27 กุมภาพันธ์ 2552 14:14 น.
สุชาดา โมรา
ฉันมักพบปะผู้คนบ่อย ๆ เพราะฉันขายความคิดให้กับหลาย ๆ คน โปรดเชื่อเถอะว่าฉันมิได้ทำอะไรที่ผิดต่อจารีตประเพณีแม้แต่อย่างใด หากแต่ฉันกำลังขายความคิดให้กับคนหลาย ๆ คนได้ไตร่ตรองพิจารณา
ฉันมาทำงานที่ใหม่ สังคมใหม่ ๆ พบปะผู้คนมากขึ้นเพื่อที่จะศึกษาวิถีความเป็นไปของแต่ละช่วงวัย และความเป็นอยู่ของคนในแต่ละพื้นถิ่น ฉันมีเพื่อนฝูงที่ดูอุ่นหนาฝาคลั่ง เราสนิทกันมากจนกระทั่งฉันหลงลืมไปว่าเราเพิ่งจะรู้จักกัน
"นิทราขอยืมเงินหน่อยดิ"
"เท่าไรจ๊ะ"
"ไม่มากหรอกสี่พันเอง"
"หา..." ฉันหยุดคิดอยู่ชั่วครู่ "ก็ได้งั้นเดี๋ยวไปกดตังค์ให้ก็แล้วกัน" ฉันตัดสินใจโดยมิทันคิดว่ามันเร็วเกินกว่าที่จะทำแบบนี้ แต่ว่าเรากินเล่น คุย และทำงานด้วยกันมันคงไม่ยากที่จะทวงคืน...ฉันนึก
ฉันไปรับไปส่งผู้หญิงที่เป็นเพื่อนร่วมงานด้วยกันทุกวัน มิเคยบ่นเลยว่าจะเปลืองค่าน้ำมัน เราสนิทสนมกันมาก จนกระทั่งเวลาผ่านไปเดือนนึงเจ้าหล่อนบอกว่าจะคืน
22 มกราคม 2550 13:13 น.
สุชาดา โมรา
ยามที่สายลมพัดพาหัวใจของคนเรานั้นให้ล่องลอยไป ฉันมองเห็นความอบอุ่นของพืชสีเขียวที่พวกเราชาวไทยได้นำมาบริโภค ฉันรู้สึกมีความสุขกับการมองดูความเขียวชะอุ่มของต้นข้าวในนาแห่งนั้น ในขณะกลุ่มของชาวนากำลังนำปุ๋ยหว่านลงในนา
ฉันจ้องมองดูอยู่ห่าง ๆ พลันใดนั้นก็เกิดคิดขึ้นมาว่าฉันน่าจะลองลงไปทำดู ท่างน่าจะสนุก แต่ด้วยเหตุผลี่ฉันลงไปไม่ได้มิดเพียงเรื่องเดียวคือ ขาของฉันที่พิการมานานนับสิบปีเนื่องจากฉันเป็นโปลิโอ
ฉันได้แต่มองและนึกภาพว่าสักวันฉันจะลงไปช่วยชาวนาทำงานให้ได้... แต่ทว่าฝันนั้นมันเลือนรางเหลือเกิน
ทุกวันนี้ที่ฉันมีลมหายใจอยู่ได้ก็เพราะต้นอ้อสุนัขแสนรู้ที่ฉันเก็บมาเลี้ยงจากกองขยะนั่นเอง ลูกสุนัขที่ไม่มีใครเหลียวแล ซ้ำร้ายยังจับแม่ของมันไปกินเสียอีก น่าอนาจใจเหลือเกิน...
ต้นอ้อเป็นสุนัขแสนรู้ สั่งอะไรก็ทำได้ทุกอย่าง เค้าเป็นเพื่อนของฉัน และเป็นเพื่อนที่ดี่สุดในโลกของฉันด้วย
วันนี้ที่ฉันได้มาอยู่ใกล้ๆทุ่งนาที่สวยงามไปด้วยความอุดมสมบูรณ์นั้นเพราะต้องการวาดภาพเพื่อนำไปขายให้กับชาวต่างชาติ เจ้าต้นอ้อนี่แหละที่คอยช่วยเหลือฉันเสมอๆ โดยเฉพาะเวลาขายภาพเหล่านี้ มันมักจะเห่าเรียกทุกคนให้หันมาแวะเวียนชมรูปภาพของฉัน ทำให้ฉันได้เงินพอที่จะเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของตัวเองและเพื่อนรักตัวนี้ของฉัน...
28 ธันวาคม 2549 23:55 น.
สุชาดา โมรา
สองพี่น้องครุ่นคิดถึงป้ายประกาศก่อนี่จะเดินห่างไกลผู้คนออกมา นางฟ้าตัวน้อยผู้ใจดีจึงพาทั้งคู่ลอยขึ้นเหนือท้องฟ้าและกลุ่มเมฆขึ้นไป
"นั่นไง เจ้าได้ยินเสียงในความคิดของเด็ก ๆ อีกหลายคนหรือไม่" นางฟ้าตัวน้อยเอ่ย ชาลีและมารีน่าพยักหน้ารับ
เสียงของเด็ก ๆหลายคนดังก้องขึ้นจากความคิดของพวกเขา......ทำไงดีวะเราไม่มีงานจะส่งซะด้วยสิ แต่เราก็สนใจอยู่เหมือนกัน... เจี๊ยบนั่งนึกอยู่นานในร้านอินเตอร์เน็ตหลังจากที่นิวเพื่อนของเธอกลับไปแล้ว เธอจึงคิดหาวิธีที่จะทำให้มีงานส่งประกวดได้ทันท่วงที ในที่สุดเธอก็พบเรื่องสั้นของใครคนหนึ่งซึ่งใช้นามปากกาว่าทาริกา หรือในนามที่รู้จักกันว่าริวนั่นเอง
ริวเป็นนักเขียนตัวน้อย ๆ ที่โลดแล่นอยู่บนอินเตอร์เน็ตมานานนับปี ข้อความของเธอที่เขียนดูไร้เดียงสา และอ่อนต่อโลกนัก ใคร ๆ อ่านก็จะนึกถึงภาพที่ริวนักเขียนตัวจ้อยคนนี้เขียนเกี่ยวภาพความทรงจำในวัยเด็ก ซึ่งทำให้เจี๊ยบรู้สึกพอใจอย่างมาก
...เอาละวะ เป็นไงเป็นกัน ไม่มีใครรู้จักหรอกแม่ทาริกาอะไรเนี่ย...เจี๊ยบนึก พร้อมทั้งคัดลอกงานของผู้อื่นมาเป็นของตนด้วยความดีอกดีใจ
ในขณะที่อีกเสียงดังก้องขึ้น "หมู่นี้ยัยผึ้งไม่เข้ามาห้องสมุดเลยแฮะ หมู่นี้ดูแปลก ๆ พิกลเชียว สงสัยจะซุ่มประกวดซีไรต์ฯแบบกลุ่มพวกนั้นอยู่เหมือนกัน แต่เราต้องขอบาย"
"ทำไมล่ะมิ้ง"
"เพราะเที่ยวนี้ชื่อของเราดันลงไปอยู่ในกลุ่มผู้ช่วยกรรมการตัดสินด้วยน่ะสิ เดี๋ยวเขาจะหาว่าโกงกัน แต่ก็นั่นละ ยัยผึ้งก็จะลงประกวดด้วย แต่ช่างมันเถอะ เรามันคนละนามสกุลกัน" เด็กสองคนคุยกันหัวเราะต่อกระซิกกันใหญ่
"เราก็ไม่มีผลงานเหมือนกันนะคะ" มารีน่าแย้งขึ้น
"ใช่จ่ะ แต่เด็ก ๆ จำโลกนิทานที่พวกเธอไปเยือนได้มั๊ย หากจำได้ เราก็ไปกันเลย...............
สองพี่น้องหลุดเข้าไปในหนังสืออีกครั้ง เป็นระยะเวลาสามเดือนเต็มที่พวกเขาหลุดเข้าไปในโลกนิทาน แต่ประสบการณ์ที่สนุกสนานของพวกเขาทำให้มารีน่าคิดที่จะแต่งเรื่องราวจากโลกนิทานมาเป็นนิยายของเธอ ส่วนชาลีก็มีครูดีที่ช่วยให้พลังเสียงของเขาไปได้ดี
นางฟ้าผู้ใจดีช่วยอัดเพลงให้เขาในโลกนิทาน ที่มีแต่ความสนุกและเสียงดนตรี
สองพี่น้องได้ผลงานที่ต้องการและพร้อมที่จะประกวด
"เอาละเด็ก ๆ พวกเธอต้องกลับไปในเวลาของเธอแล้ว จากกันวันนี้โชคดีวันหน้านะจ๊ะ" พระราชินีแห่งโลกนิทานโบกมือลาพวกเขา ในขณะพวกเขาต่างคนต่างกอดหนังสือและเปคัดเสทแน่น
แวบแสงสีขาวพวยพุ่งออกจากหนังสืออีกครั้งพร้อมกับร่างของเด็กน้อยทั้งสองคนที่ยังคงถือหนังสืออยู่ เมื่อเขาหันกลับไปก็เห็นบ้านใหม่ของตัวเอง และนางฟ้าทั้งสองคนซึ่งยืนเชื้อเชิญให้พวกเขาเข้าบ้าน
ร่างค่อย ๆ ก้าวออกจากบ้านนั้นคือพ่อของเขา พ่อ!!! ทั้งสองคนร้องตะโกนเสียงหลง
ไปไหนมาลูก พ่อเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
นี่บ้านใครคะพ่อ มารีน่าเอ่ยถาม
นี่บ้านใหม่ของเรา นายฝรั่งเขาให้เรามาพักที่นี่เป็นการถาวร พ่อเอ่ยขึ้นพร้อมกับกอดลูกทั้งสองเอาไว้ทันที
ผมมีของมาฝากพ่อด้วยครับ ชาลีเอ่ยพร้อมกับใช้คทาวิเศษที่ยังคงติดมือเขามาจากดินแดนมหัศจรรย์แกว่งไปที่หน้าบ้าน พลันใดนั้นทองคำมากมายก็ปรากฏขึ้น
ลูกทำได้ยังไงเนี่ย! พ่อเอ่ยถาม
เรื่องมันยาวครับ ชาลีตอบพร้อมกับกอดพ่อเอาไว้แน่น
ทั้งสามคนจึงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ในขณะที่นางฟ้าทั้งสองคนยังคงปกป้องพวกเขาอยู่
และพวกเขาก็ส่งผลงานได้ทันท่วงที
ตอนนี้ง่วงแล้วค่ะ เดี๋ยวกลับมาต่อให้พรุ่งนี้นะคะ
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
ขอยกของคนอื่นมาให้อ่านนิดนะคะ
"พลังและแรงบันดาลใจ คือสิ่งมีอยู่ภายใน เมื่อใดขาดการนำออกมาใช้ย่อมพลาดโอกาสในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ขวัญ กำลังใจ ทั้งความก้าวหน้าในการทำงานจะถดถอย การสร้างพลังเป็นเทคนิคเชิงจิตวิทยาที่จะทำให้พนักงานมุ่งมั่น เข้าใจงาน เข้าใจคน เข้าใจตนเอง มีแรงบันดาลใจ เข้าใจผู้อื่น ตื่นอยู่เสมอ ไม่เผลอใจที่จะท้อถอย มีพลังเชิงบวกในการทำงานรวมกับหัวหน้า สมาชิก เป็นผู้มีใจรักในการทำงาน ภักดีต่อองค์กรมีประสิทธิภาพ ชีวิตสร้างพลังรักในงานอย่างเต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ เป็นบุคลากรในองค์กรที่มีความมุ่งมั่น ขยันทำงานเป็นทีม รักษาเวลา มีความรัก ภักดีในงานและองค์กร สามารถพิชิตปัญหา ผ่านสถานการณ์และวิกฤตต่างๆ ไปได้ด้วยดี"
จาก nationgroup.com ค่ะ
28 ธันวาคม 2549 18:05 น.
สุชาดา โมรา
หนังสือจ่ะพี่ชาลีพี่อ่านออกไหมเนี่ย!
จะอ่านออกได้ยังไงล่ะ ก็ไม่เคยเรียนตัวหนังสือแบบนี้เลยเนี่ยแต่ก็เอาไปเถอะเผื่อจะมีภาพอะไรให้ดูบ้าง ชาลีเอ่ยพร้อมกับหยิบหนังสือออกจากกล่องเหล็กแล้วเดินกลับไปเล่นที่เดิม
หนังสือที่เขียนอักษรตัวยึกยือ มีภาพมากมายในนั้น ทั้งสองพี่น้องเปิดดูด้วยความสุขถึงแม้ว่าจะอ่านมันไม่ได้ก็ตามที
จู่ ๆ เหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้น พื้นทรายที่เคยแห้งแล้งนั้นกลับมีต้นไม้งอกขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เด็กทั้งสองหันมองไปรอบ ๆ พร้อมกับสีหน้าที่งงงัน มือหนึ่งก็ค่อย ๆ เปิดหนังสือ
วาบ.แสงประหลาดพุ่งทยานออกมาจากหนังสือ ร่างของทั้งสองคนหลุดลอยเข้าไปในอีกโลกหนึ่งซึ่งมีแต่ความอุดมสมบูรณ์
ที่นี่ที่ไหนกันคะพี่ชาลี
พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ชาลีเอ่ยพร้อมกับจูงมือมารีน่าเดินไปรอบ ๆ ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่มีลักษณะประหลาดอะไรเช่นนี้
กึก กึก กึกต้นไม้ใหญ่ค่อย ๆ สั่นเอนไปเอนมา พลันใดนั้นร่างของคนแคละผู้หนึ่งก็กระโดดออกมาจากต้นไม้พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังกึกก้องไปหมด
ห้า ห้า ห้า ห้าข้าชนะแล้วเจ้าแฮมปีเซอร์
ไม่จริงข้าไม่แพ้หรอก มาเป่ายิงฉุบใหม่สิ
ไม่มีทางห้า ห้า ห้า ห้า คนแคละคนนั้นวิ่งกระโดดไปรอบ ๆ ตัวของเด็กทั้งสองพร้อมกับหัวเราะชอบใจ
หยุดเดี๋ยวนี้นะมาให้จับซะดี ๆ เจ้าได้เงินข้าไปเยอะแล้วนะเจ้าคนกระล่อนฮิวเมอร์หยุดเดี๋ยวนี้นะหยุด.!
เด็กสองคนยืนมองจนปวดหัวจึงจับแขนคนแคละทั้งสองคนไว้ทันที
ที่นี่ที่ไหนเหรอ มารีน่าเอ่ยถามพร้อมกับสีหน้าอันสงสัย
ใครกันเนี่ย น่าตาขี้เหล๊ขี้เหล่เนาะ!!! แฮมปีเชอร์เอ่ยพร้อมกับเอียงคอมองอย่างสงสัย เจ้าเป็นใคร มาจากไหน ทำไมมาอยู่ที่นี่
ผะ ผะ ผมไม่รู้เหมือนกัน เมื่อกี้เรายังเล่นอยู่ที่หน้าบ่อน้ำมันอยู่เลย แล้วจู่ ๆ ผมกับน้องก็มาอยู่ที่นี่แหละ
โกหก!!! คนแคละทั้งสองถึงกับเอ่ยขึ้นพร้อมกันทันที ต้องมีอะไรนำเจ้ามาแน่ ๆหรือว่าหนังสือ หนังสือใช่ไหม!!!
อะ อะ เอ่อใช่!!! ชาลีเอ่ยพร้อมกับสีหน้าอันหวาดวิตก ในขณะที่มารีน่าฝาแฝดผู้น้องหลบเข้าไปอยู่ที่หลังของพี่ชายด้วยความกลัว
เอาอย่างนี้ละกัน นาน ๆ ทีเราจะได้เจอกับมนุษย์โลกเอน่าจะพันกว่าปีได้มั้งเนี่ย แต่ก็เอาเถอะเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปคัดเลือกคนนำทางแห่งดินแดนมหัศจรรย์ไป ไปกันเถอะ
คนแคละทั้งสองคนนำทางไปยังลานกว้าง ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งมีผู้คนมาชุมนุมกันอย่างคับคั่ง
หลบหน่อย หลบหน่อย แฮมปีเชอร์ตะโกนดังขึ้นพร้อมกับจูงมือพาเด็กน้อยทั้งสองคนเข้าไปตรงกลางลาน
พลันใดนั้นเองร่างอันใหญ่และดำทมึนของใครคนหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาจากความมืดพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังตึง ๆ อยู่ตลอดเวลา
โอ้ผู้พยากรณ์ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันพร้อมกับคุกเข่าคำนับทันที
ก้มลงสิ แฮมปีเชอร์กดหลังของเด็กน้อยให้ก้มลงคำนับผู้พยากรณ์อย่างนอบน้อม
สวัสดีผู้มาเยือนคนใหม่ เจ้าคงยังไม่มีนางฟ้าที่จะปกป้องเจ้าสินะอืมข้าจะให้เจ้าเลือกละกันมันก็แล้วแต่บุญแต่กรรมเจ้าละนะ ผู้พยากรณ์เอ่ยพร้อมกับหยิบแก้วขึ้นมาสองใบและสับไปสับมา เลือกสิ ผู้พยากรณ์เอ่ย
ชาลีสะกิดให้มารีน่าเลือกก่อน มารีน่าจึงชี้แก้วใบซ้ายมือ พลันใดนั้นนางฟ้าผู้หนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นพร้อมกับสีหน้าอันยิ้มแย้มสดใส
โหอย่างกับตุ๊กตาบาบี้แน่ะ มารีน่าเอ่ย
เจ้าไม่ต้องเสียใจไปนะเพราะเจ้าก็มีนางฟ้าประจำตัวเจ้าแล้วเหมือนกัน ผู้พยากรณ์เอ่ยพร้อมกับเปิดแก้วใบต่อไป พลันใดนั้นร่างของนางฟ้าที่กำลังนอนหลับไหลก็ปรากฏขึ้น โฮ่โฮ่เจ้านี่โชคดีจริง ๆ ที่ได้เจ้าไลลาเป็นผู้ช่วย คงจะกินกับนอนทั้งวันทีเดียวละ ผู้พยากรณ์เอ่ยพร้อมกับสลัดข้อมือเบา ๆ เพื่อให้เด็ก ๆ เดินออกไป อ้าวแล้วใครที่ต้องการดูดวงก็เดินเข้ามานะ อย่ารอช้า ข้ามีงานต้องทำ ผู้พยากรณ์หันไปเอ่ยกับคนอื่น ๆ ที่ยังคงคุกเข่าคำนับอยู่อย่างนั้น
นับตั้งแต่ได้นางฟ้ามาสองพี่น้องก็มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไป ต่างคนต่างอยู่ จากที่เคยใกล้ชิดสนิทสนมกันก็เป็นอันห่างกันออกไปทุกที มารีน่านับวันก็จะก้าวร้าวขึ้นทุกวันสนใจและฝักใฝ่ที่จะเล่นการพนันกับแฮมปีเชอร์และฮิวเมอร์คนแคละจอมกวนที่ต้นไม้ใหญ่ ส่วนชาลีก็ดูจะเคร่งขรึมหัดอ่านหนังสือจนกระทั่งอ่านออกเขียนได้
คุณไลลา ผมจะออกไปดูมารี่น่าสักหน่อย ไม่รู้ว่านาฟ้าเฌอมานสอนอะไรไปได้แค่ไหนแล้ว ชาลีเอ่ย เขาเดินตามหาน้องสาวจนทั่วแต่ก็ไม่เจอจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงน้องสาวดังลั่นออกมาจากต้นไม้ใหญ่ เขาจึงเดินเข้าไปหาพร้อมกับต่อว่ามารีน่าด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เนี่ยนะเหรอสิ่งที่นางฟ้าเฌอมานสอน
ก็แหมคนเรามันเครียดก็ต้องหาทางระบายบ้างละ มารีน่าเอ่ยพร้อมกับสะบัดหน้าหนี
ออกมานี่เลยมาเรียนหนังสือซะเดี๋ยวนี้เลย เห็นไหมพี่อ่านออกเขียนได้ไปตั้งเยอะ แล้วเราล่ะได้อะไรมาบ้างไม่มีเลย วัน ๆ เอาแต่เล่นการพนันแบบนี้น่ะเหรอ ใช้ไม่ได้ ไม่มีความรับผิดชอบ ชาลีเอ่ย
อย่ามายุ่งกับเค้านะ มารีน่าเอ่ย นายไม่ต้องมายุ่งอะไรกับเค้านักหรอกเอาไว้เจอกันในงานเลือกตั้งผู้นำเผ่าก็แล้วกัน มารีน่าเอ่ยท้าชาลีด้วยท่าทางยียวน
นี่!!! ชาลีถึงกับพูดไม่ออกเพราะไม่คิดว่าน้องสาวของตัวเองจะกล้าท้าทายเขาให้เขาทำในสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ตามคำทำนายของไลลานางฟ้าประจำตัวของเขา
เช้าของวันค้นหาผู้นำเผ่า ทุกคนต้องขึ้นเขาเพื่อขุดทองกัน ใครค้นหาทองคำได้คนนั้นจะได้เป็นผู้นำเผ่า ชาลีและมารีน่าขึ้นไปบนภูเขาพร้อมกับเครื่องมือในการขุดทองตามที่นางฟ้าประจำตัวมอบให้ ในวันนั้นผู้คนมากันอย่างคับคั่งเพื่อต้องการความเป็นหนึ่ง แต่ชาลีเองคิดแต่เพียงว่าต้องการเรียกร้องความรักระหว่างพี่กับน้องกลับมาเท่านั้น
หนทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก มารีน่าล้มลุกคลุกคลาน ชาลีเองก็เข้าไปพยุงตัวน้องสาวเอาไว้ แต่เธอกลับผลักไสเขาให้ไปห่าง ๆ
ออกไปนะไป!!! เสียงตวาดของมารีน่าดังกึกก้องไปหมด แต่ไม่มีใครสนใจเธอเพราะทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาหาทองคำกันอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อมารีน่าหกล้มกลิ้งไปจนกระทั่งจะตกเขา เธอจึงเอ่ยร้องดังขึ้นว่า พี่ชาลีช่วยน้องด้วย ทำให้ชาลีวิ่งเข้าไปดึงมือของมารีน่าเอาไว้จนกระทั่งตกเขาไปพร้อมกัน อ๊าก!!!!
ที่นี่ที่ไหนกันคะพี่ชาลี มารีน่าเอ่ยขึ้น
ไม่รู้เหมือนกันตะตะแต่ว่านั่นไง ทองคำ ชาลีเอ่ยเสียงหลงเมื่อหันไปรอบ ๆ ตัวก็พบแต่ทองคำมากมายก่ายกองเต็มไปหมด และแล้วเขาก็ได้ยินเสียงใครบางคนซึ่งกำลังคุยกันอยู่นั้นแว่วมาแต่ไกล เขากระซิบกระซาบให้มารีน่าเงียบ ๆ และค่อย ๆ ย่องไปแอบฟังว่าคนเหล่านั้นเป็นใครและกำลังจะทำอะไร
ยาบ้าพวกนี้นี่ดีจริง ๆ เลย ทำให้เราได้ทองคำมากมายขนาดนี้ ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังกึกก้องไปหมด ร่างนั้นค่อย ๆ หันมาช้า ๆ พลันใดนั้นเด็กน้อยทั้งสองคนก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าชายคนนั้นคือนายกเทศมนตรีกระทรวงมหัศจรรย์ และปราบปรามยาเสพติดแห่งโลก
จะทำยังไงดีคะพี่ชาลี น้องกลัวจังเลยค่ะ มารีน่าเอ่ยด้วยเสียงอันแผ่วเบา
เราจะต้องช่วยกันนะ อย่าปล่อยให้คนชั่วมาครองโลกได้และถ้าเราทำงานนี้สำเร็จ เราอาจจะได้กลับไปหาพ่อและแม่ในโลกของเราก็ได้ถึงที่นั่นจะไม่สวยงามเท่าที่นี่ แต่พี่ก็มีความสุขที่ได้อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่นที่สุด ซึ่งนั่นก็คือครอบครัวของเรา
พลันใดนั้นเองร่างของนางฟ้าไลลาก็ปรากฏกายขึ้น ปิ๊ง!!! ดีจังเลยที่เธอสองคนหันกลับมารักใคร่ปองดองกัน เอาละฉันจะช่วยเธอเอง ฉันจะให้เธอทั้งสองคนยืมคาทากายาสิทธิ์ นางฟ้าไลลาส่งคาทากายาสิทธิ์ให้เด็กน้อยทั้งสองคนแล้วก็พลันหายวับไป
โอมขอให้เหตุการณ์ทุกอย่างนั้นหยุดนิ่งเพี้ยง! มารีน่าเอ่ยพร้อมกับกวัดแกว่งคาทาอันนั้นทันที ทุกสิ่งทุกอย่างจึงหยุดนิ่งไปหมด
ไปเราไปหาทางออกกันเถอะ ชาลีจูงมือมารีน่าน้องสาวเพื่อเดินหาทางออกจนกระทั่งพบ นั่นไง!!! ชาลีตะโกนดังขึ้นด้วยความดีใจ
ทั้งคู่ต่างก็วิ่งออกมาข้างนอกจนสำเร็จ พวกเขามองไปทางไหนก็เห็นมีแต่คนหยุดนิ่งไปหมด เขาไม่รู้จะทำยังไงจึงอธิฐานถึงนางฟ้าประจำตัวเขาทั้งสองคน ร่างของนางฟ้าเฌอมานและไลลาจึงปรากฏกายขึ้น
ข้าจะช่วยเจ้าเองเด็กน้อย นางฟ้าทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสกให้ตำรวจแห่งเมืองมหัศจรรย์และพระราชาแห่งเมืองมหัศจรรย์นั้นมาอยู่ต่อหน้านายกเทศมนตรีพร้อมกับเด็กน้อยทั้งสองคน เจ้าจงใช้คทานั้นอีกครั้งสิ นางฟ้าเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
โอมทุกอย่างจงเป็นปกติ มารีน่าเอ่ยขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างจึงขยับได้
ตำรวจกุมตัวนายกเทศมนตรีพร้อมกับเจ้ากรมกระทรวงการต่างประเทศแห่งเมืองมหัศจรรย์เอาไว้ได้ พระราชาจึงตัดสินโทษด้วยพระองค์เอง
ข้าขอปลดเจ้าออกจากการเป็นนายกเทศมนตรี และให้จำคุกตลอดชีวิต ส่วนเจ้าข้าจะส่งเจ้าไปให้กระทรวงการต่างประเทศตัดสิน พระราชาเอ่ยพร้อมกับหันมายิ้มให้เด็กน้อยทั้งสอง ในความดีของเจ้า ข้าขอขอบใจเจ้ามากที่ช่วยให้เมืองมหัศจรรย์รอดพ้นจากยาเสพติด เจ้าอยากได้อะไรขอจงบอกข้า ข้าจะช่วยเจ้าเอง
กระหม่อมไม่อยากได้อะไรหรอกครับ แค่เพียงได้มาอาศัยอยู่ที่นี่ ได้รู้จักผู้คนที่นี่ ได้ทำความเข้าใจกับน้องสาว ทำให้ความรักฉันท์พี่น้องนั้นก่อตัวกันแน่นแฟ้นกระหม่อมก็พอใจแล้วครับ ชาลีเอ่ย
แต่ข้ามีสิ่งที่ดีกว่านั้นจะมอบให้เจ้า พระราชาเอ่ยพร้อมกับใช้คทาเรียกนางฟ้าประจำตัวของเด็กทั้งสองออกมา บทพิสูจน์ความสามัคคีของเด็กสองคนนี้สิ้นสุดแล้ว แถมพวกเขายังช่วยให้เมืองเรารอดพ้นจากยาเสพติดอีกด้วย ข้าขอสั่งเจ้าให้ปกป้องเด็กสองคนนี้ไปตลอดชีวิต และข้าจะส่งพวกเจ้าทั้งสี่กลับไปยังโลกของเจ้าสักที พร้อมกับทองคำที่มีอยู่ในนี้เพื่อเป็นการตอบแทนคุณความดีของเจ้าสองพี่น้องก็แล้วกัน พระราชาเอ่ยพร้อมกับแกว่งคทาอีกครั้ง ร่างของทั้งสี่จึงหลุดลอยออกมา
วาบ............สองพี่น้องกลับมานั่ง ณ จุดเดิม ทั้งคู่รู้สึกถึงความผิดแปลกที่เกิดขึ้น พวกเขาจึงรุดออกจากเหมืองน้ำมันและรีบไปที่ตลาดอีกครั้ง
"สัญญาแล้วนะนางฟ้าว่าจะช่วยเรา" มารีน่าเอ่ย นางฟ้าตัวน้อยพยักหน้ารับ
ตั้งแต่มีการประกาศทางหน้าเว็ปบอร์ดเด็ก ๆ หลายคนพากันสนใจยิ่งนัก โดยเฉพาะนิวซึ่งใช้นามปากกาว่าบูรพา
เฮ้ย! เขาประกวดงานเขียนกันว่ะ เห็นสื่อที่เขาโฆษณาอะป่าววะ ข้าสนใจมาก ๆ เลย
เออว่ะ...แหม...ฉันนะอยากได้รางวัลจังเลย ไม่รู้จะฝันสูงไปหรือเปล่า เจี๊ยบเอ่ย
แต่คนเราก็ต้องมีความฝันจริงมั๊ย ถึงจะไม่ชนะแต่ขอให้ได้ส่งต้นฉบับไปให้พิจารณาก็เป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จได้แล้วจริงมั๊ยล่ะ
จริงของนิวนะ งั้นเจี๊ยบจะทำเรื่องการวิจารณ์วรรณกรรมละกันนะ เพราะเจี๊ยบเพิ่งจะเรียนมาเอง
นิวและเจี๊ยบเริ่มทำงานเขียนตามที่ตั้งใจไว้ และอีเมล์ไปตามที่อยู่ซึ่งเขาได้ให้ไว้ และน่าทึ่งมากี่ระบบตอบกลับอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบซึ่งมีใจความว่า
ตามที่คุณติดต่อมานะครับ รายละเอียดมีดังนี้
1. ที่อยู่การส่งต้นฉบับ สำนักพิมพ์เมปิ้ล
2. ผู้ที่มีสิทธิ์สมัครจะต้องส่ง
2.1 รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป
2.2 สำเนาบัตรประชาชน (กรุณาขีดค่อมที่เสาเนาด้วยเพื่อกันการนำไปทำอย่างอื่น)
2.3 เอกสารการขออนุญาตนำผลงานของเพื่อนหรือบุคคลอื่น ๆ แนบมาด้วย อาจจะเป็นการเซ็นรับรองโดยมีบุคคลอื่นนอกเหนือจากคุณและเจ้าของงานที่คุณรวบรวมมาแล้วนั้นต้องมีพยานเซ็นรับรองด้วย (ใส่กระดาษ A4 เขียน/พิมพ์ก็ได้)
2.4 ผลงานของคุณในนามบรรณาธิการของหนังสือเล่มนั้น (ฉบับ 16 หน้ายก/พ็อกเก็ตบุ๊คส์- สามารถใช้ไมโครซอฟเวริ์ดหรือโปรแกรมเพจเมคเกอร์ได้) อาจทำมาเป็นตัวหนังสือ หรือใส่แผ่นซีดีรอมมาก็ได้
3. กติกา
1. ไม่จำกัดเพศ วัย หรืออายุ
2. จะต้องเป็นผลงานที่ไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน
3. กรณีใช้นามแฝง ผู้เขียนต้องแจ้งชื่อ-นามสกุลจริงด้วย รวมทั้งที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรืออีเมล์
4. เป็นเรื่องที่เขียนใหม่โดยไม่ไปลอกผู้อื่นมา ต้องถูกต้องทางภาษาไทย-พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
5. ต้องเป็นผลงานที่ไม่เคยผ่านการประกวด
6. ไม่จำกัดจำนวน 1 คนสามารถส่งได้มากกว่า 1 ชิ้น
7. ต้นฉบับจะต้องใช้ฟรอนท์อังสนานิว 16 พอยท์
8. โครงการประกวดจะดูแลผลงานของคุณเป็นอย่างดี แต่ผู้เขียนจะต้องเก็บสำเนาของตนเองไว้ด้วย
9. ผลงานที่ไม่ผ่านการเข้าประกวดทางกองประกวดจะจัดส่งคืนให้ภายใน 6 สัปดาห์หลังจากการประกาศผลครั้งแรก
10. สามารถเขียนผลงานล้อเลียนวรรณกรรมต่าง ๆ ได้แต่ต้องไม่ผิดศีลธรรมและไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท
4. ผลงานแต่ละประเภท โดยไม่จำกัดในเรื่องเนื้อหาแต่ต้องสัมพันธ์กัน
1. ประเภทรวมเรื่องสั้น
2. ประเภทบทความ
3. ประเภทสารคดี
4. ประเภทกวีนิพนธ์
5. ประเภทวิจารณ์วรรณกรรม (อ้างอิงด้วย)
5. บุคคลที่จะส่งผลงานนั้นจะต้องเป็นคนในประเทศไทย สัญชาติไทย เชื้อชาติไทยเท่านั้น ห้ามมิให้มีสัญชาติอื่น เพราะนี่เป็นผลงานของคนไทยเท่านั้น
6. ระยะเวลาส่งผลงานตั้งแต่บัดนี้ - 15 เมษายน 2550
7. ค่าสมัคร - (แปลว่าไม่มีค่าสมัครใด ๆ ทั้งสิ้น)
8. กรุณาแนบซองเอกสารขนาดที่สามารถใส่กระดาษ A 4 ได้ พร้อมที่อยู่-แสตมป์ 3 บาท 5 ดวงมาด้วยค่ะ เพื่อสะดวกในการจัดส่งคืน (เพราะคุณอาจได้ใบประกาศแนบไปด้วย)
9. ผู้ที่ไม่ได้รับรางวัลแต่ผ่านเข้ารอบ 7 เล่มสุดท้ายทางสมาคมจะออกใบประกาศแนบไปด้วย
10. ผลงานบางคนที่อาจจะไม่ได้รับรางวัลแต่คณะกรรมการลงความเห็นว่าดีนั้นจะได้ตีพิมพ์เป็นกรณีพิเศษ
11. รูปเล่ม
- ออกแบบปกทั้งหน้า-หลัง รวมทั้งสันด้านข้าง
- บทบรรณาธิการ
- สารบัญ (ถ้ามี)
- เนื้อหา
- บทสรุปของบรรณาธิการที่กล่าวถึงผลงานนั้น ๆ หรือเชื้อเชิญให้ติดตามเล่มต่อไป
ทางกองประกวด Your see my writing. (see write editorial) ประจำปี 2007 ซึ่งปีนี้จัดโดยสำนักพิมพ์เมเปิ้ลขอขอบคุณที่คุณสนใจครับ
อ้อ! อย่าลืมส่งที่อยู่มาให้เรา เพื่อที่เราจะได้ส่งใบสมัครไปให้ท่านที่บ้านครับ
.................................2....................................
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
28 ธันวาคม 2549 18:04 น.
สุชาดา โมรา
ในดินแดนอันไกลโพ้นซึ่งห่างไกลความเจริญ ยังมีครอบครัวครอบครัวหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ภายใต้พื้นทรายแห่งเมืองอาบารัต ครอบครัวนี้มีฐานะยากจนค้นแค้น ถูกกีดกันทางสังคมจากนายทุน ฐานะความเป็นอยู่ของลูกจ้างขุดน้ำมันจึงเป็นไปได้ยากที่จะลืมตาอ้าปากที่จะมองดูโลกแห่งความศิวิลัยได้
อับบาฮาร์มพาลูก ๆ จ่ายตลาด่ามกลางแสงแดงยามเช้าที่แผดเผาอย่างรุนแรง ครู่หนึ่งทางการก็ตรงเข้ามาปิดประกาศ ผู้คนจับกลุ่มมุงประกาศ เสียงของชายคนหนึ่งอ่านเสียงดังขึ้นทำให้ผู้คนที่กำลังส่งเสียงให้แซดอยู่นั้นนิ่งเงียบ
"ประกาศฉบับแรกบอกว่า
การประกวด Your see my writing. (see write editorial) ประจำปี 2007 กำลังจะเริ่มต้นแล้ว คุณสามารถส่งผลงานที่เขียนของคุณได้ที่ สำนักพิมพ์เมเปิ้ล โดยรายละเอียดมีดังนี้
1.ตัวคุณจะต้องเป็นบรรณาธิการให้กับหนังสือของคุณเอง ซึ่งจำเป็นต้องมีบทบรรณาธิการ สามารถเขียนได้ทั้งไทยและเทศ รวมทั้งภาษาอื่น ๆ ด้วย
2.งานเขียนนั้น ๆ อาจจะเป็นการรวบรวมสุดยอดงานเขียนประเภทเรื่องสั้น บทความ สารคดี กวีนิพนธ์ หรือแม้แต่การวิจารณ์วรรณกรรมก็ได้ ซึ่งมีการแยกประเภทดังนี้
2.1 ประเภทรวมเรื่องสั้น 1 รางวัล 50,000 บาท
2.2 ประเภทบทความ 1 รางวัล 50,000 บาท
2.3 ประเภทสารคดี 1 รางวัล 50,000 บาท
2.4 ประเภทกวีนิพนธ์ 1 รางวัล 50,000 บาท
2.5 ประเภทวิจารณ์วรรณกรรม หรือล้อเลียนวรรณกรรม 2 รางวัล รางวัลละ 60,000 บาท
ซึ่งอาจจะเป็นงานเขียนของคุณเอง หรือของเพื่อนคุณ หรือของบุคคลที่สนิทของคุณ และรวบรวมมาเป็นรูปเล่ม โดยผู้เป็นเจ้าของนามปากกาต้องอนุญาตตามกฎหมาย และจำเป็นต้องมีเอกสารการขออนุญาตแนบมาด้วย
3.จำเป็นต้องมีลูกทีม โดยสามารถศึกษาลายละเอียดเกี่ยวกับการเป็นบรรณาธิการได้จากหนังสือ กว่าจะเป็นบรรณาธิการ ของ สยามโพเอ็ม หรือ ช่างปั้นเรื่อง
หากสนใจ กรุณาติดต่อ siempoem@yahoo.com เพื่อศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม หรือขอที่อยู่การส่งต้นฉบับค่ะ
หมดเขตการส่งผลงาน 15 เม.ย. 2550 และประกาศผลครั้งแรก วันที่ 29 พฤษภาคม 2550, ประกาศผลครั้งที่ 2 วันที่ 15 มิถุนายน 2550, ประกาศผลตัดสิน วันที่ 23 กรกฎาคม 2550
ทางสมาคมนักเขียนนานาชาติขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ 22 ธันวาคม 2549
บรรณาธิการ-ประธานสมาคมนักเขียนนานาชาติ
ประกาศฉบับที่สองบอกว่า
การประกวดร้องเพลง (Singing contest.) ประจำปี 2007 กำลังจะเริ่มต้นแล้ว คุณสามารถส่งเดโม่ของคุณได้ที่ บริษัท Siam weed singer.โดยรายละเอียดมีดังนี้
1 ชนะเลิศประเภทร้องเดี่ยว รางวัลละ 70,000 บาท
2 รองชนะเลิศประเภทเดี่ยว รางวัลละ 50,000 บาท
3 ชนะเลิศประเภทกลุ่ม รางวัลละ 70,000 บาท
4 รองชนะเลิศประเภทกลุ่ม รางวัลละ 50,000 บาท
5 รางวัลชมเชย 2 รางวัล รางวัลละ 40,000 บาท
หมดเขตส่งเดโม่ในวันที่15 เม.ย. 2550 และประกาศผลครั้งแรก จากนั้นทางบริษัทจะติดต่อกลับไปในวันที่ 29 พฤษภาคม 2550, และจะประกวดบนเวทีในวันที่ 15 มิถุนายน 2550
ทางสมาคมนักร้องนานาชาติขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ 22 ธันวาคม 2549
บริษัท Siam weed singer.
ประกาศทั้งสองฉบับนี้ทางผู้นำสหภาพอาบารัตเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ แต่มีข้อแม้ว่า ผู้ที่จะประกวดนั้นต้องเป็นวัยที่กำลังศึกษาอยู่เท่านั้น
สิ้นเสียงของชายี่อ่านคนนั้น เสียงผู้คนเริ่มดังแซดขึ้นมาอีกครั้ง ชาลีและมารีน่ามองหน้ากันและกัน ทั้งคู่ซุบซิบกัน
"พี่ชาลีคิดอย่างฉันใช่มั๊ย" ชาลีพยักหน้ารับ "งั้นพี่ไปประกวดร้องเพลงเพราะพี่เสียงดีกว่าฉัน ส่วนฉันจะเขียนนิยาย พี่โอเคมั๊ย" ชาลีพยักหน้ารับอีกครั้ง ทั้งสองพี่น้องเดินจูงมือกันตามหลังอับบาฮาร์มผู้เป็นพ่อตามไปติด ๆ
วันแห่งความอบอ้าว แสงแดดอันแผดเผาร้อนซ่านเข้าไปราวกับว่าเนื้อจะสุกนั้นอับบาฮาร์มผู้เป็นพ่อได้ขึ้นมาจากโพรงเล็ก ๆ ของบ่อขุดน้ำมันพร้อมกับกล่องเหล็กที่เก่าคร่ำคร่าใบหนึ่ง เขายืนพิจารณาอยู่นานจนกระทั่งวางมันลงกับพื้นและใช้แชลงงัดกล่องเหล็กใบนั้นทันที
ทำอะไรของมึงวะอับบาฮาร์ม นายฝรั่งตะโกนดังขึ้นมาพร้อมกับแสดงสีหน้าไม่พอใจ
ผมขุดเจอกล่องเหล็กครับ ไม่รู้ว่ามันมีอะไร แต่มันหนักมากเลยครับนายจอร์น อับบาฮาร์มเอ่ยขึ้นพร้อมกับออกแรงงัดกล่องเหล็กใบนั้นจนสุดกำลัง ปัดโธ่!โว๊ยนึกว่าจะมีอะไร ที่แท้ก็แค่หนังสือเล่มเดียว ไอ้เราก็นึกว่าจะมีสมบัติเสียอีก อับบาฮาร์มร้องเสียงหลงพร้อมกับเดินกลับไปอย่างหมดหวัง
พลันใดนั้นชาลีกับมารีน่าลูกชายและลูกสาวฝาแฝดวัยสิบขวบซึ่งนั่งเล่นอยู่บริเวณนั้นก็วิ่งโผเข้าไปดูหนังสือในกล่องใบนั้นทันที
..1
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ