6 ธันวาคม 2549 11:13 น.
สุชาดา โมรา
พ่อจะต้องทำหน้าที่เป็นพระเอกของบ้านที่คอยดูแลสุข ทุกข์ และสร้างความสุขให้ทุกคนในบ้าน ไม่ใช่พระเอกหนังชิงรักหักสวาท หรือพระเอกบู๊ล้างผลาญเลือดท่วมจอ แต่พ่อต้องเป็นฮีโร่ของลูก ที่จะแก้ไขปัญหาภายใน ภายนอก ช่วยให้ลูกตัดสินใจแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ต่อสู้กับเหล่าศัตรูคู่อริ หรือผองภัย (ที่คิดมิดีมิร้าย) ที่กำลังจะมาทำลายจิตใจ ทำลายความรู้สึกของลูก ( ไม่ได้หมายความว่าให้พ่อไปตีรันฟันแทงกับใคร) พ่อเป็นที่ชื่นชม เป็นแรงบันดาลใจ ลูกจึงต้องการถ่ายแบบของพ่อมาเป็นของเขา ดังนั้นพ่อจึงต้องเป็นฮีโร่ที่ดีให้ได้เต็มตัว เป็นแบบอย่างของผู้ใหญ่ที่ดีให้ลูกเห็นและทำตาม
พ่อคือผู้ให้ ถึงแม้บางครั้งพ่ออาจจะดุด่าว่ากล่าวเรา เราอาจจะเคือง ๆ ไปบ้างเพราะความไม่เข้าใจในตอนนั้นว่าเพราะอะไรไมพ่อจึงต้องตีเรา นั่นเพียงเพราะคำว่ารักนั่นเอง ดังสุภาษิตคำพังเพยที่ว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี ความรักของพ่ออาจจะไม่ได้แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งเหมือนแม่ เนื่องจากสภาวะการเป็นผู้นำนั้นจำให้พ่อดูห่างเหินเรามากกว่าแม่ แต่ที่จริงแล้วนั้นพ่อคือคนที่รักเรามากที่สุดไม่น้อยจากแม่เลยสักนิด
พ่อ...เป็นฮีโร่ของประชาชน แต่ในสายตาของฉันแล้ว พ่อคือฮีโร่ของลูก ๆ เพราะเป็นทหารที่ดี เป็นคนรักครอบครัว ถึงอาจจะดูวางมาดไปสักนิด แต่นั่นเป็นเพียงบุคลิกภายนอกเท่านั้น แท้ที่จริงแล้วพ่อได้สอนอะไรเราหลาย ๆ อย่างด้วยความรัก แต่ก็อาจจะไม่ค่อยได้ใส่ใจเรามากมายเหมือนกับมี่ทุกอย่างต้องหยุมหยิมไปหมด
บางครั้งการที่ลูกอย่างเรา ๆ ผิดพลาดอะไรไป ไม่กล้าบอกพ่อ แต่พอพ่อรู้ พ่อตีหรือดุด่าว่ากล่าวไปนั้นทำให้ลูกรู้สึกสำนึก แต่ก็นั่นแหละในช่วงวัยเด็ก เราเองก็เป็นคนปากหนักและไม่พยายามเข้าใจอะไรง่าย ๆ ถึงกับมองดูชาวบ้านและนำมาเป็นบรรทัดฐานด้วยซ้ำว่า บ้านนั้นเขาหนักกว่านี้พ่อแม่เขาไม่เห็นตีเลย แค่หลับในห้องเรียนครั้งเดียวจะเป็นอะไรไป นั่นแหละค่ะ เพราะห่วงกลัวลูกจะเรียนไม่ทันเพื่อนจึงได้ตี แต่เราก็มักจะเข้าใจว่าพ่อไม่มีเหตุผล นิดหน่อยก็ตี สุดท้ายเราได้ดีก็เพราะไม้เรียวของพ่อนี่แหละนะ...
เมื่อวันหนึ่งที่เราสำนึกได้อยากจะขอโทษพ่อซึ่งเป็นฮีโร่ของประชาชนคนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว เพราะคำว่าไม่กล้านี่แหละที่ทำให้ขีดเส้นขวางทางเดินของเรา ไม่กล้าแม้แต่จะพูดกับพ่อว่า หนูเสียใจ หนูขอโทษค่ะ เสียด้วยซ้ำ มาวันนี้เวลาล่วงเลยมานานมาก...นานแสนนาน... เราเองก็ไม่เคยได้พูดออกไปว่าเราสำนึกผิดขนาดไหน กว่าจะรู้ตัวว่าควรพูดคำนั้นทุกคนก็ลืมมันไปหมดแล้ว ทางที่ดีควรพูดตั้งแต่วันนี้ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไปและไม่มีโอกาสได้พูดอีก... ฉันจึงตัดสินใจกล่าวคำขอขมาอภัยฮีโร่ในใจฉันตั้งแต่ตอนนี้เวลานี้ ด้วยคำว่า คุณพ่อคะ หนูขอโทษค่ะ สิ่งที่ผ่าน ๆ มาถึงแม้ว่ามันจะเนิ่นนานมากแล้ว แต่หนูยังไม่เคยได้ขอโทษคุณพ่อและคุณแม่เลย วันนี้ถึงแม้ว่ามันจะสายเกินไปแต่สิ่งที่ยังคงอยู่ในกมลสำนึกของลูกคนนี้นั้นคือตราบาปที่ลูกได้กระทำ หนูรู้สึกเสียใจมาก หนูขอโทษนะคะ... หนูรักพ่อและแม่มากค่ะ
อยากบอกพ่อวันนี้ ถึงแม้จะสายเกินไป แต่ขอให้รับรู้เอาไว้ว่ารักพ่อเสมอ
3 ธันวาคม 2549 20:50 น.
สุชาดา โมรา
ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ติดตามผลงานมาโดยตลอดนะคะ
ขอขอบคุณนักเรียนของครูทุกคนนะคะที่ยังคงแวะเวียนมาเสมอ รู้สึกตื้นตันใจจริง ๆ ค่ะ
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
17 พฤศจิกายน 2549 15:06 น.
สุชาดา โมรา
กลางดึกอันเงียบสงัดน้ำผึ้งแก้วเดินออกมาที่ถนนหน้าบ้าน เธอเดินเลาะทางไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเดินมาถึงพระที่นั่งเย็นหรือที่เรียกว่าพระที่นั่งไกรสรสีหราชนั่นเอง เธอมองไปรอบ ๆ ก็เห็นต้นโพธิ์ต้นใหญ่ และซากโบราณสถานที่ยังคงเหลือไว้ให้ลูกหลานได้ชมกันทุกวันนี้
สายลมยะเยือกเข้ามาที่รูขุมขน เธอรู้สึกหนาวสะท้านไปทั่วร่าง เสียงใครคนหนึ่งกึกก้องร้องเรียกเธออยู่ตลอดเวลา น้ำผึ้งแก้วน้ำผึ้งแก้วน้ำผึ้งแก้ว เธอเดินตามเสียงนั้นไปจนกระทั่งมารู้สึกตัวอีกทีก็เห็นตัวเองยืนอยู่ที่โรงช้าง เธอเห็นช้างมากมายหลายเชือก ล้วนแล้วแต่เป็นช้างเผือกที่แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างสวยสดงดงาม เธอรู้สึกแปลกใจมากหันกลับมายังซากโบราณสถาน พอมองไปก็เห็นเป็นหมู่ตึกที่สวยงามท่ามกลางทะเลสาบชุบศร
นี่มันอะไรกันนี่!!!!
เธอรู้สึกตกใจและหวาดกลัวมาก เพราะคราวนี้เธอมาที่นี่ทั้ง ๆ ที่ยังมีสติอยู่ เธอเดินมายังพระตำหนัก เธอเห็นนางในมากมายกำลังจัดพระแท่นบรรทมอยู่ เธอจึงเดินเข้าไปดู
แม่หญิงวันนี้วันพุธนะ ยังไม่กลับบ้านอีกรึ เดี๋ยวคุณท้าวเยาวลักษณ์ก็มาว่าอิฉันหรอกไปรีบเก็บข้าวของและกลับบ้านได้แล้ว เห็นว่าท่านเจ้าคุณพลเทพส่งคนมารับนี่
เจ้าคุณพลเทพเหรอ ใครกันไม่เคยได้ยินเลย
น้ำผึ้งแก้วถามอย่างงง ๆ เธอนั่งลงกับพื้นแล้วก็คลานเข้าไปใกล้ ๆ คุณท้าวรัญจวนผู้ที่ดูแลเรื่องพระแท่นบรรทมของสมเด็จฯ ท่าน ชุดที่เธอสวมใส่เป็นชุดโบราณ ซึ่งเธอก็แปลกใจอยู่แล้วกับการมาโดยไม่ได้ตั้งใจของเธอ แล้วนี่ยังจะต้องเดินทางไปกับใครก็ไม่รู้ จะต้องไปที่ไหนเธอก็ยังไม่รู้เลย
กระไรกันเจ้ามิรู้รึ เจ้าคุณพลเทพบิดาของคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีอย่างไรเล่า
คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีหรือเจ้าคะ!!!!
เธอถามอย่างงง ๆ เพราะชื่อนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย เธอนั่งอยู่ครู่หนึ่งนางในคนหนึ่งก็วิ่งพรวดเข้ามาพร้อมกับห่อผ้าสัมภาระ
อีไม!!!! มึงนี่นะ อยู่ในรั้วในวังมาตั้งนมนานยังไม่รู้จักวางกิริยามารยาทอีก มันน่าส่งไปอยู่ล้างขี้ช้างดีไหมล่ะ
คุณท้าวรัญจวนพูดด้วยความโมโห เธอจ้องมองบ่าวคนนั้นแล้วก็ทำหน้าเครียด เมื่อบ่าวคนนั้นทำหน้าเสียคุณท้าวรัญจวนก็หัวเราะพร้อมทั้งเอามือปิดปากทันที สร้างความขบขันให้กับนางในทุกคน เพราะทุกคนเห็นท่าหวาดกลัวของบ่าวคนนั้นเป็นเรื่องตลกไปเสียแล้ว
บ่าวเอาข้าวของมาให้เจ้าค่ะแม่หญิงคนเรือรออยู่นะเจ้าคะ
น้ำผึ้งแก้วกราบคุณท้าวรัญจวนแล้วก็คลานออกจากตำหนักด้วยความระมัดระวัง เธอเดินออกมายังท่าน้ำของชาวฝรั่งเพราะที่นี่มีอยู่ท่าเดียว เธอมองเห็นเรือสำเภาน้อยใหญ่ที่จอดอยู่ รวมทั้งเรือของชาวฝรั่งทำให้เธอยิ้มไม่หุบปากทีเดียว
แม่หญิงคะสำรวมกิริยาด้วยเจ้าค่ะ
น้ำผึ้งแก้วหุบปากทันที เธอเดินมายังเรือที่จอดรอรับอยู่ เธอทำท่าเหมือนจะลงเรือแต่ก็กวักมือเรียกเรือจ้างที่อยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้นทันที เรือลำนั้นพายมาเทียบท่า น้ำผึ้งแก้วลงเรือแล้วก็หันไปยิ้มให้กับคนเรือของเจ้าคุณพลเทพและไมบ่าวรับใช้ของคุณประยูรบุตรีของเจ้าคุณพลเทพที่อยู่ในวังมาก่อนหน้าหล่อนทันที
ไปบ้านเจ้าพระยาธรรมศักดิ์ราชนฤบาล อยู่ตรงคุ้งด้านหน้า
คนเรือพายเรือตรงไปยังท่าน้ำหน้าบ้านทันที ส่วนคนเรือของเจ้าคุณพลเทพก็พายเรือตามมาอย่างเร่งด่วน ไม่บ่าวของคุณประยูรตะโกนโหวกเหวกให้เรือลำที่น้ำผึ้งแก้วนั่งมาจอด แต่คนเรือไม่หยุดจอดเลยสักนิด น้ำผึ้งแก้วขึ้นจากเรือพร้อมทั้งหยิบอัดมาจ่าย หล่อนเดินตรงมายังเรือนของเจ้าคุณพ่อพร้อมทั้งหยิบข้าวของที่อยู่ในห่อผ้าออกมาดู
ในนี้มีอะไรนะหล่อนนึก หล่อนเห็นเพลงยาวที่มีคนเขียนมาให้หล่อนถึงสองฉบับ ฉบับหนึ่งเป็นของคุณหลวงบดินทร์นฤบาล อีกฉบับเป็นของคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรี หล่อนหยิบเพลงยาวของคุณหลวงบดินทร์ขึ้นมาอ่านก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วก็เก็บไว้ใต้หมอน ส่วนของคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีนั้นหล่อนหยิบไปใส่ในกระบอกไม้ไผ่แล้วให้บ่าวที่ชื่อปลิกนำไปส่งให้กับคุณช้อยบุตรสาวบ้านคุณท้าวกรองทองทันที เพราะหล่อนรู้ว่าแม่หญิงช้อยมีใจให้กับคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรี
นี่เราทำอะไรของเราอยู่นะ รู้สึกฝืนตัวเองไม่ได้ทั้ง ๆ ที่เรารู้ว่าเรากำลังทำเรื่องที่ผิดมาก ๆ แต่เราก็ห้ามตัวเองไม่ได้ เรารู้ได้อย่างไรว่าคุณช้อยชอบคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีทั้ง ๆ ที่เราก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเธอด้วยซ้ำ น้ำผึ้งนึก
น้ำผึ้งแก้วนั่งคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งบ่าวก็มาเรียกให้ไปเรือนเจ้าคุณย่า
แม่หญิงเจ้าคะคุณท่านเรือนใหญ่ให้หาเจ้าค่ะ
น้ำผึ้งแก้วเดินลงบันไดอย่างระมัดระวัง หล่อนข้ามสะพานซึ่งเชื่อมกับบันไดบ้านไปยังเรือนของเจ้าคุณย่าที่อยู่ไม่ห่างไกลนัก เมื่อมาถึงระเบียงกลางหล่อนเดินอย่างพญาหงส์และค่อย ๆ คลานเข่ามาหาเจ้าคุณย่าอย่างระมัดระวังกิริยาจากนั้นก็กราบเจ้าคุณย่าและหันมาไหว้เจ้าคุณพลเทพและคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีทันที
งามเหลือเกินแม่..
เจ้าคุณพลเทพเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งส่งสายตาเจ้าชู้ไก่แจ้กับน้ำผึ้งแก้วทำให้เจ้าคุณย่ารู้สึกขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมากจึงเคี้ยวหมากจับ ๆ กระแทกแรง ๆ ด้วยความโกรธ ส่วนน้ำผึ้งแก้วนั้นวางกิริยาราวกับเป็นหุ่น หล่อนนั่งนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หล่อนมองตรงไปข้างหน้านั่งตัวแข็งทำให้เจ้าคุณย่ารู้สึกพอใจที่หลานสาวไม่ตอบโต้สิ่งใดกับเจ้าคุณพลเทพเหมือนเมื่อคราวที่ตอบกับคุณหญิงเลี่ยมแม่ของคุณหลวงบดินทร์นฤบาล
มีธุระอันใดหรือพ่อ
เจ้าคุณย่าพูดด้วยน้ำเสียงที่เก็บอารมณ์
กระผมอยากจะมาพูดจาตามประสาคนคุ้นเคยเท่านั้นแหละขอรับ
เหตุใดจึงต้องเรียกหลานของอิฉันมาด้วยในเมื่อจะมาคุยกันตามประสาแต่เอเมื่อก่อนนี้ไม่เห็นว่าเจ้าคุณจะมาคุยบ้างเลย อิฉันว่าเจ้าคุณพูดมาตรง ๆ เลยดีกว่าไหม
กระผมขอพูดตามตรงเลยนะขอรับ กระผมอยากจะให้เด็กสองคนรู้จักกัน
อ้าวลูกเอ๊ย!รู้จักกันหรือยังเล่า
เจ้าคุณย่าหันมาถามน้ำผึ้งแก้วแล้วก็ยิ้มเยาะ
รู้จักเจ้าเจ้าค่ะเจ้าคุณย่า งั้นหลานขอตัวกลับเรือนก่อนนะเจ้าคะเพราะไม่มีกิจจะคุยด้วย ก็ฝ่ายนั้นบอกให้หลานรู้จักแล้วหลานก็อยู่แค่รู้จักนี่แหละเจ้าค่ะ
เจ้าคุณย่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับเอื้อมมือไปจับแขนน้ำผึ้งแก้วเบา ๆ ก่อนที่หล่อนจะค่อย ๆ คลานลุกหนีไปเพราะไม่อยากจะคุยกับสองพ่อลูกนั่น
เจ้าคุณพลเทพถึงกับอึ้งพูดไม่ออกทีเดียว เขานั่งเคี้ยวหมากด้วยความโกรธ
ไป!!!!กลับ!!!!!
เจ้าคุณพลเทพแสดงท่าทางโกรธราวกับยักษ์คลั่ง เขาคว้าไม้ตะพดหัวงูเห่าซึ่งทำมาจากเขากระทิงด้วยท่าทางที่หุนหันแล้วก็หันมาไหว้เจ้าคุณย่าจากนั้นก็เดินกระแทกเท้าลงจากเรือนไป
เจ้าคุณพ่อขอรับกระผมว่าอย่าเพิ่งโกรธเลยนะขอรับ หล่อนยังเด็กนักคงจะไม่รู้ประสีประสาเท่าไรนัก
ใช่หล่อนยังเด็กแต่หยิ่งยโสโอหังเหลือเกิน พ่อว่าเจ้าอย่ายุ่งกับคนบ้านนี้เลยดีกว่า เจ้าก็รู้ไม่ใช่รึว่าคนบ้านนี้เป็นพวกเจ้า ๆ นาย ๆ ไหนเลยจะมาคบกับคนอย่างเรานึกว่าตัวเองใหญ่โต สักวันหนึ่งเถอะจะได้รู้กัน!!!!
เจ้าคุณพ่อจะทำอะไรหรือขอรับ
เดี๋ยวก็รู้.ไปกลับ
เจ้าคุณพลเทพลงเรืออย่างรีบร้อนจนเรือเกือบจะคว่ำ
บ๊ะ!!!! อ้ายตะไลมึงนี่ทำเรือเกือบร่ม มึงระวังตัวไว้เถอะอ้ายฉิบหายกูจะแพ่นกระบานมึงโทษฐานที่จับเรือไม่แน่น
เจ้าคุณพ่ออย่าพาลคนอื่นสิขอรับ ดูสิอ้ายมิ่งมันกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว
เรือของเจ้าคุณพลเทพพายออกมาได้ครู่หนึ่งคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีก็เห็นเรือของคุณหลวงบดินทร์นฤบาลซึ่งมีแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วนั่งอยู่ด้วย หล่อนยิ้มอย่างไม่ระวังกิริยา
เจ้าคุณพ่อขอรับ.
คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีเรียกให้เจ้าคุณพลเทพดูเรือของคุณหลวงบดินทร์นฤบาล
มิน่าล่ะ
ทำไมหรือขอรับ
ก็แม่หญิงมีใจให้คุณหลวงบดินทร์ฯ ไงล่ะ แม่หญิงถึงได้ไม่สนใจเจ้าไป!!!! ไปได้แล้ว
ไม่ขอรับกระผมจะขอดูอีกหน่อย
จะดูให้มันเจ็บใจไปใยพ่อว่าเรามาหาทางทำยังไงแม่หญิงถึงจะได้มาเป็นของเจ้าดีกว่านะ
แต่กระผมขออยู่อีกแป๊ะเถอะขอรับ
เจ้าคุณพลเทพจึงอยู่ดูคุณหลวงบดินทร์นฤบาล สองพ่อลูกคิดแผนการที่จะให้แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วมาร่วมเรียงเคียงหมอนให้ได้ เขารู้สึกเจ็บแค้นที่สองย่าหลานได้กระทำให้อับอายจึงคิดอยากจะเย้ยให้สาใจเพราะถ้าหากแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วออกเรือนไปกับลูกชายของตัวเองแล้วตนเองจะแกล้งให้สาแก่ใจเลยทีเดียว
อุ๊ย!!!! น้ำเย็นนะเจ้าคะ อิฉันว่ากลับกันเถอะค่ะเพราะเดี๋ยวเจ้าคุณพ่อจะว่าได้
คุณพี่ไม่ว่ากระไรดอกเจ้า
คุณหลวงบดินทร์นฤบาลเอามือจ้วงน้ำและดีดใส่แก้มของแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วทำให้หล่อนขวยเขินและแอบอมยิ้มอยู่บ่อย ๆ
พี่มีอะไรจะให้เจ้า
อะไรหรือคะ
หลับตาก่อนสิ
แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วหลับตาลง คุณหลวงบดินทร์นฤบาลจึงนำดอกบัวมาทัดที่ใบหูของหล่อน หล่อนจึงลืมตาขึ้นแล้วก็หยิบดอกบัวดอกนั้นออกจากหูทันที
สวยจริงเจ้าค่ะ คุณหลวงเด็ดมาจากตรงไหนหรือคะอิฉันไม่เห็นคุณหลวงเด็ดเลยเจ้าค่ะ
ก็ตอนที่เจ้ามัวหันไปดูทางอื่นอย่างไรเล่าพี่จักพาไปดูผ้าในตลาดเจ้าจักไปหรือไม่
อย่าเลยเจ้าค่ะนี่ก็มากันนานแล้วเดี๋ยวเจ้าคุณพ่อจะว่าได้นะเจ้าคะ
คุณพี่ไม่ว่ากระไรดอกเชื่อพี่เถอะเจ้า
คุณหลวงพายเรือไปเรื่อย ๆ และก็ชี้ชวนให้แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วดูนกดูไม้ข้างทางด้วยความสุขที่เปี่ยมล้นอยู่ในหัวใจอันเข้มแข็งของทหารผู้กล้า
กลิ่นดอกไม้ใดฤๅหอมเท่ากลิ่นเจ้า พี่อยากแนบเคล้าคู่ชื่นรื่นนาสา กลิ่นอบร่ำอันอบอวนเหมือนวาจา น้องนั้นหนาน่าเชยชิด
คุณหลวงเจ้าคะอิฉันไม่อยากฟังเพลงยาวดอกเจ้าค่ะ มีอะไรก็พูดตรง ๆ เถอะอย่ามัวอ้อมค้อมเลยเห็นทีว่าจะค่ำเป็นแน่ หากแต่เอ่ยวาจาเพียงประโยคสองประโยคอิฉันก็เข้าใจแล้วละเจ้าค่ะ เพราะเดี๋ยวใครเขาจะครหาเอาได้ว่าอิฉันมาเที่ยวค่ำมืดมันไม่ดีดอกเจ้าค่ะ
คุณหลวงนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ยิ้มเป็นเชิงว่าแม่หญิงนั้นยังคงเป็นเด็กอยู่ดี ไม่รู้จักขวยเขินเสียเลยทั้ง ๆ ที่มีชายหนุ่มนั่งเกี้ยวขนาดนี้ยังไม่รู้เรื่องอีก หล่อนกลับนั่งนิ่งแล้วก็พูดด้วยสีหน้าธรรมดา ๆ จนดูแล้วรู้สึกได้ว่าหล่อนเป็นคนที่พูดตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมดูแล้วรู้สึกสบายใจ
คุณหลวงจับมือแม่หญิงขึ้นมาและนำแหวนที่ถอดออกจากนิ้วก้อยนั้นสวมไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของหล่อนทันที
วันนี้พี่ขอจับจองเจ้าได้หรือไม่
อิฉันมิใช่ของตลาดนะเจ้าคะที่จะจับจอง
พี่ขอจองเจ้าก่อนที่จะหาผู้ใหญ่มาสู่ขอเจ้าพี่กลัวว่าชายใดจะมาเห็นดอกไม้งามในสวนหลวงอย่างเจ้ารักษาตัวครองรักไว้รอพี่เถอะเจ้า พี่จะเร่งให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอเจ้าโดยด่วน
แม่หญิงก้มลงกราบคุณหลวงบนเรือ หล่อนน้ำตาซึมแล้วก็เงยหน้าขึ้น คุณหลวงจึงเอื้อมมือไปเช็ดหน้าให้หล่อน
เป็นอะไรหรือเจ้า
รีบเถอะเจ้าค่ะคุณหลวงก่อนที่จะสายเกินไป
ทำไมหรือเจ้า
วันนี้เจ้าคุณพลเทพและคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีมาที่เรือนเจ้าคุณย่าพูดคุยอะไรกันก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่เจ้าคุณย่าเรียกอิฉันกลับจากวังและให้มาหาเรื่องนี้ อิฉันสังหรใจเหลือเกินเจ้าค่ะ
คุณหลวงถึงกับทำตาโตทีเดียว เขารีบพาแม่หญิงกลับบ้านและรีบไปคุยกับเจ้าคุณย่าที่เรือนใหญ่ตามลำพังทันที น้ำผึ้งแก้วนั้นนั่งซึมอยู่ในห้องของตัวเอง หล่อนรู้สึกสับสนทำอะไรไม่ถูก จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที
6
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
ขอขอบคุณเพื่อน ๆ มาคอยให้กำลังใจและติติงเสมอ
13 พฤศจิกายน 2549 19:17 น.
สุชาดา โมรา
คุณน้ำผึ้งครับ ผมขอไปเยี่ยมผู้หมวดเอกของคุณได้ไหมครับ
เขาไม่ใช่ของฉันหรอกค่ะเขามีเจ้าของแล้ว
อ้าวผมนึกว่าเป็นแฟนคุณซะอีก เห็นคุณพูดถึงบ่อย ๆ
อ๋อเขาเหมือนคนที่ฉันเคยรู้จักน่ะค่ะ ฉันก็เลยพูดถึงเขาบ่อย ๆ
คุณอุดมขอไปเยี่ยมผู้หมวดสุเมธที่โรงพยาบาล เมื่อเขามาถึงเขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นผู้หมวดสุเมธนอนอยู่
คุณหลวง.!!!
อะไรนะคะเมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะคะ
ปะเปล่าครับ
คุณอุดมศักดิ์หลุดพูดออกมาทันที เขาคิดอยู่ในใจตลอดเวลาว่าเหมือนคนที่เขาเห็นในความฝัน ทำไมจึงบังเอิญแบบนี้นะ
หลังจากที่เขาได้ไปเยี่ยมนายตำรวจหนุ่ม เขาก็ครุ่นคิดอยู่นานเรื่องความฝันอันเลือนลางของเขา เขาคิดว่าน่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่ ๆ เพราะหลายสิ่งหลายอย่างมันดูจะชัดเจนเสียเหลือเกิน
คุณเคยเชื่อเรื่องกลับชาติมาเกิดหรือไม่
ทำไมถึงถามขึ้นมาล่ะคะ
น้ำผึ้งถามขึ้นอย่างงง ๆ เพราะเธอเองก็ไม่คิดว่าคุณอุดมจะมีความคิดเช่นนี้
คือผมเคยได้ยินคนหลายคนเขาพูดว่า คนที่ได้มาทำงาน ได้มามีส่วนในโบราณสถานและสิ่งเก่าแก่นั้นอาจจะเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาก่อนในภพภูมิที่แล้ว คุณน้ำผึ้งเชื่อบ้างไหมครับ
ก็อาจจะจริงนะคะ ฉันเองก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง บางทีการที่เราฝันอะไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ นั่นก็อาจจะมาจากการที่เราคิดไปเองก็ได้ หรือไม่ก็ปางอดีตที่ยังคงฝังใจเราในชาติที่แล้ว ก็เลยทำให้ชาตินี้ปางนั้นมีผลต่อชะตาของเราก็ได้นะคะ
คุณน้ำผึ้งพูดดูมีหลักการมากเลยนะครับแต่ทำไมคุณถึงพูดเรื่องความฝันขึ้นมาล่ะครับ
คุณเคยได้ยินหรือเปล่าคะว่าอดีตกับปัจจุบันมันขนานกันอยู่ ถ้าหากว่าจู่ ๆ เราเห็นภาพอะไรที่นอกเหนือจากความฝันแล้ว นั่นก็หมายความว่าเราอาจจะได้เห็นปางอดีตของเราก็ได้นะคะ
ฟังดูเข้าท่าดีนะครับแล้วคุณเห็นปางอดีตของคุณหรือยัง
น้ำผึ้งนั่งยิ้มโดยไม่ตอบอะไร เธอมองไปนอกรถก็เห็นผู้คนสวมใส่ชุดแปลก ๆ เดินกันให้ขวักไขว่ไปหมด บ้างก็หาบเร่ขายของ บ้างก็เดินหยิบจับเพื่อหาซื้อ เธอถึงกับเหลียวหลังมองทีเดียวเมื่อเห็นภาพของกระบวนช้างม้าซึ่งมีฉัตรเรียงราย ผู้คนเดินตามขบวนนั้นมากมาย มีคนรักษาเท้าช้าง เธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังช้างเผือกที่ประดับประดาทรงเครื่องช้างอย่างงดงาม และที่ตามมาติด ๆ ก็คือช้างที่มีฝรั่งนั่ง มีทหารม้าควบตามโดยไม่ห่าง ชาวบ้านต่างหมอบกราบหลีกทางออกเพื่อนให้กระบวนนั้นเคลื่อนออกไปได้
พระนารายณ์!!!!!เธอนึก
คุณน้ำผึ้งครับคุณน้ำผึ้ง
คะ!!!!
เธอตกใจมากสะดุ้งโหยงทีเดียวเมื่อคุณอุดมเรียก พร้อมทั้งยื่นมือไปจับหัวไหล่ของเธอเบา ๆ
ถึงแล้วครับแม่กี้คุณมองอะไรเหรอ
ปะเปล่าค่ะ
น้ำผึ้งลงจากรถแล้วก็กล่าวคำขอบคุณกับคุณอุดม เธอเดินเข้าไปในสำนักงานแล้วก็หยิบหนังสือเกี่ยวกับสมเด็จพระนารายณ์มหาราชขึ้นมาอ่านทันที เธอรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณเลยว่าขบวนที่เธอเห็นนั้นเป็นขบวนเสด็จขององค์สมเด็จฯ ท่าน แต่ก็น่าแปลกที่ว่าเธอรู้ได้อย่างไรว่านั่นคือพระนารายณ์ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีใครเคยเห็นท่านมาก่อน เรื่องนี้จึงทำให้เธอเชื่อสนิทใจว่าเธอต้องเคยอยู่ในช่วงสมัยนั้นแน่ ๆ และเชื่อว่าปางอดีตกับปัจจุบันนั้นขนานกันจึงทำให้เธอได้เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น
ทำอะไรอยู่ครับขยันจังเลย
น้ำผึ้งตกใจสะดุ้งโหยง เธอค่อย ๆ หันกลับไปมองทันที เธอวางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วก็ยืนขึ้น เธอเดินเข้าไปใกล้ ๆ เขา แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยเธอเห็นเขาแต่งกายนุ่งโจงไม่สวมเสื้อ เข็มขัดทำด้วยทองคำประดับด้วยเพชรนิลจินดา มีผ้าแพรทองพาดที่หน้าอกยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เธอขยี้ตาแล้วก็มองใหม่อีกครั้ง
เฮ้อ!!!! โล่งอกไปทีเธอนึก
หมอให้ออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอคะเมื่อกี้ก็ไม่บอกจะได้ให้ติดรถมาด้วย
ผมเห็นคุณไปกับแฟนผมก็เลยไม่อยากจะรบกวน
ฟงแฟนที่ไหนกันคะ นั่นมันลูกค้าของฉันต่างหากล่ะเชิญนั่งก่อนค่ะ
น้ำผึ้งเดินไปหยิบขนมจันทร์อับ กลีบลำดวน จ่ามงกุฎ สัมปันนีและทองเอกใส่จาน จากนั้นก็รินน้ำแตงโมใส่แก้ว เดินถือมาให้เขาที่โซฟา เธอวางจานและแก้วอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ลุกขึ้นมานั่งที่โซฟา เธอนั่งใกล้ ๆ เขาราวกับคนสนิทเธอรู้สึกอบอุ่นทันทีเมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ เขา
ไปซื้อขนมนี่มาจากไหนเหรอครับ
ไม่ได้ซื้อหรอกค่ะ คุณย่าท่านทำเอง ลองชิมสิคะตำรับชาววังเชียวนะ
เหรอครับ
ผู้หมวดหนุ่มใช้ช้อนซ่อมคันเล็กจิ้มไปที่ขนมสัมปันนีซึ่งมีสีสวยน่าทานทันที แต่ขนมแตกออกจากกันน้ำผึ้งจึงใช้มือหยิบขึ้นมาและป้อนใส่ปากเขาทันที
ขอโทษนะคะ.
อืมอร่อยครับ
ผู้หมวดหนุ่มยิ้มหน้าบานทีเดียว เขาทานขนมไปคุยไป ความรู้สึกของเขาในตอนนี้คืออยากอยู่ใกล้ ๆ น้ำผึ้งให้มากที่สุดเพื่อพิสูจน์ว่าทำไมเขาถึงได้ฝันติด ๆ กันเป็นเรื่องเป็นราวมานานตั้งแต่เด็ก ๆ จนปัจจุบันนี้เมื่อเจอเธอแล้วก็ยังไม่เลิกฝันถึงอีกเธอเป็นใครกันแน่ หรือว่าเขาบังเอิญที่เห็นหน้าเธอเหมือนผู้หญิงในความฝัน
คุณไปดูอาการคุณแก้มหรือยังคะ
ยังเลยผมว่าจะชวนคุณไปพรุ่งนี้น่ะครับ
อ้าวแฟนคุณไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่ไปดูตั้งแต่ก่อนออกจากโรงพยาบาลล่ะคะ
น้ำผึ้งพูดอย่างสงสัย เธอวางช้อนตักขนมทันที เธอแสดงสีหน้าอย่างไม่พอใจราวกับแม่ดุลูกทีเดียว
อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ ผมนึกว่ามีแม่อีกคน
เอ่อขอโทษค่ะคือฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงไม่ไปดูอาการเธอ แล้วทำไมคุณมามัวเหลวไหลอยู่แถวนี้ นี่ถ้าฉันเป็นแฟนคุณฉันคงงอนไปแล้วละ
นายตำรวจหนุ่มหยิกแก้มของน้ำผึ้งทันที เขารู้สึกหมั่นเขี้ยวเธอมากเพราะเธอชอบทำท่าทางเหมือนตุ๊กตาพูดได้
เอ่อผมขอโทษครับ คือผมไม่ได้ตั้งใจผมเห็นคุณพูดท่าทางน่ารักดี แก้มก็ยุ้ยจนผมอดใจไม่ให้หยิกแก้มคุณไม่ได้
ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
ทั้งคู่พูดคุยกันถูกคอทีเดียว น้ำผึ้งนั่งคุยถึงเรื่องตำนานและประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเมืองลพบุรีให้เขาฟัง เธอเล่าเรื่องราวได้ละเอียดละออจนทำให้นายตำรวจหนุ่มรู้สึกว่าเรื่องบางเรื่องเหมือนเขาเคยเห็นมาแล้วในความฝัน และก็เกิดความคุ้นเคยจนเห็นเป็นภาพจินตนาการต่าง ๆ นานา
อะแอ่ม!!!!
ทั้งคู่หันไปมองเสียงใครคนหนึ่งที่ดังขึ้นมาขัดจังหวะการคุยของพวกเขา
อ้าวส้ม นา ต่าย แป้ง พี่โอ เชิญนั่งก่อนค่ะ
แหม.
ส้มแสดงสีหน้าหยอกล้อน้ำผึ้งแล้วก็เดินตามเธอเข้าไปในครัวเพื่อยกของว่างออกมาให้คนอื่นทาน
เดี๋ยวขอคุยเป็นการส่วนตัวจะได้ไหมคะ
แหมเธอก็พูดแหย่ฉันจังเลย ได้จ่ะแม่นางส้ม!!!!
ส้มและน้ำผึ้งยกของว่างออกมา จากนั้นก็หลบเข้าไปคุยกันสองคนในครัว
เธอชอบเขาเหรอพระเอกของเธอน่ะ
จะบ้าเหรอเขามาหาฉันเองนะฉันก็เลยคุยกับเขา
แล้วทำไมต้องป้อนขนมให้กันด้วยล่ะ
ก็เขาหยิบกินไม่ถนัดนี่นา
ไม่จริงมั้งแอ๊ะ!หรือว่าเธอกับเขาแอบชอบกัน เขามีแฟนแล้วนะหรือว่าเธอคิดจะแย่งแฟนคนอื่นเหรอ
บ้าเหรอคิดมากไปได้ เราแค่คุยกันเฉย ๆ ไม่ได้คิดอะไรเลย นี่ถ้าว่างนักก็ช่วยฉันทำงานนี่ไป หน้าที่ของเธอก็ออกจะเยอะแยะ ไม่รู้จักทำแหมล้อฉันจังเลยนะ
ส้มเดินตามน้ำผึ้งออกมา เธอช่วยน้ำผึ้งเคลียร์เอกสารและงานเกี่ยวกับทัวร์ที่จะมาลงในอีก 2 3 วันนี้ จากนั้นก็โทรจองโรงแรมเพื่อให้ลูกทัวร์พักผ่อนอย่างสบายใจ
ใครจะเป็นคนรับผิดชอบลูกทัวร์คราวนี้ล่ะ
ฉันเองก็ได้
งั้นผมขอช่วยด้วยได้ไหมครับ คือผมลางานหลายวันแล้ว
ส้มสะกิดน้ำผึ้งทันที เธอทำท่าหยอกล้อน้ำผึ้งจนเธอรู้สึกเขินแล้วก็เดินไปนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป ส้มจึงเดินไปสะกิดนายตำรวจหนุ่มให้เดินเข้าไปช่วยเธอทำงาน
นายตำรวจหนุ่มเดินมาที่โต๊ะของเธอจากนั้นก็วางมือที่พนักพิงเก้าอี้ของเธอ ส่วนอีกข้างหนึ่งนั้นก็วางมือที่โต๊ะของเธอ
ส้ม!!!! ไม่เล่นนะ นี่มันเวลางานอย่ามายืนค้ำหัวฉันได้ไหม
ผมขอโทษครับ
น้ำผึ้งเงยหน้าขึ้นมาดู เธอยิ้มแล้วก็เรีกให้นายตำรวจหนุ่มนั่งที่เก้าอี้อีกตัวหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ
ฉันเห็นนิ้วเรียว ๆ ก็นึกว่าเป็นนิ้วของส้ม ไม่คิดว่าจะเป็นนิ้วของคุณไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าผู้ชายนี่นิ้วจะสวยได้ขนาดนี้
น้ำผึ้งนั่งทำงานไปคุยไปด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นและมีความสุขมาก เธอยิ้มไปหัวเราะไปโดยไม่หยุด นา ส้ม ต่าย และแป้งแอบยืนมองอยู่ที่ประตูห้องทำงานของเธอ นายตำรวจหนุ่มหันมายักคิ้วให้จากนั้นก็นั่งช่วยเธอเคลียร์เอกสารต่อ
สงสัยว่าคุณคงต้องลาออกมาเป็นพนักงานทัวร์แล้วละมั้งเห็นทำงานคล่องจังเลย
น้ำผึ้งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน
.5..
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ยังติดตามผลงานและแวะเวียนเข้ามาอ่านผลงานตลอดเวลา
ขอขอบคุณแฟนคลับ และนักเรียน เทศบาลบ้านม่วงทุกคนนะคะยังคงคิดถึงกันอยู่ โดยเฉพาะแก๊งลูกกระเดือกบาน
11 พฤศจิกายน 2549 13:08 น.
สุชาดา โมรา
พี่เอกคะพี่เอกรู้สึกตัวหรือยังคะพี่เอก
เสียงน้ำผึ้งเรียกเขาอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ยังไม่ฟื้น แพทย์มาตรวจอาการเขาอยู่หลายครั้ง แพทย์บอกว่าอาการของเขาไม่เป็นอะไรแล้วเพียงแต่รอให้ฟื้นก็เท่านั้นเอง
ผึ้งนี่เราซื้อน้ำหอมกลิ่นใหม่มาให้ แปลกดีลองดมสิ
น้ำผึ้งเปิดฝาขวดน้ำหอมขึ้นมาดม เธอกำลังจะฉีดน้ำหอมเพื่อลองที่มือ แต่ต่ายเดินพวดพลาดมาชนแขนจึงทำให้น้ำหอมฉีดไปทางอื่นกลิ่นน้ำหอมฟุ้งกระจายไปหมด ผู้หมวดหนุ่มค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามอง เขายิ้มแล้วก็จับมือของเธอเอาไว้
น้ำผึ้งแก้ว!!!!
เขาเรียกชื่อนี้ขึ้นมาทำให้เธอตกใจมากเพราะไม่คิดว่าจะมีใครเรียกชื่อนี้ได้อีก เธอคิดว่ามีเพียงเธอคนเดียวเสียอีกที่รู้จักชื่อนี้
นั่นก็ต้องหมายความว่าเขารู้แล้วว่าเราเป็นหลานเขาในชาติที่แล้วแน่ ๆ.น้ำผึ้งนึก
ขณะที่นายตำรวจหนุ่มเงยหน้ามองน้ำผึ้งแก้วนั้นเขาเห็นเธอใส่ไสบสีทองทับสไบแพรสีเหลืองนวล ผมของเธอประบ่าสวมเข็มขัดทองประดับไปด้วยเพชรนิลจินดานุ่งผ้าจีบนางสีเขียวขี้ม้าราวกับที่เขาเห็นในความฝันทำให้เขานึกถึงวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ภาพความทรงจำในนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในจิตใจเขาตลอดเวลา เมื่อเขามองไปที่ข้อมือของตัวเอง เขาก็เห็นกำไลที่เขาให้เธอในความฝันเขาถึงกับตกใจเพราะไม่คิดว่ากำไลวงนี้จะมีจริง เพราะเขาคิดมาโดยตลอดว่าฝันไปเท่านั้น
กำไลเชือกเส้นนี้มาจากไหน
ของผึ้งเองค่ะพี่เอกดร.เกษม อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยให้มาเมื่อวานนี้ ผึ้งก็เลยเอามาใส่ให้พี่พี่รู้ไหมว่าพี่หลับไปวันหนึ่งเต็ม ๆ เลย
เหรอแล้วแก้มแฟนพี่ล่ะ
นอนรอดูอาการอยู่ค่ะไม่รู้ว่าเธอจะฟื้นหรือเปล่า
ทำไมก็เธอไม่รู้สึกตัวเลยเหมือนที่พี่เอกเป็นนั่นแหละค่ะ
น้ำผึ้งนั่งคุยกับนายตำรวจหนุ่มอยู่ครู่หนึ่งเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ค่ะค่ะค่ะ
น้ำผึ้งต้องลากลับก่อนเธอรีบไปที่สำนักงานสาขา 2 เธอไปพบคุณอุดมซึ่งเป็นนักโบราณคดี ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเมืองโบราณ เธอคุยกับเขาและไปเป็นไกด์พาเขาเที่ยวชมโบราณสถานของลพบุรี
คุณทำงานที่นี่มานานแล้วเหรอครับ
ก็ไม่นานเท่าไรค่ะแต่อาศัยเป็นคนเกิดที่นี่โตที่นี่ก็เลยรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้ดีอีกอย่างฉันเองก็ไม่ได้อยากจะมาเป็นไกด์หรอกนะคะ ฉันอยากเป็นส่วนหนึ่งของกรมศิลปากรมากกว่า
แล้วทำไมคุณไม่ไปสอบล่ะครับ
ฉันคิดว่าถ้าเป็นแบบนั้นโอกาสทางธุรกิจคงจะไม่เติบโตพอดีมีเพื่อนเรียนนิเทศศาสตร์ก็เลยคุยกันแล้วก็ตั้งสำนักงานทัวร์เล็ก ๆ ขึ้นมา พอมีลูกค้ามากขึ้นรายได้เริ่มอิ่มตัวก็ขยายสาขา ที่จริงฉันคุมอยู่ที่กรุงเทพฯ นะแต่ว่าตอนนี้เพื่อนฉันลาคลอดก็เลยต้องวิ่งไปวิ่งมา 2 ที่
อืมลูกน้องไม่มีใครมาช่วยเหรอครับ
ก็มีเหมือนกันค่ะ แต่ว่าใครล่ะจะรู้เรื่องลพบุรีได้เท่าฉันกับยายนุชเพื่อนของฉัน
มันก็จริงอยู่หรอกครับคุณน่ะเก่งออกขนาดนี้
ไม่ได้เก่งอะไรนักหรอกนะเพียงแต่ชอบก็เลยทำตรงนี้ คุณรู้ไหมว่าฉันไม่ได้จบทางด้านนี้มาโดยตรง
อ้าว!!!!
ฉันเรียนจบคณิตศาสตร์มาค่ะ แต่พอชอบและคลั่งไคล้ในศิลปะและพวกสถาปัตยกรรมฉันก็เลยมาต่อโทโบราณคดีและประวัติศาสตร์ ฉันก็เลยอาศัยช่วงที่ว่าง ๆ อยู่ศึกษาให้เข้าถึงแก่นเลย
เหรอครับแล้วตรงนี้เขาเรียกว่าอะไรครับ
นี่เป็นหมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎค่ะ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2405 สมัยรัชกาลที่ 4 ค่ะ แต่ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ ลองเข้าไปดูหน่อยไหมคะ
น้ำผึ้งพาคุณอุดมชายหนุ่มผิวขาวท่าทางสมาร์ทหน้าตาคมคายเดินขึ้นไปบนตึกและพาชมรอบ ๆ พร้อมทั้งบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่ตนเองพอจะทราบให้เขาฟัง เมื่อเดินลงมาจากตึกเธอก็พาเขาไปชมบริเวณหมู่ตึกพระประเทียบ จากนั้นก็เดินย้อนกลับมาที่พระที่นั่งจันทรพิศาล เธอถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังกิริยา เมื่อเธอเห็นรูปเหมือนขององค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เธอก็หมอบกราบทันทีทำให้คุณอุดมต้องหมอบกราบตามไปด้วย
ไม่รู้ทำไมนะคะ ทุกทีที่ฉันเห็นรูปปั้นหรือรูปเหมือนของพระองค์ ฉันเป็นต้องหมอบกราบทุกทีเลย
คุณอุดมยิ้มแล้วก็เดินเข้าไปภายในห้องโถงด้านใน น้ำผึ้งแนะนำพร้อมทั้งบอกเรื่องราวต่าง ๆ ของข้าวของที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์อย่างละเอียด
โอ๊ย!!!!
คุณอุดมคะเป็นอะไรไปคะ
คุณอุดมจู่ ๆ ก็ทรุดตัวล้มลงกับพื้น เธอหันซ้ายหันขวาพยายามหาคนมาช่วยแต่ว่าบนนั้นไม่มีใครเลย เธอจึงยกหัวของเขาขึ้นให้หนุนตักและเอายาดมให้ดม
คุณอุดมคะคุณอุดม
เสียงน้ำผึ้งเรียกอยู่ตลอดเวลา คุณอุดมก็ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด
เสียงปี่พาดดังลั่นทั่ววังไปหมด สาว ๆ นางในนุ่งผ้าหน้านางไม่สวมเสื้อมีแต่ผ้าพาดบ่าสีทองผืนเดียวที่พอจะปกปิดกายา ในบรรดาหมู่สาวนางในนั้นน้ำผึ้งแก้วเป็นหญิงนางเดียวที่สวมใส่สไบนุ่งห่มมิดชิด วางจริตกิริยาอย่างนางหงส์ ผ้าที่หล่อนนุ่งห่มสมกับเป็นลูกผู้ถือยศศักดิ์ หล่อนเดินนำเหล่านางในทั้งมวลเดินเข้าไปในประตูชั้นในเพื่อตรงไปยังพระที่นั่งสุทธาสวรรย์
ขุนนางใหญ่น้อยที่มาเข้าเฝ้ายังท้องพระโรงมักจะไปแอบยืนมองนางในเสมอ ๆ โดยเฉพาะน้ำผึ้งแก้วซึ่งเป็นหลานของคุณท้าวเยาวลักษณ์ซึ่งมีเชื้อสายเจ้าทางสุโขทัย หล่อนจึงแต่งกายสมกับที่มีเชื้อสายเจ้าหล่อนเหมือนกับดอกฟ้าที่อยู่ท่ามกลางดอกหญ้าในสวนสวรรค์
นั่น.แม่หญิงมาแล้ว
เสียงใครคนหนึ่งตะโกนบอกพวกข้าราชการที่มายืนอยู่หน้าตึกท้องพระโรง
สมเด็จฯ ท่านเล่าแม่หญิง
ทรงพระทรงอักษรอยู่เดี๋ยวจะเสด็จมา รอก่อนนะเจ้าค่า
น้ำผึ้งแก้วตอบด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล หล่อนเดินมายังเบื้องหลังของท้องพระโรงโดยมีนางในอีก 2 คนเดินตามมาติด ๆ
หล่อนทำไมถึงแต่งตัวไม่เหมือนหญิงใด ๆ คนอื่น ๆ เล่าขอรับท่านเสนาฯ
หล่อนเป็นผู้ทรงศักดิ์ บรรพบุรุษของหล่อนสืบเชื้อสายเจ้ามาจากสุโขทัย พ่อของหล่อนเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ แม่ของหล่อนเป็นคุณท้าวนางห้ามข้างใน ส่วนที่ใหญ่ที่สุดนั้นเห็นทีจะเป็นเจ้าคุณย่าของหล่อน
ทำไมหรือขอรับ
ก็เจ้าคุณย่าของหล่อนเป็นคนที่เลี้ยงดูพระปีย์และยังเป็นคนสนิทของสมเด็จฯ ท่านอีกด้วย ฉะนั้นคนที่จะเกี้ยวแม่หญิงก็คงจะยากหน่อย ยกเว้น
ยกเว้นอะไรหรือท่านเสนาฯ
มีคน ๆ หนึ่งที่เข้าออกบ้านนั้นได้เห็นทีคงจะเป็นคุณหลวงบดินทร์นฤนาถญาติห่าง ๆ เชื้อสายราชวงศ์พระร่วงนั่นกระมัง
คนไหนหรือขอรับ
คนที่ยืนถือลอมพอกอยู่ใต้ต้นพุดจีบนั่นไง
ท่านเสนาฯ และคุณหลวงอุมศักดิ์มนตรียืนมองไปทางคุณหลวงบดินทร์นฤบาลที่ยืนทำท่าเหมือนกับรออะไรอยู่ใต้ต้นพุดจีบ ครู่หนึ่งแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วก็เดินออกมาหล่อนแอบยิ้มมุมปากแล้วก็ให้นางในคนหนึ่งนำห่อผ้าสีแดงเล็ก ๆ ยื่นให้คุณหลวง คุณหลวงก้มหัวแสดงความขอบคุณจากนั้นแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วก็เดินกลับเข้าไปในเขตพระราชฐานชั้นใน คุณหลวงบดินทร์นฤบาลแกะห่อผ้าสีแดงนั่นแล้วก็ยิ้ม
หล่อนเอาหมากให้คุณหลวงบดินทร์นฤบาลด้วย!!!!
ตกใจอะไรเขาอาหลานกัน
ข้าราชบริพารทุกคนเดินเข้าไปยังท้องพระโรง จากนั้นก็หมอบกราบ คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีนั่งใกล้กับคุณหลวงบดินทร์นฤบาล เขาจึงแอบกระซิบกับคุณหลวงบดินทร์ฯ เพื่อจะพูดเรื่องแม่หญิงน้ำผึ้งแก้ว
คุณหลวงขอรับ กระผมขอคุยกับคุณหลวงได้ไหมขอรับ
ได้สิ ใต้ต้นพุดจีบนะ
คุณหลวงบดินทร์นฤบาลมายืนรอคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีอยู่ใต้ต้นพุดจีบ เมื่อคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีมาถึงเขาก็เริ่มพูดเรื่องแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วทันที
ไม่ได้!!!! หล่อนยังเด็ก
คุณหลวงบดินทร์นฤบาลพูดหนักแน่นแล้วก็เดินออกจากเขตพระราชฐานมาทันที ปล่อยให้คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรียืนงงอยู่ที่ใต้ต้นพุดจีบ
คุณหลวงเจ้าคะ
แม่หญิง.!!!!
คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจเมื่อเจอหน้าแม่หญิงน้ำผึ้งแก้ว
อ้าวขออภัยเจ้าค่ะ อิฉันคิดว่าเป็นคุณหลวงบดินทร์นฤบาล
น้ำผึ้งแก้วเดินกลับไปยังเขตพระราชฐานชั้นในทันทีเพราะหล่อนไม่มีธุระที่จะคุยกับคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรี
เดี๋ยว.!!!! แม่หญิงเดี๋ยวก่อน
น้ำผึ้งแก้วหยุดชะงักแล้วก็หันกลับมาทันที หล่อนยืนนิ่งรอให้คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีเดินมาหา
มีอะไรหรือเจ้าคะ
นี่ให้แม่หญิง
อิฉันคงรับไว้ไม่ได้ดอกเจ้าค่ะ
ทำไมรึเจ้า
มันไม่งามเจ้าค่า
ถือว่าพี่ให้ไว้เพื่อผูกมิตรก็แล้วกัน
น้ำผึ้งแก้วจึงรับดอกพุดจีบมาแล้วก็แอบอมยิ้มนิด ๆ จากนั้นก็เดินเข้าไปในเขตพระราชฐานฝ่ายในทันที
เดี๋ยว!!!! แม่หญิง
มีอะไรหรือเจ้าคะ
น้ำผึ้งแก้วหยุดเดิน หล่อนไม่ยอมหันกลับมา
พี่หลวงอุดมศักดิ์มนตรีบุตรชายเจ้าพระยาธรรมรัตน์เจ้ากรมเวียงอย่าลืมพี่เล่าเจ้า หากเจอกันก็ทักทายพี่บ้างนะเจ้า
เท่านี้ใช่ไหมเจ้าคะอิฉันต้องรีบกลับตำหนัก
น้ำผึ้งแก้วเดินลับสายตาเข้าไปในประตูเขตพระราชฐานฝ่ายใน คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรียืนมองอยู่หน้าตึกท้องพระโรง เขาเดินยิ้มออกมาจนกระทั่งมาหยุดชะงักเมื่อเจอหน้าคุณหลวงบดินทร์นฤบาล เขาทำหน้าตาดุดันจนคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีรู้สึกกลัว
คะคะคุณหลวง!!!!!
บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับหล่อน!!!
คุณหลวงบดินทร์นฤบาลทำเสียงดุดันใส่ ในตาของเขาดูน่ากลัวเหลือเกินจนคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีตกใจ
..
เฮ้ย..!!!!!!!!
คุณอุดมคะเป็นอะไรคะ
น้ำผึ้งเห็นคุณอุดมผวาจึงเรียกด้วยความตกใจคุณอุดมศักดิ์ลุกขึ้นจากตักของเธอแล้วก็ทำหน้างง ๆ
ผมเป็นอะไรไปครับ
ไม่ทราบเหมือนกันค่ะจู่ ๆ คุณก็สลบ ฉันไปตามคนมาช่วยก็ไม่มีใครอยู่ฉันก็เลยให้คุณหนุนตักแล้วก็เอายาดมให้ดมคุณเป็นอะไรไปหรือเปล่าคะ ไปหาหมอไหมคะ
เอ่อไม่ครับผมคงเพลียเพราะผมนอนดึกมาหลายคืน ขอโทษด้วยนะครับ
ไม่เป็นไรค่ะนี่ก็เย็นมากแล้วเรากลับกันเถอะนะคะ
น้ำผึ้งเดินนำหน้าคุณอุดมออกมาหน้าพิพิธภัณฑ์ เธอยิ้มนิด ๆ แล้วก็เดินคุยกับคุณอุดมไปตลอดทาง
4
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่เข้ามาติติงผลงานของกิ๊กและผึ้งอยู่เสมอนะคะ ขอขอบคุณแฟนคลับที่ยังคงตามมาอ่านและโทรคุยอยู่ตลอดเวลาค่ะ