25 ตุลาคม 2545 22:54 น.
สาวบ้านนา
ฉันเขียนเรื่องนี้นาทีนี้ บนบ้านต้นไม้
ในราตรีที่ดาวยังพรายแสงพราวพริบตาล้อเลียน
จันทร์เสี้ยวแขวนฟ้า ขับราตรีให้เหว่ว้า ดูราวเฝ้าแอบดูใครสักคน
ไม่นานดอกหนา ทิวาก็จะหมุนมาพาให้จันทราหยาดหวานลบหมองหม่นในคืนเพ็ญเด่นดวง ราวส้มสุกสีทอง
จำปีหวานเศร้าเคล้าอวลมากับสายลมหอมรำไร
แสงเทียนในตะเกียง วะวิบไหววะวับแวม แกล้มล้อมวลดาราราย
กับดอกไม้ไทยราวไพรกว้างรายรอบบ้าน
ฉันเอนอิงพิงไหล่กับหมอนขวานราวสาวโบราณย้อนยุค
หลับตานิ่งทิ้งใจดื่มด่ำ กับงามง่ายใกล้ตัว
เอื้อมมือเด็ดจำปี มาแซมผม ดอมดมพรมจูบละเมียดละไม
หวานไปถึงใจดวงละมุนละม่อม
ฝากดาวพราย ฝากสายลม พร่างพรมจูบให้ไออุ่นกับคนดีที่แสนรักทุกคน
ในด้วยดวงใจ ไม่ว่าไกลใกล้
ด้วยจิตวิญญาณแห่งความโอบเอื้อไออุ่นให้โลกนี้หมุนไปด้วยอ้อมกอดแห่งรักนี้ที่มิมีวันรู้จบ
25 ตุลาคม 2545 16:02 น.
สาวบ้านนา
ทะเลเมฆเสกรวงดาวละลิบลิ่ว
ราวโปรยปลิวพริ้วสายไหมทอไยฝัน
วิมานใดไหนเล่างามเทียมทัน
ลุ่มหลงฝันวันแสนดีราตรีไพร...
เดือนหยาดหวานปานโปรยโรยน้ำผึ้ง
ใจดวงซึ้งซ่านสุขซุกหวามไหว
กุหลาบงามยามนี้คลี่กลีบหอมยวนใจ
ดอกไม้ไทยไหวกิ่งก้านหวานรับลม...
ลั่นทมระทมช่อล้อลมไหว
หอมเศร้าใจยิ่งไหวหวั่นวันขื่นขม
ลำธารหอมหลอมระรินกลิ่นลั่นทม
หมอกพร่างพรมห่มร่างร้าวช่างหนาวใจ....
ฝันฝากร่างอ้างว้างกลางไพรพฤกษ์
ดาวยามดึกพริบพราวว่าอย่าร้าวไหว
อีกไม่นานดอกไม้หวานบานรับใจ
ไม่ห่างไกลทิ้งใจร่างกลางผืนไพรดาวพร่างพรม
25 ตุลาคม 2545 13:14 น.
สาวบ้านนา
ทุ่งรวงทองระบัดใบไกวรวงฝัน
พรายพระจันทร์ต้องรวงข้าวพราวพลิ้วไหว
ลมหอมงามยามราตรีพัดผ่านไป
ระริกไหวทะเลข้าวราวทองทา...
หุบเขาเขียวเรียวหม่นฝนสั่งฟ้า
วสันต์ลาพาดวงใจใครห่วงหา
ดูเดือนเสี้ยวเกี่ยวใจใครจากลา.
เสี้ยวค้างฟ้าคือเสี้ยวจันทร์ฝันฝากไพร...
เพียงเสี้ยวใจไหวครองเศร้าร้าวหม่นหมอง
คนเคยปองครองคู่อยู่หนไหน
นกขมิ้นไม่คืนคอนร่อนเร่ไป
สะเทือนใจไม่กลับมาในราตรี....
อรุณแรกแทรกลมหนาวแผ่วผ่านผิว
ใจปลิดปลิวขวัญเคว้งคว้างร้างแรมหนี
แก้วร่วงกราวพราวพื้นพ้อคนดี
คิมหันต์นี้ชีวีช้ำย้ำ...หนาวเดียว...
เส้นทางสายใหม่สายไหมสายสีทองของนาข้าวลบรานร้าวใจยามเดินทางไกลไปจากเมืองหลวง..เมืองลวง..
ดูเดือนเสี้ยวแล้วเกี่ยวใจให้คิดถึงน้องเสี้ยว..ที่เคยเป็นหนึ่งในใจในไทยโพเอมนะคะ ฝากใจไปกับดาวเดือนนะว่าคิดถึงและคิดถึง..
25 ตุลาคม 2545 10:35 น.
สาวบ้านนา
ทุ่งรวงทองราวทะเลที่เหว่ว้า
น้ำเหนือมาท่วมนาน้ำตาไหล
ทะเลทองของชาวนาเลี้ยงชาวไทย
แสนเสียใจในวันนี้ที่ฝนครวญ..
ธรรมชาติพิโรธโกรธกริ้วลิ่วลมฝน
ลงทัณฑ์จนสาสมตรมไห้หวน
ชาวนาเอ๋ยเคยอยู่มาแต่พอควร
กระดูกล้วนสันหลังฝังเหงื่อไคล..
กี่ปีกี่ชาติสิ้นทุกข์ยากได้เงยหน้า
หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินสิ้นร้าวไหว
ทั้งหนี้สินมากมายกู้เขาไป
ทำอย่างไรในวันนี้ไม่มีนา......
นั่งดูนาก้มหน้าซุกซบเข่า
มันเงียบเหงาเฉาใจไยเหนื่อยล้า
น้ำตานองสองแก้มแกล้มกับนา..แต้มท้องนา
พร่ำบอกเทวดาและฟ้าฝน..ไม่จนใจ...
จะสู้แล้วสู้เล่าเฝ้าแผ้วถาง
ยึดแนวทางองค์ในหลวงไม่หวั่นไหว
ยึดหลักธรรมคำสอนลุกสู้ใหม่
สู้ต่อไป..เลี้ยงไทยทั้งชาติ ให้ปราศจากความอดตาย...
8 ตุลาคม 2545 01:25 น.
สาวบ้านนา
นั่งโดดเดี่ยวเปลี่ยวใจริมทะเลกว้าง
โลกอ้างว้างร้างไร้ใจสลาย
ขอบฟ้าไกลน้ำจรดฟ้ายิ่งเดียวดาย
ใจสลายคล้ายเศษแก้วแล้วนะใจ...
ก้มลงกอบหัวใจหวังคืนกลับ
เศษแก้วยับกับธุลีที่ร้าวไหว
หยาดน้ำตาราวหยาดฝนตกต้องใจ
หยาดเลือดไหลไหวสะเทือนเตือนเจ็บจำ..
ใจดวงงามนิ่งงันกับฝันร้าย
โลกสลายหายวับรับรอยช้ำ
ใจดวงหวานรานร้าวทุกข์ระกำ
จนบอบช้ำย้ำรอยแผลแพ้ทั้งใจ...
ทรุดกายลงแหงนวอนฟ้าท้าลมฝน
พระเบื้องบนทอดทิ้งลูกฤาไฉน
ร่างทั้งร่างทั้งเลือดเนื้อและหัวใจ
ท่านใช่ไหมรู้ดีที่เป็นมา..
ก้มลงกราบกินดินทรายขอหมายมาด
กี่ภพชาติให้ลูกพ้นพิพากษา
จากคำคนผู้ไม่รู้ไม่เห็นในวิญญาญ์
ลูกเหว่ว้าหาทางธรรมน้อมนำใจ..
สวดขอพรกี่พันครั้งหาทางออก
ลบช้ำชอกสร้างพลังเริ่มหวังใหม่
ลืมเงาเศร้าลบรอยร้าว เคี่ยว..เนื้อใจ..
หวังหว่านไถเพาะพืชพันธุ์สร้างฝันดีมอบโลกงาม