22 มกราคม 2551 11:20 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
ชีวิตของผมไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่เดิมทีผมก็มีบ้านอยู่แถวสวนจตุจักร ในบ้านผมจะมีลูกกรงให้ไต่เล่น มีอาหารผลไม้และน้ำกินไม่เคยขาด แต่มีวันหนึ่งมีคนผู้ชายอายุประมาณ ห้าสิบปีเห็นจะได้แกมาด้อมด้อมมองมองผมอยู่แล้วก็ยิ้มแล้วก็หันไปพูดจากับเจ้าของผม เจ้าของผมก็ยิ้มหน้าบานและรับเงินจากชายคนนั้น แล้วเขาก็หิ้วผมมา
ในวันรุ่งขึ้นเขาเปิดประตูให้ผมออกจากกรงและหันปากประตูกรงไปบนกิ่งไม้ ผมเห็นดังนั้นผมก็เข้าใจทันทีว่า เขาต้องการให้ผมออกจากกรง ผมไม่ทันคิดผมก็เลยโดดไปที่กิ่งนั้นทันที
ผมได้มองตาของคนนั้นที่เขาปล่อยผม ตาของเราประสานกัน ผมเห็นแววปลาบปลื้มบนตาของเขา เห็นความรุ้สึกอิ่มเอม สำหรับผมเอง ผมเองยังงงอยู่ว่าจะทำอะไรต่อไป มันจะดีใจก็ดีใจที่มีบ้านที่กว้างขวางมากขึ้น แต่ทว่าแล้วอาหารการกินจะทำอย่างไร ผมสะบัดหัวที่งุนงง หันมาผจญกับความจริงของชีวิต แล้วผมก็ไต่วิ่งกระโดดเล่นอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งหิว แต่ทว่าก็เห็นมะขามเทศต้นเบ้อเริ่มฝักอวบอูมแดงระเรื่อหอม ผมรีบกระโดดเข้าไปหยิบมากินทันที โอ้มันช่างหอมหวานจริงๆ ในวันนั้นชีวิตของผมก็มีความสุขไปอีกวัน
วันต่อมามันช่างเงียบเหงาเสียเหลือเกิน ผมได้ปีนป่ายไปทางทิศต่างๆแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีกระรอกแบบผมเลยคงมีแต่ผมตัวเดียวที่ว้าเหว่มาก แต่ก็ได้เพื่อนนก เพื่อนหมา เพื่อนแมว ส่งเสียงทักทายพอแก้เหงาได้นิดหนึ่ง
พอย่างเข้าหน้าหนาวอีกปีหนึ่งต่อมา ทีนี้ผมต้องงงงันทีเดียว เพราะผมเจอกระรอกหลายตัวมาก วิ่งเล่นไปมา เจี้ยวจ้าวไปหมด ผมก็ตะโกนเรียกเขาทันที พวกเขาก็วิ่งมาหาผมและมองผมตาแป๋ว ผมยิ้มแล้วทักทายพวกเขาว่า
มายังไงกันนี่
พวกเขาบอกว่า ก็คนไปเอามาจากบ้านและเอามาปล่อยพร้อมๆกันหลายตัว
เออดี นี่ ต่อไปเราจะได้อยู่เป็นฝูงเดียวกัน
เมื่อกระรอกทั้งฝูงตกลงกันก็พากันหากินด้วยกันโดยผมได้เป็นผู้นำฝูง
ทีนี้พอปีหน้าหน้าหนาวไม่รู้ว่าจะมีกะรอกอีกสักกี่ตัวที่จะโดนปล่อยออกมา ผมก็ได้จัดการเตรียมการเรื่องการสำรวจหาแหล่งอาหารในทิศทางต่างๆเพื่อเตรียมรองรับสมาชิกใหม่ตัวน้อยในครอบครัว และสมาชิกกระรอกใหม่ที่ถูกปล่อย
สังคมกระรอกกรุงเริ่มต้นขึ้นแล้ว เราต้องขอขอบคุณพี่หารบกและพี่หารอากาศที่ปล่อยให้เราได้มาใช้ชีวิตอย่างบรมสุข แต่เรายังไม่รู้ว่าพี่หรวดกับพี่หารเรือเค้าจะชอบปล่อยกระรอกเหมือนกันหรือเปล่า อ้อพลเรือนด้วยจะชอบปล่อยหรือเปล่า หากชอบเหมือนกันละก็ ผมก็จะได้จัดตั้ง กระรอกพลเรือน ตำรวจ ทหาร ให้เป็นสถานบันใหม่ขึ้นทีเดียว และเราก็จะดูแลไม่ให้สมาชิกของเราเข้าไปในบ้านเรือนคนไปฉกชิงอาหารผลไม้ของมนุษย์ และยังคงยืนยันในยุทธศาสตร์ของเราว่า กินขี้ปี้นอน เท่านั้น ไม่มีอื่นๆ ผมหวังว่าสถาบันกระรอกพลเรือนตำรวจทหารจะยืนยงคงอยู่ตามยุทธศาสตร์ของเราได้ตลอดไป
แต่ทว่าพ่อเจ้าประคุณ นิยายเรื่องใดก็แล้วแต่หากไม่มีตัวโกงบ้างก็น่าเกียจ มีคนอยู่คนหนึ่งเขาเฝ้ามองกระรอกของเรา แล้วเขาก็วางกับดักจับเราเอาเราไป แต่มีบางตัวเท่านั้นที่ได้กลับมาในตอนหน้าหนาว ส่วนอีกหลายตัวทราบข่าวว่า โดนเอาไปปล่อยที่อื่น จนพวกเราชาชิน แล้วโดนดักจับแล้วก็โดนปล่อยอย่างนี้จนไม่ค่อยตกใจเมื่อถูกจับ พวกเรานั่งถกเถียงกันว่า คนเขาทำอะไรกันบ้างก็จับ บ้างก็ปล่อย บ้างก็เลี้ยงไว้ในบ้าน ไม่ค่อยจะมีแนวทางที่ชัดเจนให้เข้าใจได้อย่างง่าย วันหนึ่งผมก็เลยไปถามพี่หมา ซึ่งคนเขามักจะเรียกว่าน้องหมา พี่หมาบอกว่า กูยังงงเลย แทนที่จะรักคนมากกว่ารักหมาดันรักหมามากกว่าคน เวลาพูดกับหมาหรือหมาพูดกับคนเนี่ยดันกลับรู้เรื่อง แต่ทว่าพอเวลาพูดกับคนเห็นเห่ากันไปมาส่งเสียงดังลั่นจนพี่หมาเองยังหางจุกตูด กูละงงจริงๆ ผมได้ฟังแล้วก็ไปเรียกพวกกระรอกของผมมานั่งฟังและสัมมนาระดมความคิดเห็นกัน ก็ได้ข้อสรุปว่า อย่าเข้าไปใกล้มนุษย์มากนัก
วันหนึ่งผมได้ไปไกลจากถิ่นเพื่อการสำรวจได้เห็นคนๆหนึ่งแกแบกกิ้งก่ายักษ์เดิน ผมก็เอาข่าวนั้นมาเข้าประชุม สรุปว่า เป็นกิ้งก่าดีกว่าเป็นกระรอก เพราะไม่ต้องเดินให้เมื่อยจะมีคนมาอุ้ม
วันหนึ่งผมเห็นพี่หมานอนซมน้ำตาซึมเนื้อตัวมอมแมม ผอมโซ ผมก็เข้าไปถามพี่หมา พี่หมาเอาแต่ร้องไห้ และพูดด้วยเสียงละห้อยแหบแห้งว่า
ข้าอุตส่าห์จงรักภักดี เห่าหอน ดูแลบ้าน เล่นกับลูกคน แต่พอข้าแก่ ข้าเป็นขี้เรื้อน พวกมันก็จับข้า ขับไล่ข้าให้ออกไปจากบ้าน ข้าไม่ไป มันก็จับข้ามาปล่อยที่วัด
ผมได้ฟังผมก็พลอยน้ำตาตกไปกับเขาด้วยและก็นำเรื่องมาเล่าให้สมาคมกระรอกพลเรือน ทหาร ตำรวจได้ฟัง พวกเขาได้ฟังก็พลอยพยักหน้าหงึกหงักกันทั่วทุกตัว
ชีวิตของผมก็ดีกว่าชีวิตของพี่หมามากนัก ที่แม้จะจงรักภักดีสุดชีวิตแล้วก็ยังถูกคนทอดทิ้งอย่างไม่ใยดี พวกกระรอกของผมได้พยายามที่จะห่างไกลจากคนให้มากที่สุด ไม่ปลื้มหลงเคลิ้มกับรอยยิ้มหรือประกายตาที่เมตตาของคนเป็นอันขาด เพราะเมื่อใดที่เข้าไปเกียวข้องกับคนแล้วดูเหมือนว่าจะมีแต่ความมึนงงไม่เข้าใจแต่เพียงอย่างเดียว ผมเชื่อว่าแม้แต่มนุษย์ก็คงจะไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
21 มกราคม 2551 09:23 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
ผมกำลังคิดจะกลับมาปรับปรุงหน่วยเช่น มณฑลทหาร และจังหวัดทหาร ให้กระชับมากขึ้น มีระบบมากขึ้น และก็มีหน้าที่พร้อมอำนาจมากขึ้น กว่าเดิมเนื่องจากว่า งานคดีศาลต่างๆ เรือนจำ การส่งกำลัง ข้าวสาร น้ำมัน ต่างๆ เงิน เงินกู้ เงินสวัสดิการต่างๆ รวมทั้งวงดุริยางค์ การขนส่งคนและขนส่งสิ่งของล้วนที่นี่ทั้งสิ้น อ้อรวมทั้งคลับอาวุธด้วย แม้ว่าจะไม่ใช่หน่วยที่ทำการรบ แต่ก็เป็นหัวใจของหน่วยที่ทำการรบทีเดียว
การจัดการภายในก็คงต้องรื้อระบบครอบครัวเสีย การหาเงินมาบริหารโดยใช้เงินค่าซ่อมค่าสร้างต่างๆโดยฮั้วกับผู้รับเหมาขาประจำก็เป็นการหาเงินมาบริหารบ้างแจกลูกน้องบ้างใช้เองบ้าง
มีพี่น้องบางคนชื่นชมประเทศญี่ปุ่นมากว่าเขาทำงานกันจริงจังกว่าประเทศของเราแต่ผมก็แย้งเขาว่า ไม่จริง คนไทยแน่กว่า เพราะขนาดเงินไม่มีจะทำงานยังต้องเบียดบังหลวงนำเงินอย่างหนึ่งมาทำอีกอย่างหนึ่ง เพียงแต่ว่า ถ้าทำไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์สูงสุด โดยที่ไม่ใช่ใช้การแอบอ้างเหมือนปัจจุบันแล้วก็คงจะเจริญก้าวหน้าไปกว่าญี่ปุ่นตั้งนานแล้ว
ผมหันกลับมามองกรมฝ่ายเสนาธิการต่างๆแล้วก็ให้ต้องการที่จะปรับปรุงโดยเฉพาะ งานในหน้าที่ กรมใดก็ตามที่ทำไปแล้วทำให้งานในหน้าที่มีปัญหา หรือทำงานเพียงแต่เพื่อสร้างบารมีให้แก่ตนเองเพื่อการโปรโมทตนเองให้ได้เป็นใหญ่เป็นโตมีข้าทาสบริวารมียศใหญ่เนี่ย ใช้ไม่ได้ และที่ผ่านมาเป็นอย่างนั้น และถ้าเรามาสนใจตัวเลขกำลังพลในแต่ละระดับ ในแต่ละชั้นยศหนึ่งจะเห็นว่ามันผิดปกติ ความผิดปรกติอันนี้มันจะเกิดจากบริหารงานที่ไม่เป็นสัปะรดขลุ่ยของบรรดาจอมปัญญาบารมีที่ผ่านมา และถ้าหากแยกออกมาเป็นปีๆก็จะรุ้ได้ทันทีว่าแต่ละท่านเป็นอย่างไร
ผมเรียกพวกแปดสิงห์แดนเสือมาชี้แจงตามที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด และทั้งหมดก็รับปฏิบัติ ผมก็พยายามติดตามผลงานความคืบหน้าโดยถามแต่ละสิงห์ทุกวัน
อย่าแปลกใจเลยว่าพฤติกรรมของทหารทำไมถึงเบี่ยงเบน ก็เพราะมันเบี่ยงเบนมาแต่ข้างบนแล้ว หากคนทำงานเก่งแล้วได้ดี ก็คงจะมีคนทำงานเก่งเยอะไปหมด แต่ทว่าพวกเลียเก่งเอาใจนายเก่งแล้วได้ดีเนียะมีเยอะมากเกินไปในปัจจุบัน
ดังนั้นงานของผมอีกอันหนึ่งก็คือ เอาคนที่ทำงานเก่งขึ้นมาเป็นหัวหน้าให้ได้
ผลที่จะเกิดขึ้นก็คือ จะมีคนที่มีปัญญาแก้ปัญหาให้ได้ในทุกเรื่องของกองทัพทหาร
อย่าให้มีคำกล่าวว่า พอยศถึงพันเอกแล้วเขาจะไม่พูดถึงฝีมืออีกต่อไป เขาพูดถึงว่าใครเป็นเด็กใคร ผมตั้งใจวาจะละคำนี้ให้ได้ ผมต้องการให้ได้ว่าคนเก่งในด้านที่ต้องการและเป็นประโยชน์ที่ต้องรุ่งเรือง และไม่จำเป็นต้องรุ่งเรืองในกองทัพทหารของผม แต่สามารถจะรุ่งเรืองได้ทุกที่ที่มีคนต้องการ อย่างน้อยอันหนึ่งที่จะค้ำประกันต่อคนภายนอกได้คือ คนที่ออกจากกองทัพได้โดยกองทัพไม่ได้ปลดนั้นคือคนที่กองทัพหวงแหน เป็นกำลังพลที่มีคุณค่า แต่ทว่าที่ต้องให้ออกไปเพราะเขาสามารถทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติในด้านอื่นมากกว่าด้านการทหาร
20 มกราคม 2551 09:07 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
เมื่อแต่ละกองพันได้ลงไปแล้ว การบริหารกำลังพลในพื้นที่อำเภอจะเป็นของกองพัน การบริหารทรัพยากรต่างๆจะเป็นของกองพัน พื้นที่ไหนเป็นพื้นที่ที่เคลื่อนไหวได้อิสระก็จะเลือกตั้งเป็นฐานปฏิบัติการ และขยายพื้นที่ที่ปลอดภัยออกไปเรื่อยๆ
การดำเนินการในการปฏิบัติการยุทธระดับยุทธวิธี จะมีการเคลื่อนไหวอย่างหนาแน่น แต่จะไม่มีการแสดงกำลังให้เห็น การเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงจะต้องตกอยู่ในสายตาของเหล่าทหารที่พรางตนตามจุดเอ้าโพส และวันดีคืนดี ผู้บัญชาการทหารอย่างผมก็จะไปชวนผู้พันในพื้นทีรับผิดชอบวิ่งเล่นกันในพื้นที่รับผิดชอบ เส้นทางทุกเส้นทางจะต้องมีการควบคุม มาจากไหนต้องรู้ ไปที่ไหนต้องรู้ เวลาออกเวลากลับ ไม่มีการแบ่งแยกศาสนา ไม่มีการฆ่า แต่หากไม่ให้ความร่วมมือกับฝ่ายทหาร หรือเป็นฝ่ายเดียวกับโจรก่อการร้ายก็จะต้องมาอยู่ในค่ายผู้อพยพจนกว่าจะมีความประพฤติดีขึ้น
ในการดำเนินการของทหารเจ้าหน้าที่พลเรือน เช่น ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ทุกข้าราชการจะต้องปฏิบัติงานตามที่ได้มีการกำหนดเพื่อความสอดคล้องกัน
ในสถานการณ์ที่รุนแรง เช่นเผาโรงเรียน ยิงครู ฆ่าเด็กนักเรียน ก็หยุดการเรียรนเรียนการสอนเสียทั้งสิ้นในอำเภอ และย้ายเจ้าหน้าที่ออกไปทำงานที่อื่นให้เจริญ ส่วนที่เก่าก็ให้ทำการปราบปรามถากถางเสียก่อน
ในพื้นที่จะไม่มีการส่งข้อมูลใดๆที่เกี่ยวกับภาพและเสียง เป็นพื้นที่ที่จำกัดเพื่อการปราบปราม บุคคลใดพูดภาษาไทยไม่รู้เรื่องจับเข้าศูนย์อพยพให้หมดจนกว่าจะพุดภาษาไทยเป็น ไม่มีการเรียนการสอนภาษามลายูนอกจากการก่อการร้ายจะสงสงบ
ผลของการปฏิบัติการ พื้นที่ได้เงียบสงบขึ้นเยอะ แต่เริ่มมีแรงกดดันจากนานาชาติเรื่องกล่าวหาว่าฆ่าตัดตอน ผมผู้บัญชาการทหารหัวเราะ และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนทั่วโลกว่า ที่ฆ่าๆเฉพาะโจร แต่จะไม่ฆ่าเนื่องจากเป็นการผิดศีลข้อที่หนึ่งในศาสนา
เมื่อได้ทำการรบไปได้สักพักหนึ่ง ผมก็ให้ทหารได้เลือกผู้นำของเขาขึ้นเป็นผู้พันใหม่ ซึ่งเป็นคนที่เขามั่นใจว่าจะนำพวกเขาให้รบชนะ และดูแลการเป็นอยู่พวกเขาเป็นอย่างดี
นอกจากนั้นผมยังคิดอีกว่าในปีหน้าผมจะต้องให้มีการเลือกตั้งผู้บังคับหน่วยหทารใหม่ในปีหน้ารวมทั้งตำแหน่งของผมด้วย โดยยึดหลักการว่าผู้นำต้องเป็นที่ยอมรับของลูกน้องเท่านั้น
ในส่วนของการรบทางด้ายยุทธศาสตร์ หากเพียงแต่สงสัยว่าประเทศใดเข้ามาเกี่ยวข้องกับโจรก่อการร้าย เราจะต้องเตรียมกำลังรบและยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยเหมาะสมไม่คิดจะหาค่าหัวคิว ให้ใช้ได้จริงและจะช่วยให้ชนะได้จริง เพื่อทำการรุกออกนอกประเทศยึดและกวาดล้างรากเง่าโจรร้ายให้สิ้นไป
ในส่วนสุดท้าย แผนสุดท้าย จะใช้ปรมาณูถล่มสามจังหวัดเสีย หากทหารไม่สามารถควบคุมไม่ได้ ก็ถอนทหารออก ใครอยากจะอยู่ก็อยุ่ ทำลายทิ้งเองดีกว่าให้คนอื่นทำลายทิ้ง
และที่สำคัญ คนบ้าย่อมกลัวคนที่บ้ากว่า ดังนั้น เมื่อฝ่ายตรงข้ามฆ่าทหารสิบคนเราก็ต้องฆ่ากองโจรของพวกมันทิ้งสิบคน
ผมได้ไปตรวจเยี่ยมเหล่าผู้การผู้พันผู้ร้อยผู้หมวดจ่าหมู่พลทหารแล้ว ไปดูการฝึกที่กระทำในพื้นที่ซึ่งไม่คล้ายกับการฝึก เพราะหากเสียท่าข้าศึกก็ตายจริง และข้าศึกก็ของจริง ผมมีความสุขที่เหล่าทหารได้ใช้เวลาของเขาในการทำการรบเพื่อประเทศชาติ มากกว่าจะใช้เวลาของเขาในการไปกินเหล้าเมายาเที่ยวเตร่ รวมถึงสนับสนุนให้เขาเพาะพืชพันธ์ทหารไทยกับสาวที่รักในพื้นที่อีกด้วย
ในส่วนของการข่าว ผมได้ให้หัวข้อข่าวสารที่ต้องการแก่หน่วยข่าวทั้งปวง คำถามง่ายๆคือ ใครคือศัครูของเรา และเรากำลังรบกับใคร ผมเข้าใจการปฏิบัติการลับดีว่ามันต้องสิ้นเปลืองเงินทองมากมายเพียงใด แต่ทว่าสิ่งที่ได้มาย่อมคุ้มค่ามากกว่าจะยอมเสียชีวิตทหารไปทำการรบโดยที่ไม่รู้
ณ ปัจจุบันนี้ ผมบอกได้เลยว่าไม่ต้องมีตัวชี้วัด หรือมียุทธศาสตร์กันทุกหน่วย แต่มีเป้าประสงค์เดียวคือ กำจัดผู้ก่อการร้ายให้หมดสิ้นทุกวิถีทาง ใครมีผลงานประทะบ่อยแล้วชนะก็จะมีรางวัลเป็นเงินทองคุ้มค่าเสี่ยงตาย ปะทะแพ้ก็มีการลงโทษให้ไปฝึกใหม่แล้วออกมารบแก้ตัวใหม่ ไอ้พวกที่รบไม่ได้เรื่องก็พิจารณาให้ไปทำงานที่สนับสนุนการรบ เช่น การขับรถส่งทหาร การทำกับข้าวเลี้ยงทหาร หรือล้างรถเปจ่ายตลาดซื้อกับข้าวให้ทหารทานเป็นต้น
ในสมัยผมนี้จะไม่มีลูกผู้ใหญ่ใดๆ จะโตได้ลูกน้องต้องรัก ต้องมีฝีมือในการรบ และต้องรักลูกน้องตัวเองมากกว่าตนเองเป็นสำคัญ
ส่วนทหารที่อยู่ในที่อื่นที่ไม่ได้ทำการรบก็พิจารณาให้น้อยหน่อยเพราะถือว่า ทหารคือคนที่ต้องทำการรบได้ หากทำการรบไม่ได้ก็เป็นเพียงแค่ข้าราชการกลาโหมพลเรือนเท่านั้น
19 มกราคม 2551 08:24 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
หลังจากที่ท่านเสือดำ หนึ่งในห้าเสือของกองทัพได้ไปป่าวประกาศให้กำลังพลระดับกรมและกองพันทราบแล้วก็ได้นัดวันและเวลาการแถลงแผนของแต่ละกรมกองพัน หนึ่งเดือนผ่านไปและวันนี้ก็มาถึง
ในระดับแปดสิงห์ของกองทัพได้มาเข้าร่วมประชุมด้วย ต่อมาก็ในระดับสามสิบสองกระทิงก็มาแล้ว กับอีกหนึ่งร้อยแปดแรด มากันเต็มไปหมด จะเห็นได้ว่าในที่ประชุมของทหารนั้น หากมากันอย่างพร้อมเพรียงแล้วนี่ก็คือความเกรียงไกรของกองทัพ แต่ทว่าจะเกรียงไกรแค่ไหนก็อยู่ที่ผลการปฏิบัติงานที่ออกมาแล้วเกิดประโยชน์เป็นสำคัญ ไม่ใช่ไปออกในรูปแบบของผลประโยชน์ส่วนตัวเหมือนในอดีต
เมื่อทุกคนมาพร้อมแล้ว เสียงบอกแสดงความเคารพก็ดังขึ้น ทุกคนมองเห็นเสือใหญ่หรือเสือโคร่ง ผู้บัญชาการทหารเดินอาดอาดขึ้นไปบนเวที
ผมได้มองหน้าตั้งแต่ สี่เสือ ครบ แปดสิงห์ครบ สามสิบสองกระทิง ครบ รวมทั้งบรรดาแรดอีกกว่าร้อยชีวิต และก็กล่าวขึ้นมาว่า ผมได้มอบหมายให้เสือดำได้ชี้แจงแบ่งมอบพื้นที่ปฏิบัติการให้กับพวกท่านแล้วเมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พวกท่านทั้งหลายคงจะได้ไปสำรวจตรวจตราพื้นที่รับผิดขอบของท่านแล้ว และคงจะได้มีแนวทางในการปฏิบัติในแต่ละหน่วยแล้วและในวันนี้ผมจะขอฟังแผนของแต่ละกอพัน หลังจากที่ได้มีการแถลงแผนและฟังแผนของหน่วยต่างๆแล้วก็ขอได้ไปปรับแผนอีกครั้งหนึ่งตามระเบียบการนำหน่วยหกข้อที่ได้ร่ำเรียนมา สำหรับอุปกรณ์พิเศษต่างๆผมได้ให้ ฝ่ายส่งกำลังได้จัดหาตามความต้องการของแต่ละหน่วย และหน่วยจะต้องมีอาวุธที่สุดยอดเท่านั้นที่จะใช้และจะต้องเหนือกว่าฝ่ายตรงข้ามทุกประการ สำหรับงานฝ่ายกำลังพลและยุทธการจะตรวจสอบผลการปฏิบัติงานและปรับย้ายให้ได้ผู้ที่จะเหมาะสมในการรบทางภาคใต้ สำหรับทรัพยากรของหน่วยแต่เดิมอาจจะใช้ไปในทางส่วนรวมบ้างส่วนตัวบ้างก็ขอให้เลิกเสีย หันมาทำให้ทรัพยากรของหน่วยเช่นเงิน น้ำมัน งบประมาณต่างๆเป็นทรัพยากรของหน่วยและจะต้องใช้ไปเพื่อการปฏิบัติงานการรบในครั้งนี้ การรบในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันหายากของพวกท่านผู้การผู้พันทั้งหลายที่จะแสดงผลงาน พวกที่มีลูกน้องเก่งๆและใช้มันเป็นท่านก็คงได้ประโยชน์ ท่านที่เก่งแต่ไม่ใช้ลูกน้องที่เก่งๆในการรบก็คงจะสุ้แพ้เขา ดังนั้นก็ต้องรู้จักเลือกใช้คนให้ดีให้เหมาะสมด้วย ผมหวังว่านโยบายของผมคงจะทำให้กองทัพของเราเกรียงไกรได้จริง แต่ก็ต้องเกิดจากความร่วมมือของพวกท่านทุกท่านอย่างพร้อมเพรียง ผมและอีกสี่เสือจะไม่ขอสบายอยู่ในเมืองแต่จะขอไปร่วมทุกข์ร่วมสุขร่วมรบกับพวกบรรดาเหล่าพลทหารของเราด้วยหมุนเวียนกันไป วันที่จะกลับมาเมืองหลวงก็เป็นวันที่พวกท่านคนสุดท้ายได้กลับกันหลังจากที่จบภารกิจการปราบกองโจร ขอโทษที่พูดยืดยาวไปหน่อย ต่อไปให้เสือดำจัดการแถลงแผนได้
การแถลงแผนได้ใช้เวลานานมากจนทุกคนได้แถลงแผนจบ และอีกในหนึ่งสัปดาห์จะได้เริ่มเคลื่อนย้ายกำลังตามแผนการเคลื่อนย้ายของฝ่ายยุทธการ
รอยเตอร์ได้รายงานความเคลื่อนไหวของทหารในกองทัพนี้ให้รู้กันทั่วโลกว่ามีการวางแผนขนานใหญ่เพื่อที่จะปราบปรามโจรก่อการร้ายในภาคใต้
ที่ห้องทำงานชั้นหกของผู้บัญชาการทหาร ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ของกองทัพได้นำเงินประจำเดือนมาให้ พร้อมๆกันนั้นหัวหน้าสนามมวยก็นำเงินค่าสนามมวยมามอบให้ ผมได้ให้หนึ่งในแปดสิงห์ได้รวบรวมเงินพวกนั้นและตั้งไว้เป็นเงินบำเหน็จรางวัลหรือเป็นทรัพยากรพิเศษของผู้บังคับบัญชาในการปฏิบัติภารกิจ ซึ่งก็เป็นการยืนยันว่าสิ่งที่ผมพูดไปได้กระทำจริงนั่นก็คือ จะจนและลำบากร่วมกับกำลังพลของผม และจะสบายเมื่อกำลังพลของผมคนสุดท้ายได้สบายแล้ว หลายคนคงแอบนินทาว่าโง่ ซึ่งผมก็ไม่สนใจก็เพราะผมมันก็รู้ตัวว่าผมมันโง่อยู่แล้ว
ผมได้สั่งเดินทางไปตั้งกองอำนวยการรบที่ภาคใต้แล้วและจะออกเดินทางในอีกสามวัน จึงให้ลูกน้องต่างไปร่ำราเมียลูกซะ แล้วก็ออกเดินทางไปปราบโจรกัน
นิราศสามจังหวัดชายแดนใต้ได้เริ่มเบิกโรงแล้ว ความมันสุดยอดเกินบรรยาย ลีลาเหนือกว่าหนังแอ๊คชั่นใดๆ ที่จะได้ดู ชื่นชมลีลาของทหารที่สุดกล้าหาญได้ร่ายรำกระบวนท่าอย่างงดงามแช่มช้อยให้ได้เห็น การสัปปะยุทธชิงชังยกองทัพนี้มิได้มีไว้เพื่อค้ำจุนใครนอกจากกระทำให้บ้านเมืองอยุ่รอดจากคนภายนอกที่จะเข้ามาย่ำยีและแสวงหาผลประโยชน์บนหลังของประชาชนของเรา
18 มกราคม 2551 10:19 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
ตอนแรก รับตำแหน่ง
ปีพุทธศักราช 2562 กระผมได้ขึ้นเป็นผู้บังคับบัญชาการทหาร
ผมคิดขณะรับธงหน่วยทหารจากผู้บัญชาการทหารคนเก่า รู้ตัวว่าโง่ กับรู้ตัวว่าไม่โง่ เนี่ย มันต่างกัน
เส้นทางการมาของกระผมกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ หยุดคิดแป๊บหนึ่ง ยื่นธงคืนให้แก่ผู้หมวดหนุ่มก่อน ตะเบ๊ะให้ทีนึง แล้วเขาก็นำธงออกไป กลับมาคิดต่อว่า ที่มาได้เป็นแบบไหนหนอ
หนึ่ง ฝีพระหัตถ์พระผู้เป็นเจ้า
สอง ฝีมือ
สาม ฝีเท้า
สี่ ฝีปาก
ห้า ฝีไม้
ผู้บัญชาการทหารคนเก่าแกกระแอมและกำลังยื่นมือมา ผมกลับมาสู่ความเป็นจริงแล้วยื่นมือออกไปเช็ดแฮนด์กับท่านจนกระทั่งเราทั้งสองหันหน้าออกไปยังหน่วยทหารแล้ว นายสิบคนหนึ่งก็เอาไมค์มาให้ เพื่อให้ ผู้บัญชาการคนเก่าได้กล่าวอำลาแล้วผมก็จะได้กล่าวให้นโยบาย ตอนที่ท่านผู้บัญชาการคนเก่าพูดผมก็ไม่ค่อยได้ฟังมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ พอถึงตาผมพูดบ้าง นายทหารคนสนิทของผมก็เอาแฟ้มสีแดงมาให้พอเปิดดูก็เห็นคำกล่าวของผมตัวโต ผมได้อ่านก่อนแล้วเมื่อวานนี้ แต่ผมไม่อยากพูดแบบที่ร่างไว้ก่อนแล้ว เพราะในอารมณ์วันนี้ผมอยากพูดอีกอย่าง ในใจคิดกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ลำบากยากเย็นจริงๆ ผมอยากจะเล่าให้ใครรู้บ้างเหลือเกินว่า ลำบากยากเย็นจริงๆ และในรอบปีที่ผ่านๆมา ไม่มีเลยที่จะมาแบบผมได้คือ แบบฝีมือ ผมสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปแป๊บนึง สายตาของผมมองไปทางซ้าย แล้วมองไปทางขวา ผมเห็นสายตาของพี่น้องทหารได้มองมาที่ผมเป็นจุดเดียว เขารออะไร เขารอให้จบพิธีไวๆเพราะมันยืนตากแดดร้อน หรือเขารอจะฟังวาจาของผู้บัญชาการทหารที่เอาแต่อ่านสิ่งที่ฝ่ายเสนาธิการประจำตัวของเขาเขียนมาให้อ่านแบบนกแก้วนกขุนทองงั้นหรือ คนอย่างผมคงไม่ใช่ แม้ว่าผมจะรู้ตัวว่าโง่ไม่ได้ฉลาดไปกว่าทหารคนอื่น แต่ผมมีความจริงใจที่ตีแผ่ได้ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ผมไม่ได้กินดีไปกว่าพลทหาร แต่ผมจะภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่พลทหารจะกินดีอยู่ดีกับผม เอาละผมจะเริ่มให้นโยบายแล้ว
พี่น้องทหารที่รัก ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหาร นโยบายของผมคือ ทหารต้องเป็นทหาร คนที่จะเป็นนายหรือผู้บังคับหน่วยได้จะต้องเป็นสุดยอดทหาร นักรบ เป็นเลือดทหาร และที่สำคัญลูกน้องต้องรัก และต่อไปผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนจะต้องได้รับความสุขสบายในการเป็นเป็นอยู่ แต่จะต้องลำบากในการสร้างกองทัพ เราจะเลิกระเบบเหี้ยๆทั้งมวล
ตอนนี้ผู้สื่อข่าวหันมาถ่ายภาพกันใหญ่ ผู้บัญชาการเก่ามองหน้า ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงของผมที่กล่าวออกไป ลูกน้องเริ่มหันหน้าไปกระซิบกระซาบ ผมก็พูดต่ออีกว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทำ อย่าให้ใครรังแกทหารแท้ๆได้ ความขมขื่นของเราที่ทนทรมานมากว่าร้องปีจะต้องจบลง และต่อไปจะไม่มีทหารโง่โง่อีก แต่จะมีแต่ทหารที่จริงใจต่อประเทศชาติเท่านั้น ผมจะจน อด เหมือนกับพวกท่าน จนกว่าพวกท่านทั้งหลายจะมี ผมถึงจะมีพร้อมกับพวกท่าน เราจะไปด้วยกัน หากว่าท่านลำบากผมจะคอยช่วย และหากว่าผมลำบากท่านก็ช่วยผมด้วย เราจะไปด้วยกัน
เสียงโฮโห่ร้องดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณลานพิธี ผมมองออกไปด้วยความปลื้มปิติ น้ำตาเอ่อคลอแทบจะกลั้นไว้ไม่ได้ ความเต็มตื้นใจในการยอมรับของพวกเขาได้สร้างแรงบันดาลใจให้กระผมจะต้องกระทำเพื่อพวกเขาและเพื่อกองทัพของประเทศนี้ไห้ได้ ผมชูมือขวาขึ้นพร้อมๆกับก็มีเสียงเฮกระหึ่มของบรรดาเหล่าทหารทั้งตัวนายและลูกน้อง พวกวงโยธวาทิตไม่รู้จะทำอย่างไรหัวหน้าวงก็มองตาผม ผมเห็นก็เลยพยักหน้าให้วงบรรเลงเพลงได้ ก็เป็นอันว่าจบพิธีรับตำแหน่งผู้บัญชากทหารของผมในวันนี้ หากในสองปีนี้ก่อนเกษียณ ผมไม่ตายห่าก่อน ด้วยจากเฮลิก๊อบเตอร์ตก โดนระเบิด หรือตายคาอก ก็คงจะเจริญแน่
ปล.เรื่องราวของผู้บัญชาการทหารเรื่องนี้จะจบภายในหนึ่งเดือน ตามที่ผมได้ตั้งใจได้ตั้งใจไว้ และต้องจบขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามครับ