8 ตุลาคม 2552 06:57 น.

ในความสับสน

สะพั่งสะท้านไมภพ

ในท่ามกลางหมู่รากหญ้าระดับดาต้า
ที่มีมุมมองแตกต่างแปลกแยก ไร้เหตุผล หรือ อารมณ์ล้วนๆ
ในบริบทที่แตกต่าง
การคิดแต่ละคนไม่ใช่มีคำตอบว่าถูกหรือผิดอย่างแน่ชัด
ส่งผลให้มีการหยิบยกเรื่องราวขึ้นไต่ระดับสู่อินฟอเมชั่น
แล้วแต่จะใช้ดาต้าไหน หรือ ใช้ดาต้าผสม 
และใช้เจ้าอินฟอเมชั่นที่เลือกสรรแล้วออกไป
ในท่ามกลางมหาชน เสตจโฮลเดอ ต่างๆ
ต่างก็คว้าจับตามแต่ความเชื่อของแต่ละสำนัก
ที่มีอำนาจกว้างขวางก็เผยแผ่ออกไปในวงกล้าง

จากการที่ดีเจเปิดเพลงทั้งวันทั้งคืน เพลงเดียว
เปิดอย่างบ้าคลั่ง
เปิดอย่างตั้งใจจริงที่จะเปิดจนแผ่นทะละ ทะลวงกลวงโบ๋วกันไป
เหล่าผู้ฟังแม้จะรอเพบงอื่น
แต่ก็ต้องฟังเพลงที่บรรจงและเจตนาดีของคนเปิด
จนกระทั่งร้องเพลงนั้นในใจตลอดทั้งวัน

ผมนั่งมองย้อนไปในอดีต
สิ่งที่จะสามารถอธิบายความถูกต้อง หรือ ผิด เนี่ย
มันดูเหมือนว่าจะไม่สามารถซะแล้ว
ในท่ามกลางความสับสนแบบนี้
ต้องตามดูกันยาวๆ

ผมสับสนกับตนเอง
แต่ผมพยายามทำความเข้าใจต่อคนอื่นๆ
แม้ว่าจะผิดทางไปบ้าง
แต่มันก็สนุกดี และเป็นการเล่นเกมส์
การใช้ชีวิตก็เป็นการเล่นเกมส์อย่างหนึ่ง
และก็สามารถที่จะเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

ในจิตใจของคนๆหนึ่ง
เมื่อเจอสิ่งที่คิด และบรรจงปล่อยออกไป อย่างบรรจงและแนบเนียนนั้น
ใยเลยเล่าจะไม่เข้าเป้า
แต่ทว่า
โนว์เลดจ์ กลับทำให้หัวเราะหึๆอยู่ในใจ
ไอ้นี่มันมาไม้นี้
หัวเราะอีกห้าทีในใจ
และบรรจงเนียนตีหน้าซื่อๆ เว้าตรงๆ
ในการรบแบบนี้
สนุกสนานยิ่งนัก
สิ่งที่ทำให้หัวเราะหึๆได้คงไม่ใช่อะไรอื่น
นอกจากสองตัวคือ 
ประสบการณ์ หรือ ความรู้
และ วิสดอม นี่เอง

เหยื่อจะหบุดลอดจากปากนักล่า
นักล่าก็ยิ้มเยาะ
ฝ่ายเหยื่อก็ยิ้มเยาะ
ไม่รู้ว่าค่ำคืนกลางวัน หรือวันต่อไป
ใครกันแน่ที่จะได้ในสิ่งที่ต้องการ

สติปัญญาที่ดีกว่าย่อมกินตลอดไป

เรื่องนี้เป็นเรื่องของการใช้ชีวิตของผม
และแปรเรื่องราวมันให้อ่านยากขึ้น
แม้ว่าจะไม่มีดีกรีใดๆ
แต่หวังว่าจะทำให้ผู้อ่านบันเทิงเริงรมณ์ได้ไม่มากก็น้อย

ขอบพระคุณที่ติดตามผลงาน				
7 ตุลาคม 2552 20:07 น.

หลุด

สะพั่งสะท้านไมภพ

ตอนเช้าตื่นมาก่อนไปทำงาน ผมก็ไปอุ่นเครื่อง แล้วก็ยืนสูบบุหรี่ สายตาก็มองเห็นอะไรแว๊บๆ ตรงขอบฟุตบาต
อะไรดำๆ
เนื่องจากมันยังเช้าตรู่อยู่
ด้วยความไม่สนใจก็เลยไม่มอง 
แต่ทว่าพอมีแสงให้เห็น ก็มองอีกครั้ง มองว่ามันคืออะไร
ครับ
ชัดเจน
กันชนของผมเอง
ผมนึกอีกว่าจะเก็บดีไหม หรือจะทิ้งไว้
คิดอยู่นาน หยิบมาดูว่ามันชำรุดไหม ไม่ชำรุดก็เก็บไว้ดีกว่า

เมื่อเช้าตรู่เมื่อวานนี้
ผมกลับรถ และต้องถอยรถ แต่มันมืดไปหน่อยจึงชนกับฟุตบาต
และพอถึงที่ทำงานก็มองที่ท้ายรถ
ไม่เห็นมีบุบ

ที่แท้ก็กันชนนี่เอง
รถของผมมีบางอย่างที่หลุดไปแล้วผมไม่รู้

คราวที่แล้วขับรถไป
มีเสียงดังปังที่เครื่องยนต์ด้านหน้า
ก็ไม่รู้ว่าอะไร
ยังขับได้อยู่
แต่พอเปิดฝากระโปรงปรากฏว่าสายพานแอร์หายไป

ในตอนนี้เนื่องจากขับรถพุ่งไปข้างหน้าตามใจปรารถนา
ทำให้ความเร่งมันขึ้นอย่างพรวดพราดหลายๆครั้ง
ก็ปรากฏว่าสายวัดความเร็วขาด
ขับไปแล้วไม่รู้ว่ามีความเร็วเท่าไหร่

ผมก็ไปให้ช่างซ่อม
ช่างก็หาอะไหล่ไม่ได้
ผมก็เลยไม่ใส่

แถมตอนใส่ต้องไขน๊อดตรงหน้าคอนโซลออก
แต่เวลาปิด กลับหายไปตัวหนึ่ง

ผมไม่รู้ว่ามีอะไรอีกไหม
ที่หลุดล่วงไปโดยผมไม่รู้

แต่อย่างไรก็ตาม
รถคันที่ผมรักที่สุด
ก็จะอยู่กับผมไปจนกว่า
จะเหลือชิ้นสุดท้าย

รักแท้ย่อมไม่แปรผันครับ

เราจะอยู่ร่วมกันตลอดไป
ไปไหนก็ไปด้วย				
6 ตุลาคม 2552 21:24 น.

คนบ้า

สะพั่งสะท้านไมภพ

ผมนั่งคิดอะไรตลกๆ
การวัดใจคนหนึ่งคนมันสนุกแบบเจ็บแสบถึงใจจริงๆ
เมื่อผมใช้ลูกน้อง
แล้วลูกน้องบอกว่า
ให้หัวหน้าไปเอาที่นั่นเองดิ
ก๊ากๆๆ
ลูกน้องผมมันไม่ได้ล้อเล่นเลย
ผมถอยห่างจากมันมาสักสามสี่วา
แล้วจ้องมองดูมัน

สิ่งที่ลองบางอย่างไม่สามารถเล่าได้ในที่นี้
แต่ทว่าปัจจุบันดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ยุครุ่ง
เห็นการพล่าม
บางครั้งสิ่งที่ได้รับการข่มขืนให้ฟัง
มันก็ทรมานจริง

เห็นการเหน็บ
ลับหลังจากบุคคลที่หนึ่งที่สอง ต่อผู้กล่าวถึง
แต่ผมมองคนเหน็บ
มันก็ไม่รู้ตัวเลยเหมือนกันว่าก็มีคนอื่นเหน็บเขา
และผมก็มีคนเหน็บเหมือนกัน
แต่ผมก็ไม่รู้เช่นเดียวกัน

เห็นเด็กวัยรุ่นขี่มอเตอร์ไซด์
เห็นมอเตอร์ไซด์ขี่บนเส้นประขาวระหว่างเลนสอง กับ เลนส์สาม
บางทีก็แกล้งแชว๊บล้ำเข้ามาในแนวรถพุ่ง
ทำให้ผมตกใจหมดเลย

เวลาที่เราต้องมีวันหนึ่ง
ที่เราต้องจะต้องเดินสวนทางกับคนบ้า
ผมว่าผมกับคนบ้า
ต่างคนต้องต่างระแวงกันแน่เลย

ขอบคุณที่ดตามผลงาน				
6 ตุลาคม 2552 21:14 น.

ด๊ากเต้อ

สะพั่งสะท้านไมภพ

ระดับดาต้า
ระดับอินฟอเมชั่น
ระดับโนวเลดจ์
ระดับวิสดอม
ขออนุญาตครับพี่ ไอ้คำว่า วิสดอมเนี่ยแปลว่าอะไรขอรับ
โฮะๆๆ 
ไม่บอกซะงั้น
ผมมองดูแววตาคนอื่นแล้วต้องอดสูใจทีเดียว
อดสูที่ว่าเรามันรู้น้อยกว่าคนอื่น(โง่)
เมื่อออกมาจากห้องได้ก็รีบแจวแน๊บไปบ้าน
ที่บ้านผมมีหอตำรา
ไปเปิดดูแล้วก็ตบเข่าฉาดๆๆ
ใช้ได้เลย ผมหัวเราะให้กับตนเอง 
ผมนั่งมองออกไปทางนอกหน้าต่าง
และคิด
เรื่องราวต่างๆของโลกปัจจุบันมันช่างมีความปิลึกดีแท้
แต่ทว่า
เพียงคำอธิบายสี่บรรทัดแรกก็ทำให้เรากระจ่างแจ้ง
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะจริงหรือเปล่า
ตราบใดก็ตามที่เราไม่สามารถจะสื่อสารให้คนอื่นสามารถเข้าใจความคิดของเราได้ก็ย่อมจะเป็นแบบเดิม
ทำไมเราถึงไม่ไปเรียนด๊ากเต้อ
จบมาแล้วคงจะหน้าตาผ่องใส
หัวก็คงเถิกจากหน้าไปถึงข้างหลัง
ผมก็จะฟูออกข้างๆ
แต่งตัวก็จะเหมือนหมอ
และแล้วผมก็นึกได้ถึงเพื่อนของผมคนหนึ่ง
มันอยากจะเป็นด๊ากเต้อ
แต่ทว่า
มันสอบไม่ผ่าน
ตอนนี้
มันเป็นด๊ากเต้อในโรงพยาบาลจิตว่างเปล่าไปแล้ว
ในหลายวันก่อน
ผมชวนๆเพื่อนพ้องน้องพี่ไปจิบของมึนเมาริมแม่น้ำ
เฮและฮากันตามสะดวก
พอรุ่งอีกวันหนึ่ง
ญาตผมชวนผมไปนั่งดื่มสุราริมแม่น้ำวันออกพรรษา
พอวันต่อมานายชวนไปกินอีก
วันที่สามนี้ผมกินน้ำเปล่า
เพราะว่าผมเบื่อชีวิต
กินจนอ๊วกลงคลองไปสามครั้งแล้วก็ไม่เห็นจะมัน
กลับรู้สึกผิดๆเสียด้วยซ้ำ
แต่ก็นึกไม่ออกว่าผิดอะไร
และมั่นใจว่าสิ่งที่ทำลงไปไม่ใช่
ผมเริ่มนึก
กลับพบว่าเราลืม
ลืมสิ่งที่เคยสัญญาให้กับตนเอง
และเมื่อคิดได้ก็เริ่มใหม่
ความลืมนี่เอง
ทำให้เกิดพลวัตร
หมุนติ้วเชียว
แต่ทว่า
สำหรับผมแล้วเอาแค่กระเพื่อมนิดๆก็พอแล้ว
ผมหัวเราะให้กับตนเอง
พยายามรักษาสภาพจิตใจไม่ให้โกรธ
ด้วยการมีน้ำใจในการขับรถมาตลอดทาง
แต่ทว่า
เมื่อจะเข้าหมู่บ้านหน้าป้อมยาม
ก็มีมอเตอร์ไซด์ตะโกนให้ของลับดังลั่น
ผมรู้สึกเฉยๆ

ไม่ได้โกรธเลย
และผมรู้สึกว่า
หากเป็นของดีๆแล้วเราก็ควรจะรับ
แต่หากเป็นของไม่ดีแล้ว
ก็ควรคืนเขาไป
ด๊ากเต้อน่าจะไกลเกินแกงเกินไป
เอาแค่เอาตัวให้รอดก่อนน่าจะดี
และเมื่อกลับสู่ชีวิตจริง
ไม่ได้ฝันอย่างเมื่อครู่
ผมก็มีความสุขที่กลับจากทำงานแล้วมีเหงื่อท่วมกายเข้าบ้าน
รถติดมาถึงเย็น
ภรรยาและลูกยังมาไม่ถึง
ผมก็เข้าครัวทำกับข้าวอุ่นข้าวที่เหลือเมื่อเช้าและรอ
ผมนั่งทานผัดถั่วฝักยาวกับลูกชิ้นหมู
และผัดผักบุ้งไฟแดง
และผัดพริกหวานที่เหลือเมื่อเช้า
ใช้ตะเกียบคีบเข้าปาก และพุ้ยข้าวทีละนิด
ดื่มน้ำเย็นสะอาดๆ
ตาก็เชียร์มวยไทยกับญี่ปุ่น
ชนะแล้วก็ขึ้นมาเปิดอินเตอร์เน็ต
โช๊ะ
เน็ตหลุดไปแล้ว
ปรากฏว่าลูกของผมเลิกเล่นและปิดไฮสปีดแล้ว
ผมหัวเราะให้กับตนเอง
แล้วผมก็ปิดคอมของผม
บ้านอื่นอาจจะมีพ่อแม่คอยปิดไม่ให้ลูกเล่นเมื่อถึงเวลานอน
แต่บ้านผม
ลูกจะเป็นคนปิดครับ
ขอบพระคุณที่ติดตามผลงานครับ				
29 กันยายน 2552 06:57 น.

บลูเรเบิล

สะพั่งสะท้านไมภพ

วันนี้ผมได้เชิญผู้ที่ผมเคารพนับถือมาทานเลี้ยง
ผมนั่งคิดว่าจะหาสิ่งที่ดีที่สุดในงานเลี้ยงมาดื่มกัน
ไม่มีอะไรเหมาะสมเท่า บลูเรเบิลอีกแล้ว
กลิ่นหอมๆของมัน
ทำให้คนที่เห็นแค่ขวด ล้วนแล้วแต่แสดงความนับถือ และให้เกียรติ
ไม่ใช่ให้เกียรติต่อเหล้า หรือ ความแพงระยับของเหล้า
แต่นับถือ ต่อคนที่จะต้องได้ดื่มมัน เพราะถือว่าในวงการปีศาจสุราแล้ว
แบบนี้เป็นการให้เกียรติอย่างสูงส่ง
แม้จะไม่ว่าง
ก็ต้องอยู่ร่วมงานสักหน่อย

พยาธิในท้องร้องครวญคราง
สิ่งใดที่เคยลิ้มรสแล้ว
และติดใจ
มันมักจะเรียกร้องเอาอีก

ผมประทับใจที่ผู้ใหญ่ใด้มาร่วมงานเลี้ยงที่ผมจัดขึ้น
ผมก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องมา
คนที่มาผมก็ไม่ได้หวังว่าจะมา
และผมก็นึกขอบคุณคนที่มา
ต่างคนต่างก็มาด้วยความรัก

ในกลุ่มเล็กๆ ผมเฝ้าแต่ดูแล
ให้พี่ๆเพื่อนๆทั้งหลายได้รับความสุข
เสียงหัวเราะ
การพูดคุย
และที่สุด การร้องเพลงที่น้ำตาต้องไหลและท้องแข็ง
ด้วยความขำ และไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยในชีวิต

ทำไมพี่เขาถึงร้องอย่างนี้ได้
เพราะเขามีในสิ่งที่เราไม่เคยมี และให้ในสิ่งที่เราไม่เคยรู้
การร้องเพลง
ไม่ใช่ร้องเพื่อให้คนร้องมีความสุข
แต่เพื่อให้คนที่รับฟังมีความสุขต่างหาก

ในงานนี้ ผมไม่ได้ซื้อบลูเรเบิลมากิน
เพราะหลังจากที่สอบถามราคาเหล้าจากร้านแถวเสาชิงช้าแล้ว
หกพันห้าร้อยบาท
มันไม่แพงที่จะซื้อ
แต่เสียดายว่าน่าจะไร้สาระมากเกินไป

ในต่อมาจากการสอบถาม
ก็ทราบว่า ท่านชอบกินน้ำเขียว และตีนเป็ด
ผมหัวเราะให้กับตนเอง
ว่าแล้วก็จัดสิ่งที่ชอบรอไว้
งานเลี้ยงที่ผมจัดขึ้นได้ผ่านไปอย่างเรียบร้อย
ผมเองมีความสุขที่ได้ทำสิ่งที่มีโอกาสน้อยครั้งที่จะทำ
และจะมีสักกี่คนในโลกนี้ที่เชิญ
ผู้อาวุโสเหล่านี้มาร่วมงานเลี้ยงได้

ความสุข
ได้รับทั่วทุกคน
ไม่เว้นแม้แต่เด็กเสริฟ คนเปิดคาราโอเค

ความรู้สึกจริงใจ
มันไม่ได้เกิดจากบลูเรเบิล เหมือนการคิดไว้ตอนแรก
แต่ทว่ามันเกิดจากใจที่แผ่รังสีออกไปต่างหาก

ผมรับรู้ได้
รับรู้ความรู้สึกได้จากทางใจ
และเห็นได้จากแววตาของผู้อาวุโส
ว่าแต่ท่านก็รับทราบในน้ำใจ

งานเลี้ยงมีสองแบบ
งานเลี้ยงดีใจ
งานเลี้ยงแท้งกิ้ว

แต่เมื่อกลับมาที่บ้าน
การที่มีน้ำใจมากๆ
ก็ทำให้เด็กเสริฟเริ่มรู้จักอย่างสนิทสนม
และเมื่อเขาทราบในน้ำใจของเรา
เขาก็จะให้ความนับถือ

ในชีวิตของผม
ผมไม่เคยแสวงหาความนับถือจากการมียศศักด์
แต่ผมกลับชอบการแสดงความนับถือจากน้ำใจที่มีให้ต่อกัน

แท๊กซี่ที่เคยจอดถามเรายามรถเสีย
ทำให้ต้องตอบแทนและอดกลั้นต่อแท๊กซี่บางคันที่ไม่มีมารยาทที่ดีในการขับรถ

ผมมีความสุขต่อทุกเรื่องราว
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่ไร้สาระหรือมีสาระ
การให้เกียรติต่อคนทุกคน ต่อทุกชนชั้น
มันไม่ได้ทำให้เกิดอะไร
อาจทำให้คนอื่นในฐานะเดียวกันรังเกียจ
แต่ทว่า
ยามเราตกต่ำจะมีสักกี่คนที่คอยดูแล
เมื่อโชคดีได้ตกต่ำสักครั้งหนึ่ง
ก็จะได้มิตรแท้มาคนหนึ่ง
มิตรแท้ย่อมหาไม่ได้ด้วยการมีเงิน
แล้วยังงี้ จะว่า โชคไม่ดีได้อย่างไร

หากไม่คิดเรื่องบลูเรเบิล
ก็คงจะไม่รู้เรื่องของความจริงใจ

ขอบพระคุณที่ติดตามผลงาน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสะพั่งสะท้านไมภพ