23 สิงหาคม 2548 02:44 น.

วิถีทาง

..สายลมทะเล..

...กำลังคิดอะไรเพลินๆ เงาคนก็วูบผ่านกระจกประตูรถด้านข้างไป บางอย่าง ทำให้ผมต้องละสายตาหันไปดู

...ภาพหญิงสาวท้องแก่เดินเร่ขายพวงมาลัย ทำให้ผมรู้สึกว่างานที่กำลังรุมเร้าอยู่เวลานี้ เป็นแค่เพียงสิ่งเล็กน้อย 

... ในขณะที่เราดิ้นรนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า ยังมีคนอีกหลายคนที่ดิ้นรนเพียงเพื่อจะอยู่รอด บ้างก็เพื่อหนึ่งชีวิต บ้างก็เพื่อหลายๆ ชีวิต

...เธอเดินผ่านผมไปไกลมากแล้ว ไกลเกินกว่าผมจะเรียกหรือทิ้งรถออกไปซื้อพวงมาลัยของเธอได้ 

... ภาพของเธอก่อนจะหายไปจากสายตาผม ...ไม่มีแม้สักคันเปิดกระจกซื้อพวงมาลัยของเธอ

... เด็กสาวอีกคน เดินขายแผ่นกระดาษอยู่ห่างออกไป ...นั่นลูกค้าคนที่เท่าไหร่ ผมไม่ได้นับ...

ไฟเขียวแล้ว ตอนที่เธอเดินผ่านมาถึงคันผม "เรียงเบอร์มั๊ยพี่"

...ผมไม่ได้ตอบเธอ ...น้ำตาเจ้ากรรมซึมอยู่ในอก...				
23 สิงหาคม 2548 02:39 น.

ตัวเลข..ที่หายไป

..สายลมทะเล..

พ่อผมเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ จึงไม่แปลกที่พ่อชอบสอนให้พวกเราหัดบวกลบคูณหารตัวเลขต่างๆ ในใจ เมื่อไหร่ที่พวกเรานั่งรถไปไหนด้วยกันทั้งครอบครัว เป็นต้องเล่นเกม 24 กับเลขทะเบียนรถคันหน้า ทำอย่างไรก็ได้โดยการเอาตัวเลขทะเบียนท้ายรถบวกลบคูณหารยกกำลังถอดรากทางคณิตศาสตร์แล้วให้ออกมาเป็นเลข 24 ซึ่งแน่นอนมีแค่พ่อกับพี่สาวที่แย่งสิทธิ์ในการตอบโดยไม่แบ่งปันคนอื่น แม้จะมีเสียงน้องสาวคนเล็กสลับขึ้นมาในบางช่วงจังหวะ แต่ก็ไม่จัดว่ามีนัยยะสำคัญอันใด เพราะเลข 24 ที่น้องคำนวณออกมาได้ มันเป็นของคันที่แซงเราไปตั้งแต่ 3 ปีก่อน 

แม่นะหรือ..รายนั้นเอาแต่หัวเราะเมี้ยวๆ สมองซีกคำนวณลีบเท่าน้ำตามดแดง เรียนจบมาได้ ก็เพราะพ่อทั้งติวทั้งเก็งข้อสอบคณิตศาสตร์ให้ท่องเข้าห้องสอบ แต่อย่าเผลอไปถามเรื่องประวัติศาสตร์หรือวรรณคดีเข้าล่ะ อาจไม่ได้นอนไปอีก 3 วัน เพราะพระมารดาท่านรู้จริงจำแม่น อ่านหนังสือเยอะ อ่านเร็วและไวมาก (เรื่องเร็วและไว ผมก็ได้มาเหมือนกัน แต่ดันเป็นมือไวใจเร็วไปเสียนี่) 

เอาเถอะ..เรื่องคณิตคิดในใจอะไรนี่ผมยอม ยอมรับว่าไม่ถนัดและไร้ความสามารถ (แต่ถ้าคิดนอกใจล่ะก็ ไม่แน่ นั่นน่าจะเชี่ยวชาญอยู่ ฮ่า ก็เป็นเสียอย่างนี้ ..สาวๆ ถึงไม่คิดแต่งด้วยสักคน เศร้าเนาะ แต่เอ๊ะ! จะสนไปทำไม ก็เราตั้งใจจะเป็นเกย์นี่หว่า ฮ่า)

พอผมโตถึงรู้ว่า พ่อเป็นเพียงครูสอนเลขธรรมดาๆ คนนึง ที่เก่งในเรื่องของเทคนิคการสอนและการถ่ายทอด ยิ่งพี่สาวเรียนสูงขึ้นๆ ผมถึงเข้าใจความแตกต่างระหว่างครูกับนักคณิตศาสตร์ ทุกอย่างที่พี่คิด ล้วนอธิบายได้ด้วยสมการทางคณิตศาสตร์และสถิติพยากรณ์ การดำเนินชีวิตทุกขั้นตอนมีตัวเลข 0-9 เป็นองค์ประกอบเสมอ แต่ชีวิตแต่งงานของพี่ก็ราบรื่น แม้ว่าการงานและระยะทางกว่าครึ่งประเทศจะกั้นคนสองคนไว้เกือบพันกิโลเมตร และมีเวลาด้วยกันแค่เดือนละสองวัน แต่สองคนก็ยอมรับได้ในจุดนั้น จนกระทั่ง วันนึง

 เอาอีกๆ เจ้าตัวเล็กร้องขอให้ผมอุ้มเธอโฉบไปมากลางอากาศ เสมือนเครื่องบินมนุษย์ที่มีน้าชายเป็นเจ้าของเสียงเครื่องบิน และเจ้าตัวเป็นเจ้าของเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข 
วันนี้ ผมเพิ่งเข้าใจ ว่าทำไมพี่สาวถึงทิ้งปริญญาเอก ทิ้งสถานะทางสังคม ลาออกจากอาจารย์มหาวิทยาลัย ..เพียงเพื่อจะมาเป็นแม่บ้านธรรมดาคนนึง

วันที่เธอมีครอบครัวอย่างสมบูรณ์เธอจะเข้าใจพี่ 

ผมยิ้มอย่างมีความสุข  เอาอีกๆ  หลังจากเจ้าตัวลงไปเดินงงๆ เซไปเซมา 2-3 รอบ เจ้าตัวก็เร่งเร้าจะขึ้นบินอีก ผมยกเจ้าตัวเล็กทะยานขึ้นฟ้า เสียงหัวเราะระเบิดขึ้นอีกครั้ง

วันนี้ สิ่งที่พี่และผมได้รับ ..มันมีค่าเกินกว่าจะอธิบายด้วยตัวเลขทุกๆ ตัว				
21 สิงหาคม 2548 03:14 น.

รักส่งด่วน

..สายลมทะเล..

ทำไมผมไม่ได้แต่งงานกับเธอนะเหรอ คำตอบมันง่ายนิดเดียว..ก็เพราะเจ้าความรักของผมมันดันเดินทางมาถึง ตอนที่ความรักของเธอเดินจากผมไป ..ถ้าเพียงผมรู้ก่อนว่าแค่ลงทะเบียนมันยังไม่ดีพอ ผมยินดีจ่ายเพิ่มอีกไม่กี่บาท ตีตรา EMS ให้กับมัน

ผมยังจำได้ดีตอนเจอส้มป่อยครั้งแรก ความรู้สึกตื่นเต้นขณะรอเธอที่สถานีรถไฟฟ้าหมอชิตมันยากเกินบรรยาย หัวใจที่เย็นชาของผมมันเต้นถี่และเต้นแรงจนแทบหลุดออกมานอกบรา เอ่อ! ผมหมายถึงเสื้อของผม แม้ว่าผมกับส้มป่อยจะติดต่อกันผ่านมาลัยไทยรัฐนานเกือบครึ่งปี แต่เราทั้งคู่ต่างไม่เคยเห็นหน้าค่าตาจากรูปถ่ายของกันและกันเลย 

วันที่เรานัดเจอ เป็นวันที่เพื่อนๆ ในโรงงานของเธอชวนกันไปเที่ยวทะเล ส้มป่อยเป็นสาวโรงงานทอผ้าครับ แต่จะว่าไปแล้ว เราก็เหมาะกันดี เพราะผมเองก็ทำงานให้กับมูลนิธิแยกอกตัญญู

ผมพยายามมองหาสาวร่างเตี้ยตัวดำอ้วนจ้ำม้ำในกลุ่มผู้โดยสารที่ทยอยกันเดินออกจากสถานีเมื่อรถไฟฟ้าขบวนที่ผมรอคอยเข้าเทียบ ..คนแล้วคนเล่า แต่ก็ไม่มีใครมีทีท่ารีรอ หรือคิดหยุดทักผม จนผมเริ่มใจแป้ว.. เอ หรือเธอจะเปลี่ยนใจ ..ผมคิด

ขอโทษคะ ใช่พี่หนูนุ้ยหรือเปล่าค่ะ
คะ ครับ ผมละล่ำละลักตอบไปเพราะสะดุดความน่ารักตรงหน้า
ส้มป่อยคะ เธอยกมือไหว้อย่างนอบน้อม สมกับรางวัลสาวโรงงานมารยาทงามที่เธอได้ตอนงานแซยิดเจ้านาย
ผมยืนนิ่งเป็นลิงป่วยอยู่พักใหญ่กว่าจะได้สติ ..เธอช่างน่ารักเกินกว่าจะมาหาผู้ชายเห่ยๆ ผ่านมาลัยไทยรัฐอย่างผม ..โอ หูกาง คางเหลี่ยม จมูกบาน ดั้งยุบ ปากหนา ตาเหล่ ..แหมมันสเป็คผมชัดๆ

เพื่อนๆ ของเธอล่วงหน้าไปยังบางแสนก่อนแล้วแต่เช้า ผมแวะรับเธอที่สถานีรถไฟฟ้า แล้วก็ขับตามไปสมทบกันที่โน่น ..เราใช้เวลาสองสามชั่วโมงนั่งคุยกันริมหาด ..เอ! วันนั้นเธอใส่ชุดสีอะไรนะ ผมนึกไม่ออก อ้อ! แต่ผมจ่ายค่าเก้าอี้ผ้าใบยี่สิบบาทผมจำได้

ความสัมพันธ์ของเราชื่นมื่นเหมือนแป้งเย็นกลิ่นมาดามอยู่สองปี แต่อาจเพราะความราบเรียบที่แบนราบเหมือนเลขชุดสองตัวบนของสัดส่วนเธอกระมังที่ทำให้ผมชั่งใจ และไม่เคยเอ่ยปากสู่ขอเธอกับแม่เสียที หรืออาจเป็นเพราะผมถนัดที่จะเป็นผู้ให้ก็ไม่ทราบ ก็ดูซิ กระทั่งกับส้มป่อยผมยังไม่เคยขออะไรเธอเลย แล้วจู่ๆ จะให้ผมหน้าด้านเดินไปขอเอากับแม่เธอดื้อๆ ..ผมว่า..มันเป็นกริยาที่ไม่งามนะครับ
..นานวันเข้า ส้มป่อยก็เปลี่ยนไป (สาวโรงงาน..เปลี้ยนไป๋)

เธอเริ่มห่างเหิน ไม่ใกล้ชิดและดากี้ร์ผมเหมือนก่อน โทรไปหา เธอก็บอกว่าไม่ว่าง(รับโทรศัพท์อยู่) ..ชวนไปกินข้าว..ก็บอกว่า บ้านเธอก็มีข้าวกิน..พอขอกินด้วย..ก็บอกว่าห้องเธอเล็ก นั่งได้คนเดียว..พอบอกขอยืนกินข้างนอก..เธอก็บอก นั่นมันที่นอนหมา

แม้ผมจะพยายามโทรไปออดอ้อนเป็นร้อยๆ ครั้ง.. เธอก็ยังยืนยันคำเดิมเหมือนอัดเทปไว้..สุดท้ายเธอก็หายไปจากชีวิตผม

เขียนมาถึงตรงนี้..ผมอยากถามพี่ศิราณีว่า..ผมควรปลอมตัวเป็นนาย ก ลงประกาศหานางสาว ข เพื่อรักษาแผลใจจากนางสาว ค ดีหรือเปล่าครับ ..พร้อมกันนี้ ผมได้ใส่ซองติดแสตมป์จ่าหน้าซองถึงตัวผมเองมาด้วยแล้ว หวังว่าพี่ศิราณีจะตอบผมเป็นการส่วนตัว ..อ้อ! ธนบัตรใบละห้าสิบบาทที่แนบมาด้วย สำหรับค่าธรรมเนียม EMS ครับ ..ผมไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย				
20 สิงหาคม 2548 04:12 น.

ดาวคนละฟ้า

..สายลมทะเล..

หยา ..เสาร์อาทิตย์นี้ พี่ไม่ว่างนะ  งานยังยุ่งอยู่เลย เอาไว้เจอกันเดือนหน้าแล้วกันนะ
พี่กัญช์..เราไม่เจอกันสามเดือนแล้วนะ กรุงเทพ-เขาเขียวก็ใกล้กันแค่นี้เอง เดี๋ยวหยาไปหาพี่แล้วกัน
ไม่นะหยา  หยาก็รู้เวลาพี่ทำงาน ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย เอาไว้พี่ไปหาหยาเดือนหน้านะครับ
พี่กัญช์..หยารู้ว่าพี่งานเยอะ พี่เองก็รู้ว่างานหยาก็ยุ่งมาก ทุกครั้งที่พี่พอมีเวลา หยาก็เคลียร์งานเคลียร์ทุกอย่าง เพื่อจะได้ไปกินข้าวดูหนัง ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน...แล้วพี่ก็กลับไปป่าของพี่ ..สามสี่เดือนเจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง  พี่กัญช์ว่า ยังมีแฟนคู่อื่นที่เป็นแบบนี้อีกไหม

พี่กัญช์..พี่กัญช์รักหยาหรือเปล่า... 
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ
พี่กัญช์รักหยาบ้างไหม
ชายหนุ่มยังคงเงียบ และต่างฝ่ายต่างเงียบไปอีกเนิ่นนาน

หยารักพี่นะ..
เสียงเธอเริ่มสะอื้นเบาๆ สาวน้อยดีไซเนอร์ไฟแรงที่มีความมั่นใจสูงอย่างหยา ไม่เคยมีน้ำตาให้ใครเห็น รอยยิ้มสดใสในแววตาที่แสนดุสะกดชายหนุ่มมานักต่อนัก...เสียงของเธอดูขาดความเชื่อมั่นจนน่าใจหาย

ตลอดสามปีที่ผ่านมา กระทั่งคำว่าคิดถึง..พี่กัญช์ยังไม่เคยพูดเลยสักครั้ง
ชายหนุ่มเพิ่งนึกได้ตอนนี้เอง เขาไม่เคยพูดเลยจริงๆ
พี่กัญช์ไม่ต้องพยายามนึกหรอก หยายืนยันให้ก็ได้ว่าไม่เคย
หญิงสาวพูดช้าๆ  และแม้ไม่เห็นหน้า แต่ปลายเสียงที่ส่งผ่านโทรศัพท์ ก็บอกได้อย่างชัดเจนว่าน้ำตาของสาวน้อยนั้น ไหลท่วมหัวใจเธอแล้ว

เราเลิกกันเถอะ...

ปล่อยให้หยาได้อยู่กับตัวเอง...และถ้าพี่จะดีกับหยาเป็นครั้งสุดท้าย...ก็อย่าทำให้หยาต้องคิดถึงพี่...อย่าได้ติดต่อหยาอีก...พี่กัญช์ทำให้หยาได้ไหม
ชายหนุ่มยังคงเงียบ

พี่ทำให้หยาได้ไหม เธอถามซ้ำด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
อื้อ! ..... ครับ
เขาไม่รู้ตัวเลยว่าหลุดคำพูดโง่ๆ นั้นออกไปได้อย่างไร  
หยาวางโทรศัพท์ไปแล้ว แต่เขายังถือมันค้างอยู่  
พรุ่งนี้หลังผ่าตัดจะมีใครมาเฝ้าไหมค่ะ เสียงพยาบาลที่เดินเข้ามาในห้องโดยเขาไม่ทันได้สังเกตปลุกห้วงภวังค์ของชายหนุ่ม
เอ่อ! ไม่มีครับ รบกวนทางโรงพยาบาลจัดพยาบาลพิเศษให้ด้วยแล้วกันนะครับ
ค่ะ งั้นเดี๋ยวทางเราจะจัดการให้  คืนนี้รีบพักผ่อนนะคะ  อ้อ! เดี๋ยวคุณหมอจะเข้ามาคุยด้วยค่ะ

พยาบาลสาวเดินออกไปแล้ว..ทิ้งชายหนุ่มไว้ในห้องกับบาดแผลที่เจ็บปวดทั้งใจกาย  กระดูกซี่โครงและไหล่ที่หักจากการตกเขาตอนถูกไล่ยิงจากพวกนายทุนค้าไม้เถื่อนเมื่อวาน  ดูเหมือนจะไม่เจ็บเท่าหัวใจที่สลายลงเวลานี้... ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มอย่างดูแคลนตัวเอง...ไม่มีแม้น้ำตาจะไหล...ปล่อยให้ร่างกายหลับไปโดยไม่รับรู้โลกภายนอก ...ถ้ารสชาติความขมขื่นมีจริง...มันคงเป็นแบบนี้เอง

การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี  แผ่นเหล็กและสกรูหลายตัวถูกใส่เข้าไปเพื่อจัดระเบียบให้กับชิ้นกระดูกที่หัก...สิ่งเดียวที่คุณหมอไม่ได้ทำ...คือดามหัวใจที่แตกร้าวดวงนั้น...

............................................................

หยายังคงเจิดจรัสในเส้นทางของเธอ  นอกจากผลงานในธุรกิจแฟชั่นที่โดดเด่นแล้ว เธอยังใช้เวลาที่เหลือเพียงน้อยนิด แบ่งให้กับการเรียนต่อในสาขาที่เธอใฝ่ฝัน ...หยายังคงเป็นผู้หญิงช่างฝันและเต็มไปด้วยพลังอย่างที่ชายหนุ่มรู้จัก... เขาเองเล่า นอกจากป่าที่เขารักแล้ว...เขาไม่เคยทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้เลยสักครั้ง

............................................................

แค่ก แค่ก 
เสียงไอแห้งๆ ทำลายเสียงลมหายใจรวยรินของชายหนุ่ม  ฟ้าคืนนี้มืดและโปร่งจนเห็นดาวทุกดวง  นานแล้วที่ฟ้าไม่โปร่งขนาดนี้   ตั้งแต่กัญช์บินมาถึงแอฟริกาเมื่อปีก่อน...ผลประโยชน์ เหมืองเพชร สายแร่ทอง และไฟสงคราม ทำลายป่าและชีวิตชาวพื้นเมืองสองชนเผ่าไปอย่างมากมาย... ชีวิตของเขาและเพื่อน ในองค์กรอิสระต่างชาติเพื่อการอนุรักษ์ป่า ไม่ได้มีค่าไปกว่าสัตว์อื่นๆ ในป่าแห่งนี้  ...สามคืนก่อนขณะที่ฝนตกลงมาอย่างหนัก ทีมของชายหนุ่มตกอยู่ท่ามกลางสงครามระหว่างเผ่า  ต่างหนีเอาตัวรอดไปคนละทิศคนละทาง...ชายหนุ่มติดอยู่ในป่าห่างไกลจากเส้นทางที่คุ้นเคย  แม้จะผ่านป่ามาหลายแห่ง และรู้จักการเอาตัวรอดในป่าเป็นอย่างดี  แต่ท่ามกลางสงครามและไข้ป่าที่รุมเร้าเขาอยู่ตอนนี้  ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่า...หลังจากผ่านคืนนี้ไป เขาจะไม่ได้เห็นดาวดวงใดอีกเลย

แสงดาวระยิบระยับเต็มฟ้า  เขานึกถึงสัญญาเพียงครั้งเดียวที่ให้ไว้กับหยา... 
สักวันพี่จะพาเธอมานอนดูดาวในป่าข้างๆ พี่

ไม่เคยเลยสักครั้ง ที่ชายหนุ่มจะหลุดปากพูดคำพล่อยๆ ออกไป รวมถึงถ้อยคำหวานๆ เขาก็เลี่ยงที่จะพูด...เขาไม่เคยบอกรัก...ไม่เคยกระทั่งบอกว่าคิดถึง...ชายหนุ่มอยากให้คำพูดทุกคำของเขานั้นหนักแน่นและสามารถเชื่อได้เสมอ...

แต่ถึงวันนี้ เขาก็รู้แล้วว่า  คำสัญญาที่เขาเคยให้เพียงครั้งเดียวนั้น..เขาก็ทำมันไม่ได้

ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรเวลานี้...ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรอีก..

............................................................

สายลมหนาวพัดมาวูบหนึ่ง  ไม่มีแม้สักคำหลุดออกจากปากชายหนุ่ม...เขาจากไปพร้อมกับความรัก ความคิดถึง ที่เขาเก็บมันไว้ ...ในป่าที่เขารัก...ในคืนดาวเต็มฟ้าอย่างที่เขาอยากอวดใครบางคน				
20 สิงหาคม 2548 04:09 น.

รัก..ไม่เจียระไน

..สายลมทะเล..

ปลาย..ไม่แต่งหน้าได้มั๊ย
พี่ที..นี่ปลายก็แทบไม่ได้แต่งอยู่แล้วน่ะ  จะให้ปลายไปร่วมงานโดยไม่แต่งอะไรเลยเหรอ
ก็แค่งานการกุศลจังหวัด..พี่ว่าไม่ต้องแต่งหรอกครับ

ตอนงานแต่งงานลูกชายท่านผู้ว่า..งานสโมสรโรตารี่..งานแม่บ้านกาชาด พี่ทีก็พูดอย่างนี้..แล้วจะให้ปลายแต่งตอนไหนล่ะค่ะ
ปลายเป็นนางแบบ  ใครๆ ก็คุ้นหน้าปลาย  การดูแลบุคลิกภาพตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็น..พี่ทีก็รู้

แล้วนี่ดูซิ  ตัวก็ดำอยู่แล้วยังจะใส่แต่เสื้อแขนยาวสีทึมๆ อีก  มานี่ เดี๋ยวปลายจัดให้..รับรองสาวๆ ติดตรึม เธอเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แล้วกระตือรือร้นไปเปิดตู้เสื้อผ้า  แต่แล้วก็ต้องชะงัก

นี่พี่ไม่มีเสื้อสีอื่นนอกจากดำกับเทาเลยเหรอ เธอกวาดมือรวบเสื้อทีละตัวๆ
เป็นไปได้ไงเนี่ย  พี่ไม่มีเสื้อแขนสั้นสักตัว ..แล้วเสื้อที่ปลายซื้อให้เมื่อตอนวันเกิดล่ะ พี่ทีเก็บไว้ไหน

พี่ยกให้น้องที่ทำงานไปแล้ว
หญิงสาวทำหน้างงๆ
พี่ทียกเสื้อที่ปลายซื้อให้ ให้คนอื่นไปเนี่ยนะ เธอพูดพลางส่ายศีรษะ

พี่ไม่ใส่เสื้อสีส้ม  เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้  ตัวก็ตั้งหลายตังค์  ให้คนอื่นไปใช้ยังมีประโยชน์มากกว่า..พี่ว่าจะบอกเรานั่นแหล่ะ  แต่งานยุ่งๆ เลยลืมไปเสียสนิท..ไม่โกรธพี่นะ
ไม่โกรธหรอกค่ะ..ปลายชินแล้ว สาวน้อยยิ้มให้ชายหนุ่มและพูดด้วยน้ำเสียงปกติ

จะว่าไปแล้ว ตลอดสองปีที่คบกันมา  ปลายยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นได้แทบทุกเรื่อง  แม้วิถีทางของสองคนจะต่างกันโดยสิ้นเชิง ..เขาเป็นปลัดหนุ่มในชนบทต่างจังหวัด  ขณะที่สาวน้อยเป็นนางแบบอยู่ในกรุงเทพ  เขาอยู่กับสังคมเรียบง่ายแบบชาวบ้าน  ปีนึงไปร่วมงานสังสรรค์ของจังหวัดก็ไม่กี่ครั้ง  แต่หญิงสาวต่างออกไป เธอต้องร่วมงานและออกสังคมแทบทุกอาทิตย์  เขาเองเคยไปกับเธอครั้งนึง มันเป็นสังคมที่น่าอึดอัดมากสำหรับเขา  และหลังจากนั้น เขาก็ไม่ยอมไปกับเธออีกเลย  แม้เธอจะพยายามรบเร้าอยู่บ่อยๆ  ชายหนุ่มก็บอกเธอว่า..พี่อยู่กับสังคมแบบนั้นไม่ได้จริงๆ ปลายไปกับเพื่อนๆ เถอะ หญิงสาวไม่เคยแสดงอาการน้อยอกน้อยใจให้เห็น  เธอยังคงยิ้มและคุยอย่างร่าเริงตามปกติของเธอ

ปลาย..ใจคอจะใส่รองเท้าคู่นั้นจริงๆ เหรอ  พี่ว่ารองเท้าปลายแหลมมันเปรี้ยวไปนะ ชายหนุ่มทัก เมื่อเห็นหญิงสาวหยิบรองเท้าปลายแหลมตามแฟชั่นมาใส่

หญิงสาวหัวเราะเบาๆ พี่ทีก็รู้ ปลายชอบแบบนี้..และปลายก็ไม่ได้เอาคู่อื่นมาด้วย  ก็พี่ทีเพิ่งโทรบอกให้ปลายมางานด้วยเมื่อเช้า  ปลายก็รีบ..ไม่ได้หยิบคัทชูติดมาหรอกค่ะ

ชายหนุ่มทำสีหน้าไม่พอใจ  แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก  ที่จริง..เป็นความผิดของเขาเอง ที่ลืมว่ารับปากกับภรรยาท่านผู้ว่าว่าจะพาปลายไปด้วย

.............................................
พี่ทีฮับ..หัวเราะมั่งก็ได้นะ เรื่องเขาออกตลก
พี่ว่าปลายนั่นแหล่ะแค่ยิ้มก็พอ ผู้หญิงหัวเราะเสียงดังไม่ดีหรอก ชายหนุ่มกระซิบตอบเบาๆ
นี่พี่ที ดูซิ ทุกคนก็หัวเราะกันทั้งนั้น เป็นธรรมชาติดีออก ..พี่ซิแปลก นั่งหน้าเฉยอยู่ได้คนเดียว แล้วเธอก็หัวเราะเสียงใสกับมุขตลกของนายอำเภอต่อ

............................................
ปลาย..พี่ว่าปลายต่อโทดีไหม
ทำไมหรือค่ะ
ที่จริงปลายเป็นคนเรียนเก่ง  แต่เพราะปลายอยู่ในวงการนี้ ใครๆ ก็เลยมองว่าพี่คบปลายที่หน้าตา  พี่ไม่ชอบที่ใครมองดูปลายแบบดูถูก
ปลายยิ้มน้อยๆ ปลายไม่คิดมากหรอกค่ะ  คนที่ตัดสินคนอื่นง่ายๆ อย่างนั้น พี่ก็คงไม่เก็บมาเป็นอารมณ์ใช่ไหม ชายหนุ่มได้แต่นิ่งไป

ไม่กี่วันต่อมา เขาก็ซื้อใบสมัครสอบเข้าเรียนต่อระดับปริญญาโทของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาวางลงตรงหน้าหญิงสาว  ..เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วก็ยิ้ม

.............................................
เธอได้เป็นนิสิตสมใจชายหนุ่ม.. และก้าวไปข้างหน้าอย่างภาคภูมิ

.............................................

ตลอดสองปีในรั้วจามจุรีของปลาย  เธอแทบไม่เคยได้เป็นอิสระจากชายหนุ่ม  เขาจะคอยเจ้ากี้เจ้าการดูแลเรื่องต่างๆ ของเธอไปเสียทุกเรื่อง 
..จนกระทั่ง..
สถาปนิกหนุ่มอารมณ์ดีและช่างเอาอกเอาใจเดินเข้ามาในเส้นทางของทั้งคู่ ..ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปจากนั้น

ปลายตัดสินใจคบเขาเป็นพี่ชาย ..แต่เขายอมรับไม่ได้ จึงเลือกเดินจากมา.. 

...การเข้าไปในชีวิตของใครสักคน ต้องระลึกและเจียมตัวอยู่เสมอว่า  เข้าไปอยู่ในโลกของเขา ก็ต้องเกรงใจเขา  อย่าได้เจ้ากี้เจ้าการ จัดโน่นจัดนี่ เปลี่ยนแปลงให้โลกของเขาผิดรูปแบบไป ..เพราะนั่นจะทำให้โลกของเขาต่างไปจากเดิมจนน่าอึดอัด ..และเขา อาจไม่ทนอยู่ในโลกที่เราเปลี่ยนแปลงนั้น...

เวลาและประสบการณ์สอนชายหนุ่มให้เข้าใจธรรมชาติของความสุขมากขึ้น ..เขาตัดสินใจเดินกลับมาหาหญิงสาวอีกครั้ง..

แต่วันนี้ต่างไปจากวันก่อน..เขาเคารพในสิ่งที่เธอเป็น



ลุงทีๆ ไปจับปูลมกัน แม่เสือสาวไม่ชวนเปล่า  แต่กลับดึงแขนเขาให้ตามไปด้วย 
..เขาส่งยิ้มให้หญิงสาวแม่ของเจ้าหล่อน ..รู้สึกมีความสุขอย่างประหลาด.. ความสุขที่ไม่จำเป็นต้องได้ครอบครอง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟ..สายลมทะเล..
Lovings  ..สายลมทะเล.. เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟ..สายลมทะเล..
Lovings  ..สายลมทะเล.. เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟ..สายลมทะเล..
Lovings  ..สายลมทะเล.. เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึง..สายลมทะเล..