21 มิถุนายน 2549 07:11 น.
สี่แยก
วันนี้อากาศไม่แจ่มใสเหมือนเคย แหงนมองท้องฟ้าช่างน่ากลัว เพราะท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆฝน ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าชีวิตของคนเราก็มีทั้งด้านมืดและสว่างไม่ต่างจากท้องฟ้า วันนี้เราอาจจะผจญอยู่กับกับทุกข์แสนสาหัสเหมือนกับท้องฟ้าที่ต้องเจอเมฆฝนปกคลุม แต่เมื่อความทุกข์มันผ่านไปก็ไม่ต่างจากเมฆฝนที่พัดผ่านไปจากท้องฟ้า เมื่อเราแหงนมองก็จะพบว่าท้องฟ้าหลังฝนนั้นงดงามยิ่งกว่าเคย ชีวิตคนเราก็เหมือนกันเมื่อความทุกข์ผ่านพ้นไป ความสดใสก็จะกลับคืนมาเพียงแต่ เราจะต้องอดทนเพื่อให้ทุกข์ผ่านไปเพื่อรอความสุขเข้ามาอย่างมีความหวัง มีสติและมีกำลังใจ อย่าด่วนตัดสินปัญหาแบบตัดช่องน้อยแต่พอตัว เมื่อรู้ว่าชีวิตยังมีหวัง เราต้องยังคงสู้และอยู่ต่อไป เพื่อรอวันที่งดงาม
1 ธันวาคม 2548 21:35 น.
สี่แยก
เธอมาที่บ้านตอนฉันไม่อยู่ทิ้งนามบัตรไว้ใบหนึ่ง ดูแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ก็เหมือนนามบัตรธรรมดาทั่วไป แต่เธอจะรู้หรือเปล่าว่าข้อความสั้นๆอยู่หลังนามบัตรมันทำให้ฉันรู้สึกหวั่นไหวขนาดไหน แม้เจตนาของคนเขียนจะไม่ได้มีเจตนาที่ลึกซึ้งมากไปกว่าที่เขียน แต่มันกลับทำให้คนที่อ่านหัวใจพองโต อดนึกเข้าข้างตัวเองไม่ได้อีกตามเคย แม้ไม่ได้เจอกันมาร่วม ๕ ปีแต่วันเวลามันก็ไม่เคยทำให้ความรู้สึกของฉันเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย ภาพความหลังและความทรงจำเก่าๆมันยังอยู่ในใจ แต่ฉันไม่สามารถที่จะบอกเล่าหรือบรรยายให้ใครรับรู้ได้ เพราะมันอาจจะทำให้ครอบครัวที่อบอุ่นของเธอสิ้นสุดลง เพราะความทรงจำของฉัน ทุกครั้งที่คิดถึงฉันจะเตือนตัวเองเสมอว่า เราเป็นเพียงเพื่อนกัน และฉันก็ยินดีที่จะให้ทุกอย่างมันผ่านเลยไปเช่นนี้ ความรู้สึกของเพื่อนมันจะคงอยู่นิรันดร์ แม้วันเวลาจะผ่านไปนานแสนนาน ถึงวันนี้ฉันก็ยังยืนยันความรู้สึกเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ไม่ต้องการเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเราให้มันมากไปกว่านี้ ทุกอย่างที่เป็น ณ เวลานี้ก็ดีอยู่แล้ว ฉันมีความสุขนะที่ได้รู้ข่าวคราวของเธอเป็นระยะ ยิ่งได้รู้ว่าเธอมีความสุข เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มีครอบครัวที่อบอุ่นสมบูรณ์แบบ ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกอิ่มเอมใจ
20 พฤศจิกายน 2548 09:35 น.
สี่แยก
ตอนเรียนชั้นอนุบาลเพื่อนในห้องมักจะจับคู่เพื่อนๆให้คนนั้นคู่คนนี้ คนนี้คู่คนนั้น ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่โดนเพื่อนๆจับคู่ให้ สาเหตุมาจากฉันและเพื่อนคนนั้นตาหยีเหมือนกัน มันเป็นความรู้สึกของเด็กๆ ที่ทำอะไรเป็นคู่ๆแล้วจจะต้องโดนเพื่อนๆลงความเห็นว่าต้องให้จับคู่กัน เลยกลายเป็นความฝังใจว่าเขากับเราเป็นเพราะฟ้าลิขิตหรือเปล่า จนกระทั่งจบชั้นประถมศึกษา เราต่างก็แยกย้ายกันไปเรียนมัธยมศึกษาคนละจังหวัด แต่พอถึงงานเลี้ยงศิษย์เก่าเราก็กลับมาเจอกันอีกครั้ง เพื่อนๆก็ยังคงจับคู่ระลึกถึงวันวานเหมือนเดิม เพราะตอนนั้นเราทั้งคู่ต่างก็ยังไม่มีใคร จนกระทั่งฉันเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาก็จบนายร้อยตำรวจ แต่ก็ยังส่งข่าวถึงกันเป็นระยะในฐานะเพื่อนเก่า
เมื่อเริ่มทำงานมีหลายคนผ่านเข้ามาให้เลือกให้คบหา แต่ฉันกลับมีความรู้สึกว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่ พอเขาได้เข้าประจำการเราก็ขาดการติดต่อกันไประยะหนึ่ง จนกระทั่งเขาย้ายไปประจำทางภาคตะวันออก ฉันเรียนต่อกำลังจะจบปริญญาโท เขาก็โทรบอกว่าเขาจำเป็นต้องรับผิดชอบผู้หญิงคนหนึ่งในฐานะภรรยา เพราะถ้าเขาไม่รับผิดชอบ ก็คงจะต้องถูกไล่ออกจากราชการ ความชุ่มชื่นในหัวใจฉันมันหายไปทันทีที่รู้เรื่อง ความในใจลึกๆที่เคยแอบเก็บเอาไว้เพื่อความหลังที่ฝังใจว่าสักวันเราจะได้ร่วมทางเดินด้วยกันมันสลายลงแล้ว
บางครั้งฉันก็อดที่จะตั้งคำถาม ถามตัวเองไม่ได้ว่าฉันยังรอเขาอยู่อีกหรือ พอหาคำตอบใจมันก็บอกว่าไม่ใช่ ฉันไม่ได้รอใคร แต่ฉันไม่พร้อมที่จะเดินทางไปพร้อมกับใครทั้งนั้น เพราะฉันชอบเดินทางคนเดียวมากกว่า ถึงแม้มันอาจจะโดดเดี่ยวแต่ก็ไม่เดียวดาย เพราะชีวิตฉันยังมีพ่อแม่ น้องๆ เพื่อนพ้องที่ฉันรักอีกมากมาย แม้แต่เขาคนนั้นเองก็เช่นกันเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรักของฉันอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แม้ชีวิตเราจะไม่ได้ลงเอยกันก็ตาม ความรู้สึกดีๆของความเป็นเพื่อนและวันเวลาที่ผ่านไปกับความรู้สึกดีๆมันก็ยังคงอยู่ ถึงแม้วันนี้เขาจะแยกทางกับภรรยาแล้วก็ตาม แต่สัมพันธภาพระหว่างเราคงเป็นแค่เพียงเพื่อนก็พอ และฉันก็จะคิดว่าเขาคือเพื่อนสนิทที่แสนดีตลอดไป ถึงแม้วันนี้ฉันจะไม่มีใครเลยก็ตาม
17 ตุลาคม 2548 11:21 น.
สี่แยก
วันนี้น้องชายคนเล็กของฉันเรียนจบปริญญาตรีแล้ว และก็มีตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบค่อนข้างจะมั่นคง ด้วยหน้าที่การงานของเขาทำให้เขาต้องอยู่ห่างไกลจากเราคนละจังหวัด ทุกครั้งที่คิดถึงเราจะส่งmail หากันบ้าง โทรศัพท์คุยกันบ้าง หรือแม้แต่การเขียนจดหมายก็มีเหมือนกัน
น้องชายของฉันเป็นคนที่ชอบกีฬาฟุตบอลมาแต่ไหรแต่ไร สมัยที่เรียนก็ทำงานสโมสรนักศึกษาร่วมกับเพื่อนๆมาตลอดจนกระทั่งเรียนจบ จนถึงวันนี้ที่บ้านยังไม่เคยเห็นเขาจะพาเพื่อนผู้หญิงคนไหนมาที่บ้าน เพื่อนๆในที่ทำงานก็มักจะแซวเสมอว่าเขาไม่มีสาวๆเดินด้วยเสียที แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครมาชอบเขา เพียงแต่ผู้หญิงที่เข้ามาหาเขา ทำให้เขารู้สึกเพียงแค่ความเป็นเพื่อน เป็นรุ่นน้องเท่านั้น แต่ถ้าถามว่าเขาแอบชื่นชมใครไหม แน่นอนเขามีใครบางคนที่พิเศษสำหรับความรู้สึกเหมือนกัน แต่ดูท่าทางสาวเจ้าเขาจะคิดกับน้องชายเราเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายเรื่องอกหักรักคุดจึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะสัมพันธภาพระหว่างเขากับผู้หญิงคนนั้นยังไม่มีอะไรที่มากไปกว่าคำว่าเพื่อน และตัวเขาเองก็ยอมรับความเป็นจริงได้ว่าเรื่องความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ มันเป็นธรรมชาติของโลก ที่คนจะต้องเจอทั้งความผิดหวังและความสมหวัง บางคนไม่เจอในสิ่งที่อยากได้ แต่บางคนก็ได้ในสิ่งที่ไม่อยากเจอ ขณะนี้ก็มีผู้หญิงแวะเวียนเข้ามาทักทายน้องชายของฉันอยู่เหมือนกัน
การที่ผู้หญิงแสดงความสนใจผู้ชายก่อน อาจจะถูกมองว่าไม่เหมาะสมนักสำหรับวัฒนธรรมของบ้านเรา แต่ด้วยยุคสมัยที่กลายเป็นผู้หญิงมีสิทธิเท่าเทียมผู้ชายทำให้ผู้หญิงมีความเก่ง กล้า และมั่นใจในตนเองมากขึ้น จนลืมมองไปว่าการกระทำบางอย่างสมควรหรือไม่ การที่ผู้หญิงจะให้ความสนใจผู้ชายก่อนจึงจำเป็นที่จะต้องมีวิธีแสดงออกอย่างไม่น่าเกลียดสำหรับสายตาคนอื่นที่มองดู การแสดงออกถึงมิตรภาพของความเป็นเพื่อน แล้วค่อยๆขยับสถานะให้กลายเป็นเพื่อนสนิท และเปลี่ยนไปเป็นเพื่อนที่รู้ใจ จนจบลงที่เพื่อนร่วมชีวิต จะดูดีกว่าวิ่งไล่ตามถามหาความรักจากผู้ชายจนคุณค่าของตนเองหายไป นอกจากจะทำให้ผู้ชายเกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อตนเองแล้ว ยิ่งทำให้ตนเองรู้สึกเจ็บปวดร้อนรน หมดคุณค่าในตนเอง และสร้างความทุกข์ให้เกิดขึ้นกับตนเองโดยไม่รู้ตัว เมื่อเราปล่อยให้ความสัมพันธ์มันเจริญงอกงามไปตามกาลเวลาโดยที่เราไม่ต้องไปคาดหวัง สัมพันธภาพที่ได้กลับมาจะอยู่ในขั้นไหนเราก็จะไม่รู้สึกเสียใจ และยอมรับมันได้ ต้องนึกถึงหลักความจริงที่ว่าความรู้สึกไม่สามารถบังคับกันได้ และผู้ชายก็ไม่ได้มีคนเดียวในโลก ในเมื่อเขาไม่ได้รักเรา แต่มันก็ต้องมีสักวันที่จะมีใครสักคนมารักเราเช่นกัน ขอเพียงแค่หากวันนั้นมาถึงจงอย่าปิดกั้นตัวเอง หัวใจเราก็มีโอกาสได้สัมผัสกับความรู้สึกที่เห็นโลกเป็นสีชมพูได้เหมือนกัน
การที่เกิดเป็นชายหรือหญิงก็ตาม ถ้าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันเป็นความรู้สึกในแง่ดี ย่อมจะไม่ทำร้ายให้ใครเจ็บปวด แต่ถ้ามุ่งแต่จะทำร้ายผู้อื่น คนที่พบกับความทุกข์อย่างสาหัสเป็นคนแรกก็คือตัวเจ้าของความคิดนั่นเอง
วันนี้ไม่รู้ว่าน้องชายคนเล็กของฉันพร้อมที่จะเปิดใจศึกษาใครอย่างจริงจังแล้วหรือยัง คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์จะดีกว่า แล้วคำตอบที่ได้ก็คงจะงดงามสมกับที่เราทุกคนรอคอย ไม่ว่าผู้หญิงที่เขาเลือกจะเป็นใครขอให้เป็นคนที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุขทั้งกายและใจเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว