9 กุมภาพันธ์ 2551 13:49 น.
สอพินยา
....เธอจากไปด้วยปีกบางแห่งนางฟ้า
สุดสายตาสุดแสนไกลสุดปลายฝัน
สุดจะเกี่ยวสุดเหนี่ยวรั้งสุดห่างกัน
สายสัมพันธ์บางเบาหวิวพลิ้วลอยไป
....พรหมสร้างสรรค์ให้พบกันในบทสุข
ฉากความทุกข์สลับเปลี่ยนเวียนมาใกล้
พรหมมิได้ใคร่ลิขิตชีวิตใคร
ความเป็นไปที่หนุนนำคือกรรมตน
....ดวงวิญญานผ่านภพนี้มีภพใหม่
อาศัยกายเป็นเพียงทางสร้างอีกหน
รส..กลิ่น..เสียง..สัมผัสหรือคือมืดมน
รูปเรือนตนใช่คงคืนความยืนยง
....ปีกนางฟ้า..คือวิถีที่สิทธิ์ศักดิ์
พ้นจากรักพ้นจากโกรธพ้นโลภหลง
ไม่ผูกพันไม่ยึดติดไม่คิดทนง
สลายกรรมที่นำหลงให้บางเบา
....ขอให้ปีกที่เข้มแข็งแห่งนางฟ้า
โบยบินฝ่าข้ามมหรรณพ์ผ่านขุนเขา
ห่วงดวงจิตที่เปราะปร่าบอบบางเบา
ใจของเจ้าจะสับสนไม่พ้นภัย
....ปีกนางฟ้า..พาเธอไปไกลจากฉัน
หวิวหวิว.. หวั่นกลั้นน้ำตาอย่าหยดไหล
รอนรอน..ร้าวราวสลายมลายไป
ฝากหัวใจในปีกบางไม่ห่างเธอ
9 กุมภาพันธ์ 2551 13:35 น.
สอพินยา
......ลำนำเพลง "รักบังใบ"......
....กามเทพ ลวงหลอก บอกความรัก
เสียบศรปัก กลางทรวง ให้ห่วงหา
หลงครวญคร่ำ รำพันถึง ตรึงอุรา
แล้วใยมา ริดรักร้าง ไปห่างไกล
....สุดจะปราม ห้ามดวงจิต ไม่คิดถึง
กลับรำพึง ฤดีโดย ระโหยไห้
ตกเย็นย่ำ สุริยา จากลาไป
พารักไกล สุดหักหาย มิวายระทม
....ใบบังบัว บัวบังใบ ใบบังรัก
บังมิให้ ใครประจักษ์ ว่ารักขม
น้ำตาตก ตามตะวัน พลันระทม
สุดตรอมตรม รักอำพราง ...."รักบังใบ"
9 กุมภาพันธ์ 2551 13:27 น.
สอพินยา
....ลืมเสียเถิด..อย่าคิดถึงคนึงหา
ลืมเสียเถิด..ถ้อยวาจาที่เคยให้
ลืมเสียเถิด..อ้อมอกอุ่นละมุนละไม
ลืมเสียเถิด..เสียงหัวใจเคยแนบฟัง
....ต้องจำนนต่อที่เห็นและเป็นจริง
ว่าทุกสิ่งมิอาจเป็นดังเช่นหวัง
ต่างชีวิตต่างลิขิตต่างกรรมบัง
จำต้องห่างให้ต่างคนต่างเดินไป
....ทำหัวใจให้หนักแน่นเหมือนแผ่นหิน
ถึงแพ้พ่ายไม่ให้ยินสะอื้นไห้
ทำดวงจิตให้กว้างกว่าสมุทรไทย
ปล่อยรักไปไม่หวั่นต้องนองน้ำตา
....คิดเสียว่าความหลังครั้งกระนั้น
คือความฝันที่สุดสุขสุดหรรษา
อาจจะหวานอาจจะชื่นรื่นอุรา
เมื่อลืมตาความชื่นหวานพลันผ่านไป
....ขอเวลารักษาใจให้เข้มแข็ง
พอมีแรงพลิกฟื้นจิตคิดยืนใหม่
ที่ผ่านมาจะเก็บไว้ในห้วงใจ
ขอย้อนไปกำหนดเป็นเช่นคนเดิม ฯ