21 กันยายน 2547 22:11 น.
สาวบ้านนา
urlhttp://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1554
ความรักเหมือนเห็ดละโง้ก
คืนนี้....
ฝนพรำตลอดเวลา
ให้สาวนานอนดายเดียวเหว่ว้า
ดูม่านฝนในมุ้งขาว
กับ
ละอองไอฝนเย็นๆ
ที่ปล่อยให้พัดพรายผ่านเข้ามา
ให้ได้ความสดชื่น
ได้กลิ่นละอองเกสรดอกไม้ป่า
และดอกไม้ไทยนานาพรรณ
ใกล้ชายคา...
มะลิลามะลิซ้อนโมกอรชร
ดวงดอกมะลิวัลย์จันทร์กระพ้อ
กอราตรีระร่ำรสสดเศร้า
เคล้าคลอให้ยิ่งหนาวใจ
และกับกลิ่นหอมหอม
หวานหวานของดอกจำปีจำปา
มาตามพรายฝนพร่าง..
ในท่ามกลางแสงตะเกียงอันริบหรี่..
สาวนา
ชอบฤดูฝนแม้นจะไร้คนในฝัน
มานอนออดอ้อนให้ไออุ่นละมุนทรวง
มาฟังเสียงหยาดฝนร่วงกระทบรวงข้าว
และชายคาจาก
เปาะๆแปะๆไปด้วยกันก็ตามที
**********
สาวนา..คนซื่อ
จึงจำรำงับ
ดับความคิดถึงคะนึงหาอ้ายด้วยการ
หมุนหาเพลงไทยลุกทุ่งไพเราะๆฟัง
จะเข้าท่าเข้าทีจะดีกว่า
ที่จะนอนฝันดายเดียวเดียวดาย
********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4567
ฝนเดือนหก รุ่งเพชร แหลมสิงห์ : : Key F
โอ๊บ โอ๊บ ย่างเข้าเดือนหก
ฝนก็ตก พรำพรำ
กบมันก็ร้อง งึมงำ ระงมไปทั่ว ท้อง นา
ฝนตกทีไรคิดถึงขวัญใจ ของข้า
แม่ดอกโสน บ้านนา
น้องเคยเรียกข้า พ่อดอกสะเดา
ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตก โปรยโปรย
หัวใจพี่ร้อง โอยโอย คิดถึงแม่ดอก บานเช้า
ฝนตกลงมา คิดถึงขวัญตา น้องเจ้า
ไม่เจอะหน้าน้อง แม้เงา
หรือลืมรักเราเสียแล้วแก้วตา
ถามว่าฝนเอย ทำไมจึงตก
ตอบว่าฝนตกเพราะกบมันร้องเรียกฝนบนฟ้า
ถามว่าพี่เอยทำไมร้องไห้ และหลั่งน้ำตา
ตอบว่าหัวใจ ของข้า คิดถึงแก้วตา จึงร้องไห้
ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตก ปรอยปรอย
พี่ยังมาหลง ยืนคอย น้องจนพี่ปวด หัว ใจ
ฝนตกพรำพรำ พี่ยิ่ง ระกำ หมองไหม้
พี่ต้องตากฝน ทนหนาวใจ
น้องจากพี่ไปเมื่อเดือนหกเอย
ถามว่าฝนเอย ทำไมจึงตก
ตอบว่าฝนตกเพราะกบมันร้องเรียกฝนบนฟ้า
ถามว่าพี่เอยทำไมร้องไห้และหลั่งน้ำตา
ตอบว่าหัวใจ ของข้า คิดถึงแก้วตา จึงร้องไห้
ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตก ปรอยปรอย
พี่ยังมาหลง ยืนคอย น้องจนพี่ปวด หัว ใจ
ฝนตกพรำพรำ พี่ยิ่ง ระกำ หมองไหม้
พี่ต้องตากฝน ทนหนาวใจ
น้องจากพี่ไปเมื่อเดือนหกเอย...
********
ฟังเพลงแล้ว
สาวนาจึงไล้แสงตะเกียงเคียงหัวนอน
ให้โชนขึ้นเพื่อ
อ่านหนังสือ*ธรรม*และ
สวดมนต์ภาวนาแผ่เมตตา
ให้แก่ทุกสรรพสัตว์ในหล้าโลกนี้
ที่ได้ยินข่าวว่า
ยังมีการรบราฆ่าฟันกันอยู่ทุกหัวระแหง
มีแต่ความแรงร้อนไปทั่ว
กลั้วด้วยหยาดน้ำตาของผู้สูญเสีย
และ
หลวงพ่อเพียรเทศน์
ให้รู้เท่าทัน
ให้ระลึกรู้ว่า
ชีวิตคนเรานั้นแสนสั้นนัก
มิพักต้องรีบพากันตาย
ใช้วิธี
แบบโหดเหี้ยมใหดร้ายทารุณ
และ
ยิ่งทำให้โลกละมุนแล้งไร้
สิ้นไร้ความเมตตามากขึ้นๆ
มีแต่กิเลสตัณหาความอยาก
ที่จะช่วงชิงความเป็นใหญ่เป็นโต
จนพาโลกไปสู่สงครามสู่ความขัดแย้งทางการมือง
ที่ทำอย่างไรคิดอย่างไร
สาวนาก็คิดได้คิดดี
คิดตามอย่างที่หลวงพ่อสอนว่า
มนุษย์มนามากมาย
ช่างใช้ชีวิตเปล่าเปลืองเสียเวลาเสียนี่กระไร
น่าที่จะหันมาทำความเข้าใจกัน
หันหน้ามาใช้สติปัญญาแก้ปัญหา
รู้รักสามัคคีรักษาสิ่งแวดล้อมโลกจะเข้าท่าเข้าทีจะดีกว่า
เหมือน
อนาคตท่านผู้หญิงหมายเลขหนึ่ง
ของคนฝรั่งอเมริกา
ที่สาวนาได้ยินจาก
วิเคราะห์ข่าวเช้าวันหนึ่งทางวิทยุว่า
เธอ..ร่ำรวยมหาศาล
หากยังขัดห้องน้ำเอง
และเป็นตัวของตัวเองทุกเรื่องราว
เท้าติดดิน
ที่สำคัญเธอเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลก
มิได้เสวยสุขทิ้งโศกไว้ให้คนจน
คนชั้นกลางนักวิชาการรับมือแก้ปัญหาไปลำพัง
สาวนาจึงหวังแบบลมๆแล้ง
แบบสาวบ้านป่าบ้านนอก
อยากบอกให้ชาวโลกได้รับรู้
ตามประสาชาวบ้านๆว่า
เลิกบ้าวัตถุที่กินไม่ได้เสียที
น่าที่จะหันมาพัฒนา
มาปลูกพืชพันธุ์แบ่งปันกันกินจะดีกว่า
มาถวิลคิดว่าโลกกำลังจะอดตาย
เด็กๆมากมายกำลังจะอดตาย
อย่างเด็กในแอฟริกาและบังคลาเทศ
เนื่องจากภัยพิบัติมากมายมากมี
และ
ไม่นานช้าโลกนี้อาจจะถึงกาลเวลา
น้ำท่วมฟ้าปลากินดาว
และอาจจะราวทะเลทรายเพราะ
สิ้นไร้วงจรดินน้ำลมไฟไม่ปรกติสุข
โรค..ระบาดก็มิพลาดที่จะตามมา
ซึ่งเบื้องหลังนั้น
นักวิชาการ
แพทย์ทั่วโลกต่างพากันแสนโศกใจ
เมื่อตามรับมือกับโรคใหม่ๆแทบไม่ทัน
อย่างที่สาวนาได้ยินได้ฟังจากข่าววิทยุ
และ
จากที่
หลวงพ่อนักพัฒนา
เพียรพยายาม
บอกชาวบ้าน
ถึงโครงการเรียบง่ายหากงดงาม
โครงการ*ป่ารักษ์น้ำ*
และทั้งห้ามและขอร้อง
ให้ช่วยกันเลิกทำลายป่าเสียที
ที่นะบัดนี้จะเหลือเพียงหยิบมือเดียวแล้ว
หากไม่ช่วยกันแลเหลียวและคิดว่าเป็นธุระของตัว
หลวงพ่อบอกว่าเราชาวป่าชาวบ้าน
ยังมีความคิดจิตใจ ดีกว่า
ข้าราชการหรือคนในเมืองบางคน
ที่วนหาแต่เรื่องวัตถุมาสะสมมาเครียด
และคิดแต่จะคอรัปชั่นโกงกินแผ่นดิน
เราถึงจะเป็นชาวนาชาวดิน
แต่ยังมีใจดวงใส
ดวงมิสิ้นคุณธรรม
มิห้ำหั่นราวไร้มโนธรรมเอารัดเอาเปรียบใคร
ไม่ทำลายผืนดินและทรัพยากรชาติ
และจงสร้างภาคภูมิใจก่อนจะตาย ดีกว่า
ว่าไม่เสียชาติเกิด
อย่าเอาแต่ได้ ไร้สำนึก..
จงระลึกรู้
ที่จะแสดงกตัญญุตาต่อผืนดินเถิด
ที่จะประเสริฐกว่า..การฆ่าฟันกัน
ทุกหย่อมหญ้าอย่างไร้เหตุผล
เพราะมัวเมาหลงอัตตา
ความบ้าอำนาจที่จะแย่งชิงสิ่งที่มิใช่ของตัว
สาวนา..
คิดอะไรไกลตัวมากแล้ว
เลยพยายามนั่งสมาธิจะดีกว่า
ขอแค่คิดว่า
เพียงเราทุกคนทำหน้าที่ตัวเองอย่างดีที่สุด
อยู่ในโลกนี้อย่างมาโอบเอื้อแบ่งปันพึ่งพิงพึ่งพา
ก็น่าจะสมถะเพียงพอพอเพียงแล้ว
เหมือนสาวนา
ที่คืนนี้ขอนอนหลับเอาแรงพักผ่อน
ไว้ลุกขึ้นมาทำนาทำไร่
ให้ได้ผลพอเพียงเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงไปยังผู้อื่น
และ
หวังไว้แค่ว่า..
เช้ามาจะไปเก็บเห็ดในป่า
หาเลี้ยงชีพชอบประกอบกิจประกอบกิน
ที่หากยังมีสิ้นผืนดินมิสิ้นแรงสิ้นชีพ
อาจจะได้ประกอบกาย
ได้ปลูกข้าวเลี้ยงชีวิตชาวเมือง
แทนเปล่าเปลืองวัตถุ
ที่ได้แต่ถือแต่หามาไว้
ประเทืองประทับประดับบารมี
หากชีวีหากินได้ไม่..
สาวนาหัวใจสะออน
จึงขอนอนหลับไม่ฝัน
หากจะฝัน
ก็ขอแค่ให้ฝันเห็นแค่เห็ดเห็ดเห็ดและเห็ดเพียงนั้น
เพราะสองวันมานี้อากาศอ้าว
ฝนทิ้งช่วงมาสองสามวัน
เห็ดโคนอันแสนอร่อยราคาแพง
คงจะพากันแทงขึ้นมาจากรังปลวก
เต็มไปหมดแล้ว..
เห็ดโคนที่จะมีจะมาราวเดือน8ถึงเดือน11
และราคาเห็ดก็กิโลละตั้งหลายร้อยบาท
ว่าแล้วสาวนาก็จะพลาดได้อย่างไรกันเล่า
จำต้องพาร่างและหัวใจน้อยๆ
ราวลอยล่องท่องไปในทะลเห็ดเห็ดเห็ด
สีสวยสล้างนะกลางป่าเขียวไพล
พาใจนอนคิดคิดคิดไปจนเข้าสู่นิทรา.อย่างแสนสุข
........................
เช้าแล้ว
น้ำค้างแก้วหยาดสายระริน
แว่วๆ
เสียงไก่เถื่อนขันเทือนไปทั้งป่า
ฟ้าหลัวๆเริ่มรุ่งรางสว่างจ้ารำไรๆ
นกไพรร้องหาคู่
ดุเหว่ายังร้องเพลงหวานแว่วแผ่วเพลงเดิมเดิม
มาเติมต่อให้
หัวใจสาวนาอิ่มเอม
เริ่มบรรเลงงานกิจวัตรประจำวันจนแล้วเสร็จ..
สาวนา..
ค่อยๆพาตัวเองเดินไปตามเส้นทางสายเล็กๆ
ที่ทอดขึ้นไปสู่ภูอันแน่นทึบไปด้วย
ต้นไม้ใหญ่ๆที่ยังสานใบปกคลุมกัน
สาวนารู้ว่าภายใต้ป่าใหญ่ไพรกว้างอันรกเรื้อนั้น
ที่ยังมีเถาวัลย์หญ้ามอสเขียวครึ้ม
จะมีรังปลวกที่อพยพหนีทิ้งไป
ทิ้งรังไว้ให้เห็ดโคนเติบโตใต้ดินลึก
ที่มีใบไม้ทับถมห่มคลุมผืนดิน
ให้มีความชื้นพอเหมาะพอดี
ที่กะเปาะเห็ดจะแตกดอกระดะออกมา
และเพราะเหตุที่ว่า
กว่าจะหาพบต้องใช้ประสบการณ์สูง
อย่างสาวนา
ที่จะรู้ว่านะจุดไหนในดินที่จะมี
เช่นตามพื้นดิน
หรือขอนไม้ผุในหน้าฝน
ซึ่งเห็ดจะปนกันมากมาย
มีสีแตกต่างกัน เช่น สีแดง สีเหลือง สีดำ
และยังมากมายหลายพันธุ์
จนกระทั่งบางทีสาวนา
ก็ขอบคุณฟ้าดินเหมือนกัน
ที่ราวสวรรค์มีตา
พาให้ชาวบ้านป่าบ้านดอยได้ดำรงชีพชอบ
ด้วยการเก็บของป่าที่มากับฤดูกาล
แม้การเก็บเห็ดจะมีให้ปีละครั้ง
แต่ก็แสนคุ้มค่าเพราะราคาดี
แม้นจะมีดินคลุกปน
ต้องทนเอาไปทำความสะอาด
ก่อนจะปรุงอาหารให้มีรสชาติหวานหอม
และ
อาชีพหาของป่าหรือว่ามาเก็บเห็ดนี้
ใช่ฟ้าจะประทานมาให้ใครทำได้
เพราะเห็ดบางชนิดกินแล้วถึงตายได้
ต้องเลือกเก็บหรือกินเฉพาะเห็ดที่รู้จัก
และหากมีสีสดๆมักจะมีพิษ
บางทีต้องอาศัยความสังเกตคอยเฝ้าดู
ว่าแมลงสัตว์กินไหม
ถ้าสัตว์กินได้คนถึงจะกินได้
แต่ต้องมั่นใจเต็มร้อย
ต้องค่อยๆศึกษาดู
เพราะว่าอย่างนกกินได้
แล้วอาจจะไปกินอะไรอีกอย่างมาแก้กัน
ใช่จะกินตามไป
ไม่ดูตาม้าตาเรือ
และ
ต้องจดจำจากคนโบร่ำโบราณ
ที่ผ่านการหาของป่ามายาวนาน
ใช่ว่า..ผลไม้ของป่าทุกอย่างจะเก็บกินสุ่มสี่สุ่มห้าได้หมด
นี่คือเรื่องงามงดงดงามของชีวิตชาวนาชาวป่า
ที่เกิดมาต้องหาเพียรเสาะหาหาอาหารมากินเอง
ใช่จะกระเตงไปสั่งตามร้านได้ซะที่ไหนล่ะ
และ
นี่คือชีวิตคนไพรคนป่า
ที่เกิดมาต้องเพียรยังชีพ
ด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองตามมีตามเกิด
ที่ประเสริฐ
กว่าพวกนั่งโต๊ะในห้องแอร์เย็นๆ
ที่คอยแต่จะคดโกง
เป็นพรสวรรค์พรแสวงแขนงหนึ่ง
ที่ธรรมชาติให้มาแบบไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
และ
ให้มนุษย์ได้สำนึกว่าอย่ามาเบียดเบียน
ทำลายปล่อยให้ทุกอย่างโอบเอื้อ
ซึ่งกันและกัน
และกับวันนี้
สาวนา..แสนดีใจที่
เก็บเห็ดได้เต็มตะกร้า
พาให้หัวใจสาวนาอิ่มเอิบราวเห็ดโคนโดนฝนเลย
ในท่ามกลางสายลมแรง
กับละอองฝนโปรยปราย
ให้อากาศแสนเยียบเย็น
สาวนาค่อยๆเร้นร่างหลบหนาว
เข้าไปภายใต้ร่มไม้ใบบัง
และทำไมนะสาวนา
ถึงละหลั่งรินน้ำตา
เมื่อคิดไปว่า..
อ้ายคนดีคนที่ชอบเห็ด..
ป่านนี้ให้ใครเด็ดดวงใจไปครอบครองเสียแล้ว
ให้ไปทำอาหารเห็ดจานเด็ดจานอร่อย
ปรุงปรนป้อนปาก
จนลืมสาวนาคนยาก ผู้สาว ผู้จงรักภักดี.!!!
*********
ความรักเหมือนเห็ดละโง้ก
ศิริพร อำไพพงษ์ : : Key C
ความรักของผู้ชาย
คิดไปเหมือนเห็ดละโง้ก
ยามฝนตกเห็ดละโง้ก
ก็เริ่มจะบาน
เริ่มจะโตเป็นไข่
ใหญ่มาก็ตูมแล้วบาน
ใช้เวลาไม่นาน
ดอกที่บานก็เริ่มโรยรา
เหมือนรักพี่
แค่เพียงสบตา แล้วก็มา
สัญญาว่าจะรักมั่น
ครั้นผู้หญิงใจอ่อน
ใจอ่อนถอดตัวไม่ทัน
รักไม่เคยข้ามวัน
ใจพี่นั้นก็เริ่มเปลี่ยนแปร
ลำ
ใจชายแน่
หัวใจพลิกแผงมีแดงหรือบ่
ลืมไวกะด้อหน้ออ้ายซางเป็น
ใจน้องเต้นเห็นพี่ทำทรง
เลยตกลงฮักมักชายจริงแท้
เลยมาแพ้ชายแปรเป็นอื่น
วันคืนกะด้อใจก็เปลี่ยนผัน
ใจอ้ายนั่นมันมักลืมไว
ซางมาคือกันหลาย
วางเห็ดในโอ้ง
ฝนตกล่ะยังไม่ทันเท่าใด
ก็กลายเป็นไข่ขึ้นมา
แล้วก็จูมดังว่า
ต่อมาก็บานเป็นใบ
ต่อจากนั้น
เก็บมันก็แกงกินไป
เก็บไม่ทันเมื่อไหร่
ดอกใบร่วงหล่นลงดิน
ลำ
ถือขมิ้นตั๋วกินตั๋วเก่ง
ถือขมิ้นตั๋วกินตั๋วเก่ง
ยามมักกระเด่งเด่งเข้าไม่หาย
บาดห่าได้บ่เห็นไข่เห็นโต
กระลืมไวพะโล้หน่ายโตชายเด้
หวังเอาเท่คือเห็นในไข่
บัดว่าไข่แตกแล้วมีตั้งแต่หนอน
สาวเดือดฮ้อนย้อนได้พี่คือเห็ด
มาลืมไวใจเด็ด
ว่าแม่นเห็ดอยูในโคก
ว่าแม่นเห็ดอยู่ในโคก
ความรักดังเห็ดละโง้ก
ยามฝนตกกะโสกโหลกโสกเลก
บานแล้วเก็บไม่ทัน
เห็ดเหล่านั้น
ก็เนาตายเอดเลด
ความรักดังเห็ดละโง้ก
ยามฝนตกกะโสกโหลกโสกเลก
บานแล้วเก็บไม่ทัน
เห็ดเหล่านั้น
ก็เนาตายเอดเลด
ความรักดังเห็ดละโง้ก
ยามฝนตกกะโสกโหลกโสกเลก
บานแล้วเก็บไม่ทัน
เห็ดเหล่านั้น
ก็เนาตายเอดเลด...
**********
12 กันยายน 2547 08:32 น.
สาวบ้านนา
url http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=219
เดือนต่ำดาวตก
********
ช่อดอกข้าว สาวบ้านนา บัวภักดีพลีบูชา
อุษาฟ้าใกล้สว่างแล้ว
สาวนาได้ยินเสียงไก่แก้วขันเอ๊กอีเอ๊ก เอ๊กอีเอ๊ก ๆ......
นกพากันร้องจุ๊บจิ๊บๆๆๆ
ดุเหว่าดงหลงทางอยู่ไหนละหนอละนี่
ถึงได้ร้องเพลงพ้อเสียงหวานเศร้า
ปลุกราวไพรราวละเมอหาคู่
พร้องแผ่วแว่วผ่านผสานผสมเสียงไผ่กอที่ซัดส่าย
มาตามสายลม..อ่อนๆบางเบาที่พัดผ่านมา
ใจสาวนาราวหยาดน้ำค้าง...ในยามเช้านี้
ค่อยๆคลี่ยิ้มหวาน......
รอรับเบิกบานของดวงดอกไม้และดวงตะวันอันอ่อนอุ่นอบอุ่น
ที่ค่อยๆหมุนละมุนมาเยื้อนแย้มโลกอีกครา และอีกครา
สาวนา..
นอนในมุ้งที่ตลบชายขึ้นไว้
ให้สายลมระรินพัดพากลิ่นหอมหวานจาก*ช่อดอกข้าว*
ที่ตั้งท่าผลิระแง้รวงเรียวรายร้อยห้อยย้อยรอแกระเกี่ยวเก็บ
รับเสียงจากรายรอบทุกสรรพสิ่ง
ที่ยังคงงามเงียบตามปกติสุข
สาวนา..หมุนหาคลื่นวิทยุ
ฟังบทเพลงแสนหวานจากเครื่องทรานซิสเตอร์แสนเก่า
จากนักจัดรายการเสียงแสนหล่อ..
ที่หัวเราะหัวใคร่กับผู้ฟังราวมานั่งคุยตรงหน้า
ยามแฟนๆขอเพลง..
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=219
เดือนต่ำดาวตก ทูล ทองใจ : : Key Bb
เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ
เผลอร้องกลางดึก ดวงจิตระทึก
พี่นึกว่าเป็น เสียงเธอ
ผวา มองจ้องตามเพียงครู่
รู้ตัวว่าเก้อ ต้องกลับมาเพ้อ รำพึง
เงาไผ่หรุบหรู่แหงนดูเดือนต่ำ
น้ำค้างร่วงกราว
ใจยิ่งปวดร้าว ยามไร้เธอเคียง คนึง
ความรักที่เคยชื่นทรวงใจซ่าน
หวานดังน้ำผึ้ง
แปรเปลี่ยนบึ้งตึงเหมือนเดือนเลือนลา
แม้ท้องฟ้าไร้
ทั้งดาวและเดือนก็เหมือนพี่นี้
ไร้คู่ชีวี นอนแนบนิทรา
เหมือนคนไม่มีหัวใจ ได้แต่ผวา
เสียงลมพริ้วมานึกว่าเสียงนาง
เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ
เผลอร้องครั้งใด
พี่แทบคลั่งไคล้คิดถึงทรามวัย มิวาง
ผวากายหมายโลมเนื้อเกลี้ยง
พบเพียงหมอนข้าง
แทนที่แม่นางน้องเจ้าเคยนอน
แม้ท้องฟ้าไร้
ทั้งดาวและเดือนก็เหมือนพี่นี้
ไร้คู่ชีวีนอนแนบนิทรา
เหมือนคนไม่มีหัวใจ ได้แต่ผวา
เสียงลมพริ้วมานึกว่าเสียงนาง
เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ
เผลอร้องครั้งใด
พี่แทบคลั่งไคล้คิดถึงทรามวัย มิวาง
ผวากายหมายโลมเนื้อเกลี้ยง
พบเพียงหมอนข้าง
แทนที่แม่นางน้องเจ้าเคยนอน...
**********
สาวนา..นอนฟังเพลงได้ไม่นาน
พานพาคิดขึ้นได้ว่าวันนี้จะไปวัด
ไปกราบหลวงพ่อ..ขอพร..
สาวนาหัวใจละอ่อน..จึงเตรียมทำกิจวัตรประจำวัน
เตรียมขันเงินงามพายเรือไปอาบน้ำในบึงบัว..
และตั้งใจว่า..
จะเด็ดดอกบัวหลวงสีสวยสลับไปผจงจัดกลีบมัดกำ
ไปใส่แจกันหน้าพระพักตร์พระพุทธ
ผู้แทนความพิสุทธิคุณการุณย์มากเมตตา
*พระประธานในโบสถ์คร่ำ*
สาวนา..
พายเรือไป..ร้องเพลงดังๆไป
หากใครเห็นภาพคงน่ารักนัก
กับฉากหลังคือ...
ภูเขาในเงื้อมเงาสูง
ที่ถูกคลี่คลุมด้วยม่านเมฆสายไหมสายหมอก
หยอกเย้าพราวพร่างราวภาพเมืองในฝัน
กับลำธารสายสวยใสแสนหวาน
ที่ค่อยๆไหลเลาะลัดผ่านละหานห้วยลำประโดง
โค้งคดเคี้ยวเข้ามาถึงริมนาสาวนา
ที่นะบัดนี้
กลายมาเป็นบึงบัวกว้างสุดตา..เคียงฟ้าเคียงดิน
ให้สาวนา ได้ปลูกบัวสายถวิล
บัวหลวงเต็มลำคลองงามน้ำใสแจ๋ว
สาวนา..แว่วคิดถึงเพลง บัวตูมบัวบานทุกครา
ค่าที่บทเพลงนี้ได้กลายเป็นบทเพลงอมตะแล้ว
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1504
บัวตูมบัวบาน ไก่แจ้ โต้ง อนุศักดิ์ : : Key Em
ลงเรือน้อยลอยวน
ในสายชลห้วยละหาน
มีทั้งบัวตูมบัวบาน
ดอกใบไหวก้านงามตา
เมื่อลมพัดมาชื่นใจ
ผึ้งตอมหอมบินดมกลิ่นบัว
ซ่อนตัวรำพันฝันใฝ่
เหมือนดนตรีชะโลมกล่อมใจ
ฟังยิ่งฟังไป รุมเร้าฤทัยลำพอง
ปองจะเด็ดบัวบาน
ครวญคิดนานหวั่นเจ้าของ
ใจหมายดึงโน้มโลมรอง
หากบัวไม่มีเจ้าของ
จะชมทั้งสองปทุม
เอื้อมมือหมายดึงเพียงดอกบาน
ก็เกรงสะท้านถึงก้านดอกตูม
แสนเสียดายเหมือนชายหมดภูมิ
จะเด็ดดอกตูม
ยังนึกเสียดายดอกบาน
เรือเร็วไปหน่อยค่อยค่อยทวน
บัวหอมชวนอกสะท้าน
งามทั้งบัวตูมบัวบาน
เทพไททุกแดนพิมาน
ประทานสมดังตั้งใจ
เอื้อมมือหมายดึงดอกตูมก่อน
ดอกบานก็ค้อนแสนงอนไปใย
จะเด็ดดอกบาน
ดอกตูมก็สั่นแกว่งไกว
จะเด็ดดอกไหน
กันหนอบัวตูมบัวบาน
จะเด็ดทีเดียวเสียทั้งคู่
ครวญคิดดูอยู่ไม่นาน
พอดอกตูมแย้มตระการ
ดอกบานก็คงแห้งโหย
กลีบราร่วงโรยน่าชัง
ต้องลาแล้วหนอบัวช่องาม
บาปเคราะห์และกรรมประดัง
แล้วจ้ำเรือน้อยค่อยเข้าฝั่ง
ไม่ยอมกลับหลัง
หมดหวังทั้งตูมทั้งบาน
จะเด็ดทีเดียวเสียทั้งคู่
ครวญคิดดูอยู่ไม่นาน
พอดอกตูมแย้มตระการ
ดอกบานก็คงแห้งโหย
กลีบราร่วงโรยน่าชัง
ต้องลาแล้วหนอบัวช่องาม
บาปเคราะห์และกรรมประดัง
แล้วจ้ำเรือน้อยค่อยเข้าฝั่ง
ไม่ยอมกลับหลัง
หมดหวังทั้งตูมทั้งบาน...
*********
และ...
พอหันไปเห็นตาลเคียงนาเคียงน้ำเคียงหวานในหัวใจ
สาวนาจะต้องร้องเพลงใหม่เพลง*แม่น้ำตาลก้นแก้ว*
ราวกับคิดถึง อ้ายเสียเต็มประดา
ราวกับอยากตัดพ้อว่า..ว่า
ไปหลงกลิ่นน้ำหอมสาวเมืองกรุงเรืองรุ่งอยู่หรือไร
นะที่ไหนนะหนไหน
ถึงได้ลืมแม่น้ำตาลไพร แม่น้ำตาลก้นแก้วเสียสนิทใจเลยทีเดียวเชียว
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4842
น้ำตาลก้นแก้ว ก้าน แก้วสุพรรณ : : Key Fm
แม่ น้ำตาลก้นแก้ว
เขาชิม เจ้าแล้ว
จึงตกถึงมือพี่
ถ้าหากเป็นแหวนก็เปรียบดังแม้น
เจ้าโดนสวมฟรี
เพชรที่งามหรือจะมี
ค่าสูงยิ่งกว่าดรรชนีของนาง
แม่ น้ำตาลก้นแก้ว
เขาชิม เบื่อแล้ว
จึงถูกเขาทิ้งขว้าง
สูญสิ้นความสาวแล้วเจ้าจึงรู้
ว่าเดินหลงทาง
พี่ไม่โกรธเจ้าหรอกนาง
ยังรักไม่จางรักนางเสมอ
ถึงพี่ เป็นสองรองคนอื่น
พี่ก็ยังยิ้มชื่น
ต้อนรับการกลับของเธอ
ตักพี่ยังว่าง อกพี่ยังอุ่นเสมอ
ตาลจ๋ากลับมาเถิดเธอ
พี่หลงละเมอเพ้อเฝ้าใฝ่ฝัน
แม่ น้ำตาลก้นแก้ว
เขาชิม เจ้าแล้ว
พี่ก็ขอรักมั่น
ถึงจะเหลือเดนเพราะผ่านคนชิม
มานานแสนนาน
พี่ก็ยังต้องการ
รอรับรสหวานน้ำตาลก้นแก้ว
ถึงพี่ เป็นสองรองคนอื่น
พี่ก็ยังยิ้มชื่น
ต้อนรับการกลับของเธอ
ตักพี่ยังว่าง อกพี่ยังอุ่นเสมอ
ตาลจ๋ากลับมาเถิดเธอ
พี่หลงละเมอเพ้อเฝ้าใฝ่ฝัน
แม่ น้ำตาลก้นแก้ว
เขาชิม เจ้าแล้ว
พี่ก็ขอรักมั่น
ถึงจะเหลือเดนเพราะผ่านคนชิม
มานานแสนนาน
พี่ก็ยังต้องการ
รอรับรสหวานน้ำตาลก้นแก้ว...
*******
สาวนาราพายแล้วค่อยๆถอดเสื้อออกช้าๆ
ในสายแสงแรกของดวงตะวันอันอ่อนอุ่น
ทีกำลังพรายพร่าง
ฉายสายแสงรัศมีสีทองอันอ่อนหวานโอบเอื้อ
ที่กำลังโลมไล้ร่างเนียนหนั่นแน่นละมุน
กรุ่นกลิ่นแดดละออธรรมธาติ
ให้งามราวนางไพร นางในฝัน
เธอ..ค่อยๆพาบัวถันอันงามกว่าบัวเถื่อน
ลอยกระเพื่อมคว้าง
เหนือบึงบัวงามหลากสีนานาพรรณ
อันยิ่งกว่าฉากฝันประโลมหล้า
ให้บทเพลงแห่งฟ้าดินได้ประโลมใจประโคมใจ
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=182
นางฟ้าจำแลง สุนทราภรณ์ : : Key F
โฉมเอย โฉมงาม อร่ามแท้ แลตะลึง
ได้เจอ ครั้งหนึ่ง เสน่ห์ซึ้ง ตรึงใจ
ครั้งเดียว ได้ชม สมัครภิรมย์ รักใคร่
พัน ผูกใจ ไม่ร้าง รา
น้ำคำ ลือเลื่อง ไปทั่วทั้งเมือง นานมา
ชมว่าวิไล งามตา ดังเทพธิดา องค์หนึ่ง
มาเห็น เต็มตา พลอยพา รำพึง
ติดตรึง ชวนให้คนึง อาจินต์
เห็นเพียง นิดเดียว ให้ซาบเสียว วิญญา
ได้ชม โฉมหน้า ดังหยาดฟ้า มาดิน
โสภา ท่าทาง ดูช่างสำอางค์ งามสิ้น
คำ ที่ยิน ยังน้อยไป
หรือว่า ชาติก่อน นางได้รับพร ของใคร
คงสร้างผลบุญ ยิ่งใหญ่ จึงได้วิไล งามตา
นางฟ้า องค์ใด แปลงกาย ลงมา
จึงงาม ดังเทพธิดา ลาวัณย์
เห็นเพียง นิดเดียว ให้ซาบเสียว วิญญา
ได้ชม โฉมหน้า ดังหยาดฟ้า มาดิน
โสภา ท่าทาง ดูช่างสำอางค์ งามสิ้น
คำ ที่ยิน ยังน้อยไป
หรือว่า ชาติก่อน นางได้รับพร ของใคร
คงสร้างผลบุญ ยิ่งใหญ่ จึงได้วิไล งามตา
นางฟ้า องค์ใด แปลงกาย ลงมา
จึงงาม ดังเทพธิดา ลาวัณย์..
*********.
สาวนาระริกร่างรับหนาวในสายน้ำ
ให้ซอนไซ้
ให้กายค่อยๆคลายปรับให้อุ่นอาบ...
ทะเลบัวงามฉาบ
ไปด้วยสายแสงสีทองเล้าโลม
ภู่ผึ้งตระโบมคลุกเกสรบัว
ที่ค่อยๆแหวกกลีบคา คลี่ให้หวาน..
สายน้ำระริน..ฉ่ำระร่ำรด
ไปทั้งนวลเนื้อนอกเนื้อใจสาวนา
ที่นะบัดนี้นอนลอยตัวเหว่ว้า
หลับตาประคองร่างประคองใจ
รับรินใสของทั้งสายน้ำและแสงฟ้า..ละมุน
กับกรุ่นกลิ่นหอมพร่างของเกสรบัวที่ยังงามพรายมิรู้เบื่อ..
สาวนา..
รู้แล้วว่า..ความรักใดหนา
จะปานเปรียบเทียบเท่ากับธรรมชาติไพร
ที่รายล้อมหอมห้วงแห่งดวงใจ อย่างไม่มีเก่าไปกับกาลเวลา
ไม่ว่าจะกี่รักร้าวกี่เศร้าหมอง
ที่พ้องผ่านพัดมากับพายุอารมณ์อ้าย
ที่ดีร้ายพรายพลัดพรากจากลาลืมเลือน..ไปไกลลิบโลก..
ก็หาโศกนานไม่
หากหัวใจดวงบริสุทธิ์ใสนี้
ยังมีน้ำมีนาให้ทำ
ยังมีวัดมีโบสถ์คร่ำให้ไปนั่งสมาธิภาวนา
ต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธิ์องค์ใหญ่ที่มากเมตตา
ที่ทอดสายพระเนตรและแย้มโอษฐ์เอื้อราวปรานี
ยามที่จิตนี้ต้องการความสงบงาม..
และไหน
ยังจะมีหลวงพ่อคอยเทศนาสอนสั่งธรรม..
ให้รู้วางรู้ว่างรักษาจิต ให้คิด ทำ พูดแต่สิ่งดีดีมีมงคล
ที่จะรักษาตนให้พ้นภัย
ให้รู้ปลดปล่อยพันธนาการใจ
ปลดโซ่กรรม
แม้กับรักที่คิดว่ายิ่งใหญ่
ก็อย่าหลงไปยึดมั่นถือมั่นว่าจะจีรังยั่งยืน
ไม่ว่าเขาว่าใคร
ในที่สุด...ก็ต้องหยุดก็ต้องอิ่มก็ต้องเบื่อ
เหลือก็เพียงความสงบงามรำงับอยากดับทุกสิ่ง
มิให้เหลือตามติดจิตไปชดใช้วิบากใหม่
ในภายภพหน้า
อย่างมิรู้สิ้นรู้จบทบวน..
เป็นวงกลมวงกรรม..ย้อนกระหน่ำกลับ..
สาวนา..เคยฟังหลวงพ่อเทศนาให้ฟังหลายครั้ง..
ถึงคำว่ามนุษย์เรานั้น
ควรจะข้ามฝั่งมหานทีสีทันดร
ข้ามบ่วงสิงขรแห่งความทุกข์ลวงห่วงหา
ให้ล่วงหลุดพ้น
ดั่งอุบลชาติเหนือน้ำ
ให้จิตนั้นราวอยู่เหนือห้วงมหรรณพ
จบทั้งสุขโศกไปชั่วนิรันดร์
ให้รู้ทันรู้เท่า
อย่าเป็นเช่นบัวใต้น้ำติดตมจมโคลนเกิเลส
เป็นอาหารให้เต่าปลา หาคุ้มกับชีวิตนี้ไม่
ที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา
แปลกดีนะ
สาวนา..ในยามนี้แทนที่จะคิดถึงแต่อ้าย
กลับได้*ธรรมะ*จากหลวงพ่อ
มาแตกต่อยอดความคิด
ให้มีสติรู้ทันรู้เท่ารู้จับรู้ดับรู้หยุด
และพยายามให้จิตจับอยู่กับปัจจุบันขณะ..กับธรรมชาติงาม
สาวนา..จึงมิเดียวดายเหว่ว้านานกับทุกเรื่องราว
และสาวนา..
ค่อยๆพายพาเรือ
กลับกระท่อมปลายนา
ไปสัมผัสกับข้าวกล้าที่กำลังระบัดรวง
ไปหุงข้าวหอมใหม่ๆ
ไปเด็ดสมุนไพรข่าตะไคร้ใบมะกรูด
มาปรุงรสอาหารคาวสดให้รสดี
เป็นพลีพุทธบูชา
เพื่อถนอมรักษาร่างสงฆ์องค์งามให้มีแรง
ได้ใช้ได้ให้ธรรมทานแก่ผองชนคนชนบท
ให้ฝึกมีจิตงามงดให้จิตงามใส
ที่ใครๆพากันเรียกดอกดวงใจนี้ว่า
ดั่ง*ดอกข้าวใหม่*ไฉไลงามระคน
ที่ใครจะมาขโมยขุมทรัพย์
อันไสวพร่างกระจ่างกมลล้ำค่า
ดั่งอัญมณีไพร
นะกลางใจดวงงามไปมิได้เลย
สาวนา..จึง
จะจัดสำรับใส่ตะกร้าสานหวานสวย
ลายละเอียดละเมียดละมุน
จากเส้นสายลายดอกพิกุลงาม
จากการจักตอกลอกจากเรียวไผ่
ฝืมือตัวเอง...
สาวนา จะน้อมประคองดวงดอกไม้
ถวายพระหลายที่..หลายแจกัน
ข้างสวนครัวนั้น
ยังมีสวนดอกไม้พื้นบ้านงามบริสุทธิ์
มีชบา ส้ม ชมพู แดงพราวหลากสีริมรั้ว
พุทธรักษา..สีเหลืองทอง
แทนผ่องผุดใจที่บานไสวในคูเคียง
ดาวเรือง มิโรยราแทนใจดวงเหว่ว้าดายเดียว
ให้เรืองรุ่งระยับ
ดับด้วยดวงดอกไม้แห่งความดี
มะลิฉัตรมะลิลา
มาร้อยมาลัยแทนความศรัทธาความภักดี
สำนึกระลึกรู้พระคุณในชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ไทย
ในแผ่นดินไทยแผ่นดินแม่ที่แผ่ไพศาล
แสนงามสงบสุขแสนยิ่งใหญ่
ที่ให้หยัดยืน
รู้ค่าคนค่าคำ*ความสมถะรู้พอเพียงเพียงพอ*
และ
แทนคำกตัญญูแม่พ่อผู้เสียสละ
แม่ที่ยอมสละหยาดน้ำนมราวหยาดเลือดรัก
ให้จักเติบใหญ่มาเข้าใจธรรมชาติชีวิต
ที่รู้รักษาจิตติดดินมิถวิลเพียงงามนอกหลอกใจหลอกใคร
มิทะยานอยากมากความฟุ้งเฟ้อ
เผลอไปตามกระแสคนเมืองบ้าวัตถุมิรู้จบรู้สิ้น
สาวนา..
ต้องลาแล้ว ขอพาจิตดวงแก้วดวงใสดวงงามไปวัด
ไปตามครรลองน้ำค้าง
ไปตามเส้นทางรวงธรรมรวงทอง
เส้นทางผุดผ่องของรวงเรียว
กับข้าวเขียวกล้า
กับลมพาพัดล่องเลาะลัด
ไปให้แก้มนวลละออใส...ระ*ช่อดอกข้าวหนาวน้ำค้าง*
ที่เกาะตามใบข้าวใบหญ้าใบไม้
ได้ระเหยหายมาสัมผัสร่างละมุน
ให้พบแต่ความหอมกรุ่นงามเงียบสงบ
ทบทวีวันไปตราบนานเท่านาน...
จนกว่าจะถึงวัน....
ที่ต้องทิ้งทอดร่างกับผืนดิน
ฝากถวิลหวังเพียงให้พสุธากลบร่าง
เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติดินน้ำลมไฟ
ไปตราบชั่วกาลนานนิรันดร์
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=234
กระท่อมไพรวัลย์
สมยศ ทัศนพันธ์ : : Key F
แดน นี้มี กระท่อมไพร
สุข กว่า แดน ไหน ในพนาป่านี้ปานว่า
ดังจะเป็น กระท่อม รา ชา
ดี กว่าแดนไหนในหล้า ป่าเขาลำเนา ไพร
ฟัง เสียงพิณกอไผ่สี ดังหนึ่งมโหรี
เป็นดนตรีขับขานมาให้
เวียงวังทอง ก็รองกระท่อม ไพร
มี ป่าเป็นรั้วกว้างใหญ่
แดนไพรนี้เป็นประหนึ่งธานี
มี แต่เราเหงาใจดังว่า
ชวน ฉัน น่า อนาถใจแสนทวี
ยัง ขาดนางเป็นราชินี
ถ้า หาก แม้น มีกระท่อมไพรนี้สุขสมปอง
ทิว เขาปานดังม่าน บัง
หริ่ง ต่าง แตร สังข์
ดังเวียงวังสวรรค์หอห้อง
วังเวงพา ปักษา แว่ว ร้อง
ชะนีกู่ เรียกหาคู่ครอง
ชวนให้ฉันปองกระท่อมไพรวัลย์...
*******