17 มิถุนายน 2550 09:49 น.

เบื้องหลังสวนมังคุด

สิริโสภณ

๑
แต่ละต้นต่างมาจากต่างแม่		
สู้แหนแห่ไปสู่ขอต่อเจ้าของ
จึงได้ต้นพันธุ์น้อยค่อยประคอง		
เป็นพันธุ์ไม้หมายปองต้องเลี้ยงดู
เฝ้าดูแลแต่ละต้นผลคุ้มค่า			
จากสองใบสามสี่ห้าค่อยมาสู่
เริงระบัดลัดใบน้อยค่อนชื่นชู		
ด้วยฝนพรูพร่างพรมบ่มโบกใบ
เป็นต้นโตแตกต่อก่อกิ่งก้าน		
ค่อยชื่นบานรับรู้ฤดูใหม่
ที่ร่องสวนพรวนดินอวลกลิ่นไอ		
ถากถางหญ้ารกเรื้อให้ได้ผลงาน
ต้นเท่าผลจึงให้ผลต้นมังคุด			
จึงเรือกสวนงามสุดทุกสถาน
ฉีกแก้มสาวชาวสวนชวนชื่นบาน		
ให้หอมหวานงานสวนชวนชื่นใจ
ธรรมชาติวาดต่อข้อกำหนด		
เติมแต่งใบมรกตให้สดใส
ให้เปลวแดดแผดเผาดั่งเตาไฟ		
เผาต้นใบแห้งโหยโรยราแรง
แล้วกำหนดให้ออกเป็นดอกอ่อน		
ประดับช่ออรชรให้กล้าแกร่ง
ธาตุดินน้ำลมไฟได้สำแดง			
เป็นผลแห่งงานงามตามค่าควร
ฤดูแล้งแต่งต้นจนชูช่อ			
แล้วแตกต่องดงามไปตามส่วน
ฤดูฝนพร่างพรูรู้กระบวน			
แต่งผลเนื้อน้ำนวลชวนตื่นตา
                  ๒
ในเรือกสวนพรวนดินรินรดเหงื่อ		
ผลงดงามหลามเหลือตามเนื้อผ้า
แล้วชาวสวนก็ต้องรอต่อชะตา		
ผู้กำหนดราคามาประเมิน	
												
16 มิถุนายน 2550 09:10 น.

ถึงแสงเดือน

สิริโสภณ

๑
คิดถึงเธอรู้ไหมเล่าเจ้าแสงเดือน	
ยามเธอเยือนฟ้าหมองก็ผ่องใส
ริ้วเมฆหม่นยังเรืองรองผ่องอำไพ	
แลวิไลไสวสว่างพร่างพราวพราย
ข้าจึงปลดขื่อคาม้าสมมุติ		 
ไม่ยั้งหยุดห้อตะบึงถึงที่หมาย
โลกวันเก่าข้าเคยนั่งฟังนิยาย	
ยังตราตรึงอยู่มิวายคล้ายเมื่อวาน
๒
ณ ท้องนาน้ำนองท่วมท้องทุ่ง	
ข้ายังมุ่งฟังสำเนียงเสียงขับขาน
แสงเดือน เด็กสาว นักเล่านิทาน	
ใสเสียงหวาน เศร้าทำนอง ก้องท้องน้ำ
ว่าเธอ  เทพธิดาเมืองดอกไม้	
ประพาสไพรพลัดถิ่นแผ่นดินต่ำ
ซัดเซพเนจรไม่จดจำ		
จนลืมเลือนเถื่อนถ้ำพรรณราย
หลายราตรีที่พลัดหลงอยู่ดงดึก	
ยังสำนึกคืนถิ่นถวิลหมาย
อยู่เวียงวังในทิพย์ทับก็กลับกลาย	
เพียงพึ่งพาตายายที่ชายดง
ทุกทิวาราตรีคอยผีเสื้อ		
รับสาราเอื้อเฟื้อเพื่อไปส่ง
ธิดาน้อยคอยท่าชายป่าดง		
ขอให้องค์พระบิดานั้นมารับ
ฤาพระองค์หลงเลือนลืมลูกน้อย	
ประพาสดอยดงไกลยังไม่กลับ
ลูกยากแค้นเสดสาคณานับ	
จึงร้องขับถ้อยคำร่ำรำพึง
โอ้แม่คุณบุญปลูกของลูกเอ๋ย	
กระไรเลยลืมได้ไม่คิดถึง
ทิ้งลูกน้อยตกระกำไม่คำนึง	
ลูกยังตรึงหวงห่วงถึงรวงรัง
ที่เมืองเหนือไม่อาทรเรื่องร้อนหนาว	
หยิบสอยดาวดวงใดดังใจหวัง
วิมานหรูคู่เคียงที่เวียงวัง			
ก็พร้อมพรั่งเพริศพร้อยพลอยจินดา
นับคืนวันแสงเดือนคลี่เคลื่อนคล้อย	
เริ่มริ้วรอยน่าอนาถในวาสนา
ครั้งซัดเซพเนจรแต่ก่อนมา		
ยังเคหาตายายได้ดูแล
นัยน์ตาเตือนเลื่อนลอยใช่ด้อยศักดิ์	
ฤาเริดร้างห่างรักปักรอยแผล
สิ้นความหวังพังทลายกลายกลับแปร	
ทั้งดวงแดที่คอยหวังยังมืดมัว
จนข้าวกล้าลาล่วงเป็นรวงทอง		
จากฤดูนาน้ำนองก็แล้งทั่ว
แสงเดือน เธอสิ้นเสียงสั่นระรัว		
เธอเก็บตัวปิดกั้นแต่นั้นมา
ไม่มีเธอเทพธิดามาบอกเล่า		
ไม่มีเสียงสร้อยเศร้าเร้าเรียกหา
มีแต่ร่างบางบอบแบบคนชรา		
และดวงตาชอกช้ำระกำใจ
๓
สิ้นเดือนสามสิ้นลมว่าวสาวก็สิ้น		
ข้ายังรินน้ำตานองแอบร้องไห้
ที่เธอเล่าแต่เบื้องหลังยังฝังใจ		
เพลงอาลัยยังอ้อยอิ่งทิ้งทำนอง
คิดถึงเธอรู้ไหมเล่าเจ้าแสงเดือน		
ยามเธอเยือนคราใดใจยังหมอง
กลั่นน้ำตามาเสกสร้อยบทร้อยกรอง	
เป็นทำนองฝากคำนึงถึงแสงเดือน 
				
10 มิถุนายน 2550 09:29 น.

ขอบคุณลมหนาวเจ้าการุณย์

สิริโสภณ

โบกโบยมาเถอะนะเจ้าลมหนาว

มากรีดเถือเนื้อสาวให้ปวดปร่า

มาห่มเนื้อชาวดินให้ชินชา	
		
เป็นวงปีชี้ค่าหมู่มวลไม้

เมื่อวันจำปีเจ้าผลิดอก
			
ม่านสายหมอกจึงเจือหอมย้อมลมไหว

หนอนผีเสื้อคงยินดีที่เจ้าไกว
		
จึงชำแรกแหวกใยมาโบกบิน

มาแต่งป่าสดสวยด้วยสีสด	
		
แต่งเมืองให้งามงดทุกถ้วนถิ่น

ให้สีสวยตระการแต่งลานดิน
		
ปลุกชีวินแห่งหัวใจให้ตระการ

ทั้งขวาซ้ายรายรอบปลุกปลอบขวัญ	

ในอณูเมล็ดพันธุ์ธัญญาหาร

มายั่วยิ้มทายทักสองฝั่งธาร	
		
ช่วยเจือจานโอบเอื้อเกื้อการุณย์

แต่งเมืองเรืองสีแต่รุ่งสาง	
 		
ในอาภรณ์ที่โอบร่างสร้างไออุ่น

เป็นรังสีเรื่อแสงใสละไมละมุน
			
ก่อเกื้อหนุนบ้านเมืองให้เรืองรอง

มาเถอะนะลมหนาวเจ้าโบยโบก
		
ให้ชุ่มโชกชอกช้ำย้ำขุ่นข้อง

หนทางไกลใช่ด่านกั้นตามครรลอง
	
หากยังต้องวัดคุณค่าราคาคน

อยากเดินหนทนทานต้านพายุ
		
จักต้องมุวาดหวังตั้งแต่ต้น

ทั้งร้อนหนาวผ่าวผ่านจึงทานทน
		
ย่อมเกิดผลกล้าแกร่งแห่งหัวใจ

ลมหนาว  เจ้าโบกโบยมาเถอะหนา	

มาพบข้าตั้งต้นเป็นคนใหม่

อุปสรรคหนักหนากว่าคราใด
		
จะก้าวไปด้วยมาดมั่นกว่าวันวาน
				
10 มิถุนายน 2550 09:14 น.

หลับใหล-ในฝันอันเลือนลาง

สิริโสภณ

หลับใหล-ในฝันอันเลือนลาง

      หลับใหลให้อิ่มเถอะพิมสาว
	
อิ่มเอมยืนยาวคราวหลับฝัน	

ในยิ้มอิ่มแย้มเมื่อแรมวัน	
	
เกี่ยวก้อยใจกันสู่แดนดาว

ริมทางระหว่างท่องล่องชีวิต	

รู้เรียนถูกผิดลิขิตก้าว

ลอยล่องท่องฝันอันพรายพราว
	
ใจสาวเรืองรุ้งสู่ทุ่งทอง

เก็บดาริกามาฝากแล้ว	
	
นวลเอยนางแก้วมาเที่ยวท่อง

พริ้วไหวใบข้าวเราเฝ้ามอง	
	
โน่น-ริ้วฝันเรืองรองในแรรุ้ง

ฝันถึงแดนใดละไมฝัน	
	
กำนัลหวานหวามเมื่อยามพรุ่ง

ทอฝันเลิศเลอไว้เปรอปรุง	
	
กรุ่นฝันหอมฟุ้งขจรกระจาย

ไว้เผื่อตอนตื่นขึ้นเต็มตา	
	
ฝันอุ่นอิ่มปริ่มชีวามาเลือนหาย

ร้อนรนมารุมทุรนทุราย	
	
ความจริงเข้าทำลายฝันอันอุนอวล 

ตื่นต้อนรับกับหวังประทังชีวิต
	
ที่ถูกผิดเลวดีเข้ามีส่วน

หลับใหลให้อิ่มนะนิ่มนวล	
	
เพื่อตื่นมาตามขบวนคนเดินทาง

เผื่อพบเพื่อนผู้เหงาในเงาทุกข์
	
เอาฝันมาปลอบปลุกแก่เธอบ้าง

ให้พบสุขแม้ฟากฝันอันเลือนลาง	

ท่ามกลางเพื่อนผู้ร่วมชะตากรรม
				
10 มิถุนายน 2550 09:03 น.

นกใจคืนใจไหวหวาม

สิริโสภณ

ดึกดื่นคืนใจไหวสะทก

เมื่อลมวกเติมไฟในคืนหนาว

เถ้าที่มอดก็คุแดงขึ้นแข่งดาว

พร่างพริบวิบวาวคราวคืนแรม

ฟังนั่น  นกเถื่อนสะเทือนเพรียก

นกใจใครเรียกมาเติมแต้ม

ในคืนเดือนมืดดับดาววับแวม

ใจจึงจ้าเจิดแจ่มแม้แรมจันทร์
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสิริโสภณ
Lovings  สิริโสภณ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสิริโสภณ
Lovings  สิริโสภณ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสิริโสภณ
Lovings  สิริโสภณ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสิริโสภณ