4 กรกฎาคม 2551 11:50 น.
สายลมหนาว & หิมะขาว
ฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้สีดำตัวหนึ่ง
โดยไม่เคยมีใครเอื้อมไปถึง เอื้อมไปหา
โลกของฉันสร้างขึ้นเพื่อผูกพันกับนิทานนํ้าตา
กั้นตัวเองห่างจากฟ้า ห่างองศาจากดวงตะวัน
ไม่มีใครรู้จักตัวจริงของคนคนนี้
ที่มองเห็นก็แค่เปลือกย้อมสี หุ้มความไหวหวั่น
ฉันก่อภาพลวง เพื่อตักตวงความเข้มแข็งแค่พอผ่านวัน
แต่ยิ่งทำฝืนรั้น ก็ยิ่งอ่อนแอไหวสั่น ไปทุกที
เส้นทางที่ฉันเดิน คือ ส่วนเกินของความฝัน
สวมได้เพียงรองเท้าเปื้อนฝุ่นดวงจันทร์ ที่ไร้สี
เดินจับมือไปกับความเหงาไร้ชื่อ ดวงตาไร้บทกวี
ค่อยๆ เดินลงแม่นํ้าที่ดื่มดํ่าดีกรี ความเหว่ว้า
ฉันจมลงในความขื่นของคืนคํ่า
หายตัวไปในความทรงจำ ใต้เงาสีดำตรงสุดขอบฟ้า
ไม่รู้ตัวว่าอยู่ที่ไหน ไม่รู้ใจว่าเส้นทางใดที่หลงทางมา
ไม่รู้ว่าถนนข้างหน้า จะนำพาฉันไปที่ใด
ฉันฝัน ฉันหวั่น ฉันรอ ฉันขอคำตอบ
แต่กำแพงรอบข้างยังคงตีกรอบ ขีดขอบอย่างร้างไร้
หลุมพรางตรงนี้มันมืดและหนาว ฉันเหงาและร้างใจ
ฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้หนามและร้องไห้ และค่อยๆ ตายไปเพียงลำพัง
พี่หนึ่ง............
....................................................................................................
ฉันยืนอยู่เงียบเหงาในความเงียบงัน
เอื้อมคว้าหาความฝันที่ฉันมองไม่เห็น
โลกที่ตีกรอบช่างอ้างว้างและหนาวเย็น
มองเห็นแค่เพียงเงาฝันเลือนรางและมืดมน
อยากให้ใครสักคนมองเห็นคนตรงนี้
ลอกเปลือกย้อมสีกั้นความหวั่นไหว
ภาพลวงความเข้มแข็งที่สร้างเป็นข้ออ้างให้หัวใจ
ทั้งที่น้ำตาอาบไหลท่วมข้างในอยู่เรื่อยมา
เส้นทางที่ก้าว คือ ความอ้างว้างของชีวิต
จมฝุ่นมืดมิด ใจเงียบเหงา
ความขมขื่นติดตามใจเหมือนเงา
ค่อย ๆ ก้าวลงทางจมน้ำตา
จมในความขื่นขมของคนเหงา
แค่ลมพัดแผ่วเบาก็ร้าวไหว
ไม่รู้เลย ไม่รู้ต้องทำอย่างไรกับหัวใจ
เหมือนมันไม่มีหนทางให้ก้าวเดิน
ฉันฝัน ฉันเหงา จมอยู่ในความอ้างว้าง
มองถนนหนทางใจหวั่นไหว
เหม่อมองฟ้ายิ้มทั้งน้ำตาแต่ยังก้าวต่อไป
ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ย้ำหัวใจให้เข้มแข็งอย่าอ่อนแอ
หิมะขาว.....................
............................................................................................
ฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้สีเหงาเปื้อนฝุ่น
ในความคุ้นเคยของความทรงจำอ่อนล้า
สร้างกำแพงรอบด้วยความเหน็บหนาวของน้ำตา
แขวนไว้บนฟากฟ้าถูกความมืดมิดปกคลุมหัวใจ
จะมีไหมสักคน....ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในหัวใจฉัน
ปล่อยให้ภาพลวงแห่งแสงตะวันทำให้หัวใจหวั่นไหว
คงไม่มีอีกแล้วคนที่ชื่อว่า.....คนดีของหัวใจ
มีเพียงหัวใจเป็นใบ้พูดจากับความเหงาและรอยน้ำตาลำพัง.......
เส้นทางที่ฉันก้าว คือ ส่วนเกินในโลกความเป็นจริง
หัวใจโดนทิ้ง....ในห้องเปื้อนความทรงจำ....กักขัง
เอื้อมมือไขว่คว้าเธอมาโอบกอดสุดท้ายก็มีเพียงฉันลำพัง
คว้าได้เพียงความรักที่ผุพัง..ทลายลงไปด้วยรอยน้ำตา
จมลงอยู่กลางความมืดมิดของค่ำคืน
หัวใจดวงชื้นยังคงหยิบยื่นความเหว่ว้า
ตรงหลุมพรางที่ความเหงาในเงาของเวลา
เก้าอี้แห่งน้ำตายังทิ่มแทงลึกลงบนหัวใจ
ฉันรอ ฉันฝัน ฉันหวัง ฉันหาคำตอบ
ตีกรอบกำแพงที่เธอไม่เคยมองเห็นค่านั้นไว้
คำว่ารักที่ไร้เหตุผล กับความคิดถึงเธอสุดหัวใจ
ยังไม่เคยเปลี่ยนไป ถึงแม้จะทรมานแค่ไหนก็ตาม
สายลมหนาว.....................
4 กรกฎาคม 2551 09:27 น.
สายลมหนาว & หิมะขาว
.....สายลมโชย....โรยตัว....แรงลมอ่อน
ใบไผ่ร่อน....อ่อนแรง....ต้านลมไหว
ลอยลงคว้าง....ลัดเลี้ยว....ดั่งสายใจ
สุดหยั่งได้.......กล้ำกลืน...มิฝืนทน
.......ใบไผ่ร่วง....หล่นลง....ลู่สู่พื้น
ลงสู่ผืน....แผ่นดิน....ฝ่าลมฝน
ลอยลัดเลาะ....เลี้ยวไป....ในสายชล
เหมือนใจคน....ที่ไหลวน....ไม่ยั่งยืน
.........ใจของเธอ....ก็เปรียบ....ดั่งใบไม้
ที่อ่อนไหว....ต่อคารม...มิอาจฝืน
ความรักฉัน....ดั่งสายน้ำ....ไม่หวนคืน
แอบสะอื่น....กลั้นน้ำตา....อยู่คนเดียว.........
สายลมหนาว..................
..............................................................................................
ใบไผ่พลิ้วปลิวหล่นบนลำธาร
คล้ายเรือน้อยลอยผ่านแม่น้ำใส
ที่พลิ้วลงคงไม่น้อยกว่าร้อยใบ
การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ก็ดำเนิน
กระแสเชี่ยวลดเลี้ยวพัดลัดเลาะหิน
เหนือธารรินนาวาไผ่ได้เหาะเหิน
ลมแรงพัดบ้างปลิวห่างต่างทางเดิน
ท่องเที่ยวเพลินจนลืมหลังฝั่งไม่มี
ที่นับร้อยก็เหลือน้อยไม่เกินสิบ
ใบที่อยู่เป็นคู่ชิดก็ห่างหนี
น้ำยิ่งเชี่ยวยิ่งพัดพาห่างทุกที
จะยังมีกี่ใบที่ลอยร่วมทาง
ยิ่งไปไกลธารก็ไหลออกทะเล
ต่างใบไหลให้หักเหเหมือนหมองหมาง
ใบไผ่เอยเจ้าไม่เหลือเพื่อนร่วมทาง
ฟ้าก็ห่างน้ำก็เย็นเป็นอย่างไร
ได้แค่หวังให้น้ำซัดพัดชะตา
พาใบไผ่ไปเสาะหาทางสดใส
รู้ว่าฝั่งนั้นเกินหวังยังแสนไกล
ขอแค่พบไผ่อีกใบ... ไหลร่วมทาง
พายุทราย..............
............................................................................................
ลอยละล่องละล่องลอยตามชลใส
เรือไบไผ่ระรินธารเคลื่อนผ่านไหว
ละล่องลอยกระแสธารผ่านพาไกล
เพียงพริบลับหายห่างตา
เจ้าเรือใบไผ่ ...
เจ้าจะลอยละล่องไปแห่งหนไหน
เจ้าเคลื่อนคราตามธารจวบจนเมื่อไหร่
ยามล้าหรือเจ้าจึงหยุดลง
เปรียบใจดุจใบไม้นาวา
เคลื่อนคราชนกระแสพาฉงน
จะหยุดได้เมื่อไหร่หนอใจตน
จวบจนจมกระแสชนจึงตรมใจ
หิมะขาว..................................
1 กรกฎาคม 2551 10:02 น.
สายลมหนาว & หิมะขาว
เจ้าหิ่งห้อยน้อย
ละล่องลอยโลดเต้นเล่นยอดหญ้า
ดาราพริบพราวสกาวตา
ม่านฟ้าพร่างพรายระเริงใจ
เจ้าแจ่มจันทร์ทอดทอแสงอ่อน
หยอกล้อเย้ายามทิวหญ้าไหว
หิ่งห้อยน้อยระเริงรื่นระบำไพร
ปีกใสโฉบพลิ้วใต้เงาจันทร์
เงาราตรีมืดมิด
เริงจิตระรื่นใจใต้เงาฝัน
อรุณมาพลันล่ำลาโบกมือพลัน
จบระบำใต้เงาจันทร์กลางพงไพร
หิมะขาว.........
หิ่งห้อยน้อยหลงแสงเงาจันทรา
เริงร่าระบำประชันแข่งแสงดาว
โลดเล่นหยอกเย้ากลางสายลมหนาว
พร่างพราวระยิบระยับโอบดวงจันทร์
หลบปีกโฉบลงบินว่อนกลางเงาน้ำ
ตอกย้ำแสงน้อยด้อยค่าหลบมุมฝัน
มิอาจเทียบเทียมกับแสงเงาจันทร์
เด็ดปีกสิ้นจบลงกลางเงาเธอ.........
สายลมหนาว..............
30 มิถุนายน 2551 18:46 น.
สายลมหนาว & หิมะขาว
คืนค่ำมืดมิด
ดาราเพียงพริบระโรยแสง
เงียบเหงาเหว่ว้ารุนแรง
ปิดประตูขังตัวเงียบงัน
คืนค่ำมืดมิด
หลับตาเพียงพริบเลือนเงาฝัน
ใครหนอกอดปลอบรักวานวัน
เพียงพลันร้างราห่างเลย
คืนค่ำมืดมิด
ใจจิตรวดร้าวหวาดไหว
กอดเข่าปลอบตัวให้ผ่านค่ำหนาวใจ
รอเมื่อไหร่รุ่งอรุณจะหวนคืน
คืนค่ำมืดมิด
เกินจิตโศกตรมจะทนฝืน
หลั่งระรินน้ำตารานข้ามคืน
เมื่อไหร่คืนค่ำมืดตาจะจางคลาย
หิมะขาว.............
คืนค่ำมืดมิด.......
เรไรร่ำร้องกึกก้องกลางเดือนหนาว
ดาราพร่างพราวระยิบระยับจับแขไข
สายลมหนาวพัดพลิ้วโชยอ่อนแรมร่อนไกล
ปล่อยปลิวไปปลดเปื้อนเคลื่อนไหวยามราตรี
คืนค่ำมืดมิด.......
ให้เธอหลับใหลในอ้อมกอดแห่งจันทรา
ดวงดาราโอบล้อมรายรอบรัศมี
ส่องสว่างกระจ่างสดใสในราตรี
ในนาทีที่เราสองหมายปองคองรักกัน
...
คืนค่ำมืดมิด.......
ใจจิตอย่าได้หวาดหวั่นในค่ำคืนหนาว
หัวใจปวดร้าวหนาวเพียงใดโอบกอดฉัน
จะจุมพิตหัวใจเธอให้อบอุ่นดังเช่นตะวัน
ใต้แสงจันทร์แห่งรักนิรันดร์
.............มีเพียงเธอตลอดกาล..........
สายลมหนาว.......
27 มิถุนายน 2551 10:05 น.
สายลมหนาว & หิมะขาว
ในวันที่สองเราห่างไกลกันคนละขอบฟ้า
จนมองว่าใครบางคนที่ห่างไกลไร้ค่าในสายตา
จนบางครั้งเมื่อการรอคอยสิ้นสุด มันก็จบลงด้วยน้ำตา
สุดท้ายก็เหลือเพียงเวลาที่จะเยียวยารักษาหัวใจ......................
.........................................................................................................................
หลับตาลงยังคงคิดถึง
ห้ามใจนิดนึงยังไม่ไหว
คิดถึงเธอ คิดถึงแทบขาดใจ
ไม่รู้อีกนานไหมจะได้เจอ
อยู่ตรงนี้รู้ไหมว่าฉันท้อ
หัวใจที่รอยังคงพร่ำเพ้อ
อยากจะไปบอกว่ารักเธอ
ทำได้แค่ละเมอถึงเธอเรื่อยไป
ยิ้มเศร้า ๆ ในวันที่แดดอุ่น
เปิดรับไออุ่นที่เคยคุ้นใจหวั่นไหว
ดอกไม้แสนเศร้าที่ชื่อว่าดอกไม้ในหัวใจ
ร่วงโรยไป เคว้งคว้างกลางพื้นดิน
ยังจำได้ไหมตำนานแห่งความรัก
ที่ฉันเคยรู้จักแต่เธอไม่เคยได้ยิน
จบฉากลงด้วยน้ำตาและความชาชิน
เหมือนดั่งก้อนหินที่ไม่เคยมีหัวใจ
เหมือนนกที่บินอยู่บนฟ้ากว้าง
หลงทางบินต่อไปไม่ไหว
เพราะเส้นทางบนขอบฟ้าแสนไกล
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอมัน
หรือเพียงขอบฟ้าไม่มีจริง
ที่ฉันทำไปทุกสิ่งเป็นเพียงแค่ฝัน
ภาพลวงตาที่หลอกตัวเองไปวัน ๆ
ว่าอาจจะมีสักวัน.....ได้พบเจอเธอ
สายลมหนาว................
.................................................................................
หลับตาลงในวันฟ้าใส
หัวใจยังคงคิดถึง
ทุกนาทีที่ผ่านหัวใจยังคำนึง
ฝันถึงเธอที่ห่างแสนห่างไกล
เปิดหน้าต่างในวันที่แดดอุ่น
กลิ่นสายลมที่เคยคุ้นพัดให้ใจหวั่นไหว
กลิ่นดอกไม้แสนหวานที่ห่างไกล
รู้สึกคล้ายเธอคนดีอยู่ข้างเคียง
ที่นี่มีเพียงความรักความคิดถึง
ความคำนึงถึงเธอแต่ไร้เสียง
มิอาจเอ่ยเอื้อนเป็นสำเนียง
ทำได้เพียงแค่ยิ้มแล้วคิดถึงเธอ
แม้วันจะแสนไกลห่าง
แต่ความรักกลับมั่นคงเสมอ
แม้ไม่อาจได้พบและได้เจอ
แต่ยังเพ้อถึงรักทุกวันคืน
รอฉันรอฉันยังคงเฝ้ารอ
ไม่เคยท้อแม้บางทีใจทนฝืน
ยังคงรอสักวันเธอหวนคืน
ใจไม่ลืมรักเธอในสักวัน
หิมะขาว................