25 มีนาคม 2548 22:45 น.
สุชาดา โมรา
ไร่ของคุณนิวน่ะเหรอคะเมื่อเที่ยวที่แล้วคุณเพิ่งจะบอกให้เขาเลิกยุ่งกับคุณไปเองนะคะ
แต่เราก็ยังเป็นญาติกันอยู่นี่นาอีกอย่างคุณแม่ท่านก็มีหุ้นส่วนในนั้นตั้งกว่าครึ่ง ฉันจะไปกลัวอะไรที่พักก็ฟรี ขาดเพียงอย่างเดียวคือไกด์นำเที่ยวก็เท่านั้น งานนี้ฉันคงต้องอาศัยคุณนิวแล้วละเพราะเขาเป็นคนพื้นถิ่นที่นั่นนี่นา
กัญญาพูดขึ้นพร้อมกับจินตนาการนึกภาพวันที่ไป เธอคิดถึงไร่กุหลาบที่มีหลากสี โดยเฉพาะกุหลาบสีขาวซึ่งเป็นสีที่เธอโปรดปรานเธอรีบกดโทรศัพท์คุยกับคุณนิวทันทีคุณนิวก็ตอบตกลงที่จะให้พนักงานทั้งหมดไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาที่นั่นถึงสามวัน เขายินดีเป็นไกด์ให้ทุกคนเพราะตัวเขาเองก็ถนัดในเรื่องการพาคนไปเที่ยวอยู่แล้ว โดยเฉพาะการที่จะได้ช่วยกัญญานี่แล้วยิ่งทำให้เขาเต็มใจมากยิ่งขึ้น
กัญญาและพนักงานรวมทั้งผู้บริหารทั้งหมดเดินทางไปเชียงใหม่ในเช้าวันศุกร์ ทุกคนดูสนุกสนานมาก โดยเฉพาะแนนซี่เธอนัดเจอกับหมอดูคนนั้น ซึ่งเมื่อเที่ยวที่แล้วได้ไปเจอกันตอนดูงาน แนนซี่แสดงท่าทางจริงจังเป็นอย่างมากเพราะเธอคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะต้องเป็นคนที่จริงจังและก็จริงใจอย่างแน่นอน
เมื่อมาถึงไร่กุหลาบของคุณนิว คุณนิวและพวกคนงานออกมาต้อนรับพร้อมทั้งจัดที่พักเอาไว้ให้พวกผู้บริหารเป็นอย่างดีส่วนพนักงานนั้นให้นอนเต็นท์ แต่กัญญาตั้งใจไว้แล้วว่าจะนอนเต็นท์ เธอจึงขอปฏิเสธที่จะพักยังที่พักที่คุณนิวจัดไว้ แต่เธอจะไปขออาศัยใช้ห้องน้ำเพียงเท่านั้น
ทำตัวตามสบายเลยนะครับ
ค่ะ
กัญญาเดินตรงไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำก่อนที่จะค่ำเพราะเดี๋ยวจะไปกางเต็นท์ไม่ทันเมื่อเธอมาที่สนามหญ้า คุณนิวก็จัดแจงกางเต็นท์เอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วเธอจึงไม่ได้ทำอะไรทุกคนร่วมทานอาหารค่ำด้วยกันที่สนามหญ้าใกล้ ๆ กับเต็นท์ คืนนี้เป็นอาหารแบบบุฟเฟ่ ดูทุกคนจะสนุกสนานเป็นพิเศษเลยทีเดียวคุณนิวเดินไปตักอาหารมาให้ที่โต๊ะของผู้บริหาร เขาร่วมคุยกับทุกคนอย่างเป็นกันเอง
กิจการใหญ่โตกว่าเดิมเยอะเลยนะคะ
ครับตอนนี้ผมก็กว้านซื้อที่ดินเพิ่มอีกสามร้อยกว่าไร่เพราะผมอยากจะสร้างเนื้อสร้างตัวให้เป็นหลักมากกว่านี้
แล้วนี่ยังไม่พอสำหรับการสร้างตัวอีกเหรอคะ แนนซี่ถามขึ้นทำให้คุณนิวถึงกับยิ้มออกมาทันที
แนนซี่โทรหาชายหนุ่มในฝันของเธอซึ่งเป็นหมอดูให้มาที่ไร่ของคุณนิวในยามวิกาล ทั้ง ๆ ที่กัญญาได้ห้ามแล้วห้ามอีกแต่แนนซี่ก็ทำกัญญารู้สึกไม่ค่อยพอใจนักเพราะกัญญาเองคิดว่าตัวเธอนั้นเป็นผู้หญิง แนนซี่เองก็เป็นผู้หญิงถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้หญิงมาตั้งแต่กำเนิดก็ตามแต่ก็ควรที่จะสงวนท่าที ไม่ใช่ชวนผู้ชายพายเรือมาในเวลาอย่างนี้
หมอดูคนนั้นขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของคุณนิว เขาตรงมายังโต๊ะอาหารและสวัสดีทุกคนทันทีแนนซี่แนะนำเขาให้ทุกคนรู้จักจากนั้นก็นั่งคุยกันตามปกติผู้บริหารหลายคนที่รู้ว่าเขาเป็นหมอดูต่างก็เข้าไปขอให้เขาดูลายมือให้ ทำให้กัญญารู้สึกว่าทุกคนไม่ว่าจะสูงหรือต่ำต่างก็ชอบอะไรที่โลกนี้อธิบายไม่ได้ ชอบเชื่อเรื่องงมงายไร้สาระกัญญาจึงขอตัวเดินออกไปห่าง ๆ จากโต๊ะและออกมาเดินเล่นคนเดียว ปล่อยให้ทุกคนเชื่อเรื่องไร้สาระอยู่แบบนั้น
ทำไมออกมาเดินเงียบ ๆ คนเดียวล่ะ
คือฉันเบื่อที่จะมาทำตัวไร้สาระแบบนั้นน่ะค่ะอีกอย่างคืนนี้พระจันทร์ก็ดูสวยด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่เต็มดวงก็ตาม
ผมขออยู่เป็นเพื่อนได้ไหม
ใครจะไปห้ามคุณได้ล่ะในเมื่อที่นี่มันบ้านของคุณ
กัญญาพูดขึ้นพร้อมกับนั่งลงกับพื้นหญ้าเธอนั่งมองดูดาวที่เต็มอยู่บนฟากฟ้าถึงแม้ว่าแสงนั้นจะดูริบหลี่เหลือเกินจนแทบจะมองไม่เห็น
คุณตัดสินใจที่จะมีคู่หรือยังแม่สาวคานเพชรนิเวศน์
คุณนี่กล้าพูดมากเลยนะไปเอาคำพูดนี้มาจากไหนนี่
ก็คุณแนนซี่ไงเธอชอบพูดให้ฟังบ่อย ๆ ว่าคุณไม่ยอมลงเอยกับผู้บริหารของช่อง N.TV ทั้ง ๆ ที่เขาก็ตื้อคุณเหลือเกิน ถึงแม้ว่าเขาจะชอบแหย่และกวนใจคุณอยู่บ่อย ๆ ก็ตามแต่เท่าที่ผมฟังคุณแนนซี่พูดแล้วผมก็รู้สึกได้ว่าเขาชอบคุณจริง ๆ
อย่าเพ้อเจ้อไปหน่อยเลยน่าคุณนี่ท่าจะบ๊องนะสงสัยอยู่กับดอกไม้มากจัดไม่ค่อยได้เจอผู้คน
คุณก็อย่างนี้แหละชอบกวนอารมณ์คนอื่นอยู่เรื่อย เลิกรับริมฝีปากที่เอาไว้ออกศึกเสียบ้างเถอะ
ทำไมปากฉันมีไว้พูดนี่ ถ้าฉันไม่พูดแบบนี้แล้วฉันจะหาคนที่เป็นคู่แท้ของฉันได้อย่างไร
ระวังเขาจะหนีไปหมดละกันผมพูดตามตรงนะตอนนี้ผมก็ตัดใจจากคุณได้แล้วละเราก็คงจะมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมแต่ในฐานะเพื่อนคนหนึ่งนะ ผมอยากจะบอกคุณว่าถ้าคุณจะรักใครสักคน ไม่ว่าเขาจะเป็นคนแบบไหนผมขอร้องอย่างหนึ่งนะให้คุณพักรบรากับเขาเสียบ้างก่อนที่เขาจะหนีหายไปหมดคราวนี้จะมาร้องโอดโอยว่าเป็นสาวคานเพชรนิเวศน์จริง ๆ ไม่ได้นะ
ฉันเข้าใจแต่ฉันเป็นคนแบบนี้จะให้ฉันทำไงได้ล่ะนิว
ถ้าคิดจะรักนะ คุณต้องพักรบ ไม่งั้นก็คงต้องกินแห้วไปหรือว่าอยากให้เพื่อน ๆ เรียกคุณว่าสาวคานเพชรแบบนี้ไปตลอดล่ะมันไม่ดีนะคุณก็สามสิบแล้วนะน่าจะมีคู่ได้แล้ว
จ้าฉันจะเก็บไปคิดก็แล้วกัน
กัญญาตอบคุณนิวแล้วก็ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจจากนั้นจึงเดินกลับมาหาทุกคนที่นั่งดูดวงกันอยู่ที่โต๊ะแนนซี่ดูท่าทางจะมีความสุขมากเพราะเธอได้หน้าได้ตาที่มีแฟนเป็นหมอดูทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่ได้มีเกียรติขนาดนั้นสักหน่อย
กัญญาดูดวงด้วยกันไหมนี่ดูให้คุณวจีเป็นคนสุดท้ายพอดีเลย
ไม่ละหมอดูหมอเดา หมอก็เอาสตางค์
กัญญาพูดขึ้นพร้อมกับเดินมาหยิบแก้วน้ำดื่มเธอยิ้มแล้วเดินห่างออกไป ชายที่เป็นหมอดูคนนั้นวิ่งเข้ามาหาเธอและยื้อให้เธอมานั่งดูดวง
หมอดูก็ไม่ได้เอาเงินเสมอไปหรอกครับและผมก็ไม่ได้มาเอาเงินใครด้วย ผมแค่ดูให้เพื่อความสนุก ๆ ก็เท่านั้น
หมอดูก็คู่กับหมอเดานั่นแหละ
มันก็จริงอยู่แต่ถ้ามันทำให้คนคนหนึ่งสบายใจมันก็ดีไม่ใช่เหรอครับ
ชายคนนั้นแย้งทันทีเพราะเขารู้สึกว่ากัญญาจะเข้าใจผิดอะไรไปบางอย่างและดูเธอจะไม่ค่อยชอบพวกหมอดูสักเท่าไรนัก
ผมชื่อไผ่ครับจริง ๆ แล้วผมก็ไม่ใช่หมอดงหมอดูตัวจริงหรอก เพียงแต่นี่มันงานอดิเรกของผม งานหลัก ๆ ของผมก็คือทำรีสอร์ทที่อยู่ไม่ห่างจากไร่คุณนิวมากนักหรอกครับคุณนิวก็รู้จักผมเป็นอย่างดี ไม่เชื่อก็ลองไปถามเขาดูสิครับ
ใครถามคุณเหรอ
กัญญาตอบอย่างไร้อารมณ์ที่จะพูดด้วยเพราะเธอรู้สึกง่วงมากและไม่อยากที่จะคุยกับใคร ทำให้คำพูดของเธอดูเหมือนจะยั่วโมโหเขาแต่เขาก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเธอเพราะเขาเห็นสีหน้าและแววตาของเธอดูง่วงจริง ๆ
ผมไม่กวนคุณก็ได้ผมชื่อไผ่ครับ เขาย้ำอีกครั้งเพื่อให้เธอรู้ว่าเขาชื่ออะไร
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
กัญญายื่นมือไปจับเขาแบบธรรมเนียมฝรั่ง เขาจึงยื่นมาจับมือเธอจากนั้นเขาก็จับมือไม่ยอมปล่อยทีเดียวทำให้กัญญารู้สึกหงุดหงิดแต่ก็ไม่กล้าที่จะต่อว่าเขาเพราะกลัวว่าแนนซี่จะเคืองเธอจึงปล่อยให้เขาดูลายมือเธอ
คุณเป็นคนที่ขยันทำงานมุทะลุ เป็นคนที่อารมณ์แปรปวนแต่ก็เก็บอารมณ์เก่งมาก มีความมุ่งมั่นต่องานและหน้าที่ มีความมั่นใจในตัวเองสูง และเป็นนักพัฒนา
ใคร ๆ ก็เดาได้ทั้งนั้นแหละกัญญานึก
คุณอย่าเพิ่งแสดงสีหน้าไม่เชื่อแบบนั้นสิ คุณไผ่พูดขึ้น ตามเส้นชีวิตบอกว่าดวงของคุณมากับการเงิน แสดงว่าคุณจะต้องเป็นเศรษฐีในอนาคต หรือไม่ขณะนี้ก็กำลังเป็นอยู่เนื้อคู่นั้นมีหลายคนที่เข้ามา แต่เนื้อคู่แท้นั้นจะมาพร้อมกับความมีชื่อเสียง วาสนา และการเงิน ซึ่งจะมีอยู่ในตัวคนคนนั้นเรื่องทรัพย์นั้นคุณเป็นคนที่จัดว่าขี้งกเอาการทีเดียวรับรองว่าชาตินี้ทั้งชาติใครได้คุณไปเป็นศรีภรรยารับรองว่าโชคดีมาก
พูดจบหรือยังล่ะฉันง่วงแล้วนะ
เอ่อครับแต่มีอยู่เรื่องหนึ่งคือคุณควรระวังภัยที่มาจากธรรมชาตินะครับและหลังจากภัยนั้นสงบคุณจะมีลาภก้อนโตทีเดียว
คุณไผ่พูดจบกัญญาจึงขอตัวไปนอน เธอแสดงสีหน้าไม่เชื่อถือเพราะเธอคิดว่าของอย่างนี้ใคร ๆ ก็เดาได้ อยู่ในกลุ่มผู้บริหารก็ต้องมีตำแหน่งอะไรสักอย่างนั่นแหละ เขาก็คงจะเดาสุ่มไปอย่างนั้นกัญญามุดหัวเข้าเต็นท์ เธอเข้านอนทันทีเพราะเธอรู้สึกง่วงมาก ครู่หนึ่งคุณวจีก็ตามมาแต่เธอก็เห็นว่ากัญญานอนแล้วเธอจึงได้แต่พูดเปลย ๆ ออกมาเท่านั้น
คนมีชื่อเสียงผู้ชายคนนั้นต้องเป็นคุณภูริแน่ ๆ เลย คุณวจีพูดขึ้น
..15
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ...ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดนะคะ
23 มีนาคม 2548 16:16 น.
สุชาดา โมรา
เจ้าหญิงรู้สึกตกใจมากเมื่อรู้ว่าชายคนนั้นคือเจ้าชายเทวธิราช เจ้าหญิงยืนนิ่งจนเจ้าชายต้องเอื้อมมือไปจับมือของพระองค์เอาไว้และสวมแหวนให้ พิธีราชาภิเษกจึงเริ่มขึ้นตามพิธีการของแคว้นราชันย์อุไร
เสียงแตรดังประโคมกึกก้อง เครื่องดนตรีหลายชนิดบรรเลงดังรัวราวกับตอบรับความยินดีที่กำลังจะเกิดขึ้น เจ้าชายจูงมือเจ้าหญิงออกไปเต้นรำกลางท้องพระโรงซึ่งจัดไว้เป็นลานเฉลิมฉลอง
เจ้ารู้ไหมว่าพี่รอเจ้ามานานแสนนาน
รอเหรอเพคะหม่อมฉันคิดว่าเจ้าพ่อส่งหม่อมฉันมากระทันหันเสียอีก เหตุใดจึงทรงบอกว่ารอหม่อมฉันหรือเพคะ!!!
พี่จำได้ว่าพี่เคยพบเจ้าเมื่อเจ้ายังเล็กนัก ที่วังแห่งนี้
เหรอเพคะหม่อมฉันคิดว่าหม่อมฉันไม่เคยมานะเพคะ
เจ้าเคยมาเจ้าหญิงมินทรา พี่จำได้ดีว่าเจ้าวิ่งเล่นในสวนดอกไม้ ขณะนั้นเจ้ายังเล็กนักคงจำความอะไรไม่ได้มากเพราะเราก็อายุห่างกันถึงสิบปีไม่ใช่หรือ
เพคะหม่อมฉันเริ่มรู้สึกว่าคับคล้ายคับคลาว่าเคยเล่นกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง แต่หม่อมฉันจำไม่ได้ว่าใครเพคะ เพียงแต่เด็กผู้ชายคนนั้นเขาได้มอบของไว้ให้หม่อมฉันอย่างหนึ่งเพคะ
ใช่พี่ให้สิ่งนี้กับเจ้า
เจ้าชายถอดแหวนมุกสีดำที่คล้องอยู่ที่คอออกมาทันที จากนั้นจึงยื่นให้เจ้าหญิงดูขณะที่ผู้คนในงานต่างเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน เจ้าหญิงแสดงท่าทางดีใจจากนั้นจึงถอดแหวนออกมาจากนิ้วก้อยยื่นไปเทียบกับแหวนวงนั้นทันที
เป็นแหวนวงเดียวกันเพคะหม่อมฉันจำได้แล้วเพคะหม่อมฉันจำได้ว่าตอนนั้นหม่อมฉันสวมแหวนวงนี้ไม่ได้ น่าขำอยู่เหมือนกันนะเพคะที่จู่ ๆ เราต้องกลับมาเจอกันอีก
เจ้าชายกอดเจ้าหญิงไว้ไม่ยอมให้ห่างกายไปไหน พระเจ้าปฐมเทพรู้สึกว่าเจ้าชายมีใจให้กับเจ้าหญิงก็ดีใจเพราะทั้งสองเมืองจะได้มีความสัมพันธ์กันแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น แต่พระองค์ก็หาทราบการต่อไปที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากความไว้เนื้อเชื่อใจของพระองค์ที่มีต่อเมืองกัญจาศรี
เจ้าชายทำพิธีเปิดผ้าคลุมหน้าตามประเพณีของเมืองกัญจาศรี จากนั้นเจ้าหญิงจึงคุกเข่าลงและปลดผมออกมาลูบที่เท้าของเจ้าชายเพื่อแสดงความจงรักภักดีอย่างชาวกัญจาศรี สร้างความประทับใจให้กับเชื้อพระวงศ์และข้าราชบริพาลที่มาร่วมเฉลิมฉลองในงานยิ่งนัก เจ้าชายจึงเริ่มทำพิธีอย่างชาวแคว้นราชันย์อุไรที่แสดงความรักต่อเจ้าสาวโดยการจูบที่ฝ่ามือเบา ๆ และกอดเจ้าหญิงเอาไว้ จากนั้นจึงพาเจ้าหญิงเดินลอดซุ้มกระบี่นับพันเล่มและอุ้มเจ้าหญิงเข้าเรือนหอทันที
ทั้งสองพระองค์เปลี่ยนเครื่องทรงเจ้าหญิงนั่งลงที่เตียงด้วยท่าทางเขินอาย เจ้าชายนอนราบบนเตียงอย่างสบายอารมณ์ จากนั้นจึงเอื้อมมือมาคว้าตัวเจ้าหญิงให้มานอนเคียงข้างกายไม่ยอมให้ห่างไปไหน
เจ้ารู้ไหมว่าแต่ก่อนแคว้นเก้าแคว้นที่มีอยู่นี้มาจากแคว้นอุไรเพียงแคว้นเดียวพวกเราทุกแคว้นเป็นพี่น้องกันและหนีตายตอนที่เกิดมหันตภัยครั้งร้ายแรงที่สุด จากนั้นก็มาแยกดินแดนและตั้งรกรากเป็นอาณาจักรที่เกรียงไกร
หม่อมฉันก็พอจะทราบเหมือนกันเพคะ แต่หม่อมฉันไม่รู้รายละเอียดอะไรมากมายนอกจากคำจารึกและภาพบนผนังที่บ่งบอกถึงอารายธรรมที่เคยมีมา พร้อมทั้งภาพมหันตภัยที่เตือนชาวโลกอย่างเราให้ตระหนักและระวังภัยเท่านั้นเองเพคะ
ใช่เมืองอุไรหนึ่งเดียวในพิภพนี้ได้จมหายไปกับภัยธรรมชาติที่เราไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ เมืองของพี่เป็นเมืองของพระโอรสองค์โตจึงใช้ชื่อเมืองตามชื่อของกษัตริย์และคงชื่อเมืองเก่าไว้ด้วย
เจ้าชายนอนเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เจ้าหญิงฟังจนกระทั่งเผลอหลับไปทั้งคู่ ทั้งสองพระองค์ดูมีความสุขมากจนเจ้าหญิงได้ลืมคำสั่งของพระเจ้าเมียงเตะผู้เป็นบิดาไปเสียสนิท
เจ้าหญิงตื่นบรรทมแต่เช้า เมื่อมองไปข้าง ๆ ก็ไม่เห็นเจ้าชายจึงรีบลุกขึ้นและออกไปตามหาแต่เช้าเจ้าหญิงเปิดประตูห้องทันที
เจ้าหญิงมังคะเปลี่ยนเครื่องทรงเถอะมังคะ
ตุงจีคนสนิทรีบเข้ามาเก็บห้องและเปลี่ยนเครื่องทรงให้เจ้าหญิง ชุดที่เจ้าหญิงใส่ยังคงเป็นชุดของชาวกัญจาศรีแต่พระองค์ไม่เอาผ้ามาคลุมหน้าเหมือนอย่างเคยตุงจีรีบนำกำไลข้อเท้ามาสวมให้เจ้าหญิงเพื่อแสดงว่าเจ้าหญิงได้อภิเษกไปแล้ว
ทำอะไรกันอยู่เหรอ
เจ้าชายเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ยื่นให้เจ้าหญิงทันที ตุงจีรีบถอนสายบัวเพื่อเป็นการแสดงความเคารพและรีบออกไปจากห้องทันทีเจ้าชายนำชุดของเจ้าหญิงที่อยู่ในตู้ออกมายื่นให้ จากนั้นจึงหวีผมให้กับเจ้าหญิง
พระองค์ตื่นบรรทมตั้งแต่เมื่อไรเพคะ
พี่ตื่นมาตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นแล้วก็รีบไปเก็บดอกไม้ที่หน้าผาใหญ่มาให้เจ้า
ไม่เห็นต้องไปไกลขนาดนั้นเลยเพคะ
ไม่มีดอกไม้ที่ไหนจะสวยเท่าที่นั่นอีกแล้ว
ขอบพระทัยเพคะ
เจ้าหญิงเอามือของเจ้าชายมาแนบไว้ที่ข้างแก้มแล้วก็หลับตาพริ้ม เจ้าชายรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขมากที่ได้มีเจ้าหญิงมาอยู่เคียงข้าง
ในเมื่อเป็นคนของพี่แล้วเจ้าก็ต้องใส่ชุดของคนที่นี่ พี่อยากให้เจ้าลองสวมชุดนี้ดูเพราะพี่เป็นคนไปเลือกมาให้เจ้าโดยเฉพาะเลย
เจ้าหญิงสวมใส่ชุดของชาวแคว้นราชันย์อุไร ความงดงามของเจ้าหญิงกับชุดที่สวมใส่นั้นดูเข้ากันเหลือเกิน ผมยาวสยายสีดำเป็นเงา ผิวกายดูขาวและดูสง่างามยิ่งนัก ใบหน้าสวยราวกับเทพธิดาผิวเนื้อละเอียดขาวอมชมพู ทำให้เจ้าชายรู้สึกตะลึงเมื่อเจ้าหญิงเดินออกมาจากห้องแต่งตัว
เจ้าชายพาเจ้าหญิงไปร่วมโต๊ะเสวย และจัดแจงให้ราชองครักษ์นำข้าวของในห้องรับรองแขกบ้านแขกเมืองมาเก็บไว้ในห้องส่วนพระองค์ที่ตำหนักขาว และสั่งให้มีการปลูกดอกไม้หลากหลายชนิทไว้ในอุทยานเพื่อให้เจ้าหญิงได้รู้สึกสดชื่นเพราะพระองค์ทราบว่าเจ้าหญิงชอบดอกไม้ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว
.
เจ้าหญิงรัตนมณีเสด็จออกเที่ยวป่าด้วยม้าส่วนพระองค์เพราะพระองค์ทรงชอบการขี่ม้าเป็นชีวิตจิตใจ เจ้าหญิงแอบไปเพียงลำพังเพราะไม่อยากให้ใครมาเห็น อีกอย่างพระนางจรัสรัตน์ก็ไม่ทรงโปรดให้ราชธิดาออกไปเที่ยวเล่นนอกเขตพระราชฐาน ด้วยความซุกซนเจ้าหญิงจึงผูกม้าไว้กับต้นไม้และรีบเปลี่ยนชุดเป็นผู้ชายเพื่อไม่ให้ใครจำได้ จากนั้นก็มานั่งเล่นน้ำที่ริมฝั่งทะเลสาบ
ไงไอ้น้องแต่งตัวสวยนี่คงจะรวยน่าดูเลยสิใช่ไหมพวกเรา!!!
ชายคนหนึ่งแต่งตัวแปลก ๆ พูดเสียงดังขึ้น เมื่อเจ้าหญิงรัตนมณีหันกลับไปมองก็ตกใจมากเมื่อพบผู้ชายร่างใหญ่ถึงสามคนแต่งกายมอซอ ท่าทางไม่น่าไว้วางใจตรงเข้ามาจะทำร้ายเจ้าหญิงเจ้าหญิงตะโกนร้องให้คนช่วยแต่ชายสามคนนั้นหัวเราะระรื่นราวกับเป็นเรื่องตลก
ผู้ชายอะไรวะ!!! ร้องว๊าย!
ใช่ลูกพี่นี่ไอ้น้องเป็นพวกลักเพศหรือเปล่า
เจ้าหญิงไม่ยอมฟังเสียงพวกนั้น รีบวิ่งหนีและร้องตะโกนให้คนช่วยทันที ชายทั้งสามวิ่งตามทันทีเจ้าหญิงสะดุดขาตัวเองล้มลงกับพื้น ชายคนหนึ่งเดินมาดักทางด้านหน้า ส่วนอีกสองคนตรงรี่เข้ามาจนถึงตัวเจ้าหญิง
อย่านะช่วยด้วย
ไม่มีใครช่วยหรอกที่นี่เป็นป่าอาถรรพ์ใครจะกล้าเข้ามา ก็มีแต่เจ้านั่นแหละที่เข้ามาให้ข้าปล้น
ชายคนหนึ่งพูดขึ้นและก็ส่งเสียงหัวเราะระรื่น ชายอีกสองคนจึงหัวเราะตามทำให้เจ้าหญิงรู้สึกหน้าเสีย ใบหน้าซีดเผือดทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียวชายคนหนึ่งฉุดเจ้าหญิงให้ลุกขึ้นและเริ่มเข้าไปค้นตัวทันที แต่เจ้าหญิงขัดขืนดิ้นรนหนีอย่างสุดชีวิต เมื่อวิ่งหนีไม่พ้นจึงหันกลับมาสู้ เจ้าหญิงทั้งเตะและต่อยชายทั้งสามคนนั้นที่เข้ามาประชิดตัวจนกระทั่งผ้าคลุมผมหลุด ทำให้ผมสยายยาวออกมา
ผู้หญิงสวยซะด้วย!!!!
ชายคนหนึ่งพูดขึ้นและก็หัวเราะพร้อมกับแสดงท่าทีว่าจะเข้ามาลวนลามขณะนั้นมีชายคนหนึ่งซึ่งเป็นราชองครักษ์กำลังนอนเล่นอยู่บนโขดหินอย่างเพลิดเพลินเนื่องจากเขาออกเวรแล้ว เมื่อเขาได้ยินเสียงใครคนหนึ่งร้องให้ช่วยเขาก็รีบวิ่งมาทันทีเขาแอบดูอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าชายคนนั้นเป็นผู้หญิงแน่เขาจึงรีบเข้าไปช่วยอย่างไม่รอช้า
หยุดนะ!!!!
ราชองครักษ์คนนั้นจับกระบี่แน่นและจ่อไปที่คอหอยของชายคนหนึ่งทันทีทำให้ชายคนนั้นถึงกับขาสั่นรัวไม่กล้าขยับเขยื่อน
รีบไสหัวไปซะก่อนที่ข้าจะตัดหัวเจ้า
ชายสามคนนั้นรีบวิ่งหนีไป เจ้าหญิงแสดงความขอบคุณราชองครักษ์คนนั้นทันทีราชองค์รักษ์คนนั้นจำได้ว่าผู้หญิงที่เห็นตรงหน้านั้นคือเจ้าหญิงราชนิกูลอันดับต้นของแคว้นราชันย์อุไร จึงรีบคุกเข่าลงและยื่นมือขวามาประสานที่หน้าอกเพื่อแสดงความเคารพทันที
เจ้าจำเราได้เหรอ
พะย่ะค่ะ
เจ้าชื่อเรียงเสียงใดกันเราจะได้ปูนบำเหน็ดให้
ข้าบาทหาได้อยากได้ยศศักดิ์ไม่หากแต่ข้าบาทเพียงแต่จะปกป้องผู้หญิงไม่ให้ถูกใครรังแกเท่านั้นพะย่ะค่ะ
เราถามว่าเจ้าชื่ออะไร
กระหม่อมราเชนพระย่ะค่ะ
อยู่กับเราก็คิดว่าเราเป็นเพื่อนเจ้าละกันลุกขึ้นเถอะ
กระหม่อมมิอาจเอื้อมพระย่ะค่ะ
นี่เป็นคำสั่งของเราเจ้าจะกล้าขัดหรือ!!!!
เจ้าหญิงพูดเสียงดังทำให้ราเชนราชองครักษ์หนุ่มถึงกับสะดุ้งสุดตัวทีเดียว เจ้าหญิงแอบอมยิ้มที่มุมปากแล้วก็ตบไหล่ราเชนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินพาเจ้าหญิงไปชมดอกไม้ที่อยู่ตรงหน้าผา ดอกไม้ที่นี่ค่อนข้าจะเป็นดอกไม้ที่แห้งแล้ง มีใบสีทองราวกับรวงข้าวแต่ความงามของดอกนั้นงดงามยิ่งนัก มีสีม่วงงดงามเป็นอย่างมาก เจ้าหญิงรู้สึกพอพระทัยที่ได้เห็นทุ่งดอกไม้บนเนินผามากมายขนาดนี้
กระหม่อมจะขึ้นไปเก็บให้พะย่ะค่ะ
ไม่ต้องหรอกราเชนปล่อยให้ดอกไม้มันสวยอยู่อย่างนั้นเถอะ
ราเชนไม่ฟังที่เจ้าหญิงพูด เขารีบปีนขึ้นไปบนหน้าผาทันที ทางนั้นสูงชันจนราเชนเกือบพลาดตกลงมาหลายครั้ง เขาเก็บดอกไม้ได้กำหนึ่งและก็คาบไว้ที่ปากดอกไม้ที่ราเชนเก็บนั้นเขาได้คัดเลือกเป็นอย่างดี เขาเลือกดอกที่ทั้งใหญ่และสวยเพื่อนำมาถวายให้กับเจ้าหญิงทั้ง ๆ ที่ดอกอื่นมากมายแต่เขาก็ไม่ยอมเก็บและแล้วเขาก็เหยียบไปที่ก้อนหินก้อนหนึ่งและพลัดตกลงมาทันที แต่ดีที่เขาเกาะรากไม้ที่โผล่ออกมาตรงนั้นได้เจ้าหญิงรู้สึกตกใจมากรีบวิ่งเข้าไปใกล้ ๆ หน้าผานั้นทันที เขาค่อย ๆ ไต่ลงมาอย่างระมัดระวังและนำดอกไม้นั้นยื่นถวายให้กับเจ้าหญิง
ขอบใจนะเป็นอะไรหรือเปล่า
ไม่เป็นอะไรพะย่ะค่ะ
เจ้าหญิงเห็นที่แขนเสื้อของราเชนขาด บาดแผลถลอก มีเลือดไหลออกมาซึมที่แขนเสื้อ เจ้าหญิงจึงคว้าแขนของเขาและฉีกแขนเสื้อที่ขาดวิ่นของเขาออกเพื่อล้างแผลด้วยน้ำสะอาดที่พกติดตัวอยู่ตลอดเวลา เจ้าหญิงฉีกชายเสื้อของพระองค์เองและนำมาพันแผลให้กับราเชน ราเชนรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมากรีบคุกเข่าแสดงความเคารพและขอบคุณทันที
ไม่เป็นไรหรอกก็เรามันเพื่อนกันไม่ใช่เหรอเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนสิ
2..
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ ในอีกหลายเดือน
23 มีนาคม 2548 16:13 น.
สุชาดา โมรา
เจ้าคุณย่าเจ้าคะ หลานลาแล้วเจ้าค่ะ อีกสองปักษ์หลานจะกลับนะเจ้าคะ
แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วลาเจ้าคุณย่าก่อนที่จะลงเรือเรือลอยลำไปไกลมาก หล่อนมองเห็นบ้านเรือนและผู้คนมากมายที่กำลังพายเรือเพื่อไปจับจ่ายซื้อของแต่เช้าตรู่ เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องท้องน้ำก็ค่อย ๆ มองเห็นได้ชัดขึ้น หล่อนมองเห็นมือใครคนหนึ่งที่โผล่ออกมาจากใต้น้ำอยู่หลายครั้งหล่อนจึงพยายามจ้องมองมือของใครคนนั้นด้วยความรู้สึกหวั่นใจ
พี่เอี้ยง ฉันว่ามันคงมีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้วละ
อะไรรึเจ้าคะแม่หญิง
เดี๋ยวนะขอฉันเถอะ
แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วคว้ามีดปลอกหมากของเอี้ยงพี่เลี้ยงคนสนิทมาถือเอาไว้แน่น ประจวบเหมาะกับตอนที่หล่อนเล็งเห็นว่ามือของใครคนหนึ่งพยายามเกาะเรือเพื่อให้เรือล่มนั้นหล่อนจึงเอามีดเฉือนไปที่มือของใครคนนั้นทันที ทำให้บาดแผลลึกมาก เลือดไหลอาบลงผืนน้ำเต็มไปหมด แต่เจ้าของมือคู่นั้นก็หารู้ไม่ว่ามือของเขาบาดเจ็บ เขากลับโครงเรือจนล่มลงในที่สุด
ช่วยด้วยเจ้าค่ะ.แม่หญิงตกน้ำ.ช่วยด้วยบ่าวว่ายน้ำไม่เป็นเจ้าค่ะ.!!!!!!!
เสียงตะโกนโหวกเหวกของพี่เอี้ยงดังลั่นพร้อมกับทิ้งร่างดิ่งลงไปในน้ำและทะลึ่งขึ้นมาอยู่หลายครั้ง มือของใครบางคนพยายามกอดรัดตัวแม่หญิงและบ่าว
ตูม!!!! เสียงของใครคนหนึ่งกระโดดลงน้ำจนแตกกระเซ็นเป็นฟอง
จ๋อมจ๋อมจ๋อม เขาว่ายน้ำมากอดตัวแม่หญิงไว้และพาขึ้นฝั่งทันที ส่วนพี่เอี้ยงบ่าวของแม่หญิงนั้นมีคนมาช่วยไว้ทันจึงขึ้นจากน้ำได้โดยปลอดภัย
คุณหลวง!!!!
แม่หญิงโผกอดคุณหลวงบดินทร์นฤบาลทันที หล่อนไม่รู้สึกเลยว่าจะละอายกับสิ่งที่กระทำลงไปเพราะหล่อนรู้สึกว่าหล่อนเองมิใช่คนโบราณอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างน้อย ๆ จิตใต้สำนึกของคนในโลกปัจจุบันที่ยังคงฝืนตัวเองได้ก็แสดงออกมาได้เป็นบางครั้งบางคราว หล่อนรู้สึกตัวว่าหล่อนรักพี่เอกในคราบคุณหลวงอย่างชู้สาว มิใช่อย่างอาหลานเสียแล้ว เพราะหล่อนได้ก้าวกลับมาในอดีตหล่อนจึงได้รู้ว่าตนเองเคยชอบพอกับคุณหลวงอยู่ หล่อนจึงกล้าที่จะกอดเขา
ปล่อยเถอะเจ้า อายเขา
คุณหลวงบดินทร์นฤบาลเอ่ยขึ้น น้ำผึ้งแก้วจึงละมือออกพร้อมทั้งแสดงอาการขวยเขิน
กลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะเจ้า
จับได้ไหมเจ้าคะ
คนล่มเรือน่ะรึ!!!
เจ้าค่ะ
ไม่ได้ดอกเจ้าแต่อย่างน้อย ๆ ก็คงจะได้บทเรียนไปอีกนาน เพราะพี่เห็นเจ้านั่นมีแผลที่มือข้างขวาลึกขนาดนั้น
อิฉันเอามีดกรีดเองเจ้าค่ะเพราะกลัวเรือจะล่ม
คุณหลวงพายเรือพาแม่หญิงและบ่าวกลับมาที่เรือนของตนเองที่อยู่ใกล้ ๆ กับคุ้งป่าหวาย เขาสั่งให้ผ่าวสองสามคนไปจัดเครื่องแต่งตัวมาให้แม่หญิงและบ่าวเปลี่ยน จากนั้นก็พายเรือไปส่งที่ท่าขุนนางเพื่อให้หล่อนเข้าวัง
น้ำผึ้งแก้วเดินเข้าประตูวังจนลับสายตาไปแล้วคุณหลวงบดินทร์นฤบาลจึงพายเรือกลับไป
แม่หญิงเจ้าคะ บ่าวว่าคุณหลวงท่านใจดีเหลือเกินเจ้าค่ะ
ใช่คุณหลวงใจดี
เอ๊ะ!!!! แล้วแม่หญิงว่าคุณหลวงท่านมองแม่หญิงแปลก ๆ หรือไม่เจ้าคะ
ก็ไม่นี่อย่าคิดมากน่า ไป!!!! ไปกราบเสด็จฯ ท่านก่อนเพราะวันนี้เรามาสายมากแล้วเดี๋ยวจะกริ้วไปกันใหญ่
น้ำผึ้งแก้วเดินมาถึงพระที่นั่งสุทธาสวรรย์หล่อนค่อย ๆ เดินขึ้นตำหนักช้า ๆ เมื่อเห็นใครคนหนึ่งกำลังเดินออกมาด้วยสีหน้าท่าทางอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างรุนแรง หล่อนรู้ทันทีว่านั่นคือใครจึงหมอบกราบทันที
หมอบเร็วพระปีย์มา
หล่อนบอกให้บ่าวหมอบกราบ เมื่อพระปีย์เสด็จออกไปได้ครู่หนึ่งแล้วหล่อนจึงค่อย ๆ คลานเข้าไปหาสมเด็จฯ ท่านช้า ๆ และหมอบกราบทันที
มาช้าเชียวนะเจ้าเอ้า!!!
หล่อนรับผ้าผืนนั้นมาและนำมาเช็ดพระบาททันที
รู้หรือไม่ว่าอ้ายเตี้ยลูกข้ามันดื้อมาก
หล่อนเงียบไม่ตอบอะไร
บ๊ะ.!!!!
หล่อนถึงกับสะดุ้งโหยงทันทีทำให้เสด็จฯ ท่านพร้อมทั้งนางในหลายคนหลุดหัวเราะออกมา หล่อนจึงก้มลงกราบและรีบตอบเพราะรู้สึกกลัวเกรงความผิด
หม่อมฉันมิทราบดอกเพคะ แต่หม่อมฉันรู้ว่าพระปีย์ท่านโปรดศาตราวุธมากกว่าตำรับตำรา หม่อมฉันคิดว่าพระองค์น่าจะค่อย ๆ ปราณีประนอมนะเพคะ
บ๊ะ!!!! อีนี่มึงรึจะสอนกู บังอาจนักนะ
ทรงสรวนดังลั่นตำหนัก หล่อนรีบหมอบกราบเพราะกลัวว่าพระองค์จะทรงกริ้วเรื่องที่หล่อนกล้าต่อปากต่ำคำกับท่าน
..
ผึ้งน้ำผึ้ง!!!!!
หะ.!!!!
น้ำผึ้งสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเรียกเธอในกลางดึก เธอหันกลับมามองเสียงชายคนที่เรียกทันที
พี่เอก!!!
เธอเรียกเสียงหลงเพราะไม่คิดว่าเขาจะมายืนที่พระที่นั่งเย็นในกลางดึกอย่างนี้
คิดอะไรอยู่เหรอ
เปล่าค่ะ
เธอตอบทั้ง ๆ ที่เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ และเห็นอะไรอยู่ เธอไม่กล้าตอบออกมาเพราะกลัวว่าเขาจะหาว่าเธอบ้า สติไม่ดี เธอจึงได้แต่ยิ้ม ๆ เท่านั้น
แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะ
นายตำรวจหนุ่มถามเธอด้วยท่าทางงวยงง เธอก้มลงมองตัวเองแล้วก็แปลกใจเพราะตัวเธอเองกำลังสวมใส่เสื้อผ้าอย่างคนโบราณ เธอไม่รู้จะตอบอย่างไรเพราะตัวเธอเองก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน
สายลมโชยมาเอื่อย ๆ เธอรู้สึกหนาวเหน็บไปทั่วร่าง เธอจึงเดินกอดอกคุยกับนายตำรวจหนุ่มด้วยความรู้สึกที่อิ่มเอมใจทำให้นายตำรวจหนุ่มต้องถอดเสื้อนอกออกมาคลุมให้เธอทันทีเพราะกลัวว่าเธอจะหนาวไปมากกว่านี้
เสื้อพี่เอกอุ่นดีจังเลยค่ะขอได้ไหมคะ
ให้ได้ตลอดชีวิตเลยละ
หะ!!!!
เธอตกใจมากเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ เธอรู้สึกคุ้น ๆ กับคำพูดประโยคนี้มากแต่เธอก็ไม่รู้ว่าเคยได้ยินที่ไหน ทำให้เธอยืนงงอยู่ นายตำรวจหนุ่มจึงเดินเข้ามาโอบไหล่เธอและพาไปขึ้นรถเพื่อพาไปส่งที่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
เดี๋ยวค่ะพี่เอก
นายตำรวจหนุ่มกำลังจะสตาร์ทรถ เขาถึงกับหยุดทันทีและหันกลับมาคุยกับเธอด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
มีอะไรเหรอ
ทำไมถึงรู้ว่าผึ้งอยู่ที่นี่ล่ะคะ
สัญชาตญาณมันบอก
และพี่ทำไมถึงมาตามผึ้งล่ะ
พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่ามีเสียงใครบางคนคอยกระซิบข้าง ๆ หูพี่ตลอดเวลาว่าให้มาเพราะถ้าไม่มาจะไม่เจอผึ้ง
เธอนั่งงง ๆ อยู่ในรถพร้อมทั้งแสดงสีหน้าที่สงสัยเพราะจู่ ๆ ทำไมเขาถึงมาตามหาเธอทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเลย
เสียงเหรอ ใครกันนะ!!!! เธอนึก
พี่เอกคะ เสียงเหรอคะ พี่จะบอกว่าผีกระซิบบอกหรือไงคะ
บ้าน่าแต่ก็ช่างเถอะพี่รู้ละกันว่าเธออยู่ที่นี่
นายตำรวจหนุ่มนั่งหัวเราะแล้วก็หันมาขยี้หัวเธอ ทำให้เธอยกมือขึ้นไปจับมือของเขาออกมาจากหัวและเอามาแนบไว้ที่แก้มทันที เธอหลับตาพริ้มพร้อมทั้งสูดลมหายใจลึก ๆ ทำให้นายตำรวจหนุ่มรู้สึกแปลกใจ
พี่เอกเชื่อเรื่องอดีตชาติไหมคะ
ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ
ไม่มีอะไรหรอกค่ะ
นายตำรวจหนุ่มขับรถมาส่งเธอที่บ้าน เขาเดินลงมาส่งเธอกับพ่อแม่ของเธอ เขาคุยกับผู้ใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง เสียงวอวิทยุดังอยู่หลายครั้งเขาจึงขอตัวลากลับก่อน
ทำไมเราถึงมายืนอยู่ที่พระที่นั่งเย็นได้นะ ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้เรายังอยู่ที่พระตำหนักในวังนารายณ์อยู่เลย น้ำผึ้งนึก
..7.
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
23 มีนาคม 2548 16:10 น.
สุชาดา โมรา
กระไรกันเจ้ามิรู้รึ เจ้าคุณพลเทพบิดาของคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีอย่างไรเล่า
คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีหรือเจ้าคะ!!!!
เธอถามอย่างงง ๆ เพราะชื่อนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย เธอนั่งอยู่ครู่หนึ่งนางในคนหนึ่งก็วิ่งพรวดเข้ามาพร้อมกับห่อผ้าสัมภาระ
อีไม!!!! มึงนี่นะ อยู่ในรั้วในวังมาตั้งนมนานยังไม่รู้จักวางกิริยามารยาทอีก มันน่าส่งไปอยู่ล้างขี้ช้างดีไหมล่ะ
คุณท้าวรัญจวนพูดด้วยความโมโห เธอจ้องมองบ่าวคนนั้นแล้วก็ทำหน้าเครียด เมื่อบ่าวคนนั้นทำหน้าเสียคุณท้าวรัญจวนก็หัวเราะพร้อมทั้งเอามือปิดปากทันที สร้างความขบขันให้กับนางในทุกคน เพราะทุกคนเห็นท่าหวาดกลัวของบ่าวคนนั้นเป็นเรื่องตลกไปเสียแล้ว
บ่าวเอาข้าวของมาให้เจ้าค่ะแม่หญิงคนเรือรออยู่นะเจ้าคะ
น้ำผึ้งแก้วกราบคุณท้าวรัญจวนแล้วก็คลานออกจากตำหนักด้วยความระมัดระวัง เธอเดินออกมายังท่าน้ำของชาวฝรั่งเพราะที่นี่มีอยู่ท่าเดียว เธอมองเห็นเรือสำเภาน้อยใหญ่ที่จอดอยู่ รวมทั้งเรือของชาวฝรั่งทำให้เธอยิ้มไม่หุบปากทีเดียว
แม่หญิงคะสำรวมกิริยาด้วยเจ้าค่ะ
น้ำผึ้งแก้วหุบปากทันที เธอเดินมายังเรือที่จอดรอรับอยู่ เธอทำท่าเหมือนจะลงเรือแต่ก็กวักมือเรียกเรือจ้างที่อยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้นทันที เรือลำนั้นพายมาเทียบท่า น้ำผึ้งแก้วลงเรือแล้วก็หันไปยิ้มให้กับคนเรือของเจ้าคุณพลเทพและไมบ่าวรับใช้ของคุณประยูรบุตรีของเจ้าคุณพลเทพที่อยู่ในวังมาก่อนหน้าหล่อนทันที
ไปบ้านเจ้าพระยาธรรมศักดิ์ราชนฤบาล อยู่ตรงคุ้งด้านหน้า
คนเรือพายเรือตรงไปยังท่าน้ำหน้าบ้านทันที ส่วนคนเรือของเจ้าคุณพลเทพก็พายเรือตามมาอย่างเร่งด่วน ไม่บ่าวของคุณประยูรตะโกนโหวกเหวกให้เรือลำที่น้ำผึ้งแก้วนั่งมาจอด แต่คนเรือไม่หยุดจอดเลยสักนิด น้ำผึ้งแก้วขึ้นจากเรือพร้อมทั้งหยิบอัดมาจ่าย หล่อนเดินตรงมายังเรือนของเจ้าคุณพ่อพร้อมทั้งหยิบข้าวของที่อยู่ในห่อผ้าออกมาดู
ในนี้มีอะไรนะหล่อนนึก หล่อนเห็นเพลงยาวที่มีคนเขียนมาให้หล่อนถึงสองฉบับ ฉบับหนึ่งเป็นของคุณหลวงบดินทร์นฤบาล อีกฉบับเป็นของคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรี หล่อนหยิบเพลงยาวของคุณหลวงบดินทร์ขึ้นมาอ่านก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วก็เก็บไว้ใต้หมอน ส่วนของคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีนั้นหล่อนหยิบไปใส่ในกระบอกไม้ไผ่แล้วให้บ่าวที่ชื่อปลิกนำไปส่งให้กับคุณช้อยบุตรสาวบ้านคุณท้าวกรองทองทันที เพราะหล่อนรู้ว่าแม่หญิงช้อยมีใจให้กับคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรี
นี่เราทำอะไรของเราอยู่นะ รู้สึกฝืนตัวเองไม่ได้ทั้ง ๆ ที่เรารู้ว่าเรากำลังทำเรื่องที่ผิดมาก ๆ แต่เราก็ห้ามตัวเองไม่ได้ เรารู้ได้อย่างไรว่าคุณช้อยชอบคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีทั้ง ๆ ที่เราก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเธอด้วยซ้ำ น้ำผึ้งนึก
น้ำผึ้งแก้วนั่งคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งบ่าวก็มาเรียกให้ไปเรือนเจ้าคุณย่า
แม่หญิงเจ้าคะคุณท่านเรือนใหญ่ให้หาเจ้าค่ะ
น้ำผึ้งแก้วเดินลงบันไดอย่างระมัดระวัง หล่อนข้ามสะพานซึ่งเชื่อมกับบันไดบ้านไปยังเรือนของเจ้าคุณย่าที่อยู่ไม่ห่างไกลนัก เมื่อมาถึงระเบียงกลางหล่อนเดินอย่างพญาหงส์และค่อย ๆ คลานเข่ามาหาเจ้าคุณย่าอย่างระมัดระวังกิริยาจากนั้นก็กราบเจ้าคุณย่าและหันมาไหว้เจ้าคุณพลเทพและคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีทันที
งามเหลือเกินแม่..
เจ้าคุณพลเทพเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งส่งสายตาเจ้าชู้ไก่แจ้กับน้ำผึ้งแก้วทำให้เจ้าคุณย่ารู้สึกขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมากจึงเคี้ยวหมากจับ ๆ กระแทกแรง ๆ ด้วยความโกรธ ส่วนน้ำผึ้งแก้วนั้นวางกิริยาราวกับเป็นหุ่น หล่อนนั่งนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หล่อนมองตรงไปข้างหน้านั่งตัวแข็งทำให้เจ้าคุณย่ารู้สึกพอใจที่หลานสาวไม่ตอบโต้สิ่งใดกับเจ้าคุณพลเทพเหมือนเมื่อคราวที่ตอบกับคุณหญิงเลี่ยมแม่ของคุณหลวงบดินทร์นฤบาล
มีธุระอันใดหรือพ่อ
เจ้าคุณย่าพูดด้วยน้ำเสียงที่เก็บอารมณ์
กระผมอยากจะมาพูดจาตามประสาคนคุ้นเคยเท่านั้นแหละขอรับ
เหตุใดจึงต้องเรียกหลานของอิฉันมาด้วยในเมื่อจะมาคุยกันตามประสาแต่เอเมื่อก่อนนี้ไม่เห็นว่าเจ้าคุณจะมาคุยบ้างเลย อิฉันว่าเจ้าคุณพูดมาตรง ๆ เลยดีกว่าไหม
กระผมขอพูดตามตรงเลยนะขอรับ กระผมอยากจะให้เด็กสองคนรู้จักกัน
อ้าวลูกเอ๊ย!รู้จักกันหรือยังเล่า
เจ้าคุณย่าหันมาถามน้ำผึ้งแก้วแล้วก็ยิ้มเยาะ
รู้จักเจ้าเจ้าค่ะเจ้าคุณย่า งั้นหลานขอตัวกลับเรือนก่อนนะเจ้าคะเพราะไม่มีกิจจะคุยด้วย ก็ฝ่ายนั้นบอกให้หลานรู้จักแล้วหลานก็อยู่แค่รู้จักนี่แหละเจ้าค่ะ
เจ้าคุณย่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับเอื้อมมือไปจับแขนน้ำผึ้งแก้วเบา ๆ ก่อนที่หล่อนจะค่อย ๆ คลานลุกหนีไปเพราะไม่อยากจะคุยกับสองพ่อลูกนั่น
เจ้าคุณพลเทพถึงกับอึ้งพูดไม่ออกทีเดียว เขานั่งเคี้ยวหมากด้วยความโกรธ
ไป!!!!กลับ!!!!!
เจ้าคุณพลเทพแสดงท่าทางโกรธราวกับยักษ์คลั่ง เขาคว้าไม้ตะพดหัวงูเห่าซึ่งทำมาจากเขากระทิงด้วยท่าทางที่หุนหันแล้วก็หันมาไหว้เจ้าคุณย่าจากนั้นก็เดินกระแทกเท้าลงจากเรือนไป
เจ้าคุณพ่อขอรับกระผมว่าอย่าเพิ่งโกรธเลยนะขอรับ หล่อนยังเด็กนักคงจะไม่รู้ประสีประสาเท่าไรนัก
ใช่หล่อนยังเด็กแต่หยิ่งยโสโอหังเหลือเกิน พ่อว่าเจ้าอย่ายุ่งกับคนบ้านนี้เลยดีกว่า เจ้าก็รู้ไม่ใช่รึว่าคนบ้านนี้เป็นพวกเจ้า ๆ นาย ๆ ไหนเลยจะมาคบกับคนอย่างเรานึกว่าตัวเองใหญ่โต สักวันหนึ่งเถอะจะได้รู้กัน!!!!
เจ้าคุณพ่อจะทำอะไรหรือขอรับ
เดี๋ยวก็รู้.ไปกลับ
เจ้าคุณพลเทพลงเรืออย่างรีบร้อนจนเรือเกือบจะคว่ำ
บ๊ะ!!!! อ้ายตะไลมึงนี่ทำเรือเกือบร่ม มึงระวังตัวไว้เถอะอ้ายฉิบหายกูจะแพ่นกระบานมึงโทษฐานที่จับเรือไม่แน่น
เจ้าคุณพ่ออย่าพาลคนอื่นสิขอรับ ดูสิอ้ายมิ่งมันกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว
เรือของเจ้าคุณพลเทพพายออกมาได้ครู่หนึ่งคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีก็เห็นเรือของคุณหลวงบดินทร์นฤบาลซึ่งมีแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วนั่งอยู่ด้วย หล่อนยิ้มอย่างไม่ระวังกิริยา
เจ้าคุณพ่อขอรับ.
คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีเรียกให้เจ้าคุณพลเทพดูเรือของคุณหลวงบดินทร์นฤบาล
มิน่าล่ะ
ทำไมหรือขอรับ
ก็แม่หญิงมีใจให้คุณหลวงบดินทร์ฯ ไงล่ะ แม่หญิงถึงได้ไม่สนใจเจ้าไป!!!! ไปได้แล้ว
ไม่ขอรับกระผมจะขอดูอีกหน่อย
จะดูให้มันเจ็บใจไปใยพ่อว่าเรามาหาทางทำยังไงแม่หญิงถึงจะได้มาเป็นของเจ้าดีกว่านะ
แต่กระผมขออยู่อีกแป๊ะเถอะขอรับ
เจ้าคุณพลเทพจึงอยู่ดูคุณหลวงบดินทร์นฤบาล สองพ่อลูกคิดแผนการที่จะให้แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วมาร่วมเรียงเคียงหมอนให้ได้ เขารู้สึกเจ็บแค้นที่สองย่าหลานได้กระทำให้อับอายจึงคิดอยากจะเย้ยให้สาใจเพราะถ้าหากแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วออกเรือนไปกับลูกชายของตัวเองแล้วตนเองจะแกล้งให้สาแก่ใจเลยทีเดียว
อุ๊ย!!!! น้ำเย็นนะเจ้าคะ อิฉันว่ากลับกันเถอะค่ะเพราะเดี๋ยวเจ้าคุณพ่อจะว่าได้
คุณพี่ไม่ว่ากระไรดอกเจ้า
คุณหลวงบดินทร์นฤบาลเอามือจ้วงน้ำและดีดใส่แก้มของแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วทำให้หล่อนขวยเขินและแอบอมยิ้มอยู่บ่อย ๆ
พี่มีอะไรจะให้เจ้า
อะไรหรือคะ
หลับตาก่อนสิ
แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วหลับตาลง คุณหลวงบดินทร์นฤบาลจึงนำดอกบัวมาทัดที่ใบหูของหล่อน หล่อนจึงลืมตาขึ้นแล้วก็หยิบดอกบัวดอกนั้นออกจากหูทันที
สวยจริงเจ้าค่ะ คุณหลวงเด็ดมาจากตรงไหนหรือคะอิฉันไม่เห็นคุณหลวงเด็ดเลยเจ้าค่ะ
ก็ตอนที่เจ้ามัวหันไปดูทางอื่นอย่างไรเล่าพี่จักพาไปดูผ้าในตลาดเจ้าจักไปหรือไม่
อย่าเลยเจ้าค่ะนี่ก็มากันนานแล้วเดี๋ยวเจ้าคุณพ่อจะว่าได้นะเจ้าคะ
คุณพี่ไม่ว่ากระไรดอกเชื่อพี่เถอะเจ้า
คุณหลวงพายเรือไปเรื่อย ๆ และก็ชี้ชวนให้แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วดูนกดูไม้ข้างทางด้วยความสุขที่เปี่ยมล้นอยู่ในหัวใจอันเข้มแข็งของทหารผู้กล้า
กลิ่นดอกไม้ใดฤๅหอมเท่ากลิ่นเจ้า พี่อยากแนบเคล้าคู่ชื่นรื่นนาสา กลิ่นอบร่ำอันอบอวนเหมือนวาจา น้องนั้นหนาน่าเชยชิด
คุณหลวงเจ้าคะอิฉันไม่อยากฟังเพลงยาวดอกเจ้าค่ะ มีอะไรก็พูดตรง ๆ เถอะอย่ามัวอ้อมค้อมเลยเห็นทีว่าจะค่ำเป็นแน่ หากแต่เอ่ยวาจาเพียงประโยคสองประโยคอิฉันก็เข้าใจแล้วละเจ้าค่ะ เพราะเดี๋ยวใครเขาจะครหาเอาได้ว่าอิฉันมาเที่ยวค่ำมืดมันไม่ดีดอกเจ้าค่ะ
คุณหลวงนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ยิ้มเป็นเชิงว่าแม่หญิงนั้นยังคงเป็นเด็กอยู่ดี ไม่รู้จักขวยเขินเสียเลยทั้ง ๆ ที่มีชายหนุ่มนั่งเกี้ยวขนาดนี้ยังไม่รู้เรื่องอีก หล่อนกลับนั่งนิ่งแล้วก็พูดด้วยสีหน้าธรรมดา ๆ จนดูแล้วรู้สึกได้ว่าหล่อนเป็นคนที่พูดตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมดูแล้วรู้สึกสบายใจ
คุณหลวงจับมือแม่หญิงขึ้นมาและนำแหวนที่ถอดออกจากนิ้วก้อยนั้นสวมไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของหล่อนทันที
วันนี้พี่ขอจับจองเจ้าได้หรือไม่
อิฉันมิใช่ของตลาดนะเจ้าคะที่จะจับจอง
พี่ขอจองเจ้าก่อนที่จะหาผู้ใหญ่มาสู่ขอเจ้าพี่กลัวว่าชายใดจะมาเห็นดอกไม้งามในสวนหลวงอย่างเจ้ารักษาตัวครองรักไว้รอพี่เถอะเจ้า พี่จะเร่งให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอเจ้าโดยด่วน
แม่หญิงก้มลงกราบคุณหลวงบนเรือ หล่อนน้ำตาซึมแล้วก็เงยหน้าขึ้น คุณหลวงจึงเอื้อมมือไปเช็ดหน้าให้หล่อน
เป็นอะไรหรือเจ้า
รีบเถอะเจ้าค่ะคุณหลวงก่อนที่จะสายเกินไป
ทำไมหรือเจ้า
วันนี้เจ้าคุณพลเทพและคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีมาที่เรือนเจ้าคุณย่าพูดคุยอะไรกันก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่เจ้าคุณย่าเรียกอิฉันกลับจากวังและให้มาหาเรื่องนี้ อิฉันสังหรใจเหลือเกินเจ้าค่ะ
คุณหลวงถึงกับทำตาโตทีเดียว เขารีบพาแม่หญิงกลับบ้านและรีบไปคุยกับเจ้าคุณย่าที่เรือนใหญ่ตามลำพังทันที น้ำผึ้งแก้วนั้นนั่งซึมอยู่ในห้องของตัวเอง หล่อนรู้สึกสับสนทำอะไรไม่ถูก จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที
6
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
23 มีนาคม 2548 16:06 น.
สุชาดา โมรา
คุณหลวง.!!!
อะไรนะคะเมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะคะ
ปะเปล่าครับ
คุณอุดมศักดิ์หลุดพูดออกมาทันที เขาคิดอยู่ในใจตลอดเวลาว่าเหมือนคนที่เขาเห็นในความฝัน ทำไมจึงบังเอิญแบบนี้นะ
หลังจากที่เขาได้ไปเยี่ยมนายตำรวจหนุ่ม เขาก็ครุ่นคิดอยู่นานเรื่องความฝันอันเลือนลางของเขา เขาคิดว่าน่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่ ๆ เพราะหลายสิ่งหลายอย่างมันดูจะชัดเจนเสียเหลือเกิน
คุณเคยเชื่อเรื่องกลับชาติมาเกิดหรือไม่
ทำไมถึงถามขึ้นมาล่ะคะ
น้ำผึ้งถามขึ้นอย่างงง ๆ เพราะเธอเองก็ไม่คิดว่าคุณอุดมจะมีความคิดเช่นนี้
คือผมเคยได้ยินคนหลายคนเขาพูดว่า คนที่ได้มาทำงาน ได้มามีส่วนในโบราณสถานและสิ่งเก่าแก่นั้นอาจจะเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาก่อนในภพภูมิที่แล้ว คุณน้ำผึ้งเชื่อบ้างไหมครับ
ก็อาจจะจริงนะคะ ฉันเองก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง บางทีการที่เราฝันอะไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ นั่นก็อาจจะมาจากการที่เราคิดไปเองก็ได้ หรือไม่ก็ปางอดีตที่ยังคงฝังใจเราในชาติที่แล้ว ก็เลยทำให้ชาตินี้ปางนั้นมีผลต่อชะตาของเราก็ได้นะคะ
คุณน้ำผึ้งพูดดูมีหลักการมากเลยนะครับแต่ทำไมคุณถึงพูดเรื่องความฝันขึ้นมาล่ะครับ
คุณเคยได้ยินหรือเปล่าคะว่าอดีตกับปัจจุบันมันขนานกันอยู่ ถ้าหากว่าจู่ ๆ เราเห็นภาพอะไรที่นอกเหนือจากความฝันแล้ว นั่นก็หมายความว่าเราอาจจะได้เห็นปางอดีตของเราก็ได้นะคะ
ฟังดูเข้าท่าดีนะครับแล้วคุณเห็นปางอดีตของคุณหรือยัง
น้ำผึ้งนั่งยิ้มโดยไม่ตอบอะไร เธอมองไปนอกรถก็เห็นผู้คนสวมใส่ชุดแปลก ๆ เดินกันให้ขวักไขว่ไปหมด บ้างก็หาบเร่ขายของ บ้างก็เดินหยิบจับเพื่อหาซื้อ เธอถึงกับเหลียวหลังมองทีเดียวเมื่อเห็นภาพของกระบวนช้างม้าซึ่งมีฉัตรเรียงราย ผู้คนเดินตามขบวนนั้นมากมาย มีคนรักษาเท้าช้าง เธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังช้างเผือกที่ประดับประดาทรงเครื่องช้างอย่างงดงาม และที่ตามมาติด ๆ ก็คือช้างที่มีฝรั่งนั่ง มีทหารม้าควบตามโดยไม่ห่าง ชาวบ้านต่างหมอบกราบหลีกทางออกเพื่อนให้กระบวนนั้นเคลื่อนออกไปได้
พระนารายณ์!!!!!เธอนึก
คุณน้ำผึ้งครับคุณน้ำผึ้ง
คะ!!!!
เธอตกใจมากสะดุ้งโหยงทีเดียวเมื่อคุณอุดมเรียก พร้อมทั้งยื่นมือไปจับหัวไหล่ของเธอเบา ๆ
ถึงแล้วครับแม่กี้คุณมองอะไรเหรอ
ปะเปล่าค่ะ
น้ำผึ้งลงจากรถแล้วก็กล่าวคำขอบคุณกับคุณอุดม เธอเดินเข้าไปในสำนักงานแล้วก็หยิบหนังสือเกี่ยวกับสมเด็จพระนารายณ์มหาราชขึ้นมาอ่านทันที เธอรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณเลยว่าขบวนที่เธอเห็นนั้นเป็นขบวนเสด็จขององค์สมเด็จฯ ท่าน แต่ก็น่าแปลกที่ว่าเธอรู้ได้อย่างไรว่านั่นคือพระนารายณ์ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีใครเคยเห็นท่านมาก่อน เรื่องนี้จึงทำให้เธอเชื่อสนิทใจว่าเธอต้องเคยอยู่ในช่วงสมัยนั้นแน่ ๆ และเชื่อว่าปางอดีตกับปัจจุบันนั้นขนานกันจึงทำให้เธอได้เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น
ทำอะไรอยู่ครับขยันจังเลย
น้ำผึ้งตกใจสะดุ้งโหยง เธอค่อย ๆ หันกลับไปมองทันที เธอวางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วก็ยืนขึ้น เธอเดินเข้าไปใกล้ ๆ เขา แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยเธอเห็นเขาแต่งกายนุ่งโจงไม่สวมเสื้อ เข็มขัดทำด้วยทองคำประดับด้วยเพชรนิลจินดา มีผ้าแพรทองพาดที่หน้าอกยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เธอขยี้ตาแล้วก็มองใหม่อีกครั้ง
เฮ้อ!!!! โล่งอกไปทีเธอนึก
หมอให้ออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอคะเมื่อกี้ก็ไม่บอกจะได้ให้ติดรถมาด้วย
ผมเห็นคุณไปกับแฟนผมก็เลยไม่อยากจะรบกวน
ฟงแฟนที่ไหนกันคะ นั่นมันลูกค้าของฉันต่างหากล่ะเชิญนั่งก่อนค่ะ
น้ำผึ้งเดินไปหยิบขนมจันทร์อับ กลีบลำดวน จ่ามงกุฎ สัมปันนีและทองเอกใส่จาน จากนั้นก็รินน้ำแตงโมใส่แก้ว เดินถือมาให้เขาที่โซฟา เธอวางจานและแก้วอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ลุกขึ้นมานั่งที่โซฟา เธอนั่งใกล้ ๆ เขาราวกับคนสนิทเธอรู้สึกอบอุ่นทันทีเมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ เขา
ไปซื้อขนมนี่มาจากไหนเหรอครับ
ไม่ได้ซื้อหรอกค่ะ คุณย่าท่านทำเอง ลองชิมสิคะตำรับชาววังเชียวนะ
เหรอครับ
ผู้หมวดหนุ่มใช้ช้อนซ่อมคันเล็กจิ้มไปที่ขนมสัมปันนีซึ่งมีสีสวยน่าทานทันที แต่ขนมแตกออกจากกันน้ำผึ้งจึงใช้มือหยิบขึ้นมาและป้อนใส่ปากเขาทันที
ขอโทษนะคะ.
อืมอร่อยครับ
ผู้หมวดหนุ่มยิ้มหน้าบานทีเดียว เขาทานขนมไปคุยไป ความรู้สึกของเขาในตอนนี้คืออยากอยู่ใกล้ ๆ น้ำผึ้งให้มากที่สุดเพื่อพิสูจน์ว่าทำไมเขาถึงได้ฝันติด ๆ กันเป็นเรื่องเป็นราวมานานตั้งแต่เด็ก ๆ จนปัจจุบันนี้เมื่อเจอเธอแล้วก็ยังไม่เลิกฝันถึงอีกเธอเป็นใครกันแน่ หรือว่าเขาบังเอิญที่เห็นหน้าเธอเหมือนผู้หญิงในความฝัน
คุณไปดูอาการคุณแก้มหรือยังคะ
ยังเลยผมว่าจะชวนคุณไปพรุ่งนี้น่ะครับ
อ้าวแฟนคุณไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่ไปดูตั้งแต่ก่อนออกจากโรงพยาบาลล่ะคะ
น้ำผึ้งพูดอย่างสงสัย เธอวางช้อนตักขนมทันที เธอแสดงสีหน้าอย่างไม่พอใจราวกับแม่ดุลูกทีเดียว
อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ ผมนึกว่ามีแม่อีกคน
เอ่อขอโทษค่ะคือฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงไม่ไปดูอาการเธอ แล้วทำไมคุณมามัวเหลวไหลอยู่แถวนี้ นี่ถ้าฉันเป็นแฟนคุณฉันคงงอนไปแล้วละ
นายตำรวจหนุ่มหยิกแก้มของน้ำผึ้งทันที เขารู้สึกหมั่นเขี้ยวเธอมากเพราะเธอชอบทำท่าทางเหมือนตุ๊กตาพูดได้
เอ่อผมขอโทษครับ คือผมไม่ได้ตั้งใจผมเห็นคุณพูดท่าทางน่ารักดี แก้มก็ยุ้ยจนผมอดใจไม่ให้หยิกแก้มคุณไม่ได้
ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
ทั้งคู่พูดคุยกันถูกคอทีเดียว น้ำผึ้งนั่งคุยถึงเรื่องตำนานและประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเมืองลพบุรีให้เขาฟัง เธอเล่าเรื่องราวได้ละเอียดละออจนทำให้นายตำรวจหนุ่มรู้สึกว่าเรื่องบางเรื่องเหมือนเขาเคยเห็นมาแล้วในความฝัน และก็เกิดความคุ้นเคยจนเห็นเป็นภาพจินตนาการต่าง ๆ นานา
อะแอ่ม!!!!
ทั้งคู่หันไปมองเสียงใครคนหนึ่งที่ดังขึ้นมาขัดจังหวะการคุยของพวกเขา
อ้าวส้ม นา ต่าย แป้ง พี่โอ เชิญนั่งก่อนค่ะ
แหม.
ส้มแสดงสีหน้าหยอกล้อน้ำผึ้งแล้วก็เดินตามเธอเข้าไปในครัวเพื่อยกของว่างออกมาให้คนอื่นทาน
เดี๋ยวขอคุยเป็นการส่วนตัวจะได้ไหมคะ
แหมเธอก็พูดแหย่ฉันจังเลย ได้จ่ะแม่นางส้ม!!!!
ส้มและน้ำผึ้งยกของว่างออกมา จากนั้นก็หลบเข้าไปคุยกันสองคนในครัว
เธอชอบเขาเหรอพระเอกของเธอน่ะ
จะบ้าเหรอเขามาหาฉันเองนะฉันก็เลยคุยกับเขา
แล้วทำไมต้องป้อนขนมให้กันด้วยล่ะ
ก็เขาหยิบกินไม่ถนัดนี่นา
ไม่จริงมั้งแอ๊ะ!หรือว่าเธอกับเขาแอบชอบกัน เขามีแฟนแล้วนะหรือว่าเธอคิดจะแย่งแฟนคนอื่นเหรอ
บ้าเหรอคิดมากไปได้ เราแค่คุยกันเฉย ๆ ไม่ได้คิดอะไรเลย นี่ถ้าว่างนักก็ช่วยฉันทำงานนี่ไป หน้าที่ของเธอก็ออกจะเยอะแยะ ไม่รู้จักทำแหมล้อฉันจังเลยนะ
ส้มเดินตามน้ำผึ้งออกมา เธอช่วยน้ำผึ้งเคลียร์เอกสารและงานเกี่ยวกับทัวร์ที่จะมาลงในอีก 2 3 วันนี้ จากนั้นก็โทรจองโรงแรมเพื่อให้ลูกทัวร์พักผ่อนอย่างสบายใจ
ใครจะเป็นคนรับผิดชอบลูกทัวร์คราวนี้ล่ะ
ฉันเองก็ได้
งั้นผมขอช่วยด้วยได้ไหมครับ คือผมลางานหลายวันแล้ว
ส้มสะกิดน้ำผึ้งทันที เธอทำท่าหยอกล้อน้ำผึ้งจนเธอรู้สึกเขินแล้วก็เดินไปนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป ส้มจึงเดินไปสะกิดนายตำรวจหนุ่มให้เดินเข้าไปช่วยเธอทำงาน
นายตำรวจหนุ่มเดินมาที่โต๊ะของเธอจากนั้นก็วางมือที่พนักพิงเก้าอี้ของเธอ ส่วนอีกข้างหนึ่งนั้นก็วางมือที่โต๊ะของเธอ
ส้ม!!!! ไม่เล่นนะ นี่มันเวลางานอย่ามายืนค้ำหัวฉันได้ไหม
ผมขอโทษครับ
น้ำผึ้งเงยหน้าขึ้นมาดู เธอยิ้มแล้วก็เรีกให้นายตำรวจหนุ่มนั่งที่เก้าอี้อีกตัวหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ
ฉันเห็นนิ้วเรียว ๆ ก็นึกว่าเป็นนิ้วของส้ม ไม่คิดว่าจะเป็นนิ้วของคุณไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าผู้ชายนี่นิ้วจะสวยได้ขนาดนี้
น้ำผึ้งนั่งทำงานไปคุยไปด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นและมีความสุขมาก เธอยิ้มไปหัวเราะไปโดยไม่หยุด นา ส้ม ต่าย และแป้งแอบยืนมองอยู่ที่ประตูห้องทำงานของเธอ นายตำรวจหนุ่มหันมายักคิ้วให้จากนั้นก็นั่งช่วยเธอเคลียร์เอกสารต่อ
สงสัยว่าคุณคงต้องลาออกมาเป็นพนักงานทัวร์แล้วละมั้งเห็นทำงานคล่องจังเลย
น้ำผึ้งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน
.5..
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ