31 มกราคม 2551 10:24 น.

กว่าจะไปผับได้

สะพั่งสะท้านไมภพ

หลังจากที่ทำงานเสร็จและเป็นวันพุธ มันเป็นวันที่ถือว่าเป็นวันสันธนาการของผม ผมจึงตรวจสอบเงินในกระเป๋าแล้ว พันกว่าบาท ผมเสียบกระเป๋าตังไว้ที่กระเป๋าหลังแล้วตบตูดด้วยความมั่นใจ 
   หน้าของผมในกระจกดูหล่อเหลาเอาการและด้วยผมที่เปียกน้ำมันและดัดปอยผมข้างหน้าให้แหลมย้อยลงมา ทำให้เป็นเสน่ห์ที่ยังจะหากินได้อีกนาน 
   การเริ่มต้นก่อนจะยามค่ำ ตอนยามเย็นเพื่อนั่งทานข้าวเหนียวส้มตำลาภริมน้ำและกินไปดื่มไปดูหญิงสาวที่ต่างพากันร่อนมอเตอร์ไซด์เที่ยวแล้วเที่ยวเล่าและหลากหลายระรานตาในตอนเย็นริมน้ำแม่กลอง
   แสงแดดเริ่มสีเข้มขึ้นและตกกระทบน้ำเป็นสีกากีกรมท่าสะท้อนความแวววาวแสบตา แต่ทว่าพอกลับเย็นเมื่อดวงอาทิตย์กำลังจะลับเหลี่ยมเขาใหญ่ ยิ่งทำให้แสงสีที่ตกมีความเข้มข้น เตือนว่าใกล้จะมืดมิดแล้ว
   บรรดาสัตว์เล็กเช่นนกต่างก็พากันบินกลับรัง แต่ทว่าคนบางคนเล่ากลับกำลังจะออกหรือกำลังจะไปทำมาหากิน จากการนั่งทานข้าวเหนียวลาบส้มตำริมน้ำ เมื่อบรรยากาศเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนสถานที่กินดื่ม
   จากร้านข้างๆทางริมแม่น้ำ ก็มาเป็นร้านอาหารที่เป็นแพในแม่น้ำ ผมมักจะเป็นแขกคนแรกของร้านเสมอ และบ่อยๆก็มักจะเป็นแขกคนสุดท้ายที่ออกจากร้าน แต่วันนี้คงไม่เพราะผมตั้งใจจะไปที่อื่นต่อ
   แสงไฟที่ประดับประดาตามแพ เริ่มเปิดกันจนเจิดจ้าในท่ามกลางความมืด เสียงเพลงที่เกิดจากอีเลคโทรนดังก้อง สลับคลอด้วยเสียงของนักร้องที่แต่งหน้าเข้มยามค่ำคืน และยังแทรกด้วยดนตรีของแพข้างๆซึ่งเป็นเพลงเพื่อชีวิต 
   ผมนั่งคลอเคล้ากับแก้วเหล้าที่มันใส่ด้วยบรั่นดีไทยและโซดา ตามสูตรของกระผม เมื่อก่อนก็เคยดื่มออนเดอะร๊อกมาก็บ่อยมันก็ดีดูจริงใจดีและมาดเข้มแมนตามแบบชายไทย แต่ทว่าผมชอบความนุ่มๆเสียมากกว่า และการดื่มแบบผมนี้มันจะค่อยๆเมาไปอย่างช้าๆ
   กับแกล้มของผมก็ไม่มากไปกว่า กุ้งแช่น้ำปลา ไก่สามอย่าง ซึ่งก็เพียงพอนั่งจิบเหล้าไปฟังเพลงไป ดูทิวทัศน์ยามเย็น รับแรงลมแม่น้ำที่พัด มองเด็กเสริฟ แทะโลมนักร้องทางสายตา เป่าควันบุหรี่เล่น
   ความเคลิบเคลื้มเพลิดเพลินตามแบบที่คิดเองเป็นสิ่งที่ทำให้เวลาได้หมดไปอย่างรวดเร็ว ก็ไม่รุ้ว่าอะไรที่ทำให้คิดได้ว่าจะต้องทำอย่างนี้แล้วมีความสุข
   สักพักพอร้านเลิกเด็กเสริฟก็ชวนไปเที่ยวต่อ ไปก็ไปผมคิด ชีวิตของผมมีเรื่องราวแปลกๆมากมายในตอนกลางคืน
   นักร้องไม่พอผมก็ขึ้นไปร้องสลับได้จนร้านเลิก แต่นักร้องไม่ยอมเลิกพาไปร้องต่อที่บ้าน
   นักร้องนัดให้เจอตอนเลิก แทนที่จะไปก็กลับไม่ไปเพราะง่วงนอน
   ไถเหล้ากินกับสาวโดดเดียวในผับอย่างหน้าด้าน
   โก่งคอขันร้องเพลงไล่แขกกลับในผับเป็นประจำ
   ตื่นขึ้นมาแล้วจำไม่ได้ว่าร้านที่ไปเมือคืนชื่อว่าร้านอะไร
   ขนหมอนวดจำนวนเต็มรถปิคอัพไปเต้นระบำ
   ชวนหมอนวดมาเล่นป๊อกเด้ง ไม่กีคนแต่มาทั้งร้าน
   เข้าเทคเลี้ยงเด็กเสริฟ รวมทั้งเรียกวงดนตรีที่เล่นสามวงมาดื่มเหล้ากัน ทำให้คนเกือบครึ่งร้านฮาเฮ
   และที่กล่าวมาทั้งหมดมักจะฉายเดี่ยว
   ผมยักไหล่ ตอนนี้ก็มาแล้ว
   ผมก็ชอบติดตามลีลาชีวิตของผมเองว่าจะทนสภาพแบบนี้ได้อีกนานเท่าไหร่แต่เท่าที่ประสบมาก็ไม่เกินยี่สิบสี่ชั่วโมง 
   ลีลาเด็กเสริฟก็ว่ากันไปเช้ามาต่างก็แยกย้ายกันไป
   สรรพคุณของแอลกอฮอล์ทำให้หัวใจของคนที่ชอบแสวงหาความสนุกและความสุขหาได้พบง่ายและเร็วตามจำนวนที่เสพเข้าไป ดนตรีก็เร่งเร้าให้องคายพในร่างกายขยับไหวตามแต่ว่าคนร้องจะมีความเป็นซุปเปอร์สตาร์แค่ไหน
   ลีลาส่ายสโพกของผมขณะร้องขณะเต้นบนเวทียังคงเรียกร้องเสียงปรบมือชอบใจจากคนดูได้ และยังอีกนาน
   ยามที่ผมนั่งละเมียดแบล็ค กรีน โกลด์ หรือ บลู ในสถานที่ที่เสียงดังแก้วหูสั่นขี้หูเกือบไหล ผมรู้สึกว่า มันเป็นสรวลสวรรค์ของผม แม้จะไม่นานก็ตาม แต่หลังจากฟื้นตื่นที่ต้องไปทำงานตอนเช้า ผมก็มักจะถามตนเองว่า ไม่เบื่อและไม่ทรมานบ้างเหรอทุกครั้ง แต่ทว่าพอตกตอนเย็นทีไร มักจะมีเหตุอ้างให้ออกทุกที
   ต่อเมื่อวันหนึ่ง เมื่อได้สะดุดพบกับความไม่แน่นอนของชีวิต ได้หันกลับมาดูแลครอบครัวและจะต้องตื่นตะลึงว่า คนในครอบครัวลำบากเพียงใด ที่ผ่านมาเราเพียงแต่สนใจตนเอง ไม่ได้ใส่ใจกับครอบครัวเลย ภรรยาของเราก็ช่างอดทนนัก ผมสำนึกแล้วในความบันเทิงที่ผ่านมาในอดีต  แต่ยังไม่สายเกินไป ช่างโชคดีสำหรบผมนัก ที่จะได้ทำการแก้ตัว 
   มาบัดนี้ ผมได้ความอบอุ่นจากกายภรรยาและผมก็ให้ความอบอุ่นอย่างจริงใจแก่เธอด้วยความรักแสนหวาน ดูแลลูกเต้าด้วยความตั้งใจ ก็พบว่า สิ่งที่เราแสวงหามาตั้งแต่ตอนหนุ่มนั้น มันก็เป็นเพียงกิจกรรมค่าเวลาเท่านั้น แม้จะระลึกได้ก็เพียงมีรอยยิ้มนิดหน่อยตรงมุมปาก
   ผมไม่ได้เสียดายสิ่งใดๆที่ได้กระทำไปแล้วในอดีต ตรงกันข้าม สิ่งที่ได้ทำแม้จะผิดหรือถุก จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจมันก็ส่งเสริมให้เห็นคุณค่าของความรักที่มีให้แก่ครอบครัวในยามนี้มากมายทีเดียว
   ผมเฝ้ามองคนอื่นที่เขาเริ่มที่จะมีความรัก เริ่มที่จะสร้างสัมพันธ์กันให้เกิดความรักกันแล้ว ภาพเหล่านี้ก็ได้ย้อนกลับมาถึงผมได้นึกเห็นภาพเก่าในอดีตอันหวานแหววแล้วก็อดยิ้มในใจไม่ได้อีก				
29 มกราคม 2551 08:15 น.

เพียงแค่จะเป็นใหญ่2

สะพั่งสะท้านไมภพ

ในตอนนั้น นานมากแล้ว คนที่จบจากโรงเรียนนายร้อย มักจะได้เป็นนายก ไม่นายกรัฐมนตรี ก็นายกอื่นๆ รวมถึงได้รับเกียรติจากการเป็นประธานอื่น หรือผู้นำอื่นๆ หากมีการเลือกสรรเกิดขึ้น
   ดังนั้น ชายไทยทุกคน จึงมุ่งมั่นที่จะหันมาเดินตามทางนี้ ทางสู่ความรุ่ง
ที่หน้าโรงเรียนเตรียมทหารเก่าซึ่งตอนนี้กลายเป็นบาร์เบียร์และร้านขายหูฉลาม เขียนไว้ว่า ทางจะไปรุ่งเรือง หาได้โรยด้วยกลีบกุหลาบไม่ ตอนนั้นเด็กๆยังเข้าใจว่าคงจะโรยด้วยเหงื่อต่างน้ำ แต่ทว่าในปัจจุบันทราบแล้วว่าเป็นอะไร
   แต่อีกทางหนึ่ง หนทางที่จะไปสู่ความร่ำรวย ข่าวลือที่ว่าแม้ยังจะไม่จบก็สามารถซื้อรถยนตร์ให้พ่อแม่ขี่ได้แล้ว บางคนก็หันไปเป็นอีกแบบหนึ่งแบบที่ได้เป็นแล้วรวย
   ขณะที่ผมไอ้น้องอีกสองคนมองหน้ากันด้วยตาที่แวววามรู้ใจกัน คนอื่นกำลังจ้องปัดแข้งปัดขากันอยู่ พวกเราต้องการก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด ดังนั้นการสาบานในสวนหลังบ้าน เป็นพี่เป็นน้องสามคนจึงยังคงเป็นความลับไม่มีผู้ใดรู้
   ต้อม ต๊อก ปู่ เป็นชื่อพวกเราสามคน
   ในสภา ชายชื่อต้อม กำลังนั่งเหม่อลอยตามองประธานรัฐสภาอยู่แต่ใจก็คิดถึง เรื่องราวในอดีต ตอนสมัยเป็นผู้หมวด ผู้กอง ผู้พัน ผู้การ หยุดกึกตรงผู้การ ต้องต่อสู้กับรุ่นน้องคนหนึ่งที่เป็นที่โปรดปรานของเจ้านายและก็สู้ไม่ได้ นั่นนับว่าเป็นความพ่ายแพ้ที่ไม่อาจฝืนให้ชนะได้ แต่บทเรียนแห่งความพ่ายแพ้ที่น้อยครั้งจะพ่ายแพ้เขาก็ได้คิดแก้ลำและเดินรอยตามในอันที่จะไม่แพ้ใครอีกต่อไป ตอนเป็น ผู้บัญชาการกองพล ตอนเป็นแม่ทัพ และสุดยอดตอนที่จะเป็นผู้บัญชาการทหารบก ที่ได้ใช้ศึกยภาพทั้งมวลเพื่อให้ได้เป็น และตอนนี้จากการปฏิวัติได้มาเป็นผู้แทนและกำลังใช้ศักยภาพที่ยิ่งใหญมหาศาลโดยเฉพาะไม้ตายก้าวเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกลาโหมอันทรงอิทธิพลสูงสุดในสถานการณ์การเมืองในอนาคต เพราะนั่นหมายความว่า จะสามารถแต่งตั้งพรรคพวกกองพลเดิมเข้ามาครองอำนาจทางทหารได้อย่างเบ็ดเสร็จ และยังคงจะค้ำบัลลังค์ให้ น้อง ต๊อก กับ น้อง ปู่ ได้อย่างสบายใจ
   ในกองทัพ ชายชื่อต๊อก ได้เป็นผู้บัญชาการทหาร เขาก้าวขึ้นมาจากการสาบานเป็นพี่น้อง ในสวนหลังบ้าน เดินตามรอยพี่ใหญ่อย่างใกล้ชิดติดๆ จากการที่พี่ใหญ่ได้ช่วยริดรอน คนที่มีแววว่าจะแคนดิแดดตำแหน่ง ผู้บัญชาการกองพล แม่ทัพ จนกระทั่งผู้บัญชาการทหาร ให้คนที่มาแรงเหล่านี้กระเด็นไปด้วยความงุนงง หรือหลงดีใจที่โดนย้ายไปตำแหน่งอื่นซึ่งดูเหมือนว่าจะดีกว่าใหญ่กว่า แต่หารู้ไม่ว่าได้กระเด็นออกไปนอกวงโคจรของเขาแล้ว แม้แต่รุ่นพี่ที่ฉลาดในการทำงาน แต่ก็ยังนึกไม่ถึงว่ามันจะเล่นไม้นี้จนต้องเจ็บช้ำใจแต่ก็ไม่สามารถจะพูดได้ ชายคนที่ชื่อต๊อกแม้ว่าทรยศต่อเพื่อนร่วมรุ่น แต่ทว่าบัดนี้เขาได้ครองอำนาจที่เขาพอใจแล้วตามแผนการใหญ่ และน้องปู่อีกคนที่กำลังมาแบบไม่มีสิ่งกีดขวาง เขาก็จะเริ่มวางฐานอำนาจของรุ่นตนให้กลับมามีอำนาจและสำนึกพระคุณของเขาใหม่ต่อไป จนอาจจะไม่ใช่คนที่เคยมีชื่อว่าทรยศรุ่นเพื่อน แต่จะเป็นคนที่มีพระคุณต่อรุ่นมากกว่าในอดีต
   ในกองทัพชายชื่อ ปู่ ได้เป็นแม่ทัพ  เป็นตำแหน่งที่ค้ำประกันของชายชื่อต๊อกให้ยิ่งยงทรงพลังได้ด้วยพลังสองประการ หนึ่งคือพลังกองทัพกรุง สองคือพลังภายในชั้นสูงสุดยอดมือสอย ด้วยพลังอันพิเศษนี้สามารถจะค้ำบรรลังค์ช่วยเหลือพี่ใหญ่และพี่รองได้อย่างสบายๆ
   การช่วงชิงอำนาจในตอนนี้ เบ็ดเสร็จเด็ดขาดลงไปแล้ว มีการแบ่งแนวทางชัดเจนอย่างน้อยก็อีกห้าปี อำนาจก็เหมือนการแตกแขนงของหญ้าแขนงที่ยิ่งนานไปยิ่งเหนียวแน่น
   หากแต่ว่าผู้ที่มีเป้าหมายเล็กย่อมตกเป็นรองแก่ผู้ที่มีเป้าหมายใหญ่กว่า และการได้สร้างรอยแค้นให้กับศักดิ์ศรีของหน่วยบางหน่วยโดยบุกยึดกลางใจกองพลทำให้ความแค้นนี้เป็นความแค้นที่ไม่สามารถอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้ ก็ได้แต่รอเวลาที่อำนาจได้กลับมาในกำมือ แม้ว่าจะต้องชักศึกเข้าบ้านก็ตาม อย่างไรเสียวันหนึ่งจะได้ไปเผาฮอลออฟเดอะเฟรมในบ้านสามพี่น้องให้จงได้
   บรรดาเหล่าทหารที่รู้เห็นต่างก็มองตาปริบๆ ไม่ใช่ว่าพี่น้องประชาชนจะอดอยากตกงานเศรษฐกิจตกต่ำไม่รู้จะมีชีวิตรอดได้อย่างไร ทหารส่วนมากก็เช่นเดียวกันสภาพจนยิ่งกว่าประชาชนมากอดอยากมากกว่าประชาชนมาก แต่ด้วยหัวใจที่ทรนงของทหารแท้ก็ต้องยืนหยัดยึดมั่นในการทำความดีไว้เผื่อว่าสักวันหนึ่งผลกรรมแห่งการทำความดีจะสนองคุณ
  ในโลกปัจจุบันทหารชั้นผู้น้อยไม่ได้โง่อย่างที่ผู้ใหญ่หรือผู้บังคับบัญชาของเขาคิด ตรงกันข้ามผู้ใหญ่ยังคงคิดแบบเดิมๆกดขี่แบบเดิม ด้วยความหลงใหลแบบเดิมๆ ทุกคนได้รับข่าวสารจากแหล่งต่างๆ และทุกคนก็มีความต้องการแบบประชาชนเปี๊ยบ นั่นคือ ใครก็ได้ที่มาเป็นใหญ่แล้ว พวกเขามีเงินเยอะขึ้น มีความรู้สึกว่าได้รับการดูแลที่ดี รู้สึกว่ามีเกียรติ และรู้สึกว่าปลอดภัย
   คิดแค่นี้แหละครับ				
28 มกราคม 2551 06:10 น.

เพียงเพื่อความยิ่งใหญ่

สะพั่งสะท้านไมภพ

ในหัวของคน ย่อมจะมีอะไรๆที่แปลกพิสดารอยู่ข้างใน เช่น ความประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง จึงทำให้เกิดการกระทำที่สติปัญญาของคนๆนั้นได้คิดเค้นเคร่งเครียดแล้วทำออกมา สิ่งที่ได้รับแม้จะยังมองไม่เห็นหนทางแต่ทว่า ด้วยความอดทนอดกลั้น บากบั่น แม้จะไม่ค่อยแน่ใจ ก็ทำให้คนส่วนมากที่ต่อสู้ฝ่าฟันได้พบกับสิ่งที่ตนเองต้องการ
   เธอนางสาว ราธิณี ชาวีร์  นั่งเหม่อมองออกไปจากตึกชั้นที่เจ็ดสิบ มองออกไปเหนือเมืองหลวง ที่ปกคลุมด้วยหมอกเมฆ วันนี้เป็นวันที่เธอได้รับชัยชนะสมตามความหวังของเธอทุกประการ
   วันหนึ่งในอดีต เธอเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสวยงาม บรรดาชายหนุ่มก็ได้ตามจีบเธอหลายคน ทุกครั้งที่เธอแต่งชุดนักเรียนออกจากบ้าน ก็จะมีเด็กหนุ่มข้างบ้านหลายๆคนเฝ้าชะเง้อมองตอนที่เธอออกจากบ้านและตอนที่เธอจะเข้าบ้าน
   ไม่ว่าจะที่ป้ายรถเมล์หรือบนรถเมล์เธอก็จะพบกับลีลาร้อยแปดรถบันทุกของชายหนุ่มหลายๆชนิดหลายๆแบบ รวมถึงตาเฒ่าหัวงู ที่ไม่ได้ตักน้ำดูก่อนจะหลี
   เธอหัวเราะอย่างมีความสุขในตอนนั้น ใช้ซิ เธอได้วาดลวดลายพริ้วพรายยิ่งกว่านางแบบบนแคดวอร์ค ที่ตั้งใจเปิดเผยความวาบหวิวของร่างกายบางส่วนให้แก่ผู้ชมได้ตื่นเต้นดีใจ
   ในห้องนอน เธอได้เปลือยกายล่อนจ้อนหน้ากระจก และเพ่งมองอย่างใกล้ชิดทุกจุดตั้งแต่ใบหน้าจนถึงปลายเท้า ความเรียบรื่นไร้ใฝฝ้าราคี ส่วนโค้งเว้า อกอูมกำลังดี รวมทั้งสมองที่เธอมี ทำให้เธอมั่นใจว่าเธอจะต้องไปได้อย่างไม่ธรรมดา
   เพียงแต่หว่านเสน่ห์นิดหน่อย ก็ทำให้พวกผู้ชายเหมือนเสือติดจั่น เธอขำทุกครั้งที่บรรดาชายหนุ่มต่างก็หันหน้าเขม่นกันและอวดเก่งให้ดูต่อหน้า จนบางครั้งแทบจะมีเรื่องราว
   ไม่แม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้าที่เธอไปตักบาตร หากท่านยังเป็นพระหนุ่มและยังไม่ขาดจากกิเลสท่านก็คงทนผ้าเหลืองร้อนรุ่มไม่ได้
   เมื่อเธอจบการศึกษาเข้าสมัครงานที่หน่วยราชการ และมีการสอบ เธอได้ใช้ลีลาท่านั่งของเธอทำให้กรรมการต้องเอาแต่เดินวนเวียนหน้าโต๊ะของเธอ และแอบก้มต่ำเพื่อลอบมองความงามที่เร้นลับของเธอ
   เมื่อเธอได้เป็นข้าราชการแล้ว บรรดาเพื่อนร่วมงานที่เป็นชายหนุ่ม รวมทั้งหัวหน้ากองก็ได้มาเกาะแกะจีบแทะเล็ม เธอก็มุ่งเน้นไปที่บุคคลที่จะให้สองขั้น ให้ตำแหน่งกับเธอได้
   เมื่อหัวหน้ามีความต้องการอย่างรุนแรงและทุ่มเทให้มากแล้ว เธอก็พร้อมให้ตอบแทนได้ ด้วยการแอบลักลอบนอนและอนุญาตให้หัวหน้าได้สมสู่บรรเทาความกลัดมัน ได้เป็นบางครั้ง จนล่าสุดถึงมือของปลัดผู้มีท่าทางราวกับเจ้าอาวาสแต่ความหื่นมิได้ยิ่งหย่อนไปกว่ารุ่นหนุ่มๆอื่นๆ
   เธอหัวเราะออกมาขณะที่คิดถึงเรื่องเก่า ๆ ด๊อกเตอร์อย่างเธอ ทำอะไรก็ได้เพื่อกุมอำนาจการบริหาร และนั่งอยู่เหนือชายฉกรรจ์อย่างน้อยก็ในสถาบันนี้ 
   แม้เธอจะยังคงเป็นแค่นางสาว แต่นมของเธอแม้จะโดนน้ำมือชายมาหลายคน หรือของสงวนของเธอจะถูกกล้ำกลายแค่ไหน แต่มันก็ยังมีรูปทรงที่เย้ายวนยิ่งกว่าเดิม อีกไกลแน่เธอคิด				
27 มกราคม 2551 07:56 น.

โวหารของพวกเจ้าเล่ห์

สะพั่งสะท้านไมภพ

ในโลกนี้เขาบอกว่ามีทั้งคนและผีปะปนกันไป เดิมทีก็ไม่เชื่อ แต่ต่อมาก็ต้องเชื่อเนื่องจากได้ประสบการณ์มากับตนเอง
   จากตำแหน่งรับเงินค่าสมองไหล 5600 คูณ 2 ต้องโดนย้ายจากตำแหน่งมาสู่ตำแหน่งที่ไม่มีค่าสมองไหล สาเหตุการย้าย ซึ่งทราบภายหลังว่า เนื่องจากนายขอไม่ให้
   คำๆนี้ในคุณค่าของการเป็นข้าราชการทหาร มันหมายถึงความไม่จงรักภักดีทีเดียว ซึ่งก็เป็นความจริงเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น และโลกนี้ก็เป็นแบบนี้ที่ทุกคนจะต้องห่างไกลจากปลาเน่าไม่พูดไม่เฉียดกลายใกล้ เพราะอาจจะกระทบกระเทือนถึงฐานะของตนในทางการทหาร
   ผมเข้าใจดีในคำแก้ตัวของอดีตนายเก่าที่ต้องบอกกับคนอื่นๆไปแบบนั้นเพราะไม่มีเหตุผลที่ดีกว่า ในการที่จะไม่ให้เขาต้องถูกประนามว่าฆ่าน้อง ฟ้องนาย ขายเพื่อน 
   ถึงตอนนี้ ผมเข้าใจได้อีกคำหนึ่งว่า หมาเห่าไม่กัด ส่วนหมาที่ไม่เห่าเนียสุดเจ็บปวด เพราะมันจะงับแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
   ย้อนกลับมาเรื่องเงินค่าสมองไหล แม้จะลำบากเรื่องการปรับตัวการใช้เงิน แต่ก็ไม่ลำบากเกินและปรับตัวได้สบายในเวลาต่อมา
   ผมเริ่มคิดต่อ
   การที่ผมกำลังจะรื้อแบบธรรมเนียมในค่ายทหารในเรื่องระเบียบการจราจรในค่ายทหารขึ้นมาใหม่ เช่นเรื่องการปฏิบัติตามสัญญานจราจรของสารวัตรทหาร ซึ่งทุกคนในค่ายก็ควรต้องปฏิบัติตามทั้งนี้เพื่อให้การจราจรในค่ายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปัญหากับครอบครัวข้าราชการทหารชั้นผู้น้อย หรือพลเรือนจะไม่ค่อยมี แต่จะเกิดปัญหากับครอบครัวของข้าราชการทหารชั้นผู้ใหญ่ ที่ไม่ค่อยจะปฏิบัติตามด้วยถือว่าตนเป็นเมียนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ในเรื่องนี้ ลูกน้องทหารสารวัตรคงจะได้เห็นตัวอย่างพันเอก ที่ต้องโดนคดีอาญา และจะต้องจดจำไว้ในประวัติศาสตร์สารวัตรว่า มีนายทหารระดับพันเอกเคยทำตัวอย่างที่ถูกต้องให้ดูแล้ว ผลของความถูกต้องคือ การโดนคดีอาญา
   เรื่องนี้ในเวลาต่อมา อัยการได้สั่งไม่ฟ้อง
   แต่ทว่าเรื่องนี้ก็ทำไห้ต้องกระเด็นจากตำแหน่งไม่สามารถหวนคืนอีก ก็เสียใจแต่ไม่เท่ากับการที่โดนผู้บังคับบัญชาทอดทิ้ง เลือกญาติมากกว่าความถูกต้อง แถมท้าย เจ้านายที่เซ็นต์คำสั่งย้ายระดับกองทัพบกยังเคยเป็นนายเก่าทำงานด้วยกันมาอย่างใกล้ชิดทั้งนั้น 
   ผมรู้สึกดีใจมากที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นกับผม เพราะได้ทำให้ผมเข้าใจและฉลาดขึ้นอีกมากต่อการปฏิบัติราชการในยุคนี้
   ในห้วงระหว่างเป็นนายทหารบกตกอับนี้ ผมก็ได้เร่ร่อน ก็ไปนอนนวดโพธิเวช ก็มีหมอนวดคนหนึ่ง นวดผมไปก็ด่าทหารไปอย่างสาดเสียเทเสีย จนกระทั่งผมต้องยกมือขึ้นเพื่อให้เขาหยุดด่าแป๊บนึงแล้วบอกเขาว่า
   ก่อนด่าต่อไป ขอบอกก่อนว่า ผมเป็นทหาร เอ้าด่าต่อไปได้
   หมอนวดหัวเราะชอบใจในความบ้าของผม แล้วเธอก็ด่าต่อไปเรื่องลูกของเธอที่เป็นทหารกองประจำการ หรือ พลทหารในหน่วย และต่อมาที่ต้องไปเป็นทหารประจำตัว
   ย้อนกลับไปในอดีตนานมาแล้ว ผมได้ทำหน้าที่เป็นจเร ได้ทำการตรวจเครื่องแบบทหารบก และก็เคยมีวาสนาบารมีได้ตรวจการแต่งกายของท่านเสนาธิการทหารบก ยศพลเอก มาแล้ว 
   แม้แต่นายพล ซึ่งเป็นนายทหารคนสนิทของผู้บัญชาการทหารบก ผมก็ได้เคยเข้าไปชี้แจงให้ฟังว่า ท่านผู้บัญชาการทหารบกต้องการให้กำลังพลมีวินัย โดยการสวมหมวกออกนอกชายคาทุกครั้ง หากท่านไม่สวมหมวก แบบนี้ก็จะทำให้ผมไม่สามารถตรวจคนอื่นได้อีกต่อไป พอท่านได้ยินผมพูด ท่านก็รีบเดินลัดเลาะไปทางด้านหลัง มีเจ้าหน้าที่สารวัตรหลายคนได้เห็นและก็เข้ามาพูดกับผมว่า ผมเห็นกะตาแล้วครับ เสธฯ นี่ของจริง
  ผมนั่งคิดไปมาแล้วก็สยองขนกับความหลงลืมตนของผมที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ผมจึงได้ทำความเข้าใจพฤติกรรมของคนที่อยู่ในตำแหน่ง ในทุกกระทรวงมิใช่แต่กลาโหมแต่อย่างเดียว  ว่า
   หากเป็นคนดีจริงแท้ก็ต้องได้รับผลดี แต่ผลดีอาจจะไม่ใช่ตำแหน่งที่สูงส่ง แต่อาจเป็นความสุขที่แท้จริงของชีวิต
   และผลของความชั่วอาจจะเป็นตำแหน่งที่สูงส่ง แต่ยังไงยังไงก็ต้องได้รับผลชั่วแน่นอน
   ข้าราชการเป็นเครื่องมือของนักการเมืองในการปฏิบัติราชการตามความต้องการของประชาชน หากต้องการให้ข้าราชการทำงานอย่างบ้าคลั่งเพื่อประชาชนแล้ว ก็ควรให้ข้าราชการที่ทำงานเพื่อประชาชนได้เป็นใหญ่เป็นโตมาบริหารงาน ไม่ใช่ต้องออกกฏหมายมากำหนดให้ทำตามเป็นขั้นๆเหมือนนักแสดง 
   หากเมื่อใดคนทำงานหนักได้ดี เมื่อนั้นข้าราชการก็จะบ้ากันทำงาน แต่ถ้าหากมีแต่รับใช้เจ้านายอย่างใกล้ชิดแล้วได้ดี จะไปรบก็ไม่ได้ดี จะทุ่มเทเสียสละให้กับงานแล้วไม่ได้ดี ก็จะมีแต่พวกที่อยากจะใกล้ชิดกับเจ้านายเท่านั้น				
26 มกราคม 2551 09:32 น.

หมอนวด

สะพั่งสะท้านไมภพ

ในสถานที่นวดแผนโบราณหลายๆที่ ก็จะมีหมอนวดทั้งสาวและมีอายุมานั่งในตู้กระจก ในตู้จะมีพื้นปูพรมแดงเป็นชั้นๆขึ้นไป ก็จะคล้ายๆกับพวกอาบอบนวดแผนปัจจุบัน ผิดกันแต่เพียงว่าจะมีขนาดเล็กกว่าและการแต่งกายก็จะผิดกันที่ ที่ใหญ่กว่าจะแต่งชุดราตรี สีสรรแสบตาสดใส แต่ที่เล็กกว่าก็จะเสื้อยืดสีสรรแบบลูกกวาด
   เมื่อเข้าไปแล้วผมก็นั่งมองเลือกหมอที่จะให้มานวดผม มองซ้ายทีมองขวาทีมองไล่ไปจากบนลงล่างจากล่างขึ้นบน เปลี่ยนมามองอกใหญ่อกเล็ก เปลี่ยนมามองความเซ็กซี่ พอกลับไปกลับมาสายตาก็เริ่มงุนงงสมองก็เริ่มมึน
   การนวดปกติก็จะทำครบก็ไม่เกินสามชั่วโมง หลังจากนั้นไปแล้วหากยังอิดออดยังไม่ยอมกลับบ้านก็จะเริ่มจากการปั่นหู  ลงมาเรื่อยๆ
   ในแบบของโพธิ์เวชแล้ว จะเริ่มออกนอกวงโคจรก็เมื่อมีการนวดน้ำมันและจับกษัย 
   หลังจากที่ได้ลองนวดฝ่าเท้าดู ก็มีความรู้สึกที่ว่านวดแล้วทำให้สุขภาพดี ก็จึงได้มุ่งนวดเพื่อสุขภาพมากขึ้น  ก็ทำให้ร่างกายแสนสบายการหายใจตลอดปลอดโปร่ง และก็เห็นว่ารายได้ของการเป็นหมอนวด แม้จะเพียงวันเดียวได้เพียงหนึ่งร้อยถึงสามร้อยบาทก็น่าจะเพียงพอต่อการดำรงชีวิตได้อย่างสบายๆ

   วันหนึ่งผมก็สอบถามข้อมูลจากหมอนวดแต่ละคนที่นวด และก็เริ่มอยากที่จะเรียน มีหมอนวดคนหนึ่งบอกว่าผู้ชายเรียนแล้วก็จะไม่มีใครนวดเพราะส่วนมากลูกค้าชายก็จะนวดกับผู้หญิง   ลูกค้าหญิงก็จะนวดกับผู้หญิง ผมก็เลยเห็นจริง และอีกอย่างหนึ่งก็คือ นวดฝ่าเท้าใช้เวลาเรียนเพียงห้าวัน แต่นวดตัวใช้เวลาเรียนสามเดือน 
   ทุกวันนี้ผมได้ลองไปนวดทุกที่ และสังเกตลีล่าท่าทางการนวด ก็พบว่าลีลาการนวดในแต่ละที่แตกต่างกันยิ่งนานวันยิ่งแตกต่างกันจากสมัยก่อนที่ผมเคยนวดมา 
   สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในการนวด ทำให้ผมมีลมหายใจตลอดปลอดโปร่งสบายเนื้อตัว และรู้สึกได้ว่าร่างกายแข็งแรง มีอาจารย์หมอนวดคนหนึ่งได้ขอดูฝ่ามือของผม ผมก็หงายให้แกดู พอแกเห็นฝ่ามือมีเลือดฝาดไม่แดงเต็มมือ อาจารย์หมอนวดท่านนั้นก็บอกว่าร่างกายไม่แข็งแรงภายใน และควรจะมานวดให้บ่อยขึ้นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง 
    อย่างไรก็ตามเมื่อเจอหมอนวดที่มีฝีมือหลังจากการนวดแล้วก็จะทำให้ผมรู้สึกสบายกายสบายตัวและส่งผลถึงสบายใจด้วย
   นอกจากนี้ผลประโยชน์จากการไปนวด ก็สามารถนำกลับมาใช้ที่บ้านได้โดยการนวดเมียตอนค่ำคืน ครูพักลักจำยังคงใช้ได้ผลในปัจจุบัน
   ผมนั่งคิดย้อนไปถึงเรื่องในอดีตที่เกี่ยวกับหมอนวดแผนโบราณตั้งแต่ก่อนปี 2535 แล้วเหตุการณ์ต่างๆได้ผุดขึ้นมาเป็นตอนๆ  ทำให้ผมยิ้มโดยลืมตัว และที่ขำกับความบ้าของตนเองในอดีต และความบ้าพอๆกันของหมอนวดบางคน 
   ในชีวิตจริงของแต่ละคนหากลบภาพจอมปลอมออกไปที่เกิดแต่อาชีพ จะพบว่ามีเหตุผลที่สมควรทั้งนั้นที่จะต้องกระทำกันในแต่ละฝ่าย  การมีชีวิตที่อยุ่บนสิ่งหลอกลวงจอมปลอมนั้นไม่ได้มีสารัตถะใดใดนอกจากความโง่หลงเท่านั้น  
   แม้จะรู้ว่าที่ผ่านมาได้กระทำสิ่งที่บ้าบ้าโง่โง่อย่างใดลงไป ตราบใดที่ยังไม่มีปัญญาตัดให้ขาดได้ ก็คงยังต้องบ้าและโง่น้อยลงต่อไป หรือบ้าโง่มากขึ้นกว่าเดิม
   ในความเป็นจริงหากเราเคารพต่อตัวตนของคนอื่นด้วยความพินิจพิจารณาให้เข้าใจถึงต้นตอสาเหตุได้แล้วเราก็คงจะมีความสุขใจจากการกระทำของเราได้อย่างไม่ยากเย็น
  ได้ข่าวโรงงานต่างๆปิดตัวลง คนงานจะต้องตกงานอีกหลายพันคน บางทีอาจคิดว่าไม่ดี แต่ตรงข้าม ปิดในตอนนี้ ดีกว่าที่จะโดนโรงงานไล่ออกตอนมีอายุหรือบีบบังคับให้ออกตอนที่มีเงินเดือนสูงก็จะเจ็บช้ำและลำบากมากกว่านี้ ผมเชื่อเสมอมาว่า สวรรค์ได้กำหนดสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเราแล้ว ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆเกิดขึ้นก็ต้องมาพิจารณาให้ดีว่า สิ่งที่ดีทีสุดกับเราคืออะไร หากเข้าใจก็จะสุขใจ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสะพั่งสะท้านไมภพ