8 ตุลาคม 2551 15:35 น.
สายลมหนาว & หิมะขาว
งุนงงในความรัก
สงสัยในความรัก
ไม่อาจเชื่อในความรัก
แต่หัวใจกลับมีรัก
แย้มยิ้มด้วยความรัก
ชิงชังในความรัก
มีน้ำตาด้วยความรัก
แต่หัวใจกลับไม่เคยลืมรัก
กลัวในความรัก
ลืมใจที่จะรัก
หลีกหนีในความรัก
แต่สุดท้ายกลับงมงายในความรัก
ความขำขันของความรัก
ความรวดร้าวของความรัก
ยิ้มและร้องไห้ให้ความรัก
หรือนี่คือความหมาย "รัก"
หิมะขาว
ไม่สัมผัสอะไรทั้งนั้นอยากแต่งกลอนเปล่าที่ไม่คล้องกับอะไรเลยค่ะ... >___<
7 ตุลาคม 2551 17:38 น.
สายลมหนาว & หิมะขาว
จะโอบกอดเธอไว้ยามหลับฝัน
กล่อมเธอด้วยนิทานดวงจันทร์กับตะวันฉาย
ผูกพันธ์ด้วยรักก่อตัวเป็นนิยาย
ที่มีความหมายเป็นเรื่องราวของเราสองคน
กาลครั้งหนึ่ง.....เธอกับฉัน
เราพบกันในโลกความฝันสีขาว
ถักทอประสานความรักเป็นเรื่องราว
ใต้แสงดวงดาวที่มีเพียงเราสองคน
เธอเป็นดั่งเจ้าชายตะวันสีทอง
ที่มีแสงเรืองรองครอบครองหัวใจฉัน
ปกคลุมไปทั่วขอบฟ้ายามกลางวัน
คอยให้ความอบอุ่นแก่ฉันในวันที่หนาวใจ
ฉันเป็นดั่งเจ้าหญิงจันทรา
หัวใจอ่อนล้าสับสนอ่อนไหว
เป็นดั่งดวงจันทร์ที่ไม่มีหัวใจ
ไม่เคยรักใครสักคนที่ผ่านเข้ามา
จนวันนึงท้องฟ้ามาบรรจบ
ฉันได้มาพบกับแสงตะวันสดใส
เจ้าชายผู้อ่อนโยนที่ทำให้ฉันมีหัวใจ
ปลุกชีวิตฉันขึ้นมาใหม่ในโลกที่สดใสอีกครา
สายลมหนาว...........
7 ตุลาคม 2551 10:01 น.
สายลมหนาว & หิมะขาว
อุ่นหัวใจทุกครั้งที่คิดถึงเธอ
ทุกคืนฝันละเมอถึงเธอรู้ไหม
มองดาวบนฟ้าแล้วอธิษฐานหัวใจ
ขอพบเธอได้ไหมในความฝันยามค่ำคืน
ให้เธอเดินเคียงข้างฉัน
ในความฝันที่มีเพียงเราสอง
ให้ความรักดั่งบทเพลงท่วงทำนอง
สอดคล้องสองใจไว้ร่วมเรียง
จับมือเธอประสานเกาะกุม
หวานละมุนจุมพิตหวั่นไหว
อ้อมกอดอุ่นแนบชิดห้วงใจ
ฝากคำรักหวานไว้ใต้แสงดาว
พาบินลอยล่องระเริงฝัน
แย้มยิ้มเบิกบานในคืนอันสดใส
ทิ้งตัวลงนอนบนชิงช้าแกว่งไกว
หอมกลิ่นดอกไม้กลีบหวานละมุนตา
แสงจันทร์เจ้าทอดประกายอ่อน
หนุนหมอนนอนฝันหลับใหล
ไม่อยากตื่นแล้วยามเช้าห่อเหี่ยวใจ
วอนขอให้ราตรีนี้ฝันยืดยาว
หิมะขาว
...................................................................
หลับตาลงในค่ำคืนนี้
มีแต่ภาพเธอคนดีรู้ไหม
อยากกระซิบว่ารักแทบขาดใจ
โอบกอดเธอใกล้ ๆ ให้หัวใจได้ชิดกัน
จับมือเธอเดินเคียงข้างกัน
แม้ไกลแค่ไหนก็ไม่เคยหวั่นไหว
ให้ถนนสายนี้มีแต่เส้นทางของหัวใจ
โปรยปรายไปด้วยรักแห่งสองเรา
จะพาเธอข้ามสายรุ้งไปจับผีเสื้อปีกใส
ที่นอนหลับใหลในทุ่งดอกไม้ที่หอมหวาน
จะจูงมือเธอไปใต้ขอบฟ้าแห่งรัตติกาล
ให้เนิ่นนานราตรีนี้มีเพียงสองเรา
ล่องลอยระเริงร่าโลดแล่นในความฝัน
ร่ายรำใต้แสงจันทร์ในม่านดาราเฉิดฉาย
เหย้าหยอกวิ่งจับกับหิ่งห้อยเรียงราย
โอบกอดเธอไว้แนบกายไม่ให้ห่างหายเลยสักครา
อยากอยู่กับเธอไม่อยากตื่นจากห้วงฝัน
อยากให้เธออยู่กับฉันไม่จางหาย
อยากให้ภาพความจริงฉันยังมีเธอแนบกาย
ไม่อยากอยู่อย่างเดียวดายโดยที่ไม่มีเธอ
สายลมหนาว
7 ตุลาคม 2551 09:35 น.
สายลมหนาว & หิมะขาว
จมลงอยู่กับน้ำตาในม่านแห่งความฝัน
ลอยล่องเคว้งคว้างกลางฝันในคืนอันโหดร้าย
ซบตัวลงจมกับความเหงาที่ไม่มีใครข้างกาย
สายฝนโปรยปรายคล้ายตอกย้ำให้ฉันทรมาน
ค่ำคืนอันมืดมิดฉันปิดตัวในห้องร้างไร้รัก
จมปักกับเงาที่ไม่เคยได้ยินแม้เสียงหัวใจตัวเอง
ยิ้มให้กับความผิดหวังหัวเราะให้กับความโง่ของตัวเอง
นอนซมกับบทเพลง ที่บรรเลงแต่ความช้ำใจ
เปิดหน้าต่างแง้มรับกับสายลมที่เข้ามา
หัวใจฉันเหว่ว้าเหมือนจะปลดปลิวลอยคว้างไป
เอื้อมมือไขว่คว้าหวังว่าจะเจอคนดีบนฟ้าไกล
คว้าได้เพียงเศษหัวใจที่ว่างเปล่าเพื่อโอบกอดตัวเอง
สายลมหนาว
........................................................................
จมอยู่กับรอยยิ้มในวันเศร้าเงียบเหงา
เหลือเพียงเงาในวันที่หัวใจหวั่นไหว
เอนตัวซบนอนไร้เงาเธอเคียงข้างกาย
สายฝนโปรยปรายฟังคล้ายเสียงใจร้าวทรมาน
คืนค่ำมืดมิดปิดหัวใจไว้ในห้องแห่งความเศร้า
จมอยู่กับเงาของคืนเหงาในวันที่รักห่างหาย
ยิ้มให้กับความเศร้ามีเพียงน้ำตาเป็นเพื่อนข้างกาย
ฟังเพลงแล้วร้องไห้รู้มั้ยชั้นคิดถึงเธอ
เปิดหน้าต่างมองสายฝนที่ร่วงหล่น
หัวใจขื่นขมมันเหมือนจะปลิวหาย
เอื้อมมือไขว่คว้ากลับได้มาแต่ความว่างเปล่ายิ่งเศร้าใจ
เหลือเพียงเศษหัวใจไร้ค่าเพื่อกอดปลอบตัวเอง
หิมะขาว.......
6 ตุลาคม 2551 13:10 น.
สายลมหนาว & หิมะขาว
ปลายฝนต้นหนาวยังร้าวนัก
เงียบสงัดจมอยู่ในเงาความเหงา
ฝนพรมพร่างพรูจางบางเบา
ลมหนาวคลอเคล้าจนสั่นกาย
ดึกดื่นคืนร้างไร้เงารัก
สะอื้นหนักน้ำตาหล่นพร่างสาย
จะกี่ฝนกี่หนาวที่ผ่านกาย
ยังเดียวดายหัวใจยังอาดูร
ผ่านฤดูแห่งฝนสะเทือนหนาว
ก็ยังร้าวด้วยติดเหมันต์หม่น
ยังเฝ้าฝันถึงคนเคยเคียงชม
จะกี่ฝนกี่หนาว ... ยังร้าวใจ
หิมะขาว