางเป็นหมู่คณะ อาจจ้างเหมาจากท่ารถดังกล่าวเข้าไปอุทยานฯ ได้ ราคาค่าจ้างเหมาต่อเที่ยวก็ประมาณ 600 บาท นะคะ ถ้าเกิดคิดจะหาที่เที่ยวดีดีก็ลองไปเที่ยวที่สุโขทัยดูนะคะรับรองว่าสิ่งที่จะรับมานั้นคุ้มค่าจริง ๆ
พวกเราชาวภาษาไทยเต็มอิ่มกับการได้เที่ยวชมสถานที่สำคัญ ๆ แล้วเรายังได้พักที่โรงแรมใจกลางตลาดอีกด้วย โรงแรมริเวอร์วิว ทั้งสะดวกสบาย หาที่รับประทานอาหารง่าย ใกล้ตัวเมือง ทำให้พวกเราทุกคนอิ่มทั้งใจอิ่มทั้งกายกับการได้ไปเที่ยวเป็นอย่างมาก ถ้าหากผู้ที่สนใจจะไปเที่ยวสุโขทัยแล้วยังไม่มีที่พักก็อย่าลืมแวะไปที่โรงแรมแห่งนี้นะคะ ซึ่งตั้งอยู่ที่ 92-92/1 ถนนนิกรเกษม อำเภอเมืองสุโขทัย โทร. ( 055 ) 611656, 611516, 613371-2 และหมายเลขแฟ็กซ์. ( 055 ) 613373 นะคะ
การได้ไปท่องเที่ยวในครั้งนี้นอกจากจะได้ทั้งความรู้และความสนุกสนานกลับมาเล่าสู่กันฟังแล้ว ยังจะได้เพื่อแท้กลับมาอีกด้วย เพราะมิตรที่ดีก็มากจากการที่เห็นเพื่อนกำลังลำบากและช่วยเหลือซึ่งกันและกันประสบการณ์กับการท่องเที่ยวในครั้งนี้ยังคงเป็นภาพความทรงจำที่ยังคงจดจำกันไปอีกนานตราบนานเท่านานเหมือนกับเมื่อครั้งที่ได้มีโอกาสไปคราที่แล้ว ซึ่งยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของฉันไปตลอดกาล ถ้าหากมีโอกาสได้ผ่านสุโขทัยก็อย่าลืมแวะท่องเที่ยวเมืองแห่งประวัติศาสตร์แห่งนี้นะคะ
30 มกราคม 2548 01:53 น.
สุชาดา โมรา
การเดินทางไปจังหวัดลพบุรีนั้นไปได้ทั้งทางรถยนต์โดยสารประจำทางและรถไฟถ้าท่านเลือกโดยสารรถประจำทางก็ติด
ต่อสอบถามได้ที่สถานีขนส่งสายเหนือหรือหมอชิต ทั้งรถปรับอากาศและรถธรรมดาออกเดินทางตั้งแต่เวลา 5.00 น. ถึง 20.00 น. ส่วนท่านที่เลือกเดินทางโดยรถไฟก็มีรถไฟสายเหนือจากกรุงเทพฯ ที่ผ่านตัวเมืองลพบุรีวันละหลายขบวนไม่ว่าจะเป็นขบวนรถด่วน
พิเศษ รถด่วนเร็ว และมีทั้งรถนั่ง รถนอน ชั้น 1 ชั้น 2 ชั้น3 เลือกตามอัธยาศัย หรือถ้าสะดวกที่จะขับรถไปเองก็ได้แต่อย่าลืมตรวจ
เช็คสภาพรถก่อนออกเดินทาง ถ้าหากตั้งต้นที่กรุงเทพฯ ก็สามารถขับรถไปได้หลายเส้นทางตามความคุ้นเคย ขออนุญาตแนะนำ
เพียงเส้นทางเดียวดีกว่า เพราะจำได้ง่ายไม่สับสน เส้นทางที่ว่านี้ก็คือจากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน ผ่านจังหวัดสระบุรี ผ่านอำเภอพระพุทธบาทเข้าสู่ลพบุรี ระยะทางประมาณ 153 กิโลเมตร ขับรถเพียงชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึง
ลพบุรีที่เรากำลังพูดถึงนี้เป็นจังหวัดที่อยู่ห่างจากกรุงเทพไปทางทิศเหนือ มีเนื้อที่ประมาณ 6,586 ตารางกิโลเมตรพื้นที่
ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสลับเนินเขาประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นเป็นที่ราบลุ่ม ทิศเหนือมีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดเพชรบูรณ์และ
นครสวรรค์ ทิศใต้ติดต่อกับจังหวัดสระบุรีและพระนครศรีอยุธยา ทิศตะวันออกติดต่อกับจังหวัดนครราชสีมาและชัยภูมิ ทิศตะวันตก
ติดต่อกับจังหวัดสิงห์บุรี อ่างทอง
คำขวัญของจังหวัดลพบุรี ที่มีว่า วังนารายณ์คู่บ้าน ศาลพระกาฬคู่เมือง ปรางค์สามยอดลือเลื่อง เมืองแห่งดินสอพอง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เกริกก้อง แผ่นดินทองสมเด็จพระนารายณ์ ทำให้สามารถมองย้อนกลับไปเห็นความสำคัญอันยิ่งใหญ่ในอดีตของลพบุรีได้
อย่างแจ่มชัด ทั้งวังนารายณ์ ศาลพระกาฬ และปรางค์สามยอด ถ้าอ่านความเป็นมาของลพบุรีจะพบว่ากษัตริย์หลายพระองค์ทรงได้
เคยเป็นส่วนหนึ่งในประวัติของจังหวัดนี้ด้วย และที่แน่ ๆ ก็คือลพบุรีเป็นเมืองเก่าแก่มากเมืองหนึ่งตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เนื่อง
จากมีการขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ยุคหินใหม่อายุราว 2 พันถึง 4 พันปีที่บ้านโคกเจริญ ตามที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์พระยากาฬ-
วรรณดิศราช โอรสพระยากากะพัตรแห่งเมืองนครชัยศรีเป็นผู้สร้างเมืองลพบุรีเมื่อพุทธศักราช 1191 โดยตั้งชื่อเมืองว่า ละโว้ ซึ่ง
ตรงกับสมัยทวาราวดี ละโว้ในยุคนั้นมีฐานะเป็นศูนย์กลางทางด้านศิลปวัฒนธรรมแถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เทือกเขาสมอคอนเมือง
ลพบุรีนี้มีกษัตริย์เสด็จมาศึกษาเล่าเรียน 2 พระองค์ องค์แรกคือพ่อขุนรามคำแหงเมื่อครั้งยังเป็นราชโอรสแห่งเมืองสุโขทัย และองค์
ต่อมาคือพ่อขุนงำเมือง เมื่อครั้งเป็นราชโอรสแห่งเมืองพะเยา จึงเป็นสิ่งเน้นให้เห็นว่าเมืองลพบุรีในยุคนั้นเป็นเมืองศูนย์กลางศิลป
วัฒนธรรมที่สำคัญยิ่ง หลังจากผ่านยุคความรุ่งเรืองมา ลพบุรีก็เสื่อมความสำคัญหลังจากสมัยของพระราเมศวร แต่ก็กลับมาสู่ความ
เจริญสูงสุดในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีบันทึกไว้ว่าพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้าง
พระราชวังที่เมืองลพบุรีไว้เป็นที่ประทับเมื่อพุทธศักราช 2209 และที่สำคัญคือเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พุทธศักราช 2231 สมเด็จ
พระนารายณ์มหาราชเสด็จสวรรคต ที่พระที่นั่งสุทธาสวรรค์ภายในพระราชวังเมืองลพบุรี เหตุการณ์ที่กล่าวมานี้เป็นเหตุแห่งที่มาของ
คำว่าวังนารายณ์และแผ่นดินทองสมเด็จพระนารายณ์ โดยทางจังหวัดกำหนดให้วันที่ 11กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันรำลึกถึงสมเด็จ
พระนารายณ์มหาราช เมื่อมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
โปรดกระหม่อมให้บูรณะเมืองลพบุรีขึ้นอีกครั้งในปีพุทธศักราช 2406 และได้สร้างพระที่นั่งพิมานมงกุฏขึ้นเป็นที่ประทับภายใน
พระราชวังของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ระหว่างเดินทางมาจังหวัดลพบุรีได้ทราบประวัติความเป็นมาอย่างย่อ ๆ ของที่นี่แล้ว สิ่งที่สำคัญและนับว่าเป็นหัวใจของ
ลพบุรีเห็นจะเป็นประวัติและบรรดาสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระนารายณ์มหราชเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากว่าแผ่นดินนี้ได้ชื่อว่า
เป็นแผ่นดินของสมเด็จพระนารายณ์ ทางจังหวัดจึงได้มีการจัดวังสมเด็จพระนารายณ์ขึ้นคือวันที่ 11 กรกฎาคมของทุกปี นอกจากนี้
ยังมีสถานที่เที่ยวอีกแห่งหนึ่งคือศาลพระกาฬ ตั้งอยู่ริมทางรถไฟด้านทิศตะวันออก เดิมเรียกว่าศาลสูงเป็นเทวสถานเก่าของขอม สร้างด้วยศิลาแลงเรียงซ้อนกันเป็นฐานสูง มีทัพหลังสลักเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ ทำด้วยศิลาทรายอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 วางอยู่ติดฝาผนังวิหารหลังเล็กชั้นบน และยังพบหลักศิลาจารึก 8 เหลี่ยมจารึกอักษรมอญโบราณ ส่วนด้านหน้านั้นเป็นศาลาที่สร้าง
ขึ้นเมื่อพุทธศักราช 2494 ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปประติมากรรมลอยตัว 4 กร ไม่มีเศียร อาจเป็นเทวรูปพระนารายณ์
ศิลปะแบบลพบุรีหรือรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ภายหลังมีผู้นำเศียรพระพุทธรูปศิลาทรายสมัยอยุธยามาสวมไว้เป็นที่เคารพ
สักการะของประชาชนทั่วไป นอกจากศาลพระกาฬจะเป็นเทวสถานที่เก่าแก่แล้ว ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือ ฝูงลิงที่
มีมากกว่า 300 ตัว กล่าวกันว่าแต่เดิมบริเวณโดยรอบศาลพระกาฬมีต้นไม้ใหญ่และมีลิงอาศัยอยู่ เมื่อมีคนนำผลไม้และอาหารมา
แก้บนที่ศาลพระกาฬลิงป่าเหล่านั้นก็จะเข้ามากินอาหาร เลยเชื่องคุ้นเคยกับคน
โบราณสถานหรือเทวสถานอีกแห่งหนึ่งคือพระปรางค์ 3 ยอด ตั้งอยู่บนเนินดินด้านตะวันตกของทางรถไฟใกล้กับศาลพระ-
กาฬลักษณะเป็นปรางค์เรียงต่อกัน 3 องค์ มีทางเดินเชื่อมต่อกับปรางค์องค์กลางสูงประมาณ 21 เมตรครึ่ง เป็นศิลปะเขมรแบบบายน มีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 18 ก่อด้วยศิลาแลงและตกแต่งด้วยสาบปูนปั้นที่สวยงาม ตามซุ้มประตูเดิมนั้นคงจะมีทับหลัง แต่ที่
เหลือในปัจจุบันคือเสาประดับกรอบประตูแกะสลักเป็นรูปฤาษีนั่งชันเข่าในซุ้มเรือนแก้ว ซึ่งเป็นแบบเฉพาะของขอมต่อมาได้ดัด
แปลงเป็นเทวสถานโดยมีฐานศิวลึงค์ในองค์ปรางค์ทั้ง 3 จนกระทั่งถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์จึงได้บูรณะปฏิสังขรณ์พระปรางค์ 3 ยอดเป็นวัดในพระพุทธศาสนา แล้วได้สร้างพระวิหารก่อด้วยอิฐลักษณะสถาปัตยกรรมแบบอยุธยา ในส่วนของประตูและหน้าต่างภาย
ในวิหารประดิษฐานพระรูปหินทรายปางมารวิชัย ศิลปะอยุธยาตอนต้น ปัจจุบันก็ยังคงประดิษฐานอยู่กล้างแจ้ง
สภาพของลพบุรีในปัจจุบัน
เมื่อรถเข้าตัวเมืองก็จะเห็นวงเวียนที่เป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัด ใกล้ ๆ กันจะมีสำนักงานการท่องเที่ยวเขต 7 ที่ให้
บริการข้อมูลการท่องเที่ยวของลพบุรีและจังหวัดใกล้เคียง สามารถเข้าไปขอรายละเอียดแผ่นพับเกี่ยวกับการท่องเที่ยวภายในจังหวัด
ได้ หรือว่าจะไปถามเรื่องร้านอาหารอร่อย ๆ อนุสาวรีย์จะเลยตรงนี้ไปอีก 1 วงเวียน จะเป็นรูปปั้นลอยตัวท่านยืนตระหง่านเป็นสง่า
อยู่กลางวงเวียนและทางด้านขวาจะเป็นสวนสัตว์ที่อยู่ของลิง สวนสัตว์นี้เป็นของทางราชการ หน่วยงานทหารรับผิดชอบดูแลสามารถ
เข้าชมได้ทุกวัน และในวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีการการโชว์ของลิงในสวนสัตว์ เก็บค่าเข้าแค่ 10 บาท สามารถนำรถไปจอดใกล้ ๆ ได้
แล้วก็เข้าไปเดิน พื้นที่ไม่กว้างเท่าไหร่ ลักษณะสวนสัตว์ก็จัดง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนแต่น่าสนใจไม่ใช่น้อย
......................................