21 มกราคม 2553 11:07 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
ผมได้เข้าทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
ผมได้รับท่าทีที่แข็งกร้าวในครั้งแรกที่พานพบ
ผมไม่เข้าใจว่าหรืออาจไม่รู้ว่าทีท่าที่ปกติเป็นเช่นนี้กระมัง
มองลงไปในภาพแห่งความจริง
มายาภาพที่สร้างไว้ย่อมหลอกให้คนทั่วไปหลงเชื่อ
ผมไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นอยู่แล้ว
ผมตามดู ฟังเรื่องราวเก่าๆ จึงจะสามารถรู้จักตัวตนของท่าทีที่แข็งกร้าวได้
กับข้าวดูเหมือนว่าจะมีน้ำพริกกระปิเป็นหลักพร้อมผักสดๆ
กับข้าวสวยร้อนๆดูเหมือนว่าจะอิ่มเอมแบบเพียงพอได้ไม่เคอะเขิน
เสียงร้องเพลงคาราโอเกะใกล้บ้านดูเหมือนว่าไม่ได้จูงใจพอให้คิดไปนั่งได้เลย
เอ๊ะนี่เราแปลกแยกไปกว่าชาวโลกหรือเปล่า
ความเข้าใจในความคิดคำนึงไม่รวนเรอย่างแน่นอน
ในความเข้าใจอย่างนี้ในบริบทนี้ยังไม่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนไป
ความพึงพอใจในเรื่องที่ทำ
แต่ก็มีสอดแทรกเข้ามายั่วเย้าบ้าง
หยุดกึกแล้วทำท่าจะหันเห
แต่ทว่าก็ยังคงหันกลับมาในทิศทางเดิม
การก้าวหน้าตามจุดที่เล็งไว้ข้างหน้ายังคงเดิม
แต่ก็ไม่ทราบว่าการเปลี่ยนแปลงจะมาให้เกิดได้ในรูปแบบไหน
มันเป็นเรื่องที่น่าติดตามและน่าสนใจจริง
ขณะที่หลายคนต่างก็ปัดเป็นพัลวันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัญหา
แต่ทว่าได้ทำในสิ่งที่เป็นปัญหาในระยะยาว
สร้างความเบื่อหน่ายให้เกิดแก่ผู้ตั้งใจ
สร้างความท้อแท้เบื่อหน่ายให้แก่ทหารแท้
สร้างความย่อท้อให้แก่นักรบตัวจริง
เสียงเพลงความฝันอันสูงสุดยังคงดังออกจากปากของตนเอง
ขณะที่ข้างนอกยังคงเป็นเพลงเดิมเพลงฮิตในร้านคาราโอเกะ
ระลึกถึงคำบางคำในความฝันอันสูงสุด
ใช่เราต้องไม่ท้อแม้ถูกเหยียดหยาม
ผมยิ้มให้กับความคิดในห้วงเวลาของความเหงาและห่างไกลครอบครัว
ใช่เราไม่ใช่มาเพื่อมาหาความบันเทิง
แต่เรามาเพื่อแก้ปัญหาชีวิตของครอบครัว
และมาหาโอกาสสร้างประโยชน์สักเล็กน้อยให้ส่วนรวม
ความสามัคคีนั้นดีจริง
ในยามนี้
แม้ว่าในห้องหับพักผ่อนคนเดียวห่างไกลครอบครัวจะเหงาแล้ว
แต่ในท่ามกลางคนที่ลงมาแก้ปัญหาในแดนใต้ยิ่งเงียบเหงาและเครียดหนักกว่า
ความอับอายในการกระทำความชั่วมีมากในหลายๆคน
แต่อีกหลายคนอาจแปลงความละอายเหล่านี้ให้เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจอย่างอื่นไป
ผมอ่านหนังสือหลายๆเล่มที่เขียนขึ้น
เห็นว่าบ้างก็เขียนในลวดลายที่แตกต่างและหวังประโยชน์ที่แตกต่าง
กระแสของความเข้าใจที่แตกต่างมันปะปนจนสับสน
แต่ทว่าอาศัยธรรมชาติ
ก็อาจจะเรียบเรียงได้ด้วยความเข้าใจในระดับระดับหนึ่ง
อาจมากกว่าสิบระดับ
แต่ทว่าความตั้งใจที่ดี
และพยายามจะสามัคคี
รับฟังความคิดความเห็น
พยายามทำความเข้าใจความคิดความเห็น
และไม่บังอาจชี้ว่าถูกหรือผิด
จนกว่าจะมั่นใจ
ก็ทำให้ต้องศึกษาและสนุกสนานบันเทิงใจเป็นอย่างยิ่ง
กิน นอน ทำงาน คิด พูด ล้วนแล้วแต่เป็นสุข
ยามใดที่เป็นทุกข์ ก็เอาพาวเวอร์พอยต์ของในหลวง มาเปิด
ชื่นชมทุกบทแล้ว เข้ากับตนเอง
จิตใจก็พร้อมทำงานต่อไป
การต่อสู้ที่ยากทุกครั้งเหมือนกันหมด
การต่อสู้ที่แตกต่างไปจากเดิม
มีแต่ผู้ที่ฉลาดและซื่อสัตย์เท่านั้นที่จะเอาชนะปัญหาได้
ผมพูดกับเธอเท่านี้
หรือเธอลืมไปแล้ว
10 มกราคม 2553 20:47 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
ผมเคยเป็นผู้หมวดปืนเล็กทหารราบมาแล้ว และได้เคยออกไปทำงานที่ชายแดน ต้องดูแลลูกน้อง และปฏิบัติงานการรบตามแนวชายแดน มีลูกน้องหลายคนโดนงูกัดเมื่อตอนเดินตรวจเวร มีลูกน้องหลายคนโดนกับระเบิดตาย และมีลูกน้องหลายคนได้ปะทะ และสามารถมีผลงานในการปฏิบัติการทางทหาร
หลายปีผ่านมา รัฐบาลต้องการลดจำนวนทหารลง
ผมคิดครับ ว่า ชายแดนห่างไกลจากเมืองหลวงเท่าไหร่ แต่ต่างกันราวนรกที่ชายแดน และสวรรค์ในเมือง ที่ย่านเยาวราชจะรู้ไหมว่า ทหารที่ชายแดนลำบากแค่ไหนในการดูแลความปลอดภัย
วันหนึ่งผมเดินไปหาฝ่ายเสนาธิการและยกปัญหาเรื่องลูกน้องของผมที่ตอนนี้ยังเป็นจ่าอยู่
ฝ่ายเสนาธิการระดับผู้อำนวยการกองมองหน้าผม แล้วบอกว่า สมัยนี้เขาเลิกรบกันแล้ว
ปัจจุบัน
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดขึ้น
และสิ่งที่เราต้องการมากๆก็คือ ทหารที่มีประสบการณ์ในการรบ
ผมได้ไปเห็นสิ่งที่ทหารในฐานระดับหมวดปฏิบัติการ
ผมยอมรับว่าเขาเก่งกว่าสมัยผมเป็นผู้หมวดมาก
ผมเพียงแต่ให้กำลังใจและให้ข้อแนะนำเท่าที่จำเป็น
และผมไม่พูดถึงอนาคตของเขาที่จะต้องเจอ
อุตส่าห์รบมาแต่พอถึงตอนโตกลับไม่เคยคิดถึงความเสียสละและกล้าหาญ
จนต้องทรมานจิตใจในยามแก่
น้ำตานักรบไม่เคยมีให้ใครนอกจากเพื่อนทหารที่ต้องด่าวดิ้นในสนามรบ
ผมให้คำแนะนำผู้หมวดเรื่องหนึ่ง
เมื่อใดก็ตามที่ต้องทำงานเรื่องแปลกๆ และคิดไม่ออกว่าจะต้องทำอย่างไร ก็ขอให้เอาพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่พึ่ง ก็จะสามารถทำให้ภารกิจที่ได้รับมอบมาสำเร็จได้
ผมให้ได้เพียงเท่านั้น
ตอนนี้เขาเริ่มรบกันใหม่อีกแล้วนะครับ
10 มกราคม 2553 20:26 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
ผมมองเห็นคำสั่งฉบับหนึ่งวางอยู่ตรงหน้า ผมหยิบมันขึ้นมาอ่าน แล้วก็วางมันลง ผมบอกกับตนเองว่า ผมไม่ชอบเลยแบบนี้ มันกั๊กไปกั๊กมาอย่างไรก็ไม่รู้ และมันย่อมทำให้เกิดการสับสนในการทำงานของผมได้ ผมโตและเป็นผู้ใหญ่พอที่จะคิดพิจารณาก่อนที่จะพูดออกไป
หัวหน้าแผนก ทำงานเป็นหัวหน้าส่วน และหัวหน้าส่วนทำงานเป็นหัวหน้าใหญ่ หากหัวหน้าใหญ่มา ให้หัวหน้าส่วนทำหัวหน้าส่วน และหัวหน้าแผนกทำงานหัวหน้าแผนก
ผมมักจะปฏิเสธการเดินทางโดยเครื่องบินเสมอมา แต่ทว่าหากเป็นการเดินทางไปราชการแล้วแม้จะไม่ชอบไปโดยเครื่องบินใดๆ แต่ก็สามารถไปได้
ผมมองดูหัวหน้าอุปโลก รุ่นน้อง มานั่งเป็นหัวโต๊ะ ผมมองเขา และคอยฟังคำพูด ทุกระยะ ผมยิ้มให้กับความคิดของเขา ไม่เข้าใจในเรื่องใดๆเลย และยังไม่มีเทคนิคใหม่ๆ มีแต่เทคนิคเก่าๆ โบราณ
ผมไม่ต้องการกีดขวางการปฏิบัติงานใดๆ แม้จะไม่พึงพอใจในการวางหมากตานี้ รุ่นพี่อีกคนให้คำนิยามไว้ว่า ไก่ตรุษจีน จิกกันเอง
ที่ผ่านมาหากเป็นงาน ผมรับได้ทุกเรื่อง ไม่ว่างานนั้นจะกระจอกเพียงไหน และผมก็จะทำให้สำเร็จทุกครั้ง
สิ่งที่ผมทำจะต้องสำเร็จเท่านั้น
ด้วยความคิดของผม กอปรกับความเป็นห่วงของภรรเมีย และสิ่งที่ผมได้ทุ่มเทให้กับงานตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้
ผมเคยตกระกำระบากแต่ก็มีเมียเท่านั้นที่คอยดูแลให้กำลังใจ
ผมตั้งใจทำงาน แต่ผมเจอเรื่องราวแบบนี้เข้า
ความจริงผมเป็นนักต่อสู้คนหนึ่งและไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
ผมนั่งจุดบุหรี่สูบทุกครั้งก็คิดชั่งใจในเรื่องนี้
และผมก็ตัดสินใจ
ผมเขียนใบขอจบภารกิจ เนื่องจากความเป็นห่วงของครอบครัว
และผมก็ได้ไปติดต่อที่ทำงานแห่งใหม่ไว้แล้ว และที่ใหม่ก็ยิ้มแย้มรับผมเข้าทำงาน
การทำงานให้เกิดประโยชน์ของผม ทำที่ไหนก็เกิดประโยชน์ นิดเดียว
ดังนั้นที่ไหนก็เหมือนกัน ก็เกิดประโยชน์นิดเดียว
แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ผมตกใจในการตกลงใจในเรื่องนี้
แล้วถามตนเองว่า
เอ็งบ้าไปแล้วหรือ
อยากจะได้รับการโปรโมทจนกระทั่งลืมความดีของภรรเมีย
ทุกคำเสนอแนะของภรรเมียจะต้องเป็นเรื่องที่ต้องนำมาคิดใคร่ครวญไตร่ตรองให้รอบคอบให้มากกว่าที่เคยทำมาในอดีต
ปิ๊ง
ได้คำตอบแล้ว
การจบภารกิจเดิม แล้วไปทำภารกิจใหม่ เป็นคำตอบที่ดีที่สุดในตอนนี้
ลดความบ้าทะยานอยากลง
และก้มหน้าก้มตาทำงานไปในแนวทางที่ไม่ขัดใจใคร
พูดจาไพเราะเพราะพริ้งและไม่แลบลิ้นเลียยาว
แต่งตัวเรียบเรียบและเรียบร้อย
ใช้เงินใช้ทองอย่างประหยัดอดออม
น้อมนำหลักทรงงานของพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ในการทำงาน
และตั้งใจทำงานพร้อมกับการดูแลครอบครัว
ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบเป็นอย่างไร
และสิ่งใดก็ตามที่ตัดสินใจไปแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามนั้น
ที่จริงก็ถึงเวลาที่จะพูดได้แล้ว
แต่ทว่า ผมกลับฟังและคิดตามไปแต่เพียงอย่างเดียว หากต้องพูดก็จะพยายามพูดให้น้อยที่สุด
และติดตามดูความบ้าคลั่งผิดแผกแตกต่างต่อไป
แต่ก็ยังไม่ฟันธงว่าอาจเป็นดังที่ผมคิด
แต่ถ้าเมื่อไหร่เข้าใจอย่างถ่องแท้
ก็จะได้ข้อสรุปเอง
งานที่ผ่านมาบางงานเป็นงานที่เสี่ยง
และบางงานเป็นงานเสี่ยงที่แบบไร้สาระที่สุด
แต่หากว่าเป็นงานแล้ว
ผมมักจะคิดว่า มันเป็นงานที่สำคัญยิ่งทีเดียว
คนเราเมื่อตั้งใจทำงาน
และไม่หลงลืมตนคิดแต่จะเป็นใหญ่มีชื่อเสียงลาภยศแล้ว
ก็น่าจะมีความสุขนะครับ
อย่าเพิ่งเชื่อ
เพราะผมก็ยังต้องติดตามดูผลของการคิดแบบนี้ไปเรื่อยๆ
จนกว่าจะสรุปได้
มันอาจใช้เวลาเป็นปีๆ หรือเป็นนาทีก็แล้วแต่
แต่สักวันจะได้ข้อสรุปเอง
และทุกอย่างที่ได้คิดได้ลองทำได้พยายาม
ที่เหลือให้เป็นเรื่องของสวรรค์กำหนด
19 ธันวาคม 2552 20:43 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
มองไปทางซ้าย ท่านด๊อกเตอร์นุ้ย ก็นั่งอยู่ หน้าตาก็โอเค แต่พอเวลาแกลุกเดินออกไปจากนอกที่นั่ง โอวาว
มองไปทางซ้าย ก็ด๊อกเตอร์อีกคน เธอนั่งจะดีกว่า เพราะมันเว้าลึกเข้าไป โอวาว
ในท่ามกลางด๊อกเตอร์ สะพั่ง สะท้านไมภพ ก็ขำขำ
เคยมีคนถามผมว่า พี่พั่ง ครับ พี่จบด๊อกเตอร์มาเหรอครับ
ผมสะพั่ง มองหน้าผู้ถามและแสร้งตีสีหน้าให้รู้ว่าไม่พึงพอใจ ที่มาถามเหมือนกับว่าพี่จบ ป.4 ยังไงยังงั้น
ในท่ามกลางด๊อกเตอร์อีกประเภทหนึ่ง อันนี้ก็สมควรได้คำนำหน้าว่าหมอ เจ้าหล่อนก็มีความชำนาญการมากที่ซู๊ดเลย
สะพั่ง สะท้านไมภพ ย่อมรู้จุดอ่อนของด๊อกเตอร์ทั้งหลายแบบได้ดี
แบบแรก ทำให้ด๊อกเตอร์โกรธ (ลองมาแล้ว) อันนี้ได้ผล ด๊อกเตอร์ก็จะกลายเป็นคนบ้าไป
แบบที่สอง ได้แต่มองได้แต่คิดแต่ไม่กล้า สิ่งที่กลัวมากที่สุดในชีวิตไม่ใช่กลัวตาย แต่ทว่ากลัวเมียด่าตากหาก
แบบอื่นๆก็ตามสถานการณ์ที่ต้องแก้ไขไป
ในห้วงที่ผ่านมาเนี่ย ไม่เจอพวกที่เป็นด๊อกเตอร์ นอกจากนั้น ก็เจอพวกที่กำลังเรียนด๊อกเตอร์อยู่ หากเมื่อไหร่ก็ตามที่เราต้องต่อสู้ในด้านวิชาการกับคนเหล่านี้ ก็จะต้องโชว์สิ่งที่ครูบาอาจารย์ทุ่มทุนสร้างให้แก่เราและโชว์วิสชั่นให้เห็นกันไป
ในการต่อสู้ทางวิชาการ หากเจอด๊อกเตอร์ที่เก่งในเรื่องใด ก็ต้องหลบหลีกแกอย่าไปยุ่งกับแก แต่สู้กันในเรื่องที่เราถนัด ด๊อกเตอร์คงจะไม่รู้ทุกเรื่อง
แต่ถ้าคุยกันแล้วรู้เรื่อง และเห็นว่าแกเก่งมาก สะพั่ง จะขอเป็นลูกศิษย์ทันที
วันนี้ผมดื่มบลูเรเบิล มองหน้าน้องด๊อกเตอร์ข้างหน้า สวยเหลือเกินผมคิด
ทุกมุมมอง ทุกคำพูด โอ้วน่าหลงใหล
เธอทานบลู แบบเดียวกับผม
ตามหลักการของผม ผู้หญิงที่ดื่ม มักจะไม่ค่อยรอดจากเสือร้าย
แต่มีข้อยกเว้น ที่ทราบมาจากโกวเล้ง ว่า เหนือกว่าปีศาจสุรายังมีสาวอีสาน
คราวที่แล้วตอนนู้น สั่งเบียร์มาให้กิน กะเมาแล้วว่านอนสอนง่าย แต่ทว่าเสือร้ายอ๊วกแตกก่อน หมดแรงไปก่อน
ผิดแล้วไม่ผิดซ้ำ
ผมถามเธอว่า เธอเป็นคนอิสานใช่ป่าวครับ
เธอกรอกตาไปมา แล้วหัวเราะ เคี๊ยกๆๆๆ
เมื่อผมรู้ว่าเธอใช่
ผมก็จะขอตัวกลับ
เธอยกขาขวางประตูไว้
ผมมองขาขาวๆที่โผล่ออกมากระโปรงแล้วก็ต้องกลืนน้ำลาย
ผมมองหน้าเธอ งั้นกินเหล้าอย่างเดียวนะ
เธอพยักเพยิดให้กับด๊อกเตอร์เพื่อนของเธอ
แล้วพาหัวเราะขึ้นทั้งสองคน
พวกเธอถามผมว่าแล้วจะไหวรึเปล่า
ผมสะพั่ง สะท้านไมภพ เมื่อมิอาจเจรจาต่อรองได้ และตรวจสอบสภาพแวดล้อมแล้ว ในยามนี้ว่าไม่รอดแน่ พวกเธอไม่ปล่อยผมไปง่ายๆแน่
นึกป๊าบถึงเรื่องในอดีตที่ประดาสาวๆไม่ยอมปล่อยให้ผมไป เมื่อเสร็จการดื่ม
และนึกถึงตอนนั้นที่ต้องใช้ก๊อกสองอย่างไม่มีปัญหาหากใจสู้
สะพั่ง สะท้านไมภพ พูดกับเธอว่า ผมเป็นเก
เธอทั้งสองได้ยินก็หัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล เพราะได้ยินเรื่องที่ขำซะเต็มประดา
แมะ เริ่มแล้วเห็นแมะ กระบวนท่าไม้ตายที่ที่หนึ่งของสะพั่ง
สะพั่ง หัวเราะในใจ
แต่ทว่า ในการต่อสู้ของจอมยุทธ หากพลาดพลั้งไปเพียงนิดเดียวก็จะทำให้พ่ายแพ้ได้
แต่สำหรับค่ำคืนนี้ สำหรับสะพั่งแล้ว ล้วนเป็นเรื่องที่น่าลองอย่างยิ่ง
สิ่งใดก็ตามหากเกิดขึ้นแล้ว และไม่กระจ่าง หากปล่อยปละละเลยผ่านไปย่อมติดจำฝังใจไปนาน
ป๊าบนึง ภาพการถูกหลอกลวง เกิดขึ้น
สะพั่ง เตือนตนเองไว้เสมอ
แต่ทว่าการโดนหลอกลวง บางครั้งก็ไม่ได้มีแค่เรื่องราวที่เจ็บปวดแต่เพียงอย่างเดียว
มีชั่วในดี และมีดีในร้ายผสมผสานกันไป
และสะพั่ง สะท้านไมภพ เกิดอยากรู้ขึ้นมาแล้วซิว่า ชีวิตในนาทีหรือชั่วโมงต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น มันเป็นเรื่องสั้นที่น่าติดตามจริงๆ
23 ตุลาคม 2552 20:51 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
เมื่อเช้านี้
เสียงฝนเทยังกะเขื่อนแตก
และเสียงฟ้าผ่า ฟ้าร้อง ดังอย่างกึกก้อง
ฝนตกอย่างนี้ น้ำท่วม
สภาพรถมาสด้าสามสองสามของผมจะไปรอดหรือเปล่า
แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องไปให้ได้
ยังไงก็ต้องไปให้ได้
ผมสะพั่ง สะท้านไมภพ
ลุกขึ้นจากเตียงนอนอันอบอุ่น
อาบน้ำอาบท่า
และออกจากบ้านตอนตีสี่ครึ่ง
เพื่อจะไปให้ทันวางพวงมาลาในตอนตีห้าครึ่ง
ผมต้องกางร่มออกไปที่รถ
และค่อยๆขับไป
บางที่ถนนก็น้ำท่วม
เมื่อขับอย่างระมัดระวังสุดๆ
ก็พอไปได้เรื่อยๆ
จนกระทั่งฝนหยุดตก
ก็ถึงพอดี
ตีห้ายี่สิบ
เมื่อวานนี้
ผมเห็นลูกน้องคนหนึ่งได้รับมอบหมายให้ไป
และเขาก็อิดเอื้อนว่า จะไม่ไป
ผมยิ้มให้กับเขา
แล้วกล่าวว่า
พวกเราได้ขอเสด็จพ่อ ร.๕
ขออย่างโน้นขออย่างนี้
พอถึงวันของท่าน
พวกเรากลับไม่ชอบไป
พระองค์ท่านก็คงจะเบื่อหน่ายกับคนจำพวกนี้
ที่ลืมพระองค์ท่านไป
ผมจึงบอกเขาว่า
พระองค์ท่านคงจะดีใจถ้าเขาไป
ลูกน้องคนนั้น
มีประกายตาเปล่งแสงจ้าขึ้นมาทันที
และเต็มใจจะไปด้วยกันกับผมแล้ว
วันนี้
เมื่อรถที่จะมารับก็ยังไม่มา
ผมและพวกที่จะไปวางพวงมาลาพระบรมรูปทรงม้า
ต่างก็คอยอย่างกระวนกระวาย
ช้าออกไปอีกราวยี่สิบนาที
รถถึงมา
แล้วเราก็เดินทางไป
ปรากฏว่ามองหาพวกเดียวกันไม่เจอเลย
เวลาที่นัดไว้เจ็ดโมงเช้า
ทำไงดี
ผมบอกให้ลูกน้องทั้งหลายรออยู่ในเต็นท์จะได้ไม่เปียก
ผมมองดูนาฬิกา
อีกยี่สิบนาที
หากยังหากลุ่มพวกเดียวกันไม่เจอแล้วก็คงจะไม่สามารถวางพวงมาลาได้
ผมจึงตัดสินใจเดินออกไปท่ามกลางสายฝน
แต่ก็โดยคำพูดของลูกน้องว่าปีที่แล้วเขาอยู่ตรงไหน
ปรากฏว่าเจอ
มันเป็นความดีใจที่จะได้ร่วมพิธีถวายพวงมาลาแด่พระองค์ท่านอย่างสมใจ
ผมเดินตากฝนกลับไปที่เต็นท์อีกครั้ง
และโบกมือเรียกลูกน้องทั้งหญิงและชายเหล่านั้น
พวกเขาเห็นก็พากันเดินตามผม
และก็สามารถรวมพวกได้สำเร็จ
เราได้วางพวงมาลาเสร็จเรียบร้อย
และผมก็ได้พาเขาขึ้นรถกลับอย่างปลอดภัย
ทันใดนั้นผมก็เกิดคิดขึ้นมาได้ว่า
มีใครบ้างที่ดูพวงมาลาว่าเป็นของเราจริงๆ
ปรากฏว่าไม่มีใครดูเลย ว่าพวงมาลาเป็นของใคร