22 กันยายน 2546 21:40 น.

++ ก่อนร่วมเรียงเคียงหมอน++

สิปราง



          การแต่งงาน  คือ  สิ่งที่ผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝัน...    เป็นฉากที่จัดขึ้น   

ไม่ต่างอะไรจากมหรสพฉากใหญ่ที่ผู้คนจำต้องเล่นเพื่อสังคม....

ส่วนคนที่คบหาดูใจกันอยู่นั้น     ก็คงต้องรอเวลา   เพราะทุกอย่างต้องอาศัย

เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวตนของใครคนนั้น....    คนที่พร้อมจะเปิดโลกส่วนตัว

ของเขาให้เราค้นหาได้ทุกซอกทุกมุมในหัวใจ  และพร้อมจะดูแลรักษา....

เติมเต็มชีวิตที่เหลือของกันและกันให้เปี่ยมล้มไปด้วยสุข   สุขที่ได้รัก...และ

สุขที่ได้รับรักตอบแทน

         หลายคู่ที่ถูกบังคับจากญาติผู้ใหญ่     ด้วยเห็นว่า...คบหาดูใจกันมานาน

เกรงฝ่ายหญิงจะเสียหาย   หรืออีกหลายคู่พอคบกันสักพัก...แล้วก็เห็นว่า

ถึงเวลาแต่งงานกันเสียที      ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้นิสัยหรือตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย

เลยด้วยซ้ำ    กลับมองไปว่า...การแต่งงานคือบทสรุป   เมื่อแต่งแล้วทุกสิ่ง

ทุกอย่างก็จะสมบูรณ์   มีน้อยคู่นักที่ฝ่ายหญิงจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่

โชคดีที่สุดหลังการแต่งงาน...   แล้วที่เหลือหล่ะ  

          ไม่มีใคร....อยากผิดพลาดในชีวิต    หากมองโลกในแง่ดี  บทเรียนเก่า ๆ

มันทำให้เราก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมีสติ...    ความรักอาจทำให้เราเจ็บปวด

แต่มันก็สอนให้เราเห็นค่าของความสุข...และรู้จักถนอมความสุขนั้นให้ยาวนาน

ที่สุด     หากเราทำเช่นนั้นแล้ว   สิ่งที่ได้รับกลับคืนมามันไม่ใช่....  ก็อย่าได้

ดิ้นรนหรือปรารถนาที่จะครอบครอง    เพราะมันจะเป้นความเจ็บช้ำแสนสาหัส

ไม่มีใครอธิบายได้ว่า...เพราะอะไร    ก็คงต้องรักตัวเองให้มาก ๆ  ทำใจ  และ

หาคนที่ใช่สำหรับเราต่อไป

         ส่วนใครที่ทำเช่นนั้นแล้ว...   ิสิ่งที่คุณได้รับกลับคืนมาไม่ใช่แค่ความรัก

เพียงอย่างเดียว   แต่มันเป็นความเอาใจใส่   ความอบอุ่น  ความเอ็นดูของ

ทุก ๆ คนในครอบครัวของเขาที่หยิบยื่นมาให้    ไม่มีอะไรแตกต่าง....

มีแต่ความเข้าใจและความรักที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น   ....วิถีชีวิตของแต่ละคน

ก็คงดำเนินไปตามปกติ....    จังหวะนั้น...คือพื้นฐานส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต

เมื่อปัจจัยต่าง ๆ พร้อม   ทุกอย่างลงตัว    การที่คนสองคนจะก้าวเดินบน

เส้นทางชีวิตเดียวกัน   ยิ้มบ้าง  หัวเราะบ้าง  ร้องไห้บ้าง  รับรู้กันได้ทุก ๆ

ความรู้สึก  และไม่ปล่อยให้ใครคนใดคนหนึ่งต้องโดดเดี่ยว

          เมื่อ  "ต้นรัก"   หยั่งรากลึกเพียงพอ   และพร้อมที่จะออกดอกผลิใบ

หัวใจก็พร้อมเป็นน้ำหล่อเลี้ยงต้นรักให้เจริญเติบโต   เมื่อนั้น...จึงจะถึง

เวลาของการร่วมเรียงเคียงหมอนที่แท้จริง...ชั่วนิรันดร์.


				
18 กันยายน 2546 15:42 น.

++ รักรีเทิร์น ++ (ตอนที่ 2)

สิปราง



"กริ๊ง..งงงง   กริ๊ง..งงงง"  เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในช่วงบ่ายของวันทำงาน

"สวัสดีค่ะ...ต้องการพูดสายกับใครคะ"  ฉันถามผู้ที่โทรเข้ามา

"ขอสายนุ่นครับ"  น้ำเสียงที่คุ้นเคยตอบกลับมาด้วยความรวดเร็ว

"กำลังพูดค่ะ" ฉันตอบกลับไปด้วยความรู้สึกดีใจเล็ก เล็ก

เราพูดคุยกันในหลาย ๆ เรื่อง  ทั้งเรื่องที่ผ่านมาในอดีต  และเรื่องปัจจุบัน

สิ่งที่ฉันอยากจะถามเขามันช่างมีมากมายซะเหลือเกิน...

จากคำถามที่หนึ่ง...ไปคำถามที่สอง...และอีกหลาย ๆ คำถามตามมาเรื่อย ๆ

เขาค่อย ๆ ตอบคำถามฉันด้วยความเต็มใจ...

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงใจ...บวกกับการตอบคำถามอย่างใจเย็น

มันทำให้คนใจร้อนอย่างฉัน...ค่อย ๆ สงบลง.....

***

เรานัดพบกันในช่วงเย็นวันหนึ่ง...

เขามานั่งรอฉันนานแล้ว...กว่าที่ฉันจะเดินทางมาถึง...

"สวัสดีค่ะ...รอนานมั๊ยคะ...รถติดมากเลยค่ะ" ฉันกล่าวไปพร้อมกับการ

มองผ่าน ๆ เพื่อสำรวจใบหน้าของเขา...

ยังคงเหมือนเดิม...ใบหน้าเศร้า ๆ ดูไม่ค่อยสดใสนัก

เหมือนคนที่มีคำถามหรือมีเรื่องที่ต้องให้คิดอยู่ตลอดเวลา

เขายิ้มให้ฉัน...เป็นยิ้มแบบเหนื่อย ๆ ของคนที่ต้องเดินทางมาไกล

"นั่งรอสักพักแล้วครับ"  น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ

ดูจากกาแฟในแก้วที่ไม่เหลือสักหยด...

"หิวข้าวรึยังครับ"  เขาถามด้วยความเป็นห่วงเหมือนเคย

ฉันอมยิ้มเล็กน้อย  "เราไปเดินเล่นกันก่อนมั๊ยคะ...แล้วค่อยหาข้าวทาน"

***

ร้านที่เราสองคนเลือก...เป็นร้านเล็ก ๆ ดูเงียบสงบดี

ช่างแตกต่างจากภายนอกร้านที่ดูวุ่นวายอย่างสิ้นเชิง

ภายในร้านมีลูกค้านั่งรับประทานอาหารอยู่ประมาณ 3 โต๊ะ

"จะทานอะไรดีครับ..."  เขามักจะตามใจคนที่อยู่ข้าง ๆ เสมอ

"ไม่รู้สิคะ...อืม...ช่วยกันเลือกดีกว่าค่ะ"  ฉันกล่าวไปพร้อมกับการ

เลือกเมนูอาหาร....

เรารับประทานอาหารไป...คุยกันไป...

***

ในเวลานี้ฉันเริ่มเข้าใจเขามากขึ้น...หลังจากที่เคยคิดอยู่ตลอดเวลาว่า

เขาเป็นคนไม่ดี...ที่ทอดทิ้งฉันไปโดยไม่ได้บอกกล่าวหรือร่ำลา

ความสับสนในชีวิต...ทำให้เขาคิดหรือทำอะไรลงไปอย่างนั้น

"ผมมีลูกแล้ว"   "ผมต้องขอโทษนุ่นด้วย...ที่ไม่ได้บอกตั้งแต่แรก"

ฉันรู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย...สิ่งที่ฉันคิดไว้ตั้งแต่แรก...มันเริ่มเป็นจริง

เขาเป็นผู้ชายที่เคยมีครอบครัวมาก่อนแล้ว...ข้อนี้ฉันทราบดี

แต่เรื่องที่มีลูกแล้ว...เขาไม่เคยคิดที่จะบอกฉัน..หรือคิดแต่ไม่กล้าบอก

"ตอนนั้น...ผมสับสนจนไม่รู้จะบอกยังไงดี"

"ผมขอโทษ...ที่ต้องหายไปจากชีวิตคุณโดยที่ไม่กล้าพูดความจริง"

ฉันมองหน้าเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย...ไร้ความรู้สึก

จริง ๆ แล้วเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาของคนที่เคยมีครอบครัว

ถ้าเขาบอกฉันมาตรง ๆ ตั้งแต่แรก...

"เหรอคะ...เรื่องแค่นี้เอง...ทำไมถึงไม่พูดตั้งแต่แรกหล่ะคะ"

ฉันย้อนถามกลับไปทันที...เพราะเป็นเรื่องที่คาใจฉันมานานแล้ว

ฉันมองตาเขาเพื่อต้องการค้นหาความจริง...

เขาทำสีหน้าเศร้าลงเล็กน้อย  "เพราะเหตุนี้แหละ...ผมจึงอยากพบนุ่นอีกครั้ง"

"ผมรู้สึกผิดมาตลอดที่ไม่ได้พูดความจริง"

"อย่างที่นุ่นรู้...ผมเลิกกับแฟนแล้ว...แต่ผมไม่ได้บอกว่ามีลูกด้วยกัน...

เพราะแฟนเค้าเอาลูกไปเลี้ยง..."

"ค่ะ..."  ฉันตอบรับคำบอกเล่าจากปากของเขา

"แต่...หลังจากนั้น...เค้าเอาลูกมาให้ผมเลี้ยง....ตอนนี้ลูกอยู่กับผม"

ตอนนี้เขากลายเป็นพ่อคนแล้ว...มีกิจวัตรประจำวันในการดูแลลูกทุกอย่าง

ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า...ทำกับข้าว...เอาลูกแต่งตัวไปโรงเรียน....

ฉันรู้สึกสบายใจนะ...ที่ได้รับรู้เรื่องราวจากปากของคนที่ฉันเคยรัก

ดีซะอีก...ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้รักกันแล้ว...แต่เขาก็ยังไว้ใจฉัน

มันทำให้ฉันรู้สึกไว้วางใจในตัวเขาเพิ่มมากขึ้น...

***

ความรักน่ะเหรอ....ตอนนี้ยังไม่มีหรอก...แค่รู้สึกดี ๆ เหมือนเดิมเท่านั้นเอง



(ต่อตอนที่ 3 ค่ะ)

				
17 กันยายน 2546 18:29 น.

++ รักรีเทิร์น ++ (ตอนที่ 1)

สิปราง

 

"........เมี๊ยว.วว...เมี๊ยว..ววว..."  เสียงเจ้าแมวน้อยเปอร์เซียตัวอ้วนน...

ปลุกให้ฉันตื่นจากการหลับอีกครั้ง...

"มอลลี่...หิวเหรอลูก...."   ฉันถามมันทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันคงตอบไม่ได้   

"ฮ้าวววว...."  ยังไม่ค่อยหายง่วงสักเท่าไหร่  แต่ก็ถึงเวลาไปทำงานอีกแล้ว  

ฉันคงจะง่วงจากการนอนดึก ๆ ทุก ๆ วัน  

ในตอนกลางคืนมันช่างเป็นเวลาที่ทำให้ตาสว่างทุกทีสิน่า...  

เป็นเวลานานแล้ว...กับการที่จะต้องทำอะไรคนเดียว..อยู่คนเดียว  

ยังไม่ชินสักที..........  

ตอนกลางคืนจึงมักจะเป็นเวลาที่ฉันรู้สึกเหงา  ฟังเพลงเบา เบา...พร้อม ๆ กับ

การนั่งเขียนอะไรไปเรื่อยเปื่อย.. 

***

"โอ้ย...ยยย..สายแน่เลยยยย"  แทบจะทุกวันก็ว่าได้กับการโอ้เอ้...

ทำโน่น..ทำนี่ของฉัน.......   

มอเตอร์ไซด์รับจ้างคือทางเลือกเดียวของคนที่เหลือเวลาในการเดินทาง

ไม่มากนัก   "อ่ะพี่...ค่ามอไซด์"  ทันเวลาพอดี...

เคยคิดเหมือนกันนะ   ไม่ใช่สิ...คิดอยู่แทบทุกวันแหละว่า  ต้องปรับเปลี่ยน

ตัวเองซะที...   

***

ปีกว่าแล้วสินะกับการหายไปของเขาคนนั้น  หายไปจากชีวิตของฉันโดยที่

ไม่ได้บอกลา.....  หรือมีอะไรที่ฉันทำให้เขาไม่พอใจ  ฉันเฝ้าคิดอยู่ทุกค่ำคืน  

นั่นคงเป็นสาเหตุของการนอนดึกของฉัน  หรือเป็นข้ออ้างก็ไม่รู้สิ........

***

"พี่...เมื่อไหร่จะมีแฟนสักทีหล่ะ"  เสียงรุ่นน้องเอ่ยถามในช่วงบ่ายของการ

ทำงาน    

"ทำไมหล่ะ..เธอมายุ่งอะไรกับชั้น"

"ชาติเนี้ย..ถ้าหาที่ดีไม่ได้...ชั้นก็อยู่คนเดียวดีกว่า"  ตอบมันไปอย่างนั้น  

ทั้ง ๆ ที่ใจจริง ๆ แล้วก็ต้องการคนที่รู้ใจสักคนเหมือนกัน...  

***

"สวัสดีครับ..."  ข้อความนี้ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ msn ที่ฉันกำลังเปิดเล่นอยู่

ในเวลาว่างของการทำงาน...  

รู้สึกดีใจระคนแปลกใจ  เข้ามาทักทายได้ไงเนี่ย   ฉันทิ้งเวลาสักแป๊บนึง

แล้วจึงตอบกลับไป "สวัสดีค่ะ"

"สบายดีรึเปล่าครับ"  เค้ารีบตอบกลับมาเหมือนอยากจะคุยกับฉัน

อย่างนั้นแหละ.....    

"สบายดีค่ะ"  ถามคำตอบคำไปซะอย่างนั้น  ใจนึงก็อยากจะคุยกับเขาเหมือนกัน  

แต่อีกใจนึงก็คัดค้าน...  

"ไม่อยากคุยเหรอ"  เหมือนเค้าจะอ่านใจเราได้อย่างนั้นแหละ  

"ไม่อยากคุยก็ไม่เป็นไร"  

ฉันทิ้งเวลาไว้สักพักแล้วจึงตอบกลับไป  "ป่าวค่ะ...มีงานนิดหน่อย"  

แต่จริง ๆ แล้ววันนี้ฉันว่างทั้งวันต่างหาก  ทำไงได้...รู้สึกสับสนนี่นา

เอ้า...คุยก็คุย....

***

"ทุ่มนึงแล้ว...ต้องกลับบ้านก่อนนะ"  ฉันส่งข้อความไป... 

"เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์รึยัง"  เขาถามเหมือนเป็นการหยั่งเชิง

"อืม....เปลี่ยนใหม่ตั้งนานแล้ว"  

ใช่สิ...ฉันเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ตั้งแต่เขาจากไปนั่นแหละ

"ขอได้ไหม...ถ้าไม่ได้ก้อไม่เป็นไร"  คงอยากจะคุยกับฉัน...แต่ก็ยัง

ไม่ทิ้งฟอร์ม

"05- ***-****"   ฉันบอกเบอร์โทรศัพท์ให้เขาไปได้ยังไงก้อไม่รู้

ทั้ง ๆ ที่คิดอยู่ตลอดเวลาว่า...จะไม่คุยกับเขาอีก...

"แล้วจะโทรไปหานะ"  นั่นเป็นข้อความสุดท้ายของเขา

ก่อนที่ฉันจะปิดเครื่องคอมฯ 



(ต่อตอนที่ 2  ค่ะ)
  
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสิปราง
Lovings  สิปราง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสิปราง
Lovings  สิปราง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสิปราง
Lovings  สิปราง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสิปราง