15 มีนาคม 2551 17:31 น.

มองดี

สะพั่งสะท้านไมภพ

ในตอนเช้า สะพั่ง ได้อาศัยรถยนตร์ของภรรยาสุดที่รักมาลงที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนของลูก เมื่อลงแล้วเขาก็ขยับเสื้อและกางเกงให้ดูเรียบร้อย และจัดกระเป๋าสพายให้เข้าที่เข้าทางแล้วเริ่มเดินก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ
   บนรถเมล์สายเดิมเขาก็ไปนั่งข้างหน้าสุดที่ที่เขาจะไม่ต้องลุกให้ใครนั่ง สักพักคนบนรถก็แน่นแต่อย่างไรก็ตามยังมีตัวถังเครื่องบุนวมขวางอยู่ หากไม่พอนั่งจริงๆเขาหรือเธอก็จะนั่งบนตัวถังเครื่องดังกล่าวได้ สักพักก็มีเด็กกับผู้หญิงซึ่งเป็นแม่มานั่ง ผมก็ขยับตัวขยับขาขวาให้ลีบเข้ามาเพื่อเด็กและแม่เด็กจะได้นั่งเข้ามาได้ เกิดอะไรขึ้นทำไมผมถึงไม่ลุกให้นั่ง ก็อย่างที่บอกเด็กและแม่เด็กก็นั่งอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะลุกให้คนนั่งนั่ง แต่อย่างไรก็ตามไม่สบายใจ ก็ต้องคิดว่าหากลุกแล้วใครจะนั่ง คงจะเป็นแม่นั่งมากกว่าเด็กก็คงจะนั่งบนตัวถังเหมือนเดิม หรือเด็กจะนั่งแม่ก็ต้องนั่งบนตัวถังเหมือนเดิม ไม่มีทางที่จะนั่งตักกันให้ลำบาก 
   แต่พอรถมาถึงหน้าโรงพยาบาลพวกเขาก็ลง ผมเดาได้แล้วตั้งแต่ที่เด็กทำส่งเสียงไอแบบไม่สบายออกมา 
   ผมลงมาที่รถไฟฟ้าบีทีเอส ไปดูอัตรา ไปแลกเหรียญ แต่ดันใส่เหรียญก่อนแล้วกดปุ่มที่จะลง มีผู้หญิงคนหนึ่งเธอจัดการให้เสร็จ ผมก็มองหน้าเธอด้วยความสำนึกในบุญุคุณแห่งความเมตตาและกรุณาที่หาได้ยากเย็นยิ่งในปัจจุบัน และผมก็ขำในความใจร้อนของผมเอง ที่ไม่ยอมอ่านอะไรให้เข้าใจก่อนที่จะกระทำ
   เมื่อรถไฟฟ้ามาถึงที่สยามดิสคอฟเวอรี่ผมก็ลงไปทำธุระซื้อใบสมัครสอบโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาให้แก่ลูก ซื้อเสร็จแล้วก็เดินไปเข้าร้านกาแฟ หะแรกพอมองราคาก็ตกร้อยกว่าบาท กะจะถอยออกมาแล้ว แต่ว่าก็ลองดูว่ากินกาแฟราคาร้อยกว่าบาทต่อแก้ว นั่งละเมียดชิดกระจก ดูรถราขวักไขว่ คนเดินไปเดินมา แต่งตัวกันตามสมัยตามแต่ละวัยจะชอบ ในสายตาของเขาที่มองดูผมเขาอาจจะคิดอิจฉาผมว่าช่างเสพสุขสบายดียิ่งเหลือเกิน ระหว่างที่กำลังเพลินๆนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือรุ่นโบราณก็ดังขึ้น 
   โหล พี่พั่ง เหรอ 
   ครับ ผมพูด
   ตกลง ผมปล่อยให้พี่ก็แล้วกันนะครับสี่พันหนึ่ง
   ครับ บังเอิญอยู่ข้างนอกแล้วพี่จะโอนเงินให้ในวันพรุ่งนี้
   ครับ
   แล้วผมก็กดวางหูเก็บโทรศัพท์แล้วนั่งคิดต่อว่า ความจริงผมไม่อยากได้แต่ลองเคาะประมูลทางอินเตอร์เน็ตไปอย่างนั้นเอง แต่ได้ก็สมหวังเพราะว่าจะนำเอาไปปล่อยประมูลต่อไปหากำไรสักหนึ่งร้อยบาทถึงสามร้อยบาทถ้าทำได้
   สักพัก ไอ้น้องอีกคนก็โทรศัพท์มา พี่ผมประมูลพระพี่หนึ่งองค์ ขอทราบเบอร์ธนาคารพี่หน่อย
   ขอโทษน้อง พี่อยู่ข้างนอก จำเบอร์ไม่ได้ ไม่เป็นไรน้อง เรารู้จักกันแล้วพรุ่งนี้ก็ได้ 
   ผมนั่งยิ้มกริ่มแม้ว่าบางอันจะขาดทุนยับเยินแต่อย่างไรก็ตามในวันนี้ก็ได้เงินมาตามที่ตั้งใจแล้ว และหากได้ตั้งใจทำการค้าออนไลน์จริงๆขึ้นใช้สมองให้มากขึ้นคงจะมีรายได้เข้ามาชดใช้กับที่ขาดทุนไป เพียงแค่ความหวังแค่วันละหนึ่งร้อยบาทถึงสามร้อยบาทแค่นี้ ผมก็ยิ้มให้กับตนเอง และมีความหวังต่อไปกับชีวิตที่มีแต่ความผันผวน และนี่เองแหละที่คนที่ทำการค้าจะมีเงินทอง มีใบหน้ายิ้มแย้มมากกว่าคนที่ไม่ได้ทำการค้า หรือพวกที่พึ่งเงินเดือนอย่างเดียว
   พอห้างเปิด ผมก็ลุกจากร้านกาแฟฝรั่ง แล้วเดินชมการค้าภายในห้างด้วยความอิ่มเอมในใจ ที่หากใครก็ตามที่มีเงินไหลเข้าบัญชีธนาคารทุกวันๆละเพียงแค่สามร้อยห้าสิบบาทก็มีความสุขทั้งนั้น แล้วผมก็มองพิจารณาแต่ละร้านในการมีไอเดียในการหาเงิน
   เบื่อแล้วผมก็นั่งรถไฟฟ้ากลับบ้าน ซื้อผักซื้อผลไม้เพื่อกลับไปทำกับข้าวเลี้ยงนายแม่และลูกๆตามหน้าที่พ่อบ้านต่อไป
   พอมีเวลาว่าง ก็จะออนไลน์ทันที เพียงแค่สามร้อยบาทต่อวัน สักวันเมื่อเกิดทักษะในเรื่องการค้า เหมือนน้าอิมซังก๊ก แล้ว อิมซังพั่ง ก็คงจะเป็นนายห้างกับเขาบ้างซะที				
25 กุมภาพันธ์ 2551 14:15 น.

คุณนายเหม็นเขียว

สะพั่งสะท้านไมภพ

ในพื้นที่จังหวัดห่างไกลกรุงเทพนิดหน่อย ยังมีดินแดนติดแม่น้ำน้ำกลั่นอัลือลั่น ว่ากันว่าสพานข้ามรถไฟเคยมีรถไฟบรรทุกระเบิดตกไปขวางคลองอยู่ และยังไม่มีผู้ใดที่จะมีปัญญากู้กันได้จนถึงปัจจุบัน แต่ทว่าไอ้คนที่มีปัญญากู้ได้มันก็มีอยู่หรอก แต่มันเบื่อชีวิตวะทำไปก็แค่นั้น ไอ้พวกฉลาดแกมโกงเอาความดีความชอบไปซะหมด
   มีกลุ่มสภาพสตรีกลุ่มหนึ่งบนฝั่งซ้ายได้รวมตัวกันเพื่อเป้าหมายเร้นลับ เมื่อก่อนยังมีแบ่งว่า คบแต่เมียหลวง หรือเมียที่มีเงินเท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะว่ามันไม่สามารถไล่เลียงหรือไม่กล้าไล่ว่า ที่เห็นอยู่เนี่ยเป็นคุณนายตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่ แม้จะจิบจ๋อยนินทาเช้าเย็นแต่ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เพราะไม่รู้ว่าเป็นเมียลำดับที่เท่าไหร่กันแน่ในจังหวัด แต่ละจังหวัดยังมีเมียลำดับความเร่งด่น หนึ่งสองสามสี่ 
    ในบ้านคุณนายโต้โผใหญ่ วันนี้คุณนายก็เฝ้าแต่รอคอยน้องๆเมียรุ่นน้องขาประจำมาแวะเยี่ยมเยียน คุณนายเฝ้ามองตัวเองในกระจก มองดูผมที่เชิดขึ้นเป็นทรง ทรงเมียหลวง เชอะ ยังไงไอ้ผัวเจ้ากรมมันคงควงคนอื่นออกงานไม่ได้หรอก เพราะมันยังต้องการตำแหน่งที่สูงส่ง อำนาจที่สูงส่ง นั่นหมายถึง เงินทองของฟรีจะไหลมาเทมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา แม้แต่ความบริสุทธิ์ของสาวหน้าตาแชล่มใหม่ๆ แม้นมต้มจะคล้อยหย่อนยานมากไปหน่อยแต่ไม่เป็นไร ไปเสริมตัดต่อเติมให้เด้งจากดำเป็นชมพูระเรื่อยังไงก็ได้ แล้วเธอก็เอามือดันทรงอันอร้าอร่ามภายนอกตรวจดูชุดที่อยู่บ้านหรูเริดดีแล้วก็นวยนารถออกมารอยังเฉลียงบ้าน
   วันนี้คุณน้องเมียรุ่นน้องมากันเยอะเลย คุณนายก็สั่งไอ้เณรหน้าตาหล่อร่างกายแข็งแรงกำยำล่ำบึกออกมาเสริฟน้ำเสริฟท่า เสริฟขนม ของว่างซึ่งแน่นอนไม่ใช่ของที่ต้องซื้อเองแต่ก็เป็นคุณนายน้องที่มาแล้วมีของติดไม้ติดมือมา สาวๆและแก่ๆต่างก็น้ำลายสอต่างก็เข้าประจำที่แล้วก็เริ่มต้นเม้าส์กระจายในหัวข้อเรื่องปรับย้ายใครดี
   คนนี้ดีกว่า มันเป็นรองอยู่ มันเที่ยวไปด่าน้องๆผู้หญิงที่โรงพยาบาลสาดเสียเทเสีย มันไม่สนใจว่าไอ้คนที่ด่าจะเป็นเมียรุ่นพี่ หรือเมียน้อยรุ่นพี่ หรือใครมันด่าเละลย เอ้าแล้วใครรู้จักพื้นเพของคนนี้ไหมคะ
   คุณนายหัวโจกผมฟูดัดจริตเสียงซะให้หมั่นไส้เล่น
   ว่าแล้วก็มีคุณนายเมียน้อยที่เป็นสมาชิกใหม่ยกมือขึ้นขอพูด ทุกคนมองดูคุณนายเมียน้อยระดับผู้อำนวยการ ทุกคนรู้วีรกรรมดีว่า อีคนนี้มันโดนนายพลกับผู้อำนวยการ ผู้การแย่งจีบกัน ทุกคนก็คิดลงไปลึกว่ามันมีอะไรดีถึงขนาดนี้ ต่างก็เก็บความสงสัยไว้ก่อน
   นี่เลยคะ รองคนนี้แหละคะ  หนูจะไปเรียนก็มาแกล้งหนู ต้องให้หนูทำงานให้เสร็จก่อนถึงจะไปได้ หนูบอกท่านผู้การไปแล้วคะ ท่านว่าจะย้ายแม่งไปในเร็ววันนี้
   เมียน้อยของผุ้บัญชาการกองพล บอกว่า เอ ฉันก็เห็นเขาทักทายดี พูดจาดีนี่คะ
   เท่านั้นพวกเมียๆในโรงพยาบาลต่างก็ใส่กันเละว่ามันด่าอย่างโน้นอย่างนี้
   สักพัก มีคุณนายอีกคนเพิ่งมา พอได้ยินเท่านั้น กระโจนใส่เลย ไอ้หมอนี่แหละคะที่มันด่าชั้น ชั้นไปจอดรถขวางท้ายรถมันในบ้านของมัน มันออกไม่ได้ พอมันเจอฉันมันจึงด่าชั้นและแสดงทีท่าไม่พอใจ  ฉันบอกผัวฉันแล้วกำลังจะย้ายมันให้ไปอยู่ในขุมนรกชั้นที่สิบแปด
   แล้วก็มาเปลี่ยนเรื่องคุยวิธีการจัดการกับผัวกะล่อนที่ชอบอ้างภารกิจของหน่วย อ้างสถาบัน อ้างต่างๆนา เพื่อออกไปนอกบ้านกับไอ้คนขับรถประจำตัวตัวดี ซึ่งในที่ประชุมจะต้องลงขันซื้อตัวพลขับรถให้มาเป็นฝ่ายคุณนายให้ได้ นึกถึงผัวๆแล้วแต่ละคนมันไม่ได้มีสำนึกจริงๆกันเลย ต่อหน้าคนอื่นดูดี แต่ลับหลังละก็สยอง ถ้าไม่ได้เป็นเมียมันละก็ และถ้าไม่มีรถป้ายแดงหรือแหวนเพชรพลอยที่ส่องประกายสาดแสงสีให้บาดตาได้ละก็ และถ้ามีเศรษฐีให้เลือกละก็ กูเปิดแนบไปแล้ว
   ถึงตอนใกล้จบ ก็มีการแอบคุยกันเรื่องการใช้ทหารประจำตัวผิดประเภท และก็คุยกันถึงตอนเด็ดๆและว่ากันว่าในยามกลางวันจะเอามาแลกเปลี่ยนการใช้งานกันบ้าง
 
   อยากไปแรดนอกบ้านดีนัก กูล่อในบ้านซะเลย
   มีบางคนให้สมญาว่า สมาคมแม่บ้านสมองหมู หมูแต่มันก็ไม่เป็นไรหรอกว้ะ
   แม่บ้านต่างคนต่างหัวเราะเคี๊ยกๆๆๆๆ
   จบประชุม				
25 กุมภาพันธ์ 2551 11:22 น.

ที่นี่........ทางคนเดิน

สะพั่งสะท้านไมภพ

ไอ้บ้า
   เสียงคนในเครื่องแบบคนหนึ่งยศบนบ่ามีเยอะแสดงว่าเป็นทหารชั้นสูงตะโกนด่าออกมา
    มึงจดชื่อกูไป มึงดังแน่ 
    เสียงออกมาในทำนองข่มขู่
    ผมบอกลูกน้องเอ้าจดชื่อไว้ มันใส่แหวนเกินหนึ่งวง

   บรรดาเหล่าทหารสารวัตรวิ่งหนีกันอลหม่านเมื่อนายทหารแห่งหน่วยจเรได้เข้ามาตรวจหน่วย ผู้อำนวยการกองคนหนึ่งยืนขึ้นและเอามือทั้งสองจับที่หัวเข็มขัดที่แกสวมอยู่ แล้วมองมาที่ผม
   นี่ไงหัวเข็มขัดผิดระเบียบจดไป
   
   อีกคนที่กรมใหญ่ เมื่อผมเข้าไปรายงานตัวกับผู้อำนวยการกองที่เป็นคนคุมเรื่องวินัย ปรากฏว่าตัวแกเองแต่งกายผิดระเบียบ แต่แกก็ตะแบงว่า ของแกไปเรื่อย ผมเห็นแล้วจึงไม่ตรวจแต่กลับมาทำหนังสือรายงานหน่วยว่าให้หน่วยกวดขันเนื่องจากมีกำลังพลชั้นผู้ใหญ่ยังแต่งกายผิดอยู่ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องตรวจผู้น้อย

   อีกคนใส่รองเท้าและถุงเท้าผิดระเบียบ จดชื่อแกไป แกก็โกรธ
   
   ต่อมาก็เลยตรวจระดับเจ้ากรมกับผู้อำนวยการกองแทน ไม่ตรวจแล้วพวกเด็กๆเพราะพวกเด็กๆจะแต่งกายได้ถูกต้องตามระเบียบมากกว่า

   ไปตรวจนายทหารหญิง บางท่านแค้นมากเปิดสะดือให้ดู ให้เห็นหัวเข็มขัดที่ผิดระเบียบบ้างถูกบ้าง

   ผมนั่งเครียดกับตนเอง ไอ้ครั้นจะไม่ตรวจมันก็ไม่มีวินัย ละทิ้งหน้าที่ตนเอง ไอ้ครั้นตรวจไปก็โดนคนก่นด่าทั้งต่อหน้าและลับหลัง แต่ทว่าผลจากตรวจทำให้ผมประเมินได้ว่ามีคนที่แต่งกายถูกระเบียบถึงร้อยละ 95 แต่พวกที่ผิดระเบียบมีเพียง ร้อยละ 5 เท่านั้น

   วันหนึ่ง ผบ ให้ตรวจวินัยกานสวมหมวกเข้าออก ปรากฏว่าเจอ ทส ผบเองไม่สวมหมวก ผมเลยเข้าไปตะเบ๊ะบอกแกว่า ท่านครับ นายของท่านให้ผมมากวดขันวินัย การใส่หมวกออกนอกชายคา ถ้าท่านซึ่งเป็นคนใกล้ชิด ผบ ไม่ทำแล้ว ผมก็ไมสามารถตรวจได้ครับ ท่านก็บอกว่า เออดีมาก ว่าแล้วท่านก็แอบเดินลัดเลาะชายคาด้านหลังไป
   เจ้าหน้าที่สารวัตรทหารที่อยู่ในเหตุการณ์เข้ามาหา และแสดงความชื่นชมกับผมว่า เชื่อแล้วครับว่า ผมของจริง
   พวกเขาหารู้ไม่หรอกว่า การที่ทำแบบนี้ผมก็ทราบ เครียด แต่ผมได้ตัดใจแล้วว่าในอนาคตนี้คงจะไม่เจริญแน่เพราะได้สร้างศัตรูไว้เยอะมาก และได้ทำใจไว้แล้ว
   แต่เมื่อเจอตัวนายหัวหน้ากรมจเรที่ทำตัวเอาแต่ใจคนอื่น ทำงานสร้างสมบุญคุณให้แก่ตนเองในการที่ลูกน้องมาแล้วตนเองไม่เอาเรื่อง ผมถึงกับขนหัวลุก และอนาถกับการกระทำที่ผ่านมาของผม
   นอกจากดาบหน้าจะต้องระวังแล้ว ยังต้องระวังดาบข้างหลังอีกด้วยพร้อมๆกัน
   ปัจจุบัน คนที่กล่าวมาข้างต้นได้เป็นใหญ่กันหมดแล้ว  บางคนก็ยังคุมแค้นอยู่
   ผมยักไหล่
   สมควรจะโดนแล้ว
   ปิดทองหลังองค์พระ ถุย ปิดจนตายละไม่ว่า
   แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงเชื่อมั่นในความดีอยู่ ว่าทำดีแล้วต้องได้ดี
   โปรดติดตามต่อไป
แต่ก็หวังว่าคงไม่ตายไปก่อนนะจ๊ะ				
16 กุมภาพันธ์ 2551 09:23 น.

ท้าสู้....4

สะพั่งสะท้านไมภพ

ผีเสื้อแต่งแต้มอยู่ในฤดูใบไม้ผลิอันสดใสตลอดกาล มันสวยสดงดงาม มันอิสระ เสรี มันโบยบินตามอำเภอใจชีวิตของผีเสื้อแม้กระชั้นสั้น แต่เปี่ยมไปด้วยสีสันอันเพริศแพร้าวปรุงแต่งต่ำใต้ให้หอมจรุง

   บางครั้งการมีชีวิตของคนผู้หนึ่งง  หาใช่เพราะเพื่อเสพย์สุข หากแต่เพื่อกล้ำกลืนความปวดร้าว เนื่องเพราะการมีชีวิตอยู่ก็เป็นหน้าที่ประการหนึ่ง เป็นหน้าที่ซึ่งไม่ว่าผู้ใดก็ไม่มีปัญญาปฏิเสธได้
   ไม่ว่าเรื่องราวใดล้วนสะสางได้ง่ายที่ลำบากยากเย็นคือการรอคอย
(ดวงตาผีเสื้อกระบี่ โกวเล้ง น.นพรัตน์แปล)
   จูง่วนเหลง ส่งขุนนางมาชวนไปกอบกู้ประเทศจากน้ำมือของพวกหงวน ง่อซุนก็กำลังนั่งเหม่อมองท้องฟ้าทำการงานบ้านหากับข้าวกินด้วยการไปตกปลายังแม่น้ำ ปลูกข้าวดำนากินเอง จูงควายไปมา ชีวิตหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน  บางเวลาก็อดคิดไม่ได้ว่า มันเจ็บปวดแค่ไหนกับการที่มีฝีมือทั้งบุ๋นและบู๊แต่ต้องมากระทำตนเป็นแบบนี้ นึกขึ้นมาทีไรแล้วเจ็บปวด แต่ทว่าพอนึกถึงคำสอนของหลวงจีนธรรมหุนได้ก็กลับมีจิตใจที่สงบเงียบตามปกติ และก็มีรอยยิ้มออกมาได้บ่อยๆ
   ในจิตใจที่พยาบาทอาฆาตมาดร้ายย่อมไม่มีความสุข  หากละความอาฆาตพยาบาทได้บ้างแล้วก็จะทำให้ชีวิตดีขั้น เขากลับบ้านและแจ้งให้ภรรยาเหมยฟ้าทราบว่า บัดนี้ จูง่วนเหลง หรือ จูหยวนจางได้มาชวนเขาไปกู้ชาติ 
   เขาว่ากันว่าจูง่วนเหลงรักทหารมาก
   แล้วพี่แน่ใจแล้วหรือคะ
   อันนี้พี่ได้ข่าวมาจากทหารในกองทัพของจูง่วนเหลงเอง
   แล้วพี่คิดว่าจะไปเมื่อไหร่ละคะ
   พี่คิดแล้วก็ยังห่วงน้องอยู่ว่าจะอยู่อย่างไร เพราะการไปนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย และโอกาสที่จะพลาดพลั้งบาดเจ็บพิการหรือตายก็มีมาก เลยต้องถามน้องก่อนว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไร
   น้องเชื่อว่าด้วยความสามารถของทางบู้บุ๋นของพี่คงจะไม่มีพลาดพลั้งไปหรอกคะ
   น้องเชื่อมั่นพี่ขนาดนี้เลยหรือ
   คะน้องเชื่อคะ
   ง่อซุนยิ้มไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีกันแน่ที่จะตัดสินใจไป 
   ง่อซุนคิดถึงประโยคหนึ่งได้ว่า
   สร้างรากฐานไม่ง่ายดาย เฝ้ารักษายิ่งยากเย็น ไม่ว่าผู้ใดคิดบรรลุถึงประการนี้ต้องจ่ายค่าตอบแทนอันควร
   ภรรยา กับ สตรี ผิดแผกแตกต่าง ภรรยาไม่เพียงเป็นสตรีทางหนึ่งทั้งยังเป็นสหายและคู่หูที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขขณะเปล่าเปลี่ยวล้มป่วยท้อแท้ชราภาพสามารถพึ่งพิงกันและกัน ปลอบโยนซึ่งกันและกัน
   (พญามังกรเจ็ดดาว โกวเล้ว น.นพรัตน์)
   มันยากมากที่จะตัดสินใจไป ฤาจะเอาความสุขที่เห็นๆไปแลกกับความสุขที่ไม่แน่นอน หรือจะได้ลองวิชาตามใจตัวเสี่ยวดวงเอาถ้าสำเร็จก็จะมากมีเงินทองมีอำนาจมีข้าทาสบริวารและน้องหญิงก็จะได้เป็นฮูหยินสูงศักดิ์
   เบื้องหลังของฮูหยินสูงศักดิ์ในราชวงศ์หงวนมันช่างสุดเลวได้อย่างไม่มีที่ติ มันเพียงต้องการของกำนันในยามที่บ้านใหญ่โตของมันมีงานมงคลต่างๆ มันต้องการให้บรรดาฮูหยินของผู้น้อยไปพูดจาประจ๋อประแจ๋คอยเอาใจ ข้าราชการคนไหนแอบเอาของไปให้มันทำให้มันพอใจ มันก็ย่อมส่งเสริมผัวรักให้ส่งเสริมให้ก้าวหน้าในตำแหน่ง ส่วนไอ้พวกไม่มีสังคมมันก็จะหาเรื่องยุยงให้ผัวซึ่งมียศสูงส่งย้ายหรือปลดออกไปไม่ให้กีดขวางทางได้ นอกจากนี้แล้วพวกมันยังชอบแสดงออกทางคำพูดที่เหยียดยามดูหมิ่นผู้น้อยต่างๆนาๆ แสดงออกถึงมาดลีลาผู้ดีชั้นสูง กรีดกรายเฉิดฉายในวงการงานการกุศลอย่างออกหน้าออกตา รีดนาทาเร้นครอบครัวชั้นผู้นอน้อยเพื่อนำเงินไปถวายเจ้านายได้หน้าได้เป็นฮูหยินแต่ลูกน้องต้องเจ็บปวดกับการไม่มีจะกิน 
   ง่อซุนเอยง่อซุน ไอ้จูง่วนเหลงเองมันก็แสวงหาลาภยศเหมือนกัน ไม่แปลกหรอกที่จะกระทำเพื่อให้ได้ความสงบสุข แต่ทว่าไอ้ความจริงของโลกมาตั้งแต่ราชวงศ์จิว จนมาถึงหงวนนี้มีบ้างไหมที่มันจะคงที่
   ภาษิตจีนบทหนึ่งกล่าวถึงปรัชญาข้าราชการไว้ว่า มนุษย์เป็นผู้อุตสาหะพยายามทำไป แต่จะไปได้เพียงใดนั้นพระเจ้าเป็นผู้กำหนด
   หรือภาษิตฮวนทางใต้กล่าวว่า ตะเข้แรงหาง ขุนนางแรงหัว ผัวแรงเมีย เหี้ยแรงไข่
   ง่อซุนตกลงใจแล้ว.....
   จบ แปลว่า ไม่มีต่อ				
16 กุมภาพันธ์ 2551 08:34 น.

ท้าสู้....3

สะพั่งสะท้านไมภพ

ณ เก๋งจีน ริมน้ำซูโจว
   ง่อซุน กับ เหมยฟ้า นั่งอิงกันดื่มสุราอุ่น แสงจากดวงจันทร์หลายเสี้ยวบนน้ำ ไม่ใช่นับไม่ไหว แต่ในบรรยากาศนี้ไม่มีเวลาที่จะนับ ดวงตาดำขลับของเธอยิ่งกว่านิลกลมเพชร คือทั้งดำทั้งแวววาวยิ่งกว่าแสงเพชร บนแก้มชมพูของเธอคล้ายผลท้อที่เปล่งประกายในท่ามกลางแสงดาวที่สะท้อน ในท่ามกลางลมหนาวเดือนยี่ ไออุ่นจากแพรไหมของเธอที่เรียบลื่นละมุนหอมกรุ่นชื่นใจไม่รู้ว่าจากกลิ่นใดจากกายหนือจากไหมอบเกสร
   กลิ่นสุราเลิศรสยามนี้ฟุ้งหอมกระทบพยาธิในลำไส้  เธอรินสุราจอกแล้วจอกเล่าแม้จะเมามายในรักอยู่ก่อนแล้วเติมเหล้าเข้าไปก็ยิ่งเมามายรักมากขึ้น
   เขานึกถึงกลอนของโจโฉได้สองบทจึงเอื้อนเอ่ยให้สุดที่รักฟัง ความว่า
   นี่คือเหล้ามาเรามารำร้อง
ชีวิตของคนเรานั้นมันสั้น
เหมือนกับหยาดน้ำค้างรุ่งรางนั้น
วันดีดีแต่ละวันก็ล่วงไป
   แม้เราจะร่าเริงบันเทิงสุข
แต่ความทุกข์ก็ยากจักลืมได้
อะไรเล่าจะให้เราลืมเสียไซร้
เหล้ายังไงเล่าเหล้าเหล้าเท่านั้น
   อีกบทกลอนหนึ่งของโอมาคัยยัม
   วันวานเตรียมเพื่อบ้าน ในวันนี้นา
พรุ่งนี้อาจหรรษ์   อาจให้
ดื่มเถิดสุดเราฝัน   เราจาก  ไหนแฮ
ดื่มเถิดไปไหนไซร้   สุดรู้  ตนไฉน
   อีกบทกลอนของลิงลิงแปลแล้ว
   ธุระของโลกนี้ก็เท่ากับต้นกกในแม่น้ำกกนั่นแหละ
   บทกลอนของหลีโป
   บันเทิงชีวิตดรุณวัยในหอทอง
วังดวงมาลย์ฉลุล่องล้ำอร่าม
สำอางเอี่ยมฟูไหมสายรัดทาม
สอดสีงามชมพูเรื่อเสื้อเพริดพราย
   นวยนาดชมโฉมชื่นระรื่นจิต
แล้วมาชิดราชยานอันเฉิดฉาย
เสียงเพลงฟ้อนมิช้าจะราคลาย
สุขละลายเหมือนละออกหมอกล่องฟ้า
(จาก คิดคิดขอเขียน กาญจนาคพันธ์)
  เมือ่ถึงตอนนี้เหมยฟ้าได้เอามือมายุดมือของง่อซุนไว้แล้วทั้งสองมองหน้ากันด้วยความรักที่สุด หัวใจของทั้งคู่บานยิ่ง เบิกบานยิ่งกว่าดอกบัวทุกดอกในบึง เบิกบานยิ่งกว่าพ่อค้าที่ขายของหมด เบิกบานยิ่งกว่าได้รับโชคลาภใดๆ ง่อซุน หยุดยกจอกสุราแล้ว มันวางจอกลงและใช้มืออีกข้างนั้นโอบกอดเหมยฟ้าเข้ามา มันอยากจะทำให้ร่างกายของเหมยฟ้าจมแทรกร่างกายมันเข้าไป 
   วันเวลาผ่านไปไวยิ่งแสงทองเริ่มฉายส่องผ่านเจดีย์หลายชั้นสะท้อนผิวน้ำ วันใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น และเป็นเวลาที่ทั้งสองคนกำลังเดินจูงมือกันกลับบ้าน
   พี่ไปส่งที่บ้านนะเหมยฟ้า
   คะพี่
   หญิงสาวเดินเกาะกุมมือชายหนุ่มไปตามทาง 
   ในระหว่างทางนั้นเองเขาก็คิดได้ว่า
การมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด คนชาญฉลาดที่สุดค่อนข้างกลัวตาย ทั้งนี้เพราะคนชาญฉลาดรู้จักมีชีวิตอย่างเสพสุขมากกว่า คนที่เน้นการเสพสุข จะบังเกิดความละโมบ มีจุดมุ่งหมาย
   ในตอนนี้เขาไม่สนใดใดอีกแล้ว
(ดาบเสียดฟ้า อุยสุยอัน น.นพรัตน์ แปลได้ยอดเยี่ยมยิ่ง)
มีต่อ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสะพั่งสะท้านไมภพ