2 ธันวาคม 2552 21:42 น.
สายวารินทร์
มันมา(อีก)แล้ว
คงยากแคล้วทุกข์ท้นความหม่นหมอง
เมื่อโทสะยึดจิตพิชิตครอง
ความไตร่ตรองลดถอยหลงรอยทาง
สู่รอยเดิม
ที่เคยเหิมตัดขาดมุ่งบาดหมาง
ความเร่าร้อนลวงตาจนฟ้าฟาง
รังแต่สร้างศัตรูมาสู่ตน
มาสู่ใจ
จึงหมองไหม้ไร้สุขอยู่ทุกหน
หวาดระแวงเกินปลดสิ้นอดทน
ประหนึ่งคนเก็บกดเกินอดกลั้น
เกินอดใจ
แม้หน้าไหนเช้าค่ำพร้อมห้ำหั่น
ใครหนึ่งแน่ผู้กล้าต้องประจัญ
พร้อมประชันโง่เง่าเมามายา
เมาโทสะ
หายนะกัดกินจนสิ้นค่า
หากหลงกลใจโหยจนโรยรา
ควบคุมจิตให้กล้า...มัน...มา...แล้ว
1 ธันวาคม 2552 20:53 น.
สายวารินทร์
เร่งรีบมาเขียนกลอนเมื่อค่อนดึก
เพราะกรำศึกกับงานเกินขานไข
ห่างบ้านกลอนหลายวันหวาดหวั่นใจ
เดี๋ยวมีใครไม่ปลื้มและลืมเลือน
มิได้ทักทายกันหลายวันนี้
ดวงฤดียังซึ้งคิดถึงเพื่อน
เคยฮาเฮเสวนาเมื่อมาเยือน
หน้ายังเปื้อนรอยยิ้มแอบอิ่มทรวง
แม้นมิได้เด่นดีวาทีเสนาะ
แต่มิเพาะความชั่วเช่นตัวถ่วง
มิพาโลโฉเกร้อยเล่ห์ลวง
ทำทีห่วงรักบ้านเกียจคร้านทำ
และขอบอกอีกครั้งยังรักชาติ
ใครบังอาจย่ำยีตีกระหน่ำ
แม้นลบหลู่เพียงน้อยด้วยถ้อยคำ
ลูกพ่อจ่าดำจะขับไล่ผองไพรี
จึงเขียนกลอนมาย้ำในสำนึก
ยังรู้สึกชื่นบานณ บ้านนี้
กราบวิงวอนเถิดหนาโปรดปรานี
อย่าหน่ายหนีหลบหน้า...สายวารินทร์
อนุสาวรีย์วีรไทย หรือที่ชาวคอนเรียกกันว่า พ่อจ่าดำ หรือเจ้าพ่อดำ ตั้งอยู่ภายในใจกลางของค่ายวชิราวุธ กองทัพภาคที่ 4 จังหวัดนครศรีธรรมราช ห่างจากตัวเมืองนครศรีธรรมราชไปตามถนนสายนครศรีธรรมราช-ท่าแพ ทางทิศเหนือประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี
ตัวอนุสาวรีย์หล่อด้วยทองแดงรมดำ เป็นรูปทหารสองมือจับปืนติดดาบเตรียมแทง ขนาดเท่าครึ่งของคนจริง สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ของทหารไทยในภาคใต้ที่เสียชีวิตในการปะทะกับทหารญี่ปุ่น ในสงครามมหาเอเซียบูรพา เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2484 เพื่อเป็นการรำลึกถึงวีรกรรมของเหล่าบรรดาทหารหาญที่พลีชีพ ต่อสู้ข้าศึก เพื่อปกป้องมาตุภูมิ เหตุการณ์การสู้รบในวันนั้น กองทัพไทยต้องสูญเสียกำลังทหาร และยุวชนทหารช่วยรบในจังหวัดปัตตานี สงขลา สุราษฎร์ธานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และนครศรีธรรมราช รวมกว่า 100 นาย ดังปรากฏนามจารึกไว้ที่ฐานอนุสาวรีย์ทั้ง 6 ด้านอนุสาวรีย์จ่าดำ หรืออนุสาวรีย์วีรไทย ยังยืนตระหง่านบนจุดที่ได้สู้รบปกป้องปฐพีไทยสืบมา
ขอบคุณที่มาจาก www.nakhontourism.org/