21 มีนาคม 2548 15:28 น.

ใบไม้ร่วงรวงใจสาวนาไร้รุ้งเรียว!

สาวบ้านนา


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=129
..........



หัวใจสาวนา..
กำลังโศกเศร้าดายเดียวเปลี่ยวเหงาไร้ร้างอย่างที่สุด
ในวันนี้..นาทีนี้...
ราวกับใบไม้ป่า...
ที่ร่วงเกลื่อนกล่นรอรับสายลมร้อน
ฟ้อนฟายพาปลิดปลิวลิ่วลอยเคว้งคว้าง...อย่างไร้จุดหมาย



ทุกอย่าง..รายรอบตัว
ดูแห้งแล้งหมองหม่น เทาทึม
แสนปวดร้าวเศร้าหมองไปเสียหมดเสียสิ้น

สาวนา...
กำลังยืนถวิลน้ำตาซึมอยู่ริมคันนา 

แล..ไปยังบึงบัวเหว่ว้า..ที่น้ำเริ่มแห้งขอด 
บัวสาย...ที่เคยชูช่อสะพรั่งหลากสี

มาบัดนี้...เหลือเพียงก้านกอหักงอ
รอเวลาเหี่ยวเฉาคาบึง 
รับลมแล้ง...
ดินที่แตกระแหงแห้งผาก
พอกันกับแก้มเหี่ยวย่นของหญิงชายชราชาวนา
ที่จำต้องรอรับโศกโลกหยิบยื่นชะตากรรมให้..อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง



ลมหายใจของสาวนา.. กำลังขาดเป็นห้วงๆ
เหมือนรวงเรียวซังข้าวแห้งผากตายซาก
รอพรากลา
รอวันตายไป
พร้อมกับดวงชีวาชีวีนี้...
ที่ช้ำฤดีตรอมตรมคงไม่นานแล้ว..



คูน...ยังคง..ทิ้งสายพรายพรมห่มราวไพรเหลืองพราว 
หากไยเล่า
หัวใจสาวนาราวจะร่ำไห้
มองไม่งามไสวผ่องผุดเสมือนสายฝนสีทองดั่งเดิม



ตะแบก..หม่น...ยืนต้นชูดอกสะพรั่งม่วง
รวงดอกยังคงระย้าระยับ
ระบัดไหวไปตามสายลมร้อน
อ้อนให้หัวใจสาวนา..หมองม่วงหม่นพอกัน

เหมือนสายฝนกำลังพรำพรมรินรดรวดร้าว
ให้รานร้าวเศร้าหมองอยู่ในห้องหับหัวใจ
อย่างยากที่จะกระซิบบอกใคร



ภัยแล้ง...ภัยแล้ง 
ที่สวรรค์มิได้แกล้ง
พระพรหมมิได้สั่ง

หากทว่าเกิดจากน้ำมือมนุษย์นับพันล้าน
ผู้มิได้เกิดมามีชีวาชีวิตเพื่อสร้างสรรค์
หากเกิดมาเพียงเพื่อทำลายทำลายและทำลายระบบนิเวศน์

อย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์อย่างผลาญพร่าบ่าโหมรานรุก
ให้เร่าร้อนไปทุกหย่อมหญ้า..ทั้งหล้าโลกทุกธุลี



สาวนา...
นั้นมาตรแม้นเกิดมา..
เป็นเพียงหญิงชาวป่าชาวไร่ชาวไพร
หากหัวใจดวงทอง
ก็แสนรักดินรักน้ำรักป่ารักธรรม ธรรมชาติ



และ
แสนจะเข้าใจวิถีไพร วิถีใจ
ที่ควรจะรู้อยู่..
รู้คิดรู้ค่า
รู้ว่าคนเรา
เกิดมาเพื่อพึ่งพาพิงพึ่ง

มิใช่มิเกรงกริ่งมหันตภัย
หาญกล้าจะเอาชนะความยิ่งใหญ่แห่งธรรมชาติ
จนได้ให้บทเรียนพิโรธโกรธเกรี้ยวสอนสั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มนุษย์ก็ยังหาได้หลาบจำไม่..



ยังคงคิดว่า
โลกศิวิไลซ์ไฮเทคโนโลยี่
*คือเป้าหมายชีวีชีวิตที่สุดยอดแล้ว*ละกระมัง..
ช่างแสนน่าเศร้าโศกสะเทือนใจเสียนี่กระไร



มาวันนี้...
สาวนาอยากถามนัก 
ด้วยฤดีที่เหน็บหนาวร้าวรวดดวงใจเป็นยิ่งนัก
ไปกับความแล้งไร้รายรอบ
กอปรกับนวลเนื้อใจมนุษย์
ที่สุดแล้งไร้ราวทะเลทรายแห้งผากพอกัน



ว่า...
หากโลกกำลังเข้าขั้นวิกฤต
ชีวิตมวลมนุษย์ 
ยังมิหยุดคิดทำลายกันและกัน

แถม
ยังหันไปห้ำหั่นทำลายธรรม ธรรมชาติ 
วัฏฏแห่งดินน้ำสะอาด...ป่าดงพงไพรจนไม่เหลืออะไรแล้ว
เราจะเจริญศิวิไลซ์ไปทำไมกันเล่า ...นะเจ้ายอดดวงใจ



ให้โลกสิ้นเงียบงันว่างเปล่า
พบแต่ความเหงาวิปโยคโศกครวญจากภัยพิบัติ

แผ่นดินไหว
พายุพัดถล่มให้น้ำทะเลห่มหล้า
กวาดล้างมิเหลือหลอ
รอวันตายไปถ้วนหน้าทั่วหล้าเท่าเทียม
ไม่ว่ายากดีมีจน คนในโลกนี้
ที่จะพากันตายสลายหายวับลับไปในพริบตา...ราวฝัน..ดั่งฝัน



ให้ฟ้าดินอินทร์พรหมสวรรค์
ต้องพากันหลั่งน้ำตาสังเวย
กับสมองไร้ค่า
หาคิดเป็นกันไม่..

โอ้ดวงใจมนุษย์มนามากหน้าทั่วหล้า
ที่ยากหยั่งถึง
ยากฝังความสำนึกลึกซึ้งลึกล้ำตอกย้ำตราตรึง
ให้คะนึงถึงสัจจะธรรม ..

ให้มีหัวใจดวงทองใสล้ำพิไลพิลาส
รู้รักธรรมชาติเลอค่า
ที่ฟ้าดินได้อุตส่าห์โปรดประทานพรให้มา
อย่างน่าจะชื่นชมโสมนัสยินดีปรีเปรมย์เป็นที่สุดแล้ว..



อย่าหลงละเมอ
ใช้ชีวาชีวิตไปในทิศทางประมาท
ให้
ป่าเขาลำเนาไพร
ห้วยละหารธารน้ำใสระริน
สัตว์ป่าหายสาบสูญสิ้นแสนพูนเทวษอาดูร..



ดาวดวงคงร่ำไห้
สายหมอกคงร่ายโศลกพลี
ให้ทุกดวงวิญญาญ์ในกาแลกซี่ได้เหน็บหนาว...
ไร้ที่สถิตใดไปตราบชั่วนิจนิรันดร.....



คิดคิดไปแสนเปลี่ยวเปล่าใจเป็นยิ่งนัก
ในใจดวงดีดวงภักดีพลีดินดวงนี้
ที่...
รักผืนป่า
รักเพาะปลูกพืชพรรณ
รักสายน้ำนิรันดร์
รักกระท่อมไพร 



หัวใจดวงที่คิดดีคิดได้
รู้ค่าความพอดีพอเพียง
ไม่เบียดเบียนโลกให้พบวิปโยคเร็วไป
สอนให้หัวใจเพียรรักพักอิงพิงพัก
ในเงื้อมเงางาม
อย่างผู้ซึ้งค่า 



ว่าเราทุกดวงใจทุกร่างมนุษย์นั้น...ก็แค่ธุลีหล้า
แค่เกิดมายังประโยชน์ให้โลก
และ
รู้คืนกลับให้ผองชน
มาเพียงใช้กมลละไมหอมกรุ่นละมุน
มองโลกหมุนสวยใส



มารักธรรม..ธรรมชาติมาตามรอยบาทพระศาสดา
มารักยอดพระรัตนตรัย
มารักษ์ดำรงสวยใสให้คงงามไว้ให้นานเท่านาน
ตราบชั่วกาลกัปป์กัลป์เป็นนิรันดรรัก
ได้พักพิงใจไปด้วยกัน



และ
เผื่อหัวใจได้มาสร้างสรรฝันดีฝันพลี
ไว้ให้ผู้มาทีหลังได้มาเสพสุนทรีย์ 
ที่ดีไม่ดีก็คือเราเองนั่นแหละ
ที่อาจต้องคืนหลังกลับมา
ว่ายวงวนวิบากรรม
น้อมนำมาอีกชาติและอีกชาติ..ใช่ใคร..เสียที่ไหนเล่าทุกทุกข์เจ้าจอมใจ
........



สาวนา..คิดไกล
ด้วยดวงใจบอบช้ำ
ไปกับลมคิมหันต์พัดใบไม้แห้ง
ที่กำลังลิ่วลอยควะคว้างถลาขึ้นกลางฟ้า
ให้เหงาใจเหว่ว้าอย่างสุดทน



สาวนา...
คิดถึงลำธารที่เคยหวานใส
หอมอวลระคน
ด้วยกลิ่นดงดอกไม้ป่าดอกข่าไพร
ดอกกล้วยไม้ในดวงใจหลากสีสันที่พากันขึ้นตามคาคบ


เห็ดที่รอหยาดวสันต์พรมพร่างใส่ดินสีบานเย็น
ให้แทงงอกออกมา
เพื่อเป็นอาหารชาวป่าชาวนาชาวไพร
ให้เอร็ดอร่อยไปตามวิถีชนบท
ที่แสนสดชื่นรื่นรมย์ในทุกโมงยาม แห่งงามไร้เงิน..


ให้ชีวิตได้ดำเนินดำรงไป 
ไร้ศิวิไลซ์หนี้...ลีลาเมืองวัตถุ..
ที่ทุกผู้คนแม้นทารกน้อยในครรถ์มิทันได้เติบใหญ่
พอเกิดมาพลัน
แค่ได้ร้องอุแว้หายใจในวันแรกนาทีแรก
ก็จำต้องรับกงกรรมกงเกวียนเวียนหนี้สินจากบุพการี



ที่ดีไม่ดีบางที
เวียนว่ายยังอยู่ในระบบเงินผ่อน 
อ่อนล้าแรงพ่วงไปอีกสักยี่สิบปี
เพื่อชีวีจะมีบ้านสักหลังรถสักคัน
ฝันตามๆกันไปตามโลกย์

แบบอยู่ไปวันวันตามวัฎฎเมืองเรืองรุ่งกรุงกรง
หลงทางห่างไกลคำว่าไพรพงเข้าไปทุกทีๆ..
ซึ่งเป็นวิถีเพื่อความอยู่รอดแบบสังคมอุตส่าห์หากรรม..



สาวนา...
คนหัวใจรักไพรพงชนบทท้องนาป่าเขาลำเนาไพร
จึงไม่เข้าใจยากเข้าใจยากทำใจ

ว่าระบบเมืองระบบสังคมในทุกวันนี้
ที่พลีสร้างบ้านแปลงเมืองกันให้เรืองรุ่ง
เพียงพุ่งทัศนคติลงเหวพากันทำลายเปลือกโลก
ให้ยุบยู่อยู่ทุกวี่วันทำไมกันเล่า..



ฤาว่า..เรายังคงไม่เข้าใจ 
ว่าชีวิตที่แท้จริงเกิดมาเพื่ออะไร 
ทำไมหมุนไปในทิศทางทำลาย
ทั้งๆที่รู้ว่า
*หายนะ*กำลังคืบคลานใกล้เข้ามาทุกทีๆแล้ว



สาวนา..
เพิ่งอ่านหนังสือพิมพ์ในวันนี้
ถึงที่มาแห่งภัยแล้ง
ที่คนเมืองลวงเมืองหลวงเอง
จะแสร้งทำไม่รู้ไม่ห่วงคงไม่ได้อีกเช่นเฉกเดียวกัน



เพราะ
มิช้านาน
หากยังตะบี้ตะบันพากันใช้น้ำสะอาดอย่างไม่บันยะบันยัง
เมืองทั้งเมืองจะเกิดวิกฤตน้ำภายในสิบปีนี้
ไม่นานเกินรอ
ขอเพียงอย่าเพิ่งลาตายไปเสียก่อนแล้วกัน
คงพอทันได้เห็นอย่างแน่นอน



หากทุกดวงใจไทยไท
ยังไม่ไหว..
ไม่มีจิตสำนึก..ช่วยกันรณรงค์หาทางออกไว้
ก่อนวันจะสายเกิน..
อย่ามัวเพลินใช้น้ำกันโครมๆ
ทุกโรงแรม ร้านอาบอบนวด 
และทุกครัวเรือน
รัฐบาล
ต้องมีมาตรการแก้ไขให้ทัน
มิฉะนั้น มิใช่เพียงชาวไร่ชาวนา
หากทุกลีลาชีวิตจะไร้สุข..ทุกข์ใหญ่หลวงตามมาเลยทีเดียว..เชียว



หัวใจสาวนา.
เลยพาให้คิดถึง..น้ำพระทัยมากเมตตาบารมี
ที่มีโครงการหลวง*ทำฝนเทียม*
ผ่านเลยล่วง
มาช่วยชีวิตคนไทยชาวนาไทยไว้ราวห้าสิบปีแล้ว
นะทุกเจ้าแก้วจอมใจ 
*ฝนที่หยาดรินรดรวงข้าวราวรวงเพชร
จากหยดน้ำค้างกลางพระราชหฤทัยที่ทรงพร่างริน
จากองค์พระประมุขไทย
จอมราชันย์ขวัญหล้าแห่งทุกดวงใจผองชน..



ที่...
ทรงมีสายพระเนตรยาวไกล
และทรงความอัจฉริยะ
ด้วยคุณลักษณะนักวิทยาสาสตร์
หลังจากทรงสังเกตวิเคราะห์ข้อมูล
และ
หลังจากได้เสด็จพระราชดำเนิน
เพื่อทรงเยี่ยมพสกนิกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ย่านบริเวณเทือกเขาภูพาน แล้วทรงสังเกตว่า
มีปริมาณเมฆมาก
ปกคลุมเหนือพื้นที่ระหว่างเส้นทางบิน 
แต่ไม่สามารถรวมตัวจนเกิดเป็นฝนตกได้
...............



และ..ณ..วันนี้
ที่สาวนาได้อ่านจากหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับ
*ฝนหลวง* หรือ*ฝนเทียม*ว่า



***ได้แก้ปัญหาให้กับเกษตรกรที่เผชิญภัยแล้ง
เพิ่มปริมาณน้ำให้กับพื้นที่ลุ่มน้ำของแม่น้ำสายต่างๆ
แก้ปัญหาน้ำขาดแคลนเพื่อการอุปโภคบริโภค
แก้ปัญหาเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่ตื้นเขิน
เพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้า
นอกจากนี้
ยังช่วยบรรเทาภาวะแวดล้อมเป็นพิษอันเกิดจากการระบายน้ำเสีย
และขยะมูลฝอยลงสู่แหล่งน้ำ ช่วยให้มลพิษเจือจาง***
และ..



ทั้งสิ้นทั้งหมดนี้..
คือ..
หยาดน้ำทิพย์มาประโลมหล้าประโลมใจจากฟากฟ้า
ที่ทรงหยาดน้ำพระทัยมากล้นเปี่ยมท้นพระมหากรุณา
แห่งพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย...
อีกครา...
เพื่อทรงดับทุกข์
ที่จะหลั่งสายปรายโปรยลงทั่วหล้า
จนกว่าทั่วฟ้าไทยไทและปวงประชาจะสิ้นทุกข์.....


รู้รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
และหันมาสร้างจิตสำนึก
ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท

รู้รักษ์ป่า
รักน้ำ
รักธรรมชาติ..ให้ดำรง
เพื่อยังคงเป็นมรดกให้ลูกหลานไทย
ได้ชื่นฉ่ำใจ
ได้พบแผ่นดินไทยแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง
ได้มาครองกมลแสนดีแสนงาม
เพื่อรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไปตราบชั่วฟ้าดิน..สลาย!

***************




http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6197
สายฝน   
เพลงพระราชนิพนธ์ : : Key C  
เมื่อลมฝน บนฟ้ามาลิ่ว
ต้นไม้พลิ้ว ลู่กิ่งใบ
เหมือนจะเอน รากคลอนถอนไป
แต่เหล่าไม้ ยิ่งกลับงาม
พระพรหมท่าน บันดาลให้ฝนหลั่ง
เพื่อประทัง ชีวิตมิทราม
น้ำทิพย์สาด
เป็นสาย พรายพลิ้วทิวงาม
ทั่วเขตคาม ชื่นธารา

สาดเป็นสาย
พรายพลิ้วทิวทุ่ง
แดดทอรุ้ง อร่ามตา
รุ้งเลื่อมลาย พร่างพรายนภา
ยาม เมื่อฝนมาแต่ไกล
พระพรหมช่วย อำนวยให้ชื่นฉ่ำ
เพื่อจะนำ ดับความร้อนใจ
น้ำฝนหลั่ง ลงมาจากฟ้าแดนไกล
พืชพันธุ์ไม้ ชื่นยืนยง...

********************
 


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=129
หยาดน้ำฝน หยดน้ำตา
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
หลั่งความขื่นขมที่ถมอยู่ใน ใจตน
หยาดย้อยจากปรางสวรรค์เบื้องบน
สู่กลางแก้มดินในฐานถิ่นคน
นั้นคือหยาดฝน ฉ่ำใจ
สาดสายพร่างพรายพรมผืนไร่นา แนวเนิน
ป่าดอนโขดเขินคลองขลุงทุ่งหนอง นองไป
หล่อเลี้ยงพืชพันธ์ มีผลดอกใบ
โลกเคยหลับไหล พลันฝืนตื่นใจ
สวยงามสดใส จริงเอย
ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ

ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ...




				
15 มีนาคม 2548 01:59 น.

รวงรอฝน!

สาวบ้านนา


คืนนี้จันทร์เสี้ยวเกี่ยวกิ่งฟ้า
อีกคราแล้ว

สาวนาแหงนเงยดูฟ้า...
แล้วหยาดน้ำตาใสใสก็ค่อยๆไหลออกจากตา
หยาดมาจากความซึมซึ้ง
ด้วยลึกล้ำถึงก้นบึ้งแห่งความรักในดินนา

ฟ้าเดือนสาม
แม้นแสนจะอ้างว้างว่างใจสักเพียงใด
ด้วยวสันต์ลามานานแสนนานแล้ว


ให้ใจดวงน้อยน้อยรานร้าว
ราวรวงเฝ้าหลงคอยเคียวมาเกี่ยวเก็บ

หากไยเล่าใจสาวนา
กลับไม่เคยน้อยใจในฤดูกาลฤดีระกำ
ที่อ้ายเคยทำและไม่ยอมกลับมาพรำพรม
จนคนและนาน้อยคอยจนแห้งผาก..พอกัน



โอ้..อินทร์พรหมยมพญา
ชะตาชีวิต
ไยลิขิตให้สาวนา
ดั่งเกิดมาคู่กันกับน้ำตา
กับนากว้าง
กับรวงเรียวลอมฟาง
กับบึงบัวสล้าง
กับอ้างว้างฟากฟ้าแสนไกล
กับสายธาราใสฉ่ำเย็น
กับเดือนเด่นกลางฟ้า
กับความเหว่ว้าเงียบงันฝันไกลไม่เหมือนใคร
กับหัวใจใสดวงทองดวงผ่องผุดของสาวนา
กับวสันต์ลีลา
กับเวทีฟ้าเล่นแสงสี
ในยามเช้าแสนงามตระการ


กับยาม
ที่ใบไม้สีน้ำตาลผลัดใบสีทอง
ค่อยๆ...
ลอยละล่องปลิดปลิว
รำฟ้อนอ้อนสายลมในยามเย็นอย่างเงียบงัน

ให้ราวป่าเต็มไปด้วยสีสันสลับสล้างสะพร่าง
สะท้อนรับกับสายแสงตะวันลา
กับฟ้าเจือแสงสีแสนสวยเป็นยิ่งนัก


กับดวงดอกลั่นทม
งามหอมระทมทับระทวยใจไปทั่วทั้งแนวไพร

กับเสียงดุเหว่าไพร
เรไรกบเขียดจิ้งหรีดกรีดก้องร่ำร้องระงม
ผสานผสมพริ้งพราวราวเทพบรรเลงเพลงไพร
ให้หนาวใจหนาวกายอย่างที่สุด

คืนนี้..
เดือนมืด
สาวนาคิดถึงลูกควายตัวจ้อยตัวน้อยๆนิดๆมาก

คิดถึงดวงตาใสซื่อที่ดูแสนไร้เดียงสา
ที่แสนน่ารักน่าเมตตาเอ็นดู
ให้สาวนาเดินอ้อยสร้อยมาดู
ที่คอกของแม่ลูกคู่พันผูกใต้ชายตาไผ่ใบหนา



เห็น.
ลูกควายน้อยค่อยๆ
เอาจมูกถูไถไปมาบนใบหน้า
ของแม่ควายด้วยความรักใคร่ 
ยามเข้าไต้เข้าไฟ

นอนคลอเคล้ากันในคอก
หลังเสร็จงานนาหว่านดำ
ที่สุมไฟกันไว้มิให้เหลือบยุงริ้นไรไต่ตอม

สาวนา..
รู้สึกหัวใจแสนอ่อนโยนเป็นสุขนัก
แม้จะดายเดียวอ้างว้างร้างไร้ในทุกสิ่ง
ในนิยามแห่งความหรูหรา
มากมีมากมาย
มิอยากได้ครอบครองเป็นเจ้าของวัตถุแสนแพง



หากสาวนา
ขอแค่มีชีวิตอยู่
ดูโลกราวมีโชคนับแสน
ที่ได้เกิดมาสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้

ได้เกิดมาคลุกดินโคลนนาเลน
ได้มาเห็นโอนเอนตาลเดี่ยวริมทุ่ง
ได้มาใช้ชีวิตมิยุ่งเหยิงวุ่นวายสับสนยอกย้อน>



ได้มาเดินอรชรมีชีวิตชีวาในทุ่งกว้าง
ได้มารับรอยรักรอยร้างรอยเศร้าเฝ้ารอรออ้ายริมลอมฟาง
ท่ามกลางดาวสวยแสนสุกใส
กับกองไฟหอมควันฟืน
ได้ชื่นได้ฉ่ำกับรอยไถไม่มีวันแปร

ได้มีหัวใจดวงแท้แท้ราวดวงทองผ่องพิสุทธิ์ดิบดิน
ได้มาพานพบเพียรขุดทรัพย์ในดินในนา
ขึ้นมาพลีบูชาโลกและผองชน
ในนามแห่งกมลคนยากไร้
ใช้ร่างตากแดด
ใช้มือกร้านกำเคียวเกี่ยวข้าวมาอย่างหนักหนา
ยาวนานนัก
จนหยาดเหงื่อและทุกหยาดโลหิตรัก
ในร่างราวรวงร้อยคอยค้อมพวงคารวะพื้นพสุธา>



ให้สมกับที่เกิดมา
แม้จะมีหยาดน้ำตาในทุกข์รัก
หากยังแสนโชคดีนัก
ที่ได้ใช้หยาดน้ำตานั้น
ผันหลอมละลาย
กลายมารินรดพร่างพรมลงสู่ท้องนา
ดั่งสายธาราใจไม่สิ้นสุด
เพื่อหล่อเลี้ยงมวลมนุษยชาติมิให้อดตาย


สาวนา...
เลยยิ้มทั้งน้ำตาในราตรีนี้..ที่แสนมืดมิด
หากทว่าดวงใจสาวนา
ดวงน้อยนิดหาดายเดียวไม่ที่มีแต่น้ำตามาตราบชั่วชีวิต

เพราะหัวใจสาวนายอมอยู่อย่างผู้รู้ตน
อย่างผู้มีเนื้อกมลดวงงาม
ยอมหลั่งหยาดเหงื่อและหยดน้ำตานั้น
เพื่อพลีบูชาเทพีพสุธาชะโลมหล้าชะโลมดิน
ด้วยความรักภักดีมิรู้สิ้น
ในผืนดินธรรมแผ่นดินทองแผ่นดินไทยนี้..ไปตราบชั่วกาล..!

......................




ใจสาวนา..รออ้ายดั่งสายวสันต์..พร่างสู่ทุ่งขวัญแลทุ่งใจ...
............

มองฟ้าครามยามอ้ายลามาหลายฝน
ดอกน้ำตาหล่นปนดอกข้าวทั้งเช้าสาย
ดอกคิดถึงคลึงคลอทุยยามขี่กาย
ดอกพิสวาทวายตายทั้งเป็นมิเว้นวัน

ลมฤดูพัดฤดีกี่ปีล่วง
ทั้งบัวหลวงบัวผันสะพรั่งฝัน
รอคนดีพายเรือน้อยกลางแสงจันทร์
เก็บเกี่ยวขวัญให้ไออุนละมุนละไม

จะเดือนสามเดือนสี่ใครขี่ทุย
ให้เฝ้าลุยท้องนาฟ้าสวยใส
สู่กระท่อมทองกวาวมิหนาวใจ
หอมข้าวใหม่นาน้อยหุงคอยรอ

จะกี่แล้งกี่ร้อนหอมมิห่าง
มิอ้างว้างสู้ความจนมิเคยท้อ
แม้ความจนเต็มเกวียนก็เพียรพอ
สองแรงรอรินหยาดเหงื่อเพื่อผืนดิน

ดอกโสนบานไสวไม่สิ้นหวัง
ข้าวเหลือซังรอหว่านใหม่ไม่รู้สิ้น
ถึงรวดร้าวหนาวกระดูกปลูกไม่พอกิน
จะไม่สิ้นคิดขายนาน้อยคอยดวงใจ

ไร่สาวนาสาวไพรรับไถภักดิ์
จากน้ำรักน้ำเหงื่อหอมงามใส
จากกลิ่นโคลนกลิ่นควายกลิ่นชายไพร
รับหวามไหวให้ตกพรูสู่เนินทอง

ใบกระถินผลัดใบรอผลิกอใหม่
ริ้วลมไพรไล้ตะแบกหวานบานทั่วหนอง
ทั้งบัวตูมบัวบานรออ้ายเด็ดเคียงประคอง
ทุ่งรวงทองรอทุยมาลุยนา

ฝนหลงฤดูเพียงฤดีอ้ายอย่ากรายหลง
ท้องนาคงแนวเหลืองสุกปลั่งพรั่งพรรษา
ลูกข้าวหลงเหลืองไสวในวิมานนา
หญิงชราครองตนเก็บขึ้นลาน

ไกลแค่ฟ้าตามองไขว่ไปตามฝัน
เมื่อสวรรค์เยือนหล้าแสนหอมหวาน
ทุ่งรวงทองห้วยหนองคูนตระการ
ดุเหว่าไพรร้องเศร้าหวานขานถวิลสิ้นสนธยา

สาวบ้านนาถือเคียวเกี่ยวลูกข้าว
แม้นเหน็บหนาวเพียงใดหลังสู้ฟ้า
หัวใจทองผ่องพิสุทธิ์พลีบูชา
เทพีพสุธามิสิ้รักภักดิ์เรียวรวง

ฝังความฝันคำนึงถึงใครหนึ่ง
ให้ลึกซึ้งจมแม่พระธรณีที่แหนหวง
เก็บรวงข้าวสุดท้ายไว้เสี่ยงดวง
เผื่อบวงสรวงแม่ขวัญข้าวคราวใครคืน

กี่วสันต์รอมาฟ้าเปลี่ยนสี
ชั่วชีวีมีชีวารักนาผืน
เจ้านกไพรโผบินไปไม่กลับคืน
สาวนายืนหยัดอยู่คู่นาใจ

กี่สายฝนสายฝันสวรรค์ลอย
สักกี่ร้อยตำบลไร้รวงข้าวพราวไสว
จิตสำนึกใครจะอยู่จะตายไป
ใจสาวนาสาวไพรไม่ทิ้งกล้านาสุดท้าย!รออ้ายคืน!
......................





http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=202
เสียงดุเหว่าแว่ว   
ทูล ทองใจ : : Key Fm  

เสียงดุเหว่าแว่วมาเหมือนเตือนให้
สอง เรา ผวา จาก กัน
ค่อน คืน ตื่น ฝัน เราเกี่ยวแขนกัน
เที่ยวในแดนฟ้า พบวิมานเทวา 
ผ่านดาราน้อยใหญ่ปราสาทสีทองงามผ่องอำไพ
โอ้เพลินใจในแดนสวรรค์
กอดกัน กระซิบกระแซะกัน
ชวนชมนั่นดาว ระยิบระยับตา
เพลินอยู่จนเสียงดุเหว่าแว่วมา
เป็นสัญญาให้เราจากกัน
อิงแอบ แนบ ปลอบใจ 
เสียงสะอื้น ยังจำได้ ร่ำอยู่จนใกล้ สว่าง
ฟ้าสางแล้วเรา ต้องพรากจากกัน
เสียง ดุเหว่า แว่วร้อง อยู่
กระตู้วู้ เมื่อครู่ เลือน หาย 
แสนเสียดาย สุดจะหมาย กลับ คืน...
				
9 มีนาคม 2548 13:06 น.

เสียงขลุ่ยลอมฟางลูกควาย!

สาวบ้านนา


http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=94

**************

ค่ำคืนนี้....
จันทร์ดวงสีไพลหวานแจ่มแฉล้มแช่มช้อย
อ้อยสร้อยสาดสายแสงแสนหวาน
หว่านโปรยปรายไล้ไปทั่วทุ่ง...
ราวสายรุ้งสีทองทาบอาบทารวงเรียว



สาวนา..ผู้ดายเดียวเดียวดาย
มานานวันฝันค้างมานานปี
ลูกผู้หญิงคนดีหัวใจไพรหัวใจทอง
หัวใจงามผ่องผุด
หอมละไมละมุนกรุ่นใสซื่อพอกันกับ
ข้าวหอมข้าวใหม่ข้าวในนา



ที่ยังรอท่าสายฝนพรำ
ยังหลงรอกมลมั่น
ยังพลีฝันพลีใจรอท่าอ้าย
สุภาพบุรุษชาติไพร
ไม่เคยแปรใจไปตามรอยใคร

เสมือนรอยไถในทุ่งกว้างเช่นเฉกกัน
ที่ยังคงสม่ำเสมอเฝ้ารักดิน
มิขายถิ่นขายทุ่งมุ่งไปเมืองลวง..ควงสาวนุ่งยีนส์



สาวนายืน..นิ่งนิ่งทิ้งใจทอดทัศนาดูทุ่งกว้าง
ที่ดูอ้างว้างร้างไร้พอกันกับใจสาวนา..
ที่ถูกอ้ายร้างลาทิ้งร้างห่างหายมาหลายฝนแล้ว



สาวนา.....ลุยดงดอกหญ้าเจ้าชู้ไปยังลอมฟาง
ท่ามกลางฟ้าสว่างเรือเรือง...
ด้วยแสงดาวเดือนพร่างกระพริบระยิบพราว

หากไยเล่าหัวใจสาวนา
จึงมีคลายหนาวเหน็บใจ



สาวนา..มองไปยังอ้ายทุย..เพื่อนยาก
แล้วน้ำตาสาวนาก็ปริ่มเต็มเรียวตา
เมื่อเห็นดวงตาใสซื่อ
แม่ควายสัตว์คู่ยากคู่ใจคู่ไถคู่ทำนาคู่ฟ้าคู่ดิน



ที่นะบัดนี้..
ให้กำเนิดลูกน้อยน่ารักน่าชังนัก
และ
หลังๆสาวนาสังเกตเห็น...
ยามมันร้องเรียก
เพรียกหาให้ลูกควายน้อยกลอยใจ

มากอดกลิ้งเกลือกกลั้วมิห่างกายราว
จะถ่ายทอดวิทยายุทธิ์อันใสซื่อถือกตัญญุตา
สอนให้กินหญ้าน้ำ
อย่างมิทิ้งทอดและให้รักเจ้าของอย่างภักดี



สาวนา..
อดคิดถึงอ้าย..เสียมิได้.
ที่เคยเมตตาเอ็นดูเจ้าทุยนักหนา
เพราะว่า
ได้ขี่หลังลุยทุ่งกับสาวนามาชั่วนาตาปี
ราวขวัญเรียม
และสาวนา..คิดถึงบทเพลง..นี้
เสียเป็นยิ่งนักแล้ว..ที่ครองกมลสาวนามานานปี
........



http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=223
ขวัญเรียม 

เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ ของเรียม
หวนคิดผิดแล้วขมขื่น ฝืน ใจเจียม 
เคยโลมเรียม เลียบฝั่ง มาแต่หลัง ยังจำ
คำ ที่ขวัญเคยพรอดเคยพร่ำ
ถ้วนทุกคำยังเรียกยังร่ำเร่าร้องก้องอยู่
แว่ว แว่ว แจ้ว หู ว่าขวัญชู้ เจ้ายังคอย
เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ คงหงอย
หวนคิดคิดแล้วยิ่งเศร้า เหงา ใจคอย
อกเรียมพลอย นึกหน่าย คิดถึงสาย น้ำนอง
คลอง ที่เรียมเคยเที่ยวเคยท่อง 
เมื่อเราสองต่างว่ายต่างว่องล่องไล่ไม่เว้น
เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่น กับเรียม

เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ คงหงอย
หวนคิดคิดแล้วยิ่งเศร้า เหงา ใจคอย
อกเรียมพลอย นึกหน่าย คิดถึงสาย น้ำนอง
คลอง ที่เรียมเคยเที่ยวเคยท่อง 
เมื่อเราสองต่างว่ายต่างว่องล่องไล่ไม่เว้น
เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่น กับเรียม...
.................



ที่...
ค่ำคืนนั้น...นานมา
ริมลอมฟางข้างกองไฟ
ยามที่สาวนานอนหนุนไหล่แข็งแรงของอ้าย
แล้ว
อ้าย....ได้เคยพรายพรมนิ้ว
พลิ้วร่ายมนต์เสียงขลุ่ยไพรขลุ่ยใจ

ให้ข้ามทุ่งลอยละลิ่วพริ้วไหวหวานไปตามฟากฟ้ากว้าง
ผ่านสายธารแมกไม้ขุนเขา
พาเหงางามใจราวกระซิบรำพันริมหูสาวนา



และ
ถึงทุกนางใจนางไพรสาวบ้านป่า
ที่พากันไปหลงแสงสีศิวิไลซ์
ให้กลับนามาเถอะนะ

อย่ามามัวหลงกรุงนุ่งสั้น
เปิดสะดือให้โหวเหวเหว่ว้าอยู่เลย
อย่ามัวเฉย..
กลับมานุ่งผ้าถุงเก่าลายดอกผืนสวย
ที่งามกว่างามในสายตาสายใจ
ในพันผูกระหว่างเรามานานเนามานานปี



สาวนา....แว่ว
ได้ยินเสียงระนาดเพลงลาวดวงเดือน
หวานพริ้งพราวกราวกลมกล่อมแทบหลอมละลายใจ
มากับ.....
สายลมในยามค่ำมาจากริมฝั่งฝันลำประโดง
บ้านครูสอนดนตรีไทยในละแวกนี้



ที่ช่างแสนงามบรรเจิดจิต
ให้นิรมิตทิพย์
ในหัวอกหัวใจสาวนา
ให้แสนแพร้วเพริศพริ้ง
หวานสะบิ้งสะบัดรัดร้อยใจ
ให้ละไมละมุนไหวหวั่นฝันหวานหวานตามเคย



ราวลอยเลยล่องท่องไป
ในแดนสรวงวิมานเมฆวิมานทิพย์
ไปหยิบรวงดาวมาร้อยเป็นสายสร้อยเพชรพราว
ให้เทพีข้าวเทพีพสุธา

ที่อ้ายเคยฝากคำมั่นสัญญาไว้
ว่าคือสาวนาคนดี
ที่อ้ายแสนรักนักรักหนาแล้วนะ


ให้หัวใจสาวนา
ไหวหวั่นฝันไกลในทุกยาม

ที่ได้ยินบทเพลงไทยดนตรีไทย
ที่หวานใสราวระฆังทิพย์
ราวมา..
สถิตหวานหว่านกอแตกช่อผลิพราว
กระจ่างนะกลางจิตกลางใจ
ดวงทองดวงผ่องผุดของสาวนาสาวไพร



ให้ใสพร่างพิสุทธิ์พราย
ราวดอกบัวชูช่อในบึงรัก
ที่รอรับสายแสงพุทธธรรม
มาพร่างพรม
ให้ลืมหมองตรมระทมทับ
พบวิมุตติผุดโผล่พ้นน้ำอย่างไรอย่างนั้น



สาวนา..
หูแว่วแผ่วเพลงพริ้วเพลงขลุ่ย
อีกเพลงและอีกเพลง
ที่...
อ้ายเคยพรมพ้อเพ้อถึงสาวนา
แทนใจเคยมั่นคงจงรักภักดี
ที่แสนใสซื่อถือมั่นในรักจริงรักแท้



ที่อ้ายเคยกระซิบบอกว่า..
รักสาวนารักทุยรักทุ่งรักถื่น
รักที่จะลุยกลิ่นโคลนสาบควาย

รักที่จะได้ดอมหอมหวาน
พวงพะยอมป่ายามมาบาน
เคลียแก้มสาวนาที่อ้ายเคยเด็ดมาเสียบแชมผมให้



ฤดีสาวนา...เหว้ว้าแห้งผาก..
ราวรวงรอฟ้าฝน
ราวสาวนาคนดี
ที่ยังหลงคอยกมลอ้ายคนดีให้หวนคืน

รอชื่นฉ่ำ
รอวสันต์ลีลา
มาพร่างโปรย
ให้ทั้งนาข้าว
ทั้งนาใจสาวนาไสวปานกันในไม่ช้านาน



ดั่งดอกจานบานรับสายฝนสายฝันสวรรค์สวาท
รอให้
ทิวาหวานราตรีแสนซ่านซึ้งจับใจ
คืนกลับมาคืนกลับนา



ในท่ามกลางแสงตะเกียงริบหรี่ไหว
คืนที่ไพรพนาเต็มไปด้วยสายฝนพรำ
เสียงกบเขียดร้องร่ำระงมลั่นทุ่ง
คืนที่มุ้งไสวเพยิบพยาบ
อาบไล้ไปด้วยมนต์รักเสน่หา
ที่อ้ายร่ายลีลารัดรึงซึ้งซ่านหวานสุขนัก


 
เสียงสายฝนกระทบหลังคาจากลงพร่างพื้น
กับเสียงฟ้าคำราม

ให้สาวนาโผร่าง
คอยตามมาซุกซบในอ้อมอกอุ่นอุ่น
พลางร้องละเมอเพ้อครางครวญให้อ้ายสุดแสนรัญจวนใจ
จนต้องบรรเลงเพลงรักจากใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าเฝ้าประโลมร่างใจ
พร้อมเสียงเพลงไพร
ตราบฟ้าสางดุเหว่าแว่ว


และแล้ว
ก็นอนนิทรารมย์ไปด้วยกัน
กับฝันดีพลีภักดิ์ที่ช่างหวานแสนหวาน....

ที่สาวนาคิดว่า
ในหล้าโลกนี้
ชีวิตสาวนาช่างแสนโชคดีเป็นยิ่งนักแล้วกว่าใคร

ที่ได้ใช้ชีวีตติดดิน
และ
มีความรักภักดีที่พอเพียงพลีพร้อม
ให้กันและกัน
มิผันไปตามกระแสโลกย์มิโศกแปร
.....................



ยามนั้น..
เมื่อถึงเวลาฟ้าแจ่มกระจ่างทั่วนภางค์สว่างแล้ว

สาวนาจะปลุกอ้ายให้แจวเรือ
พาสาวนาไปเก็บบัวกลางบึง

ไปเคลียคลึงเคล้าคลอ
กลางกอบัวอาบน้ำด้วยกัน
ท่ามกลางกลิ่นเกสรอันแสนหวานตระการบึง
จนสุขซึ้งรับสายแสงแรกของดวงตะวันแย้มบาน




แล้วถึงจะค่อยๆพายเรือกลับ
มาเข้าครัว..
ก่อไฟหุงข้าว
จัดสำรับ
จัดทุกอย่างไว้รอท่าอ้ายไปวัดพร้อมกัน

แม้กระทั่ง..
พับกลีบบัวละมุนด้วยศรัทธา
วางกรุ่นกลีบเกสรหอมงามเคียงในถาดทองเหลือง
ด้วยหวังสืบทอดพุทธศาสนา
ให้ประเทืองเรืองรุ่งประดับใจไทยให้ใสสวย
ไปนานเนานิรันดร์จนกว่าวันฟ้าดินจะแตกดับลับลา
........




คืนและวันพรากไป
สาวนาไม่เคยคิดเลยว่า

โลกหล้ามาแปรไป
มาตรแม้นรอยไถยังไม่แปร
หากทว่าไยเล่า
อ้ายคนดีถึงมาแพ้พ่าย
ให้
หัวใจรักภักดีที่สาวนาเคยพลีให้
ได้กลายกลับมิหอมกรุ่นมิละมุนดั่งเดิม
******************************




http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=94
ขวัญใจเจ้าทุย 
เจ้าทุยอยู่ไหน ได้ยินไหมใครมากู่ กู่
เรียก หาเจ้าอยู่ อยู่ หนใดรีบมา
เจ้าทุยเพื่อนฉัน ออกมาหากันดีกว่า อย่า 
เฉยเลยอย่าอย่า มะมา เร็วไว
เกิด มามีแต่ทุย เป็นเพื่อนกัน
ค่ำเช้า ทำงาน ไม่ทิ้งกัน ไม่หายไป
ข้า มีข้าวและน้ำ นำมาให้
อีกทั้ง ฟางกองใหญ่ อย่าช้าไย อย่าช้าไย
เจ้าทุยเพื่อนจ๋า ออกไปไถนาคงเหนื่อย อ่อน
เหนื่อย นักพักผ่อนก่อน หนาวจนอ่อนใจ
ข้าจะอาบน้ำ ป้อนฟางทั้งกำคำใหญ่ ใหญ่
จะสุมไฟกองใหม่ ใหม่ ไว้กันยุงมา
เจ้ามีคุณแก่เรามามาก มาย 
ถึงแม้ เป็นควาย เจ้าเหนือกว่า ดีเสียกว่า
ผู้ คน ที่เกียจคร้าน ไม่เข้าท่า
ทุยเอ๋ยเจ้าดีกว่า ช่วยไถนา ได้ทุกวัน

เจ้าทุยนี่เอ๋ย ข้าเคยเลี้ยงดูมาก่อน เก่า
เมื่อ ครั้งยังเยาว์เยาว์ ทั้งทุยและฉัน
ข้าเคยขี่หลัง นั่งไปไหนไป ไม่หวาด หวั่น
จะสุขทุกข์เคยบุก บั่น รู้กันด้วยใจ
เติบ โตมาด้วยกันในไร่ นา เคยหา กินมา 
ข้าเห็นใจ ข้าเห็นใจ 
เจ้า ทุย ยากจะหา ใครเทียมได้
ข้ารักดัง ดวงใจ ไม่รักใคร ข้ารักทุย...
...........
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสาวบ้านนา
Lovings  สาวบ้านนา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสาวบ้านนา
Lovings  สาวบ้านนา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสาวบ้านนา
Lovings  สาวบ้านนา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสาวบ้านนา