9 มกราคม 2550 15:42 น.
สองร่าง
"ดันพื้น 20 ปฏิบัติ!!!!" เสียงแข็งกร้าวนั้นทำให้ฉันฮึกเหิมระคนเหนื่อยและหอบ
"บ้าเอ๊ย ไม่รู้จะดุไปถึงไหนกัน ก็ทำอยู่เนี่ยไม่เห็นรึไงวะ" ฉันคิดฉุนอยู่ในใจ
"อู้เหรอ ลุก! ลุกขึ้น สก็อตจั๊มพ์ 50 ปฏิบัติ!!! " เสียงนั่นยังสั่งฉันไม่เลิก เพียงเพราะฉันดันพื้นช้าไปเท่านั้น มันจะรู้มั๊ยนะว่าที่ฉันกำลังทำอยู่เนี่ยมันเหนื่อยสักแค่ไหน
"แล้วฉันมาทำอะไรอยู่ล่ะเนี่ย? ทำไมฉันต้องมาทรมาน ทำไมต้องมาเหนื่อยกาย และใจให้เขาด่าทอ ตะคอกอยู่อย่างนี้" ฉันคิดอยู่ในใจขณะที่ใช้มือขัดไว้ที่ท้ายทอย นั่งกระโดดต่ำๆ อยู่ที่พื้นตามคำสั่งไอ้หมาบ้าที่อยู่เบื้องหน้าฉัน
เมื่อทุกอย่างผ่านไป เราทุกคนรวมแถวกันอยู่ที่หน้าสนามโรงเรียนและฟังประกาศผลผู้ที่ผ่านการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายเพื่อเข้าเรียนอะไรบางอย่างที่ ชายอ้อนแอ้นอย่างพวกฉันไม่ปรารถนานัก ใช่ นี่ล่ะที่เค้าเรียกกันว่า นักศึกษาวิชาทหาร.......และฉันก็เลือกที่จะเรียนมัน
"เป็นละยะ อนาคตว่าที่ร้อยตรีหญิง ฮิฮิ อยู่ดีไม่ว่าดี ดูซินั่นหน้าดำเป็นตอตะโกเลยแก" เพื่อนสาวคนเดิม ใช่ ก็นังแว่นนั่นล่ะมันเยาะฉัน ที่ต้องมาเปลือยกายท่อนบนวิ่งแข่ง ผ่านด่านโหดๆ กลางแดดกับพวกผู้ชายร่วมรุ่นด้วยกัน
"ย่ะแม่คนสวย หล่อนไม่เห็นเหรอว่าฉันน่ะเหมือนเจ้าหญิงขนาดไหน" ฉันตอบไป
"ไหนยะ เจ้าหญิงบ้าบออะไร ฉันเห็นแต่กะเทยควายวิ่งโชว์กล้ามเนื้ออยู่กลางสนามนั่น่ะ เมื่อกี๊ สวยนะยะ หล่อนน่ะ สวยสำคัญน่ะ (สวยสำคัญ ก็ สันซำควาย ภาษาอีสาน หมายถึง กล้ามใหญ่มากๆ)"
"อ๊าววว หล่อนไม่เห็นเหรอยะ ว่ามีองครักษ์วิ่งคอยดูแลฉันเป็นสิบ เนี่ยเค้าเรียกว่าดาวล้อมเดือนไงแก" ฉันไม่ยอมแพ้
"อืมว่าไปก็เหมือนนะแก แต่ฉันว่าเหมือนแมงวันตอมขี้มากกว่า"
"เออ อีนี่กัดกูไม่เลิก" ฉันคิดในใจ
"ไม่เอาแล้วแก เหนียวตัวเหนียวหน้าฉันไปล้างหน้าดีกว่า"
........
"เหนื่อยมั๊ย"
เสียงนั่นทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นจากก๊อกที่มีน้ำกำลังพวยพุ่งออกมาพร้อมความชุ่มฉ่ำ
"ชิ๊บหายแล้ว" ฉันอุทานเพียงแค่ริมฝีปากเผยอแต่หาได้มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาจากช่องปากฉันไม่
"อ้อ ก็เหนื่อยสิพี่ เป็นพี่ไม่เหนื่อยรึไง" ฉันตอบไป พลางในใจก็คิดว่า "แม่งเสือกไปกวนตีนเขาอีก" มันสับสนไงไม่รู้ ก็เจ้าของเสียงนั่นมันรุ่นพี่สุดหล่อที่ฉันเฝ้ารอและติดตามมาตลอดสามปีนี่
"อ้าว แล้วพี่มาดูอยู่นานแล้วเหรอ" ฉันถามไปงั้น
"อืม ก็พักนึงแล้วล่ะ เป็นไง ได้เรียนรด.มั๊ย" เขาถาม
"โหพี่ ดับนี้แล้ว ได้ดิ ไม่ได้ก็เสียชื่อนักกีฬาว่ายน้ำโรงเรียนหมด" ฉันอวด
"อืมดีแล้วล่ะ จะได้ไม่ต้องไปเกณฑ์ทหาร"
"อะไรกันพี่ ที่เรียนเนี่ยไม่ได้คิดจะให้พ้นเกณฑ์หรอกนะแต่เรียนเพราะอยากเรียนจริง" ฉันตอบ
"ต๊ายยยยย!!! เรียนเพราะอยากเรียน กล้าพูดดดด...... ไม่บอกพี่เขาไปล่ะว่า "พี่คะ!!! พี่เป็นแรงดลใจให้หนูมาเรียนค่ะ เวลาเข้าค่ายจะได้ใกล้ชิดสนิทสนมกว่านี้" เสียงนังแว่นลอยมาแต่ไกล เล่นเอาฉันที่หน้าดำเพราะแดดรวมกับสีแดงเลือดฝาดที่พร่านขึ้นบนหน้า กลายเป็นสีเขียวอมม่วงซะงั้น
"อีบ้า" ฉันด่ามันเบา โดยหันหน้าไปหามันเกรงว่าถ้าดังไปจะเสียจริตที่สั่งสมมาต่อหน้าชายอันเป็นที่รัก
"พี่ยุทธ์ ฝึกรด.หนักมั๊ยพี่" ฉันถามรุ่นพี่สุดหล่อเพราะเกรงว่าเขาจะเดินหนีไปเสียก่อน
"ปีหนึ่ง ปีสองเนี่ยก็หนักหน่อยล่ะ" เขาตอบ
"เอ่อ คือว่า แล้วเราจะได้เจอกันมั๊ยล่ะคะเวลาฝึกน่ะ" นังแว่นถามแทน
ฉันด้วยน้ำเสียงที่เกินจริต
"เจอสิครับ ปีหน้ายังเจอกันอยู่ เอาโชคดีนะพี่ไปเตะบอลก่อน รอสนามมาตั้งสองชั่วโมงแล้ว" เขาตอบแล้วเดินไป
จบกันฉันก็นึกดีใจว่าพี่ยุทธ์สุดหล่อมาแอบมองให้กำลังใจแบบอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ เอาน่าอย่างน้อยเพราะยัยแว่นก็ได้พูดความจริงในใจออกไปให้พี่ยุทธ์รู้แล้วนี่ ไว้เจอกันวันฝึกนะพี่นะ........
to be continue......
9 มกราคม 2550 11:49 น.
สองร่าง
"เฮ๊ย!! อีแว่น แกรู้จักพี่คนนั้นปะ?"
"คนไหนยะ"
"ก็นั่นไงคนที่ยืนอยู่หน้าสหกรณ์น่ะ "
ฉันถามเพื่อนสาวคนสนิททันทีที่เจอรุ่นพี่สุดหล่อที่ฉันคลั่งไคล้มาตั้งแต่สมัยเข้ามาเรียนที่นี่วันแรก ซึ่งจริงๆ แล้วถึงตอนนี้ที่ฉันเจอเขาอีกครั้งก็เพิ่งจะผ่านมาแค่สามวันเอง ใช่สิสามวันแรกในโรงเรียนมัธยมชายประจำจังหวัด เมื่อก่อนฉันยังสับสนว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ ตอนเรียนประถมคลับคล้ายคลับคลาว่าจะมีแฟนเป็นหญิงอยู่ดีๆ จนมาเจอรุ่นพี่รูปหล่อคนนี้ถึงได้รู้ว่า อ้อ ฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้นี่เอง คิดไปคิดมาก็พิลึกดีนะชีวิต
.........
"หิ้วโว๊ย!!!"
ฉันหิวจนไส้แทบขาด และต้องรีบกินข้าวให้เสร็จก่อนที่นักเรียนห้องและชั้นอื่นๆ จะลงมาซะก่อน
ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่โรงเรียนกำลังสร้างอาคารใหม่เต็มรูปแบบด้วยสน ามกิฬาและห้องประชุมขนาดใหญ่ที่ชั้นสอง โรงอาหารหรูหราไฮโซที่อยู่ชั้นล่าง แต่นั่นคงไกลเกินฝันของฉัน หรืออย่างน้อยคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีกว่าจะได้ใช้มัน เพราะวันนี้ฉันเพิ่งจะเป็นเขาลงเสาเข็มต้นแรกเท่านั้นเอง
นั่นละเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงต้องมากินข้าวอยู่ที่หอประชุมเล็กอันเกรอะกรังและร้อนอบอ้าวจนสุดจะทน แต่อย่างน้อยฉันก็รู้ว่าควรจะนั่งตรงไหนและหันหน้าไปทางใด
"เจ้แหวว ผัดวุ้นเส้นกับต้มข่าไก่ค่ะ" ฉันสั่งอาหารจานโปรดร้านประจำที่มักจะโดดเรียนช่วงก่อนบ่ายลงมานั่งเมาท์กับเจ้แกอยู่เสมอๆ
"ได้แล้วจ้า"
"ขอบคุณค่ะ"
ฉันละเมืยดกินอย่างช้า ๆ แลดูมีจริตอยู่ไม่น้อย นั่นไม่ใช่เพราะฉันกลัวว่าข้าวจะติดคอ หรือใครมองมาจะเห็นกิริยาอันตะกระตะกรามของฉันหรอกนะ แต่ที่ฉันต้องกินช้าๆ เพราะว่ากำลังรออะไรบางอย่างอยู่ต่างหาก
นั่นไง ยังไม่ทันสิ้นความคิดสิ่งที่ฉันรอก็มาปรากฎอยู่ตรงหน้า มันเป็นไปตามที่ฉันคาดไว้ไม่มีผิด
โต๊ะไม้ยาวสภาพไม่ค่อยดีนัก แต่มันก็น่ามองเมื่อมีคนที่ฉันคลั่งไคล้นั่งอยู่ตรงข้ามห่างกันเพียงไม่ถึงสองเมตร ภาพนั้นฉันจำติดตาไม่เคยลืมกระทั่งทุกวันนี้
รุ่นพี่สุดหล่อที่ฉันคลั่งไคล้ถึอจานข้าวพลาสติกสีชมพู ดูอย่างไม่ถนัดนักฉันว่าเขาต้องกินแกงเขียวหวานไก่ กับผัดคะน้า ตายล่ะเค้าเดืนมาหยุดตรงโต๊ะเบื้องหน้าของฉัน มือขวาที่ถือจานข้าว วางมันลงบนโต๊ะอาหาร ซ่อมที่วางอยู่อย่างไม่มั่นคงนักหล่นลงกระทบพื้นเบื้องล่าง เขาหันหลังกลับไป ก้มลงเก็บ โอ!!! ดูเอาเถอะกางเกงนักเรียนสีกากีขาสั้นรัดติ้ว เขาก้มลงเก็บซ่อมคันนั้นหันบั้นท้ายที่แน่นปั๊กมาทางฉัน โอย ฉันแทบบ้าถึงแม้มันเป็นเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่ตอนนั้นในสมองฉันบอกมาว่า นั่นมันช็อตเด็ดในภาพกีฬามัน มันส์ทางช่องเจ็ดไม่ผิดเพี้ยน
เอาล่ะสิเขาคงได้เวลาที่จะนั่งกินข้าวให้สบายใจ ช็อตเด็ดเมื่อครู่ไม่สะใจเท่ากับช็อตนี้แน่ เก้าอี้ม้ายาวสำหรับนั่งทานข้าวขนาดความสูงสักเลยเข่าเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าสูงพอดูในตอนนั้น ฉันกำลังนับถอยหลัง ให้เขาก้าวขาข้ามมันมาสักที เอาล่ะสิเขาเริ่มแล้ว ขาซ้ายยกขึ้นสูงพอที่จะทำให้ฉันสามารถมองเห็นต้นขาที่ขาวและเต็มไปด้วยขนหยิกหยอยสีดำที่ไล่มาตั้งแต่หน้าแข้งและหายวั๊บเข้าไปในกางเกงสีกากีตัวนั้น ยังเรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น ขาขวาก้าวข้ามตามเข้ามาทันควันเสียดายที่ตอนก้าวขาขวาฉันเผลอสายตาแบ่งปันไปให้ใบหน้าอันขาวใสและคมเข้มของรุ่นพี่สุดหล่อแต่ยังดีที่ฉันตั้งสติได้ทันทำให้ไม่พลาดช็อตเด็ดที่รอคอย เขายืนตรง สายตามองไปรอบๆ มือสองข้างจับที่ขากางเกงบริเวณใกล้กับสิ่งสงวนนั้น ใช่ เขาดึงมันขึ้น และนั่งลงอย่างช้า ๆ นั่นอาจเพื่อช่วยให้การนั่งสบายขึ้น แต่พระเจ้า ตอนนี้ล่ะที่ฉันได้ทักทายกับน้องชายของรุ่นพี่ ไม่รู้นะว่าอะไรคือความรู้สึกตอนนั้น แต่เท่าที่รู้มันช่างน่า.......ซะจริงๆ เขานั่งลงและเริ่มตักอาหารเข้าปากอย่างสบายใจ ส่วนฉันก็กินข้าวพร้อมกับลอบมองหน้าเขาไปเรื่อยๆ แต่ก็มีนะที่บางครั้งเขาเงยหน้าขึ้นและสบตากับฉันพอดี แปลกที่ฉันเกิดความอายอย่างประหลาดและไม่กล้าที่จะสบตาเขาเลยแม้สักครั้ง......
to be continue