25 กรกฎาคม 2550 10:44 น.
สายรุ้ง
ธรรมเป็นยาขนานเอกที่ทำให้คนที่กินแล้วหายจากโรคทั้งสองคือโรคทางกายและโรคทางใจ ผู้รู้ท่านกล่าวว่า มนุษย์ทั้งหลายนั้น ไม่มีใครที่ไม่เป็นโรค คือบางคน อาจจะไม่มีโรคทางกาย ได้เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี ได้ แต่โรคทางใจนั้น ปุถุชน คนเดินดินอย่างเรา ๆ นี้ เป็นอยู่เสมอเป็นอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นธรรมะจึงเป็นโอสถขนานเอกที่ผู้รู้ได้ประทานไว้ให้หมู่มนุษย์ด้วยความเมตตา กรุณา อย่างสูงสุด การฟังดี ๆ ก็มีปัญญา เหมือนกับ กบ หรือ ค้างคาว ได้ฟังธรรม
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วได้มีภิกษุสงฆ์หมุ่หนึ่งได้ไปจำพรรษาอยู่ในป่าใกล้สระน้ำแห่งหนึ่ง พระเหล่านี้ก็ได้ทำการสาธยายมนต์อยู่ตลอดเวลาเมื่อเวลาเช้าและตอนเย็น กบมันได้อาศัยสระน้ำที่อยู่ใกล้ ๆ กับที่พักของภิกษุกบมันก็ได้ฟังเสียงสาธยายมนต์ทุกวันมันก็เพลิดเพลินไปกับเสียงมนต์ที่พระสวดนั้นในขณะที่มันกำลังฟังอยู่เพลิน ๆ นั้นเอง ได้มีแม่โคตัวหนึ่งเดินมาหากินหญ้าอยู่ในบริเวณนั้นมันได้เดินไปเยียบกบตัวนั้นตายเข้าในขณะนั้น
เจ้ากบน้อยเมื่อถูกวัวเยียบตายด้วยอานิสงส์ที่มันได้ฟังการสาธยายมนต์อยู่ซึ่งจิตของมันอยู่กับมนต์นั้นทำให้ได้ไปเกิดเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ นี้ก็เป็นผลของการฟังธรรมทั้ง ๆ ที่กบเองก็ฟังไม่รู้เรื่องเลยแต่มีจิตใจที่เป็นกุศลยังเป็นประโยชน์ถึงเพียงนี้ ถือว่าเป็นยาวิเศษขนานหนึ่งที่เราท่านทั้งหลายจะต้องแสวงหามากินมาใช้ในตัวเรา
20 กรกฎาคม 2550 10:17 น.
สายรุ้ง
มีกบตัวหนึ่งสงสัยมันจะต้องนับถือศาสนาพุทธแน่นอนเลยเพราะว่ามันเกิดอยู่ใกล้ ๆ กับวัดและมีที่พักอาศัยอยู่ไม่ไกลจากกำแพงวันมากนัก มันเคยคิดว่า เอเราในฐานะเป็นสัตว์อยู่ใกล้วัดแล้วเราไม่เคยเข้าไปสำรวจอะไรภายในวัดเลยเดียวถ้ามีคนมาถามว่า ภายในวัดมีอะไร ? พระ เณร เขาอยู่กันอย่างไร? ภายในวัดสะอาดหรือไม่? พระ เณร อยู่กันอย่างไร? ถ้ามีใครมาถามเราแล้วเราตอบไม่ได้เราคงเสียหน้าแย่เลยในฐานะที่เราอยู่แทบติดกำแพงวัด
แล้วเจ้ากบน้อยมันก็กระโดดไปภายในวัดเพื่อสำรวจพื้นที่ภายในวัดด้วยความอยากรู้ พอเจ้ากบน้อยเข้ามาภายในวัดเท่านั้นเอง มันก็ร้องอุทานขึ้นตามประสาของมันว่า " อบ ๆๆ" มันร้องด้วยความดีใจและนำหนิตัวเองว่า ทำไมเรามัวไปทำอะไร ไม่มาเที่ยวในวัด ภายในวัดมันแสนจะสบายและสวยงามมาก ในขณะที่มันกำลังเที่ยวชมภายในวัดอันสวยงามอยู่นั้นเอง ทันใดนั้นมันก็เหลือบไม่เห็นพระภิกษุรูปหนึ่ง เอาข้าวที่เหลือจากฉันแล้วมาเทให้ไก่กิน มันจึงคิดไปว่า โอ๋ ชีวิตอะไรจะสบายขนาดนั้น อยู่ ๆ ก็มีคนเอาอาหารมาให้กินผิดกับตัวเรา ต้องไปหากินแมลงกว่าจะได้แต่ละตัวยากแสนยาก เป็นไก่อยู่ในวัดไม่ต้องทำอะไรเลยก็มีคนเอาอาหารมาให้กินสบายจริง ๆ เจ้ากบน้อยจึงคิดอยากจะเป็นไก่บ้างเพราะสบายดี
ในขณะที่มันกำลังคิดอยากจะเป็นไก่อยู่นั้นพอดีมีสุนัขตัวหนึ่งวิ่งมาจากไหนไม่ทราบวิ่งตรงมากัดไก่ ๆ ร้องรั่น แล้วหมาก็กินข้าวอย่างสบายใจที่ไม่มีกอขอคอ มากวนใจ เจ้ากบน้อยก็คิดว่า โอ๋ นึกว่าเป็นไก่จะดียังถูกรังแกได้ มันก็เลยคิดว่าเอ เป็นหมาดีกว่า ในขณะที่หมากำลังกินข้าวอยู่อย่างสบายใจนั้นเอง มีลูกศิษย์วัดมาจากไหนไม่ทราบเตะเอาที่สีข้างของหมาอย่างแรง หมาร้องรั่น เอ่ง ๆๆ วิ่งเน็บหายไป
เจ้ากบน้อยเห็นอย่างนั้นมันตกใจมากมันอุทานในใจว่า โอ่ นึกว่า เป็นหมาจะดี ก็ยังสู้เป็นศิษย์วัดไม่ได้ มันเลยอยากเป็นศิษย์วัดขึ้นมา หลังจากนั้นเด็กวัดหลังจากทำภาระกิจส่วนตัวเสร็จแล้วก็อยากจะพักผ่อนสักครู่หนึ่งจึงหอบเสื่อหอบหมอนไปหมายจะนอนให้สบาย ก็ไปนอนอยู่กลางศาลาปรากฏว่ามีแมลงวัน มาตอมหน้า ตอมตาอยู่เสมอ ทำให้นอนไม่สบาย เจ้ากบน้อยเห็นดังนั้น
มันจึงคิดในใจว่า นึกว่าเป็นศิษย์วัดจะดียังสู้แมลงวันไม่ได้ เจ้ากบน้อยจึงคิดอยากเป็นแมลงวันขึ้นมาทันที ในขณะที่เจ้ากบน้อยกำลังคิดอยากจะเป็นแมลงวันอยู่นั้น ได้มีแมลงวันบินมาจับที่ปลายจมูกของเจ้ากบน้อยมันก็ใช้ความไวของมันด้วยลิ้นของมันจับแมลงวันตัวนั้นมากินเป็นอาหารเสีย แล้วเจ้ากบน้อยจึงอุทานขึ้นในใจว่า "เป็นอะไรก็สู้เป็นตูไม่ได้"
ปัจจุบันคนเรามองไปแต่ข้างหน้ามองไปแต่คนอื่นไม่มองเข้ามาหาตัวเองมองให้รู้ดูให้เห็นที่ท่านกล่าวว่าบอกตัวเองได้ใช้ตัวเองเป็นเมื่อเราสามารถกลับมาดูตัวเราเองได้ขนาดนี้แล้วเรื่องของความอยากที่มีอยู่ในจิตใจของเราก็จะลดน้อยลงแล้วเราก็จะพบความสุขและตัวตนที่แท้จริงของเรา
19 กรกฎาคม 2550 15:39 น.
สายรุ้ง
มีตำนานเกี่ยวกับความสุขได้กล่าวไว้ว่า..
มีปีศาจอยู่ ๔ ตน อยากจะแย่งชิงเอาความสุขจากมนุษย์ไปเพราะไม่อยากให้มนุษย์มีความสุข ปีศาจทั้ง ๔ จึงปรึกษากันว่าแล้วเราจะทำอย่างไรดี
ปีศาจตนที่ ๑ บอกว่าให้เอาความสุขนี้ไปซ่อนไว้ที่ ทะเล
ปีศาจตนที่ ๒ บอกว่าให้เอาความสุขไปซ่อนไว้ที่ น้ำตก
ปีศาจตนที่ ๓ บอกว่าให้เอาความสุขไปซ่อนไว้ที่ ภูเขา
ปีศาจตนที่ ๔ บอกว่าถ้าเอาความสุขไปซ่อนไว้ที่ ทะเล ที่น้ำตก หรือที่ภูเขา มนุษย์ก็จะหาเจอได้ง่าย
อย่ากระนั้นเลยเอาวิธีที่ง่ายที่สุดคือ เอาความสุขนี้ไปซ่อนไว้ที่ตัวของมนุษย์เองเพราะมนุษย์ส่วนใหญ่ชอบไปหาความสุขนอกตัว มนุษย์จึงไม่รู้ว่าความสุขที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ไหน
ความหมายก็คือ
คนบางคนตั้งแต่เกิดจนสิ้นอายุขัย ยังหาความสุขไม่พบเลย เพราะมองออกไปนอกตัวเอง ความสุขง่าย ๆ เหมือนเด็กอายุ ๑ ขวบ มีความสุขที่เรียบง่าย เพียงได้กินนม นอน เล่น และร้องไห้ ถ้าเราไปเอาสเต็กเนื้อสัน หูฉลาม มาให้เด็ก เด็กคงไม่เอาสู้ขวดนมไม่ได้ เมื่อมีชีวิตที่เติบใหญ่ขึ้น ชีวิตเริ่มซับซ้อนมีหลายอย่างที่มาทับถม ไม่ว่าจะศักดิ์ศรี เกียรติยศ เมื่อมีหัวโขนมาขึ้น ก็เสียหน้าไม่ได้ เลยยอมไม่ได้
จึงทำให้เราลืมความสุขโดยง่าย ๆ กับสิ่งที่เรามีอยู่ และหาได้รอบ ๆ ตัวเรานี้เอง
ขอให้เพื่อน ๆ รองพินิจเถิดว่ามันจริงหรือไม่เพียงเรากลับมาสนใจตัวเราเองให้มากกว่าเดิมแล้วเราจะพบความสุข