20 มีนาคม 2547 22:22 น.
สาวบ้านนา
อาทิตย์ดวงเศร้าลาลับฟ้า
ทิ้งสาวนากับทรานซิสเตอร์ธาณินท์ฟังเพลงฝัน
*แค่คนที่รักเธอ ใช่เธอรัก*ร้อยผูกพัน
มองฟ้าฝันรอฝนเศร้ารานร้าวนัก..
คิดถึงคืนตำข้าวเม่าเคล้าจันทร์ฉาย
หอมนวลพรายข้าวใหม่ใจแรกรัก
แสงตะเกียงริบหรี่ไหวอุ่นไอรัก
ดวงดอกภักดิ์ผลิช่อละออใจ..
รอฝนแก้วพร่างพรายสายวสันต์
รอฝนฝันพร่างพรมหยาดหวานใส
รออ้ายกลับคืนหลังกระท่อมไพร
ราวรวงใจคลี่กลีบรอพ้อฝนพรำ..
จำได้ไหมเกาะ*หางควาย*ว่ายข้ามคลอง
น้ำเจิ่งนองหลากนายามฟ้าฉ่ำ
ว่ายเที่ยวท่องล่องไล่รักรินร่ำ
ยามฝนพรำนาน้อยรัดร้อยใจ..
ตะแบกม่วงร่วงรอพ้อแล้วก็พ้อเล่า
จานบานเศร้าประจานโศกโลกหวามไหว
กอราตรีริมชานเรือนหวานจับใจ
ลั่นทมไหวไกวกิ่งฝันวันระทม..
รวงคลี่เรียวรอเคียวใจเกี่ยวใจฝัน
ทุ่งสวรรค์สีทองไร้หอมห่ม
อ้ายพรากไกลใจสาวนาทุกข์ระทม
ดอกโศกตรม พรมพรายพร่าง ร้างแรมลา..
คูนดอกพราวราวสายฝนสีทองผ่องผุดนัก
ไยดอกรักบานเศร้าเฝ้าห่วงหา
อ้ายหลงกรุงกรงเมืองมายา
ปล่อยให้นาผืนน้อยคอยนับวัน..
ฝนลาฟ้า นาก็แล้งระแหงหน
รวงรอฝนสาวรออ้ายใจหวั่นหวั่น
นับวันคอยน้อยใจรักทุกคืนวัน
กระท่อมฝันซอมซ่อรอสายใจ..
รอซุกซบฟังเพลงหวานดุเหว่าแว่ว
อุษาแก้วน้ำค้างเพชรพรายพร่างใส
รออกอุ่นอ้ายโลมเล้าเลิกหนาวใจ
หลอมร่างใจเป็นหนึ่งเดียวเกี่ยวรวงรักเป็นนิรันดร์!
*******
สาวนานวลเนื้อ..เนียนแดด
เฝ้ารอฝนฝันสวรรค์หวาน
ท่ามกลางลมร้อนพัดโบก
พัดโศกให้โลกแห่งทุ่งทองปองฝันสะเทือน!
สาวนายืนเดียวดายใต้ตาลเดี่ยว
เหลียวเห็นควายเบิ่ง..น้ำเจิ่งนา
น้ำตาคลอรอท่าอ้าย..ด้วยร่างรักด้วยภักดิ์พลี
อ้ายคนดี..สัญญาจะกลับมากับกำไลทองรับขวัญ
หมั้นรัดร้อยรักกับผ้าถุงดอก
หลอกสาวนามาเกือบปีแล้ว
ฟังแต่เสียงดุเหว่าแว่วยามฟ้าสาง
ไร้ร้างรัก ให้พะวักพะวนทั้งนาเนื้อนาใจเฝ้าไหวครวญ..
อ้ายเอ๋ย..ไยพรากเฉย..ลาล่วงมิห่วงรวงรักร้อยที่เฝ้าคอยหา
นาเอ๋ยนา..หากอ้ายไม่กลับมา..จะทำฉันท์ใดเล่า
ใจเอ๋ยใจ..พิสุทธิ์ใส
สาวไพรสาวนาไยเหว่ว้าเป็นยิ่งนัก
ราวรวงรัก..ร่วงหล่น..รอฝนพรำ..
**********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4721
ข้าวคอยเคียว..ผ่องศรี วรนุช : : Key Cm
ได้ยินไหมพี่ เสียงนี้ คือสาวบ้านนา
พร่ำเพรียกเรียกหา ตั้งตานับเวลารอคอย
คอยเช้า คอยเย็น ไม่เห็นสักหน่อย
ปีเคลื่อนเดือนคล้อย
รักเอ๋ยจะลอยรักเอ๋ยจะลอยแรมไกล
อีกเมื่อไรรักจะคืนรื่นรมย์
ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม
หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว
รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว
รวงข้าวคอยเคียว
น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา
กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย
ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม
หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว
รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว
รวงข้าวคอยเคียว
น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา
กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย...
14 มีนาคม 2547 17:21 น.
สาวบ้านนา
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4888
(ฟังเพลง*น้อยใจรัก*นะคะจากURL
จะซึ้งซ่านหวานเศร้าระทมทับแทบดับดวงใจตามค่ะ)
และ
สาวนา..รักภาพฝันด้านบนอย่างสุดหัวใจ
ทำให้ไหวระลึกงามถึง..
วันที่ท้องทุ่งยังงามด้วยสายวสันต์พร่างพรม
เลยมาฝากตรอมตรมดวงใจ
บันดาลใจจนต้องรจนารักตามภาพฝันบันดาลใจ
และกับบทที่เกี่ยวกับรวงเรียวรัก..ที่ราโรยร้างนา
อีกครานะคะ
อ่านเอาอ่วม..เอาอิ่ม
เอายิ้มเอาย้วย ..ตามสะดวกค่ะ
************
แลละลิบทิวทิพย์ทุ่งรุ่งรวงฝัน
ราวสวรรค์ลอยลงมาเยือนหล้าโลก
ฟ้าแสนงามยามตะวันรอนซ่อนแสงโศก
ฉากของโลกสีไพลเปิดพลันราวฝันไป
คือทุ่งทองปองขวัญสวรรค์หวาน
คืองามกาลงามเรียวงามเขียวใส
คืองามคำฝันซึ้งคะนึงใจ
คืองามใจจนร้องไห้ยามได้ยล..
อ้อมกอดเมฆกอดรวงไว้มิไร้รัก
รวงฝนภักดิ์รอพร่างสายให้หอมฝน
วสันต์ลานานหนาวร้าวกมล
ใบไม้หล่นเกลื่อนพร่างกลางกลีบใจ..
รอวสันต์ฝันฝนลอยละลิ่ว
หยาดพรายพลิ้วพร่างพรมห่มรวงใส
สายวสันต์วันชื่นคืนสู่ไพร
ให้ดวงใจยิ้มตามยามแย้มรวง
กี่ร้อนเร่าเคล้าคลุกให้ทุกข์ร้อน
กี่หนาวอ้อนวอนพ้อรอห่วงหวง
กี่ฝนหนาวกี่ฝันเศร้าดายเดียวล่วง
กี่ดาวดวงพรากฟ้ารอปรานี
คือสวรรค์หวานบ้านนารอท่าอ้าย
คือมนต์ร่ายชายทุ่งรุ้งหลากสี
คือพิสุทธิใสใจสาวนาผู้ภักดิ์พลี
คือความดีคือความงามดั่งนิยามรัก..น้ำค้างไพร!น้ำค้างใจ!
**********
อ้อนฝนอ้อนฝัน . สาวบ้านนา
ฝนหายไปใจฝันก็พลันหมอง
ละอออองพรายน้ำตารอท่าฝน
แก้วร่วงกราวพราวพื้นคลอลั่นทม
เด็ดดอมดมชมจำปีที่พ้อใจ..
ใบไม้ปลิวลิ่วลอยเหมือนรอยฝัน
หวานคืนวันดูดดื่มลืมหวามไหว
ในวันนี้สิ้นฝนสิ้นฝันสิ้นไร้ใจ
ธรรมชาติใดก็พลอยเศร้าคราวไร้รัก..
คนของใจดูห่างไกลในโพ้นฟ้า
สะดุ้งหาอ้อมแขนใจแน่นหนัก
อ้อมกอดใครอุ่นเท่าเล่ายอดรัก
โพยภัยจักมลายหายวับไปใจมีเธอ..
กระท่อมไพรจำได้ไหมในคืนหนึ่ง
สายฝนซึ้งแสงตะเกียงริบหรี่ไหว
พระจันทร์หวานผ่านดวงมาลย์ใจหลอมใจ
ทั้งราวไพรอวยพรฝันวันวิวาห์เพื่อสองเรา..
***********
ฤดูกาลฤดีระกำกับลมฝน
กลางกมลเก็บช้ำร่ำร้าวไหว
แก้วร่วงกราวพราวพื้นพร่างพ้อใจ
แก้วกลางใจมากระจายหายลับลา
เกาะเกี่ยวฝันวันคืนยามฟ้าใส
กรีดเกี่ยวใจไหวหวั่นให้ฝันหา
เกิดสายใยในรักถักทอดวงชีวา
เกิดเสน่หาแกว่งใจใครคร่ำครวญ
รอมาเยือนอีกคราวสันต์เศร้า
กลางใจร้าวกราวสายฝนก่นไห้หวน
ใจระกำย้ำบอกดอกเรรวน
ลมอย่าหวนทวนฤดีที่หลายใจ
ฤดูกาลดอกไม้หวานผ่านนานแล้ว
เหลือเพียงแนวรอยแผลใจไกลหวั่นไหว
ฤดูกาลผ่านมาก็ผ่านไป
เก็บหัวใจไกลรอยกรรมอย่าซ้ำรอย...
**********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=919
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=223
ไพล..ยืนนิ่ง........
ใต้ลั่นทมขาวพราวดอกพร่าง จนมองแทบไม่เห็นใบ
มองไปไกล เห็นทิวเขาสลับสล้าง โอบกอดผืนนาชอุ่มเขียวตอง
ที่ยอดรวงเรียวกำลังถูกหยอกล้อพะนอด้วยพระพายพรายฝัน
พลิ้วพรมพร่าง พัดวูบไหว ระบัดรวงเรียวพร้อมพรึบ
คล้ายระลอกคลื่น..กลืนหายไปในฝั่งฝัน..
ฟ้าเป็นสีหวาน ซ่านด้วยลออละอองสีส้มอ่อน
ชมพู ม่วง คราม น้ำเงินอมเทาจางๆ
สลับสล้างดั่งเลื่อมสลับลาย...
ทอ...ทอดลอดโลมไล้ให้เรียวเมฆ เปล่งประกายงามราวรุ้งเฉิดฉันท์
ไพล..ติดปีกหัวใจลอยละลิ่วปลิวคว้าง
ให้ร่างขึ้นไปนั่งไกวชิงช้าเมฆ..
ร่ายมนต์เสกรวงดาวมากอบกำเต็มอุ้งมือ..แล้วหว่านโปรย...
คิดถึงบทกลอนที่เคยแต่งไว้ยามนอนดายเดียว..ชื่อชิงช้าเมฆ
บนผืนทรายริมชายหาดกว้างที่ไร้ร้างผู้คน..ลำพัง...
ไพลดึงร่างและหัวใจ...กลับมา..
ก้มลง..เก็บลั่นทมที่ร่วงหล่นบนผืนหญ้า..มาดอมดม
ทัดหู เคลียผมเคลียแก้ม ให้หอมระทม
อวลไปในสายลมเย็นร่ำ..แทรกฉ่ำชื่น ชื่นใจ..
จูบกลางกลีบแผ่วแผ่ว
แว่วเสียงกระซิบอ้อนริมหูนานมา..
...
จูบแก้มสาวเคล้าลั่นทมนี่หวานดีพิลึก
อยากจูบหวานนานเนิ่นไปอย่างนี้ทุกราตรี นะคนดีที่แสนรักเอย
โอ้ละหนอ..ความทรงจำ..อันหอมหวานซ่านซึ้ง..
ที่ช่างฝากฝังฝากฝันในคะนึง ให้ระกำ
ให้หวานล้ำ ให้โหยหามายาวนานจนป่านนี้..มิมีเลือนลบ..จากใจ..
แนบหน้านวลริมหน้าต่าง..
ฟังเพลงหวานแว่วคลอใจ หวังลอยละล่องไปกับสายลม
ประโลมภูผา ทุ่งนา ป่าเขาลำเนาไพร
ลำธารใสหวานระริน..ที่กำลังออดอ้อนซอนเซาะริมฝั่งชล
......
สี่ในสี่ห้องหัวใจฉันให้คุณหมด
หมดไม่มีเหลืออยู่...
คุณไม่รักและไม่เอ็นดู
พอหัวใจคุณเปิดประตูไม่มีฉันอยู่ในนั้นเลย
เก็บความหม่นทนระทม
ทุกข์ตรมความโศกโลกสร้างมาเหลือเอ่ย
ฉันทุ่มใจรักเขาหมดเลย
พิโธเอ๋ยเหมือนโดนหนามยอก
หัวใจของคุณคงแบ่งปันสักพันสักหมื่น
แต่ใจฉันนั้นมันขมขื่น
เพราะคุณยื่นความช้ำความชอก
ไม่รักฉันอยู่ตั้งนานแล้วไยไม่บอก
ฉันรักคุณแล้วพูดไม่ออก
ให้คุณบอกไม่รักสักคำ...
ไม่รักฉันอยู่ตั้งนานแล้วไยไม่บอก
ฉันรักคุณแล้วพูดไม่ออก
ให้คุณบอกไม่รักสักคำ...
โน่น..ตะแบกบานแล้วร่วงสีม่วงที่พี่ชม..
หรีดหริ่งระงม..พี่เอยน้องระทมรอมา
กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย...
......
และ นั่นต้นตาลเดี่ยว เดียวดาย
คล้ายรอสาวนากลับมาฟังเพลงขลุ่ยพลิ้วปลิวแผ่วหวานแว่วจาก
หนุ่มคนซื่อ ริมลอมฟางกลางนวลดาว
กับผิวพราวน้ำผึ้งรวง ละออแดด
ท่ามกลางโลมไล้ใต้เงาจันทร์
กับกลิ่นร่ำราตรีกอริมชานเรือน
กับโมกพิร่ำพิไรริมบ่อน้ำ
ยามสาวนุ่งผ้ากระโจมอกค่อยค่อยยกขันขึ้นอาบน้ำกลางวามดาว
กับเงาไม้ร่ายระริกรับ
กับหอมพรายพร่างของลำดวนดงกลางพงไพร..
ไหนจะดอกกระถิน ดอกผักบุ้งริมบึง
ให้คะนึงถึงมนต์เพลงรักลูกทุ่ง
ลอยละล่องมาตามโค้งคุ้งคลอง สองฟากฝั่ง..
แล้ว..
ในคลองใจในมโนก็พลันมีบึงบัวตรงหน้า
มีขวัญกับเรียมไล่เลี้ยวเที่ยวท่องกอดตระกอง
ใต้บัวช่อหลากสี ที่หอมเกสรพราย
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=223
ขวัญเรียม
เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ ของเรียม
หวนคิดผิดแล้วขมขื่น ฝืน ใจเจียม
เคยโลมเรียม เลียบฝั่ง มาแต่หลัง ยังจำ
คำ ที่ขวัญเคยพรอดเคยพร่ำ
ถ้วนทุกคำยังเรียกยังร่ำเร่าร้องก้องอยู่
แว่ว แว่ว แจ้ว หู ว่าขวัญชู้ เจ้ายังคอย
เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ คงหงอย
หวนคิดคิดแล้วยิ่งเศร้า เหงา ใจคอย
อกเรียมพลอย นึกหน่าย คิดถึงสาย น้ำนอง
คลอง ที่เรียมเคยเที่ยวเคยท่อง
เมื่อเราสองต่างว่ายต่างว่องล่องไล่ไม่เว้น
เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่น กับเรียม
เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ คงหงอย
หวนคิดคิดแล้วยิ่งเศร้า เหงา ใจคอย
อกเรียมพลอย นึกหน่าย คิดถึงสาย น้ำนอง
คลอง ที่เรียมเคยเที่ยวเคยท่อง
เมื่อเราสองต่างว่ายต่างว่องล่องไล่ไม่เว้น
เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่น กับเรียม...
**********
อ้าว..แต่ทำไม..
หัวใจกลับเห็นภาพต่อไป
ครานี้..
แปร เป็นขวัญขี่วัว..กลางรอยไถ กลางทุ่งโคลน
ขวัญกำลังใช้มือตระโบมลูบไปที่ใต้คอนิ่มละมุน
ที่ละไมกลิ่นหวานหอมของกลิ่นโคลนสาบวัว
ผสมปนเปไปกับกลิ่นนมสดสะพรั่งละหลั่งริน
ที่พาให้ถวิลถึงความงามดิบงามดิน งามเดิมเดิมที่เคยเคยคุ้นคุ้น..
เห็นต้นไม้..กลางนา..
เป็นต้นไม้ธรรมดาที่สวยเศร้า จนยากบรรยาย..
ใบสีน้ำตาลระริกรับลม พร่างแสงเล่นสีวะวาววับ
ราวสลัดประกายทองวูบไหวกับแดดโลมไล้ พร่างพราย
ต้นไม้...งาม สีน้ำตาลทอง สวยแผก
รอลมหนาวแรกพัดพลิ้วปลิดปลิวใบคว้างกลางวสันต์ลีลา
น้ำตาซึม..หยุดซึ้งซึมซับกับต้นไม้โศก
กับโลกสีน้ำตาล ตรงหน้ากับภาพเหว่ว้ายามใบไม้ร่วง
ลอยคว้าง ตกต้องแตะแต้มตรงกลางดวงใจ
ให้หวั่นไหวทิ่มแทง อย่างดายเดียวกลางผืนไพร ไร้ผู้ใดรู้เห็น..
รอฤดูกาลผ่านฤดีระกำ..
รับหวานหวังใหม่ให้ดอกไม้ในดวงใจในไพรพง .
หมุนวนกลับมาเหมือนดั่งดวงสุริยาชักรถกลับมาฉายแสงแห่งอรุณรุ่งใหม่
ทำหน้าที่เอื้อฝัน ปันน้ำใจให้โลกละมุนสว่างไสว
ส่องนำทางใจ พึ่งพาพึงพิงกันและกันตามวิถี..
ความเอ๋ย..ความสุข
ความเอ๋ย..ความรัก
เหมือนดอกไม้
เหมือนสายลม
เหมือนมนต์ใบไม้
คล้ายธรรมชาติ
กำลังสอนสั่ง ทุกสรรพสิ่ง ให้หยุดนิ่งให้รำงับ
ให้รู้ดับเยื่อใยเสน่หา ที่จักพาทุกข์ตรม
มีพบ มีพราก มีจากลา
ขอเพียงหัวใจเรียนรู้ค่าธรรมะธรรมชาติธรรมดาๆนี้
ที่โลกและเธอหยิบยื่นให้
ให้ยอมรับวงจรชีวีนี้ ที่ไม่มีผู้ใดเลยจะหลีกลี้หนีพ้น
นอกจากเพียรเพาะบ่มห่ม
ด้วยจากการฝึกสมาธิมีปัญญาพาให้พ้นบ่วงกรรม..
ที่ตามวนมาให้เราชดใช้คล้าย
รอยกรรมรอยเกวียนเวียนๆวนๆไม่รู้จบรู้สิ้นในถวิลสวาท
เหมือนโลกได้หยิบยื่นพลังรัก มิรู้จบมิรู้สิ้น จนกว่าผืนดินจะกลบหน้า
และ..ตราบจนกว่า..เราจะไปถึงซึ่งฝั่งฝัน อันว่างมิรู้จบ..
สงบสะอาดสว่างพร่างพรายในหัวใจให้อิ่มเต็มอิ่มใจไปชั่วนิจนิรันดร..........
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=919
ชมทุ่ง
เห่เฮ้ห่าฮากรู้
เห่เฮ้ห่าฮาเสร็จจากงานนา
แล้วเมื่อเวลาเย็น เย็น
เป่าขลุ่ยและพาเจ้าทุยเดินเล่น
ลมพัดเย็น ๆ มาเดินเล่นไปตามคันนา
แสน-สุขใจนั่งบนหลังควาย
ควายก็และเล็มหญ้า
นั่นกบร้องอ๊บ อ๊บ อยู่กลางนา
เสียงเขียดร้องจ้า เมื่อฝน-พรำ
ดนตรี
นกน้อยบินจรนกเขา
คืนดอน ก็เมื่อตอนจะค่ำ
ลมทุ่ง พัดโชยชื่นฉ่ำ
สาว สาว อาบน้ำ อยู่ที่ลำประโดง
ดนตรี
นกกระยาง ย่างเดินเหลียวมอง
จ้องหาปลาตัวโก่ง
นั่นปูนับร้อย นั่นตัวหอยโข่ง
ฝั่งลำประโดง สาวยังคงลอยคอ
ดนตรี
เขียวเหลืองเรืองรอง
ข้าวรวงสีทอง มองไสว ชูช่อ
นั่นคันไถ เอ๊ะนั่นใครยกยอ
เสียงกอไผ่สีซอ ฟังเป็นเพลงตะลุง
ดนตรี
มั่นหมาย ใจปอง ถ้าได้นวลเนื้อทอง
มาขี่หลังควาย ชมทุ่ง
คงสุขคงสันต์ ทั้งวัน ยันรุ่ง
เต้นจังหวะตะลุง บนหลังควายในตอนเย็น
เห่เฮ้ห่าฮาเสร็จจากงานนา
แล้วเมื่อเวลาเย็น เย็น
เป่าขลุ่ยและพาเจ้าทุยเดินเล่น
ลมพัดเย็น เย็น มาเดินเล่นไปตามคันนา
เขียวเหลืองเรืองรอง
ข้าวรวงสีทอง มองไสว ชูช่อ
นั่นคันไถ เอ๊ะนั่นใครยกยอ
เสียงกอไผ่สีซอ ฟังเป็นเพลงตะลุง
มั่นหมาย ใจปอง ถ้าได้นวลเนื้อทอง
มาขี่หลังควาย ชมทุ่ง
คงสุขคงสันต์ ทั้งวัน ยันรุ่ง
เต้นจังหวะตะลุง บนหลังควายในตอนเย็น
เห่เฮ้ห่าฮาเสร็จจากงานนา
แล้วเมื่อเวลาเย็น เย็น
เป่าขลุ่ยและพาเจ้าทุยเดินเล่น
ลมพัดเย็น เย็น มาเดินเล่นไปตามคันนา...
2 มีนาคม 2547 22:48 น.
สาวบ้านนา
หนุ่มนาข้าว..ลำน้ำน่าน
เพียงสดับคำร่ายคล้ายปลุกชีพ
เห็นใบตาลจีบลับกับขอบฟ้า
เมื่อหวันขึ้นฉายแสงแรงขึ้นมา
ให้หนุ่มนาปักต์ใต้ไต่ขึ้นตาล
น้ำตาลหวานปานหนึ่งน้ำผึ้งรวง
เมื่อพี่หลวงแบกบอก..คล้ายรอกผ่าน
ให้ประหวัดถึงกระดึงซึ่งแนบนาน
อยู่ท้ายบ้านนอกท่อง..มองเห็นลิบ
ตาลเดียวดายยืนเดี่ยว..เกี่ยวลมว่าว
เห้อ..น้องสาวมารับน้ำตาบจิบ
หวานตาลโหนดโจทย์นาน..หวานระยิบ
ก่อนเคี่ยมดิบบ่มใส่..ได้ตาลเมา
เสียงไก่เถือนขันเทือนทั้งหมู่บ้าน
ยางทะยานบินร่อนค้อนเหลี่ยมเขา
หวันจะตกเดือนจะขึ้น...ส่องถึงเรา
หนังโนราห์ตลุงเงา..จะบรรเลง
ช่วงเดือนเส หอมซัง--ครั้งนาข้าว
ทั้งลูกม่าวเด็กแย่งแข่งข่มเหง
ต้นยางเหลืองผลัดใบ...ให้วังเวง
พี่หลวงเห้อ...หนาวร้าวเล็งอยู่เมืองลวง
จิตวิญญาณเกลื่อนกระจาย..ในสายลม
เลือดเข้มขม..ปนน้ำครำ..ซ้ำเมืองหลวง
หนุ่มปักต์ใต้ฝากหัวใจไปตามดวง
รอลมว่าวพัดตกร่วง...ตรงดินเดิม
***********
สาวบ้านนาสาวบ้านทุ่ง..
เป็นสาวนาหลงหนังลุงนุ่งปาเต๊ะดอก
ชอบเพลงบอกเพลงโนราห์แม่ค่ะเหอ
ชอบพี่หลวงควงไปแลหลงละเมอ
หลอกให้เหรอเพ้อทุกวันมั้นน้อยใจ..
คงไม่หรอยเหมือนสาวกรุงนุ่งสั้นสั้น
คงไม่มันส์ผิวไม่ขาวดำไม่ไหว
แหลงไม่เพราะอ้อนไม่เป็นแหลงตรงใจ
แล้วมั้นไซไม่ได้แรงกับแหลงลวง
น้ำตาลปากบอกหลอกให้จิบใสพิษรัก
มั้นหวานนักไม่นานก็หายหวง
พี่หลวงเหอเจอสาวกรุงยุ่งลืมรวง
มัวแตหวงแต่หันหวันลาลับ
ลืมลูกม่าวแกงเคยเคยว่าหอม
ไปถุกหลอมสาวหมวยสวยระยับ
ลืมน้ำชุบพุงปลาในสำรับ
ลืมหนำนานอนนับเสียงดึงวัว
ทั้งเดือนสามเดือนเสเซไปไหน
คอยไม่ไหวพี่เหอเผลอมั่วซั่ว
สาวนาหว่านผ่านเดือนหกฝนระรัว
หยามหวันหลัวใจก็แล้งหมดแรงเลย..
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6818
คนใต้ไกลบ้าน
ฌามา : : Key G
รักน้องจ่านรักน้องเดี๋ยน
มาร่ำมาเรียนอยู่ไหนละน้อง
เรียนอยู่รามเรียนอยู่จุฬา
หรือเรียนมหาวิทยาลัย
แหลงกลางหรือว่าแหลงใต้
แหลงกลางหรือว่าแหลงใต้
แหลงกลางก็ได้ แต่ว่าทองแดง
หรอยไม่หรอยก็คนทักษิณ
คนใต้พลัดถิ่นหากินกันคล่อง
สวยไม่สวยก็ยิ้มบ้างตะน้อง
มองที่มองเพราะรักน้องจริงๆ
พี่เรียนรามน้องเรียนจุฬา
แต่พบกานดาหน้ารามทุกเย็น
พี่ขายผ้าแถวย่านคนใต้
หวันใช้ใช้น้องมาเดินเล่น
พี่แหลงใต้น้องก็แหลงใต้
พี่แหลงใต้น้องก็แหลงใต้
มันโบร๊อะอีตาย
พอแหลงกลางแล้วทองแดง
เราคนปักษ์ใต้ไม่เคยหัวหมอ
ไม่เคยอ้อล้อหลงความวิไล
พ่อเฒ่าแม่เฒ่าสั่งสอนเราไว้
อย่าลืมคำใต้ไห้รักใคร่ปรองดอง
เราเลยไม่ลืมหนังลุงโนราห์
น้ำชุบพุงปลาลูกเนียงลูกตอ
น้ำเพยเนียงหมานข้าวยำมูดู
เหนาะยอดกาหยู่หรอยจังหู้พี่น้อง
เราคนปักษ์ใต้ไม่เคยหัวหมอ
ไม่เคยอ้อล้อหลงความวิไล
พ่อเฒ่าแม่เฒ่าสั่งสอนเราไว้
อย่าลืมคำใต้ให้รักใคร่ปรองดอง
เราเลยไม่ลืมหนังลุงโนราห์
น้ำชุบพุงปลาลูกเนียงลูกตอ
น้ำเพยเนียงหมานข้าวยำมูดู
เหนาะยอดกาหยู่หรอยจังหู้พี่น้อง
พี่จบรามน้องจบจุฬา
ตั้งใจว่าจะกลับทักษิณ
ให้น้องช่วยคิดให้พี่ช่วยสร้าง
เลิกกางหลางเป็นคนใต้พลัดถิ่น
พ่อเฒ่าคอยเราอยู่นาน
แม่เฒ่าคอยเราอยู่นาน
คอยลูกคอยหลาน ให้กลับทักษิณ
หรอยไม่หรอยก็คนทักษิณ
คนใต้พลัดถิ่นหากินกันคล่อง
สวยไม่สวยก็ยิ้มบ้างตะน้อง
มองที่มองเพราะรักน้องจริงๆ...
23 กุมภาพันธ์ 2547 02:53 น.
สาวบ้านนา
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4721
มอบแด่คุณ..จอน..จากเมล์รัก
สร้างพลังฝันพลังใจ
จากน้ำใจสวยใสแสนงามยามใกล้สิ้นไฟฝันรจนานะคะ..
*****
รวงระเรี่ยเคลียหอมค้อมลมลู่
ตาลไร้คู่ยืนดายเดียวดูเปลี่ยวฝัน
สาวนาคอยรอยฝนลามานานวัน
รอยอดขวัญคืนเรือนรักพักพงไพร...
หยาดน้ำค้างกลางเรียวราวรุ้งพร่าง
ทอกระจ่าง สะท้อน แดดอ่อนใส
วะวาววับพิสุทธิพร่างกลางกลีบใบ
ราวเพชรใสพลิกพริ้งกลิ้งกลางรวง...
อ้ายเหมือนว่าวหลงลมลอยละล่อง
เมฆงามฟ่องท่องลมลิ่วลืมคนห่วง
สายป่านรักดึงดวงใจลอยหลุดร่วง
แรงลมลวงหลงลมลิ้นลืมดินเดิม..
ทุ่งรวงทองปองพ้อรอรับขวัญ
กี่วสันต์กี่ลมหนาวกี่เศร้าเพิ่ม
กี่รานร้าวกี่ดายเดียวรอเคียวเดิม
รออ้ายเติมเกี่ยวกอเก็บช่อรัก...
ข้าวกลางลานหวานบัวริมเรือนร้าง
ลาลอมฟางขลุ่ยแขวนแรมรอนภักดิ์
เพลงเดือนเพ็ญเร้นหวานมานานนัก
อ้ายลาลับหลงลืมสิ้นหอมกลิ่นรวง
สาวนาพ้อขอหัวใจกำไลรัก
อ้ายก็หักหัวใจธุลีร่วง
มาวันนี้ใจสาวนาแหลกลาดวง
หลุดลอยร่วงคืนผืนดินสิ้นวันคอย!..
******************
สาวนาตื่นแต่ย่ำรุ่ง รับอุษา
เดือนบนนภายังไม่ดับดวง
ดวงดารานับพัน ยังสุกปลั่งโปรยพร กระจ่างใจ
หากทว่าดวงใจ สาวนากลับหมองหม่นราวกับคนขวัญเสีย
มองเรือนร้าง อ้างว้างร้างไร้
ดายเดียวเหว่ว้าน้ำตาซึม..
แสนคิดถึงอ้าย...
กอราตรี ไหวกิ่งฝันรับรินร่ำหยาดละออละอองน้ำค้าง
แก้วรับฝนพร่าง..หลงฤดู..
แตกช่อผลิดอกละอออวล
หอมนวลพราวทุกราวกิ่งก้านกอ
มิหวงช่อรอราโรยโปรยปลิดกลีบกระจาย...
โมก..โศก..พิไรร่ำริมชานเรือน..
คลึงเคล้ากลีบกอช่อดวงดอกกระดังงา..
เหลืองระย้าย้อยห้อยเคลียคลอ..พ้อเคียงดิน
เข็มขาว..แทงช่อกลางกอรัก..กระปุกรัก
พลันพร่างพรึบ..เอาใจ..
นวลพุดซ้อนซ่อนกลิ่น ไหวไกวกลิ่นหอม
แอบซ่อน..ค่อยๆคลี่มิยอมเผย..
บุหงารำเพย พร้อมลมหนาวเคล้านวลหมอก
นมแมว นางแย้ม เทียนหยด สล้างสดแย้มอวดดวงดอกงาม
ทิวาหวาม..ราตรีหวั่น
รอรับฝันรอรับโศกโลกสีไพลกลางดวงใจของสาวนา
ผู้รอท่ารักภักดี..มิยอมพ่าย..ใจ
สาวนา..ไขไส้ตะเกียงอีกนิด
ค่อยๆแขวนข้างเสาสูงส่อง
จุดไต้วางไม้เข้าไฟก่อ รอหุงข้าวหอมหอม
พันธุ์แก่นจันทร์จากแก่นใจถวายพระ
สาวนาเด็ดผักบุ้งนา มาได้กำใหญ่ตั้งใจลวกกะทิ
มีปลาช่อนเนื้อดีแดดเดียว
ทอดแกล้มแนมน้ำพริก
เอาผักกระเฉดมาเด็ด ล้างสะเด็ดน้ำ
วางไว้ในกระชอนไม้ไผ่
ตำเครื่องแกงส้มไหวสะเทือนมือระวิง
ตั้งใจแกงส้มแกล้มปลาช่อนกับผักยอดอ่อนงาม
และไม่ถึงชั่วยาม..ทุกอย่างก็แล้วเสร็จ
สาวนา..ละเรือนลงริมรั้ว ในสลัวตัดใบตองอ่อน
ล้างแล้วจัดผักซ้อนทับลงไป
ในถาดทองเหลืองใบงาม...
ตักข้าวใส่ขันพูนพร้อม
โรยหอมด้วยดอกมะลิเบ่งบาน
จบขันข้าวขึ้นทูนหัว
อธิษฐานแทนดวงใจ
*เกิดชาติหน้าชาติใด
ขอให้หัวใจลูกผ่องผุดพราวขาวนวลหอม
ดั่งดวงดอกมะลิที่ถวายพระ..
ให้เมตตาลูกได้พบพระพุทธศาสนานำทาง
ให้ใจว่างสะอาดสงบ
พบแค่ความฉ่ำเย็นเป็นสุขสมถะ..*
ราตรียังพอมีเวลา..
สาวนารีบเข็นเรือพายออกนอกเรือน
เดือนพราวดวง ดาวพริบพร่าง
กระจ่างใสสะท้อนสู่บึงกว้าง..
บัวสล้างตูมตั้งทั้งชูช่อเบ่งบาน
เกสรหวานหวานพ้นโคลนตม
รอแดดบ่มลมไหว..
เด็ดดอกไปบูชา..หน้าพระพุทธ แทนพิสุทธิ์ใจ..
สาวนาค่อยๆราพาย..
ยังจำจดคืนหวานผ่านเพ็ญเต็มดวง
ที่หยาดหวานทั่วคุ้งน้ำ ทั้งทุ่งทองริมคลอง
ริมบึงบัวบังใบ รินหัวใจ รินไหวหวาม
ให้ทุกยามคะนึงหา วสันต์ลา ผันผ่าน
ราตรีพรายพรากพลัดให้รักเราสองต้องหันเห
หันห่างแรมแรมไกล..
ดั่งบทเพลงครวญ..
ข้าวคอยเคียว ผ่องศรี วรนุช : : Key Cm
ได้ยินไหมพี่ เสียงนี้ คือสาวบ้านนา
พร่ำเพรียกเรียกหา ตั้งตานับเวลารอคอย
คอยเช้า คอยเย็น ไม่เห็นสักหน่อย
ปีเคลื่อนเดือนคล้อย
รักเอ๋ยจะลอยรักเอ๋ยจะลอยแรมไกล
อีกเมื่อไรรักจะคืนรื่นรมย์
ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม
หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว
รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว
รวงข้าวคอยเคียว
น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา
กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย
ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม
หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว
รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว
รวงข้าวคอยเคียว
น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา
กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย...
********
สาวนา พักใจ หักใจ พายเรือน้อยลอยลำกลับ
สู่ร่มรักเรือนไทยเรือนใจ ไปสู่ร่มธรรม
ในวันนี้ ที่เป็นแสนดีวันเกิดสาวนา
และมาตรแม้นว่า ไร้อ้าย..ชิดใกล้กาย
แต่หัวใจจิตวิญญาณสาวนาผู้บูชารัก
ก็แสนสุขนักในทุกทางงามง่ายนี้
ที่แม้นแสนสิ้นไร้รักสิ้นใร้ใจสิ้นไร้ใคร
ก็ยังเหลือเนื้อใจดวงดีดวงงามดวงหวานละมุนละเมียด
ที่ยินดีพลีพร้อมรัก ภักดิ์พลีใจ..ยอมเลือกเดิน..
8 กุมภาพันธ์ 2547 12:46 น.
สาวบ้านนา
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4721
(ข้าวคอยเคียว)
ฝนหลงฤดูสั่งฟ้าลาพราก
ฝากหนาวในฤดีสาวนา..นวล..
พายุแรง พัดหลังคาจาก
หลุดหายพรายพรากไปกับพระพายในยามดึก
สาวนา..นึกรีบหาตุ่มมารองรับน้ำฝน
ที่พร่างพรมราวหยาดน้ำตานางฟ้า..ตรอมตรม..
ป่านนี้สายน้ำในลำห้วยคงท้นหลั่ง
ดอกไม้ป่าสองฟากฝั่ง
คงพากันคลี่กลีบหวานหวานบานสะพรั่งพรึบรับ
ให้หอม สลับสล้างอวลไกลไปทั้งราวไพร
แมลงภู่ผึ้งผีเสื้อคงขยับปีกไหวรอคลอคลึงเคล้า
เจ้าเกสรหวานหวานปานน้ำผึ้งรวง
นกนานาคงพากันจับคาคบร้องจิ๊บจิ๊บ..จิ๊บๆๆๆผสมผสานหวานก้อง
ไปกับท่วงทำนองดนตรีจากสายน้ำไหล..ระรี่ระริกริน...
หอมพรายมะม่วงที่พร่างฝนชะช่อล้อลมไหว
หอมเกสรใสพร่างนานาพรรณ
ของมวลดอกไม้ริมชายคากระท่อม
ดาวเรือง เหลืองละออรอพร่างพ้อรอราโรย
ชบา ช้องนาง การะเวกสล้าง แก้วเจ้าจอม
หอมกาหลง ดงดอกเกลียวสวาทพิลาสพิไล
บานชื่นบานไสวหลากสีสดระริกงาม
รอหยาดน้ำฝนหยดน้ำค้างพร่างดอกดวง
เข็มม่วง เข็มเล็ก ขี้เหล็กขนุนพุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พากันระรินรสชู่ช่ออวดดอกดกดาษดื่นให้ชื่นฉ่ำใจ
ให้นวลใจสาวนาระรินร่ำตาม...
สาวนา..คว้าเคียวคมคอยเกี่ยวหญ้า
ตั้งใจว่าจะลงทุ่ง เก็บผักบุ้งมาสักกำ
ใกล้ๆชายน้ำมีระกำกอยักษ์
จะเก็บมาสับทำน้ำพริกสดแกล้ม
แถมอาจจะได้ปลาช่อนมาแกงส้มต้มโคล้งสักหม้อ..รอมื้อเย็น
ตาลเดี่ยวยังยืนต้นเหว่ว้า
ให้สาวนาดายเดียวหนาวใจตาม
อ้ายสัญญาบอกจะกลับมาเดือนสาม
มารอร่วมทำบุญสงกรานต์งานใหญ่
จะหาผ้าสวยผืนใหม่กางเกงยืนส์ยุ่ง
มาให้สาวนานุ่งแล้วคงยืนขาขวิดด้วยไม่เคย..
อ้ายเอ๋ย..เมื่อคืนตอนฝนตกกราวใหญ่
สาวนานอนหนาวใจ
หลับแล้วฝันไกลใจลอย
ฝันว่าอ้ายมานอนเคียงในมุ้ง
และในเรียวรุ้งแห่งรักระหว่างเรา
ที่ถาโถมโหมถัก
ทอรักอันโหยหามายาวนาน
ไยน้ำตาสาวนาถึงซ่านซึ้งคลอ
รอถะถั่งรินรด
จนเปียกอกเปียกใจอ้าย
ไปพร้อมกันเล่าเจ้าดวงใจ..ของสาวนา...
และไฉนเลยในฝันอันงามงดนั้น
สาวนาพลันเห็นเด็กชายน้อยๆ
ผิวผ่องพิสุทธิ์ดุจใยบัว
ราวเทพบุตร..ผู้ประดุจมารับบท
สร้อยโซ่รักรัดร้อยรักเราราวเพชรพร่าง
ที่ยังกระจ่างใจมาจนนาทีนี้
เป็นฝันดี..ที่สาวนารอท่าอ้ายมาสลายมนต์ฝัน
ให้พลันเป็นจริงเพียงผู้เดียว..
.......
แต่วันนี้..
สาวนายังคงยืนเหว่ว้า
ดูข้าวกล้าระบัดรวงละล่องลิบ
ราวผืนผ้าไหมไหวระริกงามดั่งคลื่นฝันสีทอง
ในท้องทุ่งนา..ป่าผืนเดิม..กับใจดวงดี..ที่รักเดียว
รอเพียงเคียวคมใจของอ้ายมาเกี่ยวกอแตกช่อรักละไม
ไม่หวั่นไหวตามฤดู..กาล..แม้นฤดีระกำ..
*******
สาวนาเดินสะท้อนสะท้านใจ
ในทุ่งทิพย์ละลิบโล่งฝ่าลมหนาวพราวพรายพลิ้ว
พัดผ้าถุงผืนเก่าลิ่วสะบัดไหวไปกับแรงลม
*งอบ*ถูกลมวูบพัดปลิวไปกับพายุ
ปล่อยปอยผมสยายคล้ายนางไม้นางใจให้ใฝ่คว้า
เผยวงหน้าเนียนแดดละอองามเศร้าราวภาพฝัน
ลอมฟางพลอยนิ่งงันตรอมตรมตาม...ราวเสียดายงามนวล!
***********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4721
ข้าวคอยเคียว .... ผ่องศรี วรนุช : : Key Cm
ได้ยินไหมพี่ เสียงนี้ คือสาวบ้านนา
พร่ำเพรียกเรียกหา ตั้งตานับเวลารอคอย
คอยเช้า คอยเย็น ไม่เห็นสักหน่อย
ปีเคลื่อนเดือนคล้อย
รักเอ๋ยจะลอยรักเอ๋ยจะลอยแรมไกล
อีกเมื่อไรรักจะคืนรื่นรมย์
ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม
หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว
รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว
รวงข้าวคอยเคียว
น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่ม
กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย
ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม
หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว
รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว
รวงข้าวคอยเคียว
น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา
กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย...
ฤดูกาลฤดีระกำ!
สาวบ้านนา
ฤดูกาลฤดีระกำกับลมฝน
กลางกมลเก็บช้ำร่ำร้าวไหว
แก้วร่วงกราวพราวพื้นพร่างพ้อใจ
แก้วกลางใจมากระจายหายลับลา
เกาะเกี่ยวฝันวันคืนยามฟ้าใส
กรีดเกี่ยวใจไหวหวั่นให้ฝันหา
เกิดสายใยในรักถักทอดวงชีวา
เกิดเสน่หาแกว่งใจใครคร่ำครวญ
กลับมาเยือนอีกคราวสันต์เศร้า
กลางใจร้าวกราวสายฝนก่นไห้หวน
ใจระกำย้ำบอกดอกเรรวน
ลมอย่าหวนทวนฤดีที่หลายใจ
ฤดูกาลดอกไม้หวานผ่านนานแล้ว
เหลือเพียงแนวรอยแผลใจไกลหวั่นไหว
ฤดูกาลผ่านมาก็ผ่านไป
เก็บหัวใจไกลรอยกรรมอย่าซ้ำรอย...