21 มีนาคม 2553 17:16 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
รถไฟชั้นหนึ่งแล่นปุเรงไปบนรางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ของด้ามขวานทอง
ผมเหม่อมองดูภูมิประเทศนอกหน้าต่างในตอนบ่าย
เบียร์กระป๋องใหม่ถูกวางตรงหน้าและเย็นวาบเข้าในลำคอเมื่อแกะและเทเข้าปาก ตามด้วยกับแกล้มของรถสะเบียงที่ราคาแพงเกินกว่าเหตุที่ไม่ต้องเดิน
เมื่อมาถึงยะลา
เราต่อด้วยรถบัสและเข้าค่ายทหาร
ห้องนอนแอร์เย็น ข้าวปลาอาหารแบบคนใต้ และบุหรี่ถูกๆ ไอติม ร้านคาราโอเค ข้างๆที่พัก แต่ละเรื่องล้วนแล้วแต่มีเรื่องราวให้ยิ้มได้
งานสัมมนาที่หาดใหญ่ ก็เป็นเหมือนการพัก งานเลี้ยงเลื่อนยศของเพื่อน ข้าวมันไก่ โจ๊กหมู บักกูเต๋ และร้านคาราโอเกะของรุ่นพี่ที่เป็นระดับวีไอพี
และสถานที่ที่ไม่สมควรไป
ในบางวันก็นั่ง ฮ.ไปลงในพื้นที่ต่างๆ แล้วก็ต่อด้วยรถยนต์ เข้าตามที่ต่างๆ รวมทั้งฐานของทหารบางฐาน
ห้วงเวลาที่ไม่ใช่เวลาดังกล่าวข้างต้น ใช้เวลาไปกับกบฏน้ำลาย และการใช้เน็ต
นอกจากนี้ก็บินไปรดน้ำศพทหาร และฟังสวดศพพลเรือน
สิ่งที่ตั้งใจไว้ก่อนมา
และสิ่งที่ได้ตัดสินใจก่อนมา
และเมื่อมาแล้ว สิ่งที่ต้องการคืออะไรกันแน่
ความตั้งใจที่ดีที่จะมาทำงานแต่ก็ยังเคลือบไว้ด้วยความประสงค์อันทำทีเป็นไม่อยากได้
แต่ถึงตอนนั้นก็เริ่มตลก ๆ กับสิ่งที่คิดอยากจะได้
เมื่อไม่อยากได้อะไร และไม่รู้จะทำอะไรก็เดินทางกลับ
ก็เดินทางกลับด้วยรถไฟชั้นหนึ่ง
เมื่อมาถึงบ้านเมียลูกและแม่ล้วนแล้วแต่ดีใจ
เพื่อนคนหนึ่งโทรศัพท์มาหา แล้วว่าไม่อยากเป็นพลเอกแล้วหรือ
ผมก็หัวเราะแล้วตอบโต้ไปแบบขำๆว่า อยากจะเป็นในสิ่งที่เป็น
ผมไม่พูดถึงเรื่องราวทางภาคใต้อีกต่อไป
แต่สิ่งที่รับรู้มามันน่ากลัวยิ่งสำหรับลูกหลานไทย
สิ่งที่ได้รับความรู้หลายๆเรื่องจากผู้ที่มีปัญญาที่ได้อยู่ร่วมกัน
สิ่งที่ได้ทำไว้เป็นผลงานก็เป็นเพียงเอกสารแค่สามแผ่น
และสามารถตอบคำถามได้แล้วว่าเรารบกับใคร
มีสามบังเท่านั้นที่เป็นตัวเอ้สุดๆ
บังตัวแรก บังอาจ (พวกที่ชอบอ้างนายให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้)
บังตัวที่สอง บังหลวง
บังตัวที่สาม บังราษฏร์
เห็นเหล่านักวิชาการ/นักวิจัย ที่ต่างก็พยายามเข้ามามีส่วนร่วมแต่ทว่าไม่รู้ว่าสนับสนุนใครหรือฝ่ายใดกันแน่ เห็นคนต่างศาสนาที่พยายามเรียกร้องในสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนแล้วตู่เอา เห็นความโหดร้ายแล้วไม่ตอบโต้ตอบ เห็นความแตกต่างของแนวความคิดในการแก้ปัญหา จนเกิดปัญหาในการแก้ปัญหา และเห็นความคิดของแต่ละคนภาคส่วนหน่วยงานที่ขัดกันไม่เชื่อถือกัน
และเห็นรอยยิ้มจนน้ำลายเยิ้มของนักการเมือง
และเสียดายเงินภาษีของตนเองที่ส่งไปช่วยเหลือภาคใต้ ในขณะที่ภาคต่างๆไม่ค่อยมีภาษีไปถึง
เห็นในอนาคตหากภาคใต้ทำได้ คนภาคอื่นก็จะก่อเหตุรุนแรงบ้างเพื่อการพัฒนาในภาคของคนเอง
การแก้ไขปัญหาไม่ได้ยาก แต่ทว่ามีแต่คนที่จะแก้ปัญหาของตนเองมากเกินไปจริงๆ มากจนเกินพอ และมากจนเกิดปัญหา
พวกที่ทำงานจริงก็ตายจริง
บางพวกก็รวยจริง แต่ลืมไปว่าเงินที่ส่งไปให้ในการแก้ปัญหานั้นคือเงินของคนไทยทุกคนที่ส่งไปให้ ดังนั้นต้องใช้ให้เป็น
เห็นลูกน้องตายอนาถนัก ไม่สามารถทนอยู่อีกต่อไปได้
แต่ก็พร้อมจะรบเมื่อจะเอากันจริงๆ
ไม่ยากหากเอาจริง
ผมนั่งผิวปาก ไม่ได้มีความเคลียดเลยสักนิดในการแก้ปัญหา
เพราะผมรู้ว่าในที่สุดก็จะไม่เสียดินแดนไทย
ตราบใดที่ยังมีทหารพลเรือนและตำรวจที่ตั้งใจจริง
และร่วมมือกันอยู่
กรรมเวรก็ว่ากันไป
โกงมากพอตายไปก็คงเกิดเป็นสุนัขอดอยากในภาคใต้
ที่พอไม่มีอะไรกินก็สงบดี
แต่พอมีเศษข้าวโยนลงเท่านั้น กระโดดกัดกันเองกระจุย
ผมหัวเราะที่มีคนเปรียบเทียบให้ฟังอย่างนั้น
ความแตกต่างของคนที่ลงไปด้วยหัวใจที่ดีๆนั้น แตกต่างอย่างมากกับคนที่ลงไปด้วยหัวใจที่เคลือบแคลง
ผลของการทำงานที่ตั้งใจย่อมทำให้จิตใจดี
ผลของการทำงานที่ตั้งใจในเรื่องที่ไม่ดีย่อมมีอนาคตดังที่กล่าวไว้ก่อนหน้า
ยังไงหากเลวร้ายกว่านี้ก็คงไม่พ้นจะต้องมาปราบปรามอีก
ผมยิ้มและรอว่าเมื่อไหร่วันนั้นจะมาถึง
1 กุมภาพันธ์ 2553 08:35 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
วันหนึ่ง ผมมองเห็นคนที่เห็นแต่รูปลักษณ์ภายนอกเป็นที่ประจักษ์ว่า มากกว่าสี่สลึง
หลายๆคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
ผมนึกย้อนไปในอดีต
แต่ทว่าที่พบล้วนแต่ว่าไม่ธรรมดา
เรื่องราวของคนบ้าที่ผมพบมีหลากหลาย
แต่ทว่าวันหนึ่งในการร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนๆ
ผมนั่งฟังเขาอย่างเดียวจนกระทั่งปากอ้าตาค้าง
และในบทท้ายๆของการสนธนา ผมบอกกับเพื่อนผมว่า
ผมได้ยินพวกเขาพูดกันแล้วทำให้ผมสบายใจ
เพราะสิ่งที่พวกเพื่อนผมพูดกันทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำลงไปชั่วน้อยกว่าเพื่อนหลายสิบเท่า
เสียงเฮของเพื่อนๆก็ทำให้ยิ้มแย้มได้
ผมมันเป็นคนแบบนี้เอง
ขณะที่เพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งกำลังน้ำลายแตกฟองโม้ในเรื่องหนึ่ง
ผมจะค่อยๆยกมือขึ้น
และเมื่อเขาหยุดแล้ว ผมก็จะพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆนุ่มๆว่า ผมไม่เชื่อ
แล้วก็หันตูดให้เพื่อนผม หลายคนก็ง้างท่อนขาของเขาด้วยความหมั่นขา
ผมยิ้มแย้มอีก
อายุก็ไปราวจะห้าสิบกันแล้ว
แต่ก็ไม่วายหยอกล้อเหมือนเด็กๆ
มาวันหนึ่งผมก็พบกับพี่คนหนึ่ง
แกก็พล่ามคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ บางเรื่องถึงสามเที่ยว
ผมไม่ได้เชื่อใครง่ายๆ
แต่ทว่าเมื่อถึงเวทีสัมมนาโต๊ะกลม
รีค๊อกไน้ ทำให้ผมได้พูดสิ่งที่ผมได้ยินมาเพียงมีปริมาณแค่หนึ่งในสิบให้คนในโตีะกลมนั้นฟัง
คนในโต๊ะแต่ล้วนค๊ากเต้อ
จากผู้ร่วมได้กลับกลายเป็นวิทยากรในค่ำคืนเดียว
และเมื่อวันสัมมนาในวันรุ่งขึ้นมาถึง
เจ้าภาพก็พยายามพูดจายั่วยุให้ผมได้พูดแสดงวิสัยทัศน์
ผมก็ใจเย็น
ผมอยากจะให้โอกาสเขาที่เกี่ยวข้องต่างๆได้พูดกันก่อน
และในที่สุดเมื่อจะหมดเวลา
ผมได้ยกมือและขอพูด
ทุกคนมองมาที่ผมเป็นตาเดียว
ก่อนเข้าร่วมสัมมนาโต๊ะกลมเมื่อวานนั้น
ผมมองสารรูปตัวเองแล้วผมเผ้ายาวสับสน
แต่พอเข้าไปตัดผมแล้ว
หน้าตาพอใช้ได้ดีแล้ว
จึงมีความมั่นใจ
ก่อนพูดผมนึกถึงคุณครูบาอาจารย์ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิทยาให้หลายเที่ยวนั้น
และก็พูดออกไป
ไม่ต้องคิด
ราบรื่น
นุ่มนวลด้วยน้ำเสียง
ใช้เวลาสี่ห้านาที
และเป็นคนสุดท้ายที่พูด
ผู้จัดหันกลับมาติดต่อกับผมเพื่อขอใช้บริการอีก
ผมกลับแย้มยิ้ม
และตอบเขาว่า
สำหรับผมแล้ว ผมเป็นเพียงแค่ ชนชั้นหางแถวเท่านั้น
วันนั้น หลายๆคนที่ออกมาแล้วรี่เข้ามาทำความรู้จักกับผม
ผมแย้มยิ้มให้
หัวใจของผมแย้มยิ้มให้
ด้วยหัวใจที่มีความตั้งใจจริงไม่ปั้นแต่งหลอกลวงแม้แต่ตนเอง
ผมทำงานด้วยหัวใจที่ต้องการทำงานให้เกิดประโยชน์
และมีแต่หัวใจเท่านั้นที่จะเข้าใจหัวใจแบบเดียวกัน
ผมแย้มยิ้ม
แต่ผมไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่า
สิ่งที่พูดไปใส่ไปด้วยหัวใจ
ย่อมจะทำให้คนได้ฉุกใจคิดได้บ้างไม่มากก็น้อย
คนฟังเป็นร้อยแต่รับได้เพียงหนึ่งหรือสองคน ก็สุขใจแล้ว
ผมกลับมาเรียนอาจารย์ของผมได้ทราบ
อาจารย์ผมยิ้มแย้ม
ผมก็ยิ้มแย้ม
ปล.เรื่องนี้ไม่ได้เสกสรรค์ปั้นแต่งเพื่อโปรโมทตนเองแต่ประการใด ด้วยหวังว่าเหล่าบุคคลที่ทำงานเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ที่เริ่มจะเสียกำลังใจ ได้หันกลับมา มีกำลังแรงใจทำงานกันต่อไป มันคงไม่มีใครเอาไปออกทีวีว่าหน้าตาอย่างงี้มีจิตสาธารณะ แต่ทว่าเมื่อเจอกันบ่อยๆครั้งขึ้น ก็จะรู้ว่ามันแยกแยะออกได้เอง มิใช่เพียงแค่ตาจมูกหู แต่รับรู้ได้ทางใจ
1 กุมภาพันธ์ 2553 07:05 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
หน้าตาที่แจ่มใสของผมและไม่ปล่อยให้ความในใจมาบั่นทอน ทำได้ในทุกเช้าทุกกลางวีน และทุกเย็น
แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะให้ฉันทุ่มเทให้กับเธอได้เต็มที่
เพราะเจ้านายฉันใช้วิธีเดิมๆในการกีดกัน แม้แต่การเข้าถึงเธอ
แม้จะได้แสดงไปแล้วว่าได้พบเธอแม้แต่นิดเดียวก็ถือว่าโชคดีแล้ว
เจ้านายของฉันพยายามเอาเธอไปจากฉัน หลบซ่อนไม่ให้ฉันรู้ว่ามีเธอมาแล้ว
เจ้านายของฉันพยายามโดดเดี่ยวฉันให้ห่างไกลจากคนอื่นๆ
ใช้จุดอ่อนของฉันคือความซื่อตรงซื่อสัตย์ให้เป็นประโยชน์แก่เขา
ฉันก็ไม่ทราบว่าต้องการทำอะไรกับเธอ
หรือเขาสามารถจะรักเธอได้ดีกว่า
เขาสามารถรักเธอได้ยิ่งใหญ่กว่า
ก็ตามใจฉันคิด
ฉันมันไม่ได้ต้องการอะไรยิ่งไปกว่าพบเธอในห้วงเวลาสักนิดเดียวเท่านั้น
ขอให้ได้เห็นหน้า
เพื่อทำประโยชน์ให้เกิดแก่ส่วนรวมสักนิดหนึ่งเท่าหัวมดก็พอแล้ว
มีความสุขแล้ว
กับความรู้สึกใฝ่ถวิลหาเธออย่างนี้
เมื่อสวรรค์โดยบงการผ่านทางผู้ใดก็แล้วแต่ต้องการแบบนั้น
ก็ต้องทำใจ
ผมมิอาจทำใจได้ ก็จริง แต่ก็กำลังฝึกฝนอยู่
แม้โอกาสในการทำความดีแก่เธอจะถูกปิดกั้นไป
เพราะเกรงว่าจะได้หน้าตาลาภยศชื่อเสียง ไป
เพราะเกรงว่าจะรู้ว่าจะรู้เรื่องราวเป้าประสงค์ที่ต้องการ
แม้ว่าทีมงานจะจับกันเป็นกลุ่มก๊วน
และสอดคล้องยิ่ง
เสียงหัวเราะและชำเลืองมองแบบเหยียดหยาม
หัวใจของผมแทบปริแตกปริเวทนาการ
แต่ทว่าหัวใจรักที่แข็งแกร่งมันย่อมทนทานได้
สวรรค์คงพิสูจน์ทราบหัวใจของผม
ผมมีความพยาบาทเล็กน้อย น้อยกว่าคนปกติจะพึงมีร้อยเท่า
พยายามคิดทบทวนไตร่ตรอง
พยายามมีสติระลึก
ที่อย่างน้อยแม้ว่าจะถูกรุม
แต่อย่างน้อยก็ประคองตัวไปจนกว่าจะเห็นโอกาส
สำหรับเธอแล้วในที่นี้คงไม่อาจทำอะไรได้แล้ว
แต่ก็ตั้งใจว่าสักวันฉันจะได้เธอมา
ความตั้งใจของผม
ไม่สามารถวัดได้ทางอื่นได้ดีเท่ากับวัดทางใจ
ด้วยหัวใจของผม
ผมสามารถรักเธอและทำให้เธอเกิดผลผลิตได้
ในอ้อมอกของผม
เธอจะได้รับการทนุถนอมไตร่ตรองรอบคอบที่สุด
และเกิดประโยชน์ทีสุดต่อชาติบ้านเมืองเท่าที่จะทำได้
และย้อนระลึกว่าจะบ้าไปอย่างไรอีก
และก็นึกได้ว่ามีคนที่มีความจริงใจเท่านั้นที่เป็นเชื้อหล่อเลี้ยงใจ
30 มกราคม 2553 09:32 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ
เสียงเพลงเพลงท่อนเดียวที่ดังกระหึ่มอยู่ในหัวใจทุกครั้งที่ได้ยินกล่าวคำประนามทหารทุกครั้งในแต่ละเวที
แม้แต่ภรรยาสักคนยังไม่มีเวลาจะหามาทำยาเลย
ตั้งแต่จบมาเป็นทหาร
ก็ออกธุดงค์ร่อนเร่ไปตามป่าเขาลำเนาไพร
นอนกลางดินกินกลางทรายอดบ้างเป็นบางครั้ง
อยู่ร่วมกันมิตรแท้ที่มีหัวใจและมิตรแท้ที่ไม่มีหัวใจ
บางท่านก็กำลังจะจากไปต่อหน้าต่อตา
นัยน์ตาของเขาบอกถึงความรู้สึกที่แตกต่าง
ส่งผ่านในตาของเขาเข้ามาสู่ของนัยน์ตาของผู้หมวด
ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยวาจา
เพียงแค่สายตาที่ส่งกระแสจิตถึงกัน
ก็เข้าใจได้แล้วมีแต่ทหารเท่านั้นถึงจะเข้าใจทหารได้
แต่อย่างไรก็ตาม
ในการเป็นผู้นำทหารขนาดเล็กนั้น
ในสายตาของผู้หมวดได้ส่งความชื่นชมและให้เกียรติ
ส่งความรู้สึกที่ผูกพันยิ่งใหญ่
แม้จะตายเขาก็รับรู้แล้วว่ามีเกียรติอย่างยิ่งเพียงใด
ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าหลังจากดับจิตแล้วจะเป็นเช่นใด
แต่คาดเดาได้ว่าบรรดาเพื่อนทหารสมัยเก่าก่อน
ที่ยังคงเป็นวิญญานหรือเทพอยู่คงได้แห่และดีใจที่ได้มาต้อนรับ
นักรบคนหนึ่งที่คุ้นเคย
ที่เคยร่วมรบกันมาในทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่สร้างชาติขึ้น
วิญญานพวกเขาเหล่านี้พร้อมเพรียงและยินดีที่จะมาเกิดในขณะที่แผ่นดินเป็นทุกข์
เมื่อแผ่นดินเป็นสุขแล้วก็จะโดนพวกที่ทำนาบนหลังคนมาย่ำยีจนกระทั่งลุกเป็นไฟ
เป็นเวลาตั้งแต่ปี ๒๕๒๖ แล้วที่รบจนมาถึงปัจจุบัน
ในระหว่างการรบที่ผ่านมาปะทะกับฝ่ายตรงข้ามเพียง ร้อยกว่าครั้ง
ตั้งแต่ปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ โจรแบ่งแยกดินแดน และโจรต่างๆ
ห่างไกลกันเพียง สองร้อยกิโลขึ้นไป ไม่เกินสองพันกิโลจากดินแดนทางตอนใต้
ต่างคนต่างก็ยิ้มแย้มสนุกสนานในสังคม
และเล่นเล่ห์แพรวพราวในการทำงาน
กระทำการทุกอย่างด้วยเล่ห์เหลี่ยมในความต้องการที่ซ้ำกัน
กดขี่ข่มเหงต่อผู้ที่ไม่มีปากเสียงหรือคิดไม่เท่า
แม้ว่าจะผ่านการสู้รบมามากกว่าร้อยครั้ง
แต่ทว่าหน้าตามันดูไม่เหมือนนักรบ
ดังนั้น จึงไม่ได้เป็นผู้บังคับหน่วย
ต่อมาโดนวิพากษ์จากผู้ชายผู้หญิงว่ารังเกียจทหารอย่างน่าขยะแขยงเพียงใด
เขามองลึกไปในหัวใจของแต่ละคน
เพียงแค่เป้าหมายอันเร้นลับในหัวใจของเขาเธอแต่ละคน
ถึงขนาดไม่คิดให้ดีว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปนั้น
มันกระเทือนถึงความรู้สึกของพวกที่เรียกว่าทหารที่เป็นทหารอย่างไรบ้าง
น้ำตาของผมหลั่งรินออกมาจากหัวใจ
บางครั้งที่ว่ากันสนุกปากจนชอกช้ำอย่างแสนสาหัส
ต่อหน้าเสด็จพ่อสมเด็จพระปิยมหาราช
มีแต่องค์พ่อท่านซึ่งได้แสดงมหาเมตตาครั้งยิ่งใหญ่ที่ปลดปล่อยความเป็นทาสให้หมดสิ้นไป
แต่พอถึงเวลาเพียงวันเดียวยังมิได้สำนึกในพระคุณยังไม่ได้ไปกราบกรานท่าน
แม้ว่าฝนฟ้าจะตกไม่ลืมหูลืมตา
แม้ว่าจะต้องขับรถไปไกล
ก็ยังต้องไปให้ได้เพราะสำนึก
แต่ทว่าเสียงเพลงดังกล่าวข้างต้น
ก็เป็นเสียงเพลงที่ใช้ปลอบหัวใจเหล่าทหาร
และก็เป็นเช่นนี้มาตลอดกาลนานแล้วกระมัง
และก็ยืนหยัดว่าไม่เฉพาะแค่ชาตินี้เท่านั้น
แม้จะเหยียดหยามหัวใจกันเพียงใด
แต่สิ่งที่พวกทหารกล้าทั้งหลายจักทำ
ก็จะเกิดมากระทำเยี่ยงนี้ทุกชาติไป
ไม่ใช่แต่เพียงคิดหวัง ลาภ ยศ สรรเสริญ
เพียงแต่หวังว่า
จะมีแผ่นดินอยู่ต่อไป
และมีปัญหาครั้งใด
เหล่าทหารกล้าก็จะลงมาเกิดให้ทันร่วมต่อสู้อยู่เสมอ
ทหารที่แท้ไม่พูดพล่าม
ทหารที่แท้ไม่แสดงออก
ทหารที่แท้เท่านั้นที่จะเข้าใจทหารด้วยกัน
สิ่งที่ถ่ายทอดบอกต่อต่อกันสำหรับทหารด้วยกัน
ก็คือหัวใจที่รักชาติ และวิชาความรู้โบราณที่สืบทอดบอกต่อต่อกัน
เพียงแต่หวังว่า
หากได้ทราบสักนิดว่า
ขณะที่กำลังเสพสุขนั้น
ในขณะเดียวกันก็มีคนที่ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยอยู่
หากระลึกได้เล็กน้อย
เพียงแต่ขอบคุณเขาเบาๆเงียบๆในใจ
ก็พอแล้วและสุขใจแล้วในหัวใจของทหารนักรบ
การตายไม่ได้เป็นจุดจบของทหารนักรบ
แต่เขาจะไปพักผ่อนสักครู่
และเมื่อถึงเวลาจำเป็น
ก็จะขออาสามาทำงานให้อีก
ผู้หมวดในตอนนี้ได้เติบโตขึ้นมาแล้ว
เขาใส่แว่นออกมายืนดูอากาศในตอนเช้า
หวนระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นมาในปัจจุบัน
ไม่เข้าใจว่าพวกที่เหยียดหยามต่อบรรพบุรุษ
เหยียดหยามต่อผู้คน
ไม่รู้ว่าชีวิตของเขาจะหลงทางอีกเท่าใด
การทำงานเพื่อต่อสู้
ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ลำบากอย่างใด
เป็นแค่มีคุณสมบัติประการเดียวก็พอแล้วไม่ว่าจะโง่หรือฉลาด
นั้นก็คือ ความรักชาติ เท่านั้น
ผู้หมวดในตอนนั้นเป็นบริกกาเดียแล้วในตอนนี้
เวลาสามปีที่ว่างเว้นจากการรบ
ได้ใช้ไปศึกษาจนเป็นด๊อกเตอร์
แต่มันไม่ใช้คำว่าด๊อกเตอร์นำหน้าชื่อนามสกุลของมัน
บริกาเดียแย้มยิ้ม
แต่ก็ต้องหุบยิ้มอย่างเร็วไว
เพราะดันระลึกได้ว่าในสถานการณ์อย่างนี้หรือสมควรจะยิ้มแย้มได้
ในอนาคตข้างหน้า
งานคงจะต้องหนักเหนื่อยแน่เลย
แต่ไม่เป็นไร
ก็เป็นอย่างงี้มานานแล้ว
พอถึงเวลาที่สมควร
ได้แต่บ่นออกอย่างดังๆในใจว่า
กูอีกแล้ว
25 มกราคม 2553 10:46 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
ใบหน้าของน้องยิ้มแย้ม ครับผม และนอบน้อมในที
ผมมองเห็นใบหน้าของเขาแล้วนึกปร๊าดขึ้นมาได้ในการกระทำของเขาที่ผ่านมาทันที ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาเคยทำกับผมนั้นมันเป็นสิ่งที่เขาลืมหรือยัง
แต่ที่แน่นอน ผมไม่มีวันลืม
ผมพยายามค้นห้าคุณสมบัติของความทรงจำนั้นว่ามันเป็นความแค้นหรือความพยาบาทใช่หรือไม่
มันค่อนข้างเป็นเพียงแค่คลับคล้ายเท่านั้น
วิธีที่ต้องนำมาเล่นบ้างตามหลักยุทธก็คือ ม้ากินสวน
มีแต่ม้ากินสวนเท่านั้นที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นบ้าง
หมากรุกที่ฝ่ายตรงข้ามเดินตาหนึ่ง ต้องใช้เวลาสองนาที
ในสองนาทีต้องคิดให้ออก
หากคิดไม่ออก ก็ต้องแพ้
ผมไม่อยากแพ้
แต่ทว่าห้วงของความคิดก็คือแล้วเราจะต้องการอะไร
หากแพ้แล้วไม่ถึงตาย ใช่แล้ว หากแพ้แล้วไม่ถึงตาย
หากสู้กับเด็กๆแล้วปล่อยให้เด็กชนะไปจะดีกว่า
บางครั้งบางสิ่งบางอย่างก็ไม่ต้องคิดเอง
มีแนวทางที่ดีที่ยึดถือเป็นหลักแล้วก็เคารพมิสู้ทำตามสั่ง
สบายใจ
บางทีผมว่าสวรรค์ต้องการให้เราได้เจออุปสรรค
ที่มองเหมือนว่าเป็นอุปสรรค
นอกจากจะเริ่มกระบวนการในขั้นต้นแล้ว
หากไม่ผ่านด่าน
จิตใจก็จะหมกมุ่นในสิ่งที่ไร้สาระต่อชีวิตโดยตรงมากเกินไป
ดังนั้นเมื่อเข้าใจแล้ว
ก็พร้อมที่จะก้าวเดินต่อไปและพร้อมที่จะพบสิ่งที่ยากเย็นแสนเข็ญต่อไป
เส้นทางนี้แม้ว่าจะปล่อยให้สวรรค์กำหนด
แต่ก็อยู่ในความพยายามตามปกติที่ไม่มีเสียกำลังใจ
เหมือนการพายเรือล่องลอยไปตามสายน้ำ
แม้จะปล่อยให้สายน้ำช่วยพาไป
แต่ทว่าต้องออกแรงบ้าง
เมื่อเวลาผ่านไปอีกหลายปี
ผมคงยิ้มแย้มเมื่อหวลระลึกนึกถึงเรื่องนี้
และก็จะรู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิด
แต่ทว่าการที่ไม่ตัดสินใจทำอะไรลงไปบ้าง
มันอาจจะทุกข์ในตอนนี้ที่ไม่ทำถูกหรือทำผิดในตอนนั้นมากกว่า และจะมีความสุขที่ได้ตัดสินใจทำไปแล้วมากกว่า
แฮะๆๆ ผมยิ้มแย้ม
เมื่อเรามีคู่มือยิ่งกว่าตำราพิชัยชีวิตเพื่อการทำงานแล้ว
การทำงานของเราจึงเป็นเรื่องราวความสุขอันหนึ่ง
เหตุนี้เองบรรดาคนที่ทำงานอย่างบ้าคลั่งและจริงใจมากที่สุดหลายคนจึงหลุดออกจากวงโคจร
แต่ด้วยความที่ยืนยงในความศรัทธาที่ไม่ต้องแสดงออกทางสี เสียง
ก็สามารถเข้าใจและผ่านขั้นนี้ไปอย่างขำขำ
เรื่องราวของสะพั่ง สะท้านไมภพตอนนี้
ยามอยู่ห่างไกลจากครอบครัว
ก็มีแต่การทำงาน
และด้วยความตั้งใจในการทำงาน
และพิจารณาไตร่ตรอง
ก็ทำงานผ่าน ไม่ว่างานจะยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด
และเข้าใจแล้วว่าการงานที่ไม่ได้มุ่งตรงต่อเงิน
มันจะมีโอกาสเข้าใจถึงสิ่งที่ซ่อนเร้นจากผลของการทำงานได้
โปรดอย่าเชื่อในสิ่งที่สะพั่ง เขียน
เพราะได้กล่าวไว้ในตอนแรกแล้วว่า
มันเป็นเรื่องตลก
ขอบพระคุณที่ติดตามผลงานครับ