18 พฤศจิกายน 2546 22:36 น.
สลิ่ม
ผมเดินไปที่เตียง
.....................
.....................
.....................
ผมกับเธอมองตากัน
ผม หยิบโทรศัพท แล้วโทรขอที่นอนอีกชุด ผมหันพูดกับเธอ
เราไม่รู้นะว่าเธอผ่านอะไรมาบ้าง แต่เราไม่เหมือนกับคนที่เธอเจอมาหรอกเชื่อเราสิ
ผู้หญิงท่าไม่รักตัวเอง มันก็จะหมดค่าน่ะ
ผมเดินเข้าห้องน้ำ ทิ้งเธอไว้อย่างนั้น
ไม่อยากจะพูดอะไรหรือคิดอะไร ผมบอกกับตัวเองไม่ให้คิดลามกตอนนี้ในใจก็ท่องแต่ชื่อ มินๆๆๆๆ
เสียดายโอกาศเหมือนกัน แต่ผมไม่อยากเจอหน้ามินแล้วมองหน้าเธอไม่ติด
อย่างน้อยผมก็ภูมิใจที่อดกลั้นตัวเองได้..........................
คืนนั้นผ่านไปด้วยดี
โดยมีผมนอนที่พื้นแล้วเธอก็นอนเตียง................ตลอดคืน
วันต่อมาก็พาเธอไปกินข้าว......................
เธอเป็นผู้หญิงแบบไงดีครับ เรียบร้อยมาก...............มากเกินไปหรือเปล่าไม่รู้-_-||||
แบบไม่พูดเลยอะครับ ถามคำตอบคำยิ้มแค่นั้น
แต่เธอก็น่ารักอะครับ....................กินๆแล้วก็นั่งรอผมกินเสร็จ
ผมออกจากโรงแรมแล้วครับ ไปหามินตามที่อยู่ที่วาวาทิ้งไว้ให้
แต่จะบอกมินไงหว่ามีสาวเดินตามเนี่ย-_-
ช่างเตอะ มินไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่าที่จะไม่ฟังเหตุผล
เธอเก่งมากเลยครับ ยอมรับว่าคุ้มจริงๆ
เธอจัดการซื้อตั๋วรถไฟให้..................รู้บริเวณหมดแค่ดูที่อยู่แป๋บเดียว
โอพระเจ้า ไม่ต้องจ่ายค่าแท็กซี่มหาโหดอีกแล้ว^^
เดินถือโดนัทคนละชิ้นกินรอรถไฟครับ โอ้สุขจริงๆ
แล้วผมก็ไปถึงซอยบ้านที่มินอยู่
ใจเต้นไม่เป็นจังหวะครับ ดีใจ ตื่นเต้น ปนกันไปหมด
ผมเดินไปหน้าบ้านช้าๆแบบนับก้าว ทุกก้าวที่ผมเดินผมก็ใกล้มินมากขึ้นทุกที
1ก้าว 2ก้าว จนถึง...............
อยู่หน้าบ้านหลังสีขาว มีสวนดอกเล็กๆอยู่หน้าบ้าน
มีรถจักรยานพาดเสาอยู่ กล่องรับจดหมายตั้งอยู่หน้าบ้าน
กริ่งเล็กๆตั้งอยู่ที่ปลายมือนี่เอง
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆยกมือขึ้น
แล้วกดกริ่ง..............กริ้ง..เล็กๆดังชัดเจน
มินอีกไม่กี่นาทีเราก็จะเจอกันแล้ว เธอจะทำหน้ายังไงน่ะผมคิด
ต้องว่าเสียให้เข็ด....ไม่ยอมติดต่อเจมแบบเนี้ย(เอาจริงๆกอดดีฟ่า)
เสียงถอดกลอน เสียงเปิดประตู ดังขึ้น ผมยังยืนอยู่ตรงนี้ตรงขอบรั้วรอมินอยู่
คุณป้าชาวอเมริกันคนนึงเดินออกมา เธอแก่มาก ผมขาว อุ้มหมาตัวเล็กๆไว้
หน้าตาดูใจดี มีแว่นอันเล็กใส่อยู่
(ส่วนของคำพูดต่อไปขอแปลเป็นไทยเลยนะครับจะได้ไม่เสียอรรถรส)
เธอยิ้มครับ..........ผมยิ้มตอบ
ถ้ามินอย่กับป้าคนนี้ผมคงไม่ห่วงแน่ๆ
ยูมิหยั่งอยู่ข้างหลัง เธอยังเงียบครับ แต่เท่าที่ดูอาการเธอก็ตื่นเต้นไม่น้อยกว่าผม
ขอโทษครับ มีคนชื่อ..........(ชื่อจริง).........อยู่หรือเปล่า ผมถาม
เธอทำหน้างงแล้วส่ายหน้า
ไม่มีเหรอครับ เอ่อไม่ทราบว่าที่อยู่อันนี้ถูกต้องหรือเปล่าครับ
ใช่ค่ะ......แต่ไม่มีคนชื่อที่คุณบอก เคยมีเด็กไทยมาอยู่ที่บ้านฉันเมื่อไม่กี่วันมานี่เอง แต่เธอย้ายไปแล้วล่ะ
รู้สึกว่ามหาลัยที่เธออยู่จะไม่ดี เธอเลยย้ายมหาลัยไปแล้ว
ย้ายไปแล้วหรือครับ
ใช่ค่ะ ย้ายไปแล้ว.........
แล้วพอจะรู้ไหมครับว่าเธอย้ายไปไหน มีเบอรติดต่ออะไรหรือเปล่าผมผิดหวังมากเลยครับ
นึกว่าจะได้เจอมิน นี่อะไรผมกับมินต้องไกลกันมากขึ้นอีกเหรอ
ดิฉันก็ไม่สนิทอะไรกับเธอมากเพราะเธอมาอยู่แค่อาทิตย์เดียว ก็แค่จัดปารตี้เล็กๆให้กับเธอ
ไม่ได้ถามที่อยู่ไว้หรอกค่ะ............รู้ว่าแกย้ายไปเรียนมหาลัยในเมืองเดิมนี่แหละค่ะแกเลยย้ายไปอยู่ใกล้ๆ
ผมโอบตัวเองไว้ครับ ทั้งหนาวและผิดหวัง
ขอบคุณครับ..............และก็ขอบคุณด้วยนะครับที่เคยดูแลมินให้ผม
ค่ะ..............จะเข้ามาดื่มกาแฟสักถ้วยก่อนไหมค่ะ
เธอถามผม ผมว่าน่ะ ถ้าจะมาอยู่โฮมเสตยก็ขอเจอดีๆแบบนี้เถอะสาธุ
ไม่ล่ะครับ ขอบคุณ
ผมเดินออกมาที่ถนนโดยมียูมิตามมาติดๆ
ผมซึมสิครับ ผมออกจากโรงแรมมาแต่เช้าทำไมล่ะงั้น
หงุดหงิดมากครับ แบบไม่อยากพูดกับใครเลยตอนนี้
ยูมิเดินมาข้างๆเธอ..............มองหน้า
แล้วเธอก็เอามือมาคล้องแขนผมตกใจครับแต่ติดตรงที่เธอเงียบแล้วเดินคล้องไปเรื่อยๆ
ผมเลยไม่รู้ว่าเธอคิดอะไร หรือที่เมกาถือเป็นเรื่องปรกติ
แต่ที่แน่ๆครับ คล้องหยั่งงี้มันอุ่นสบายกว่าเยอะทีเดียว
เลยปล่อยครับ..................ผมผิดไหมเนี่ย
ยูมิบอกกับผมว่าเมืองนี้มีหมาลัยถึง6แห่ง-_-โคตรเยอะ
ถ้าตัดที่เก่าที่มินเรียนออกล่ะก็................ก็เหลือแค่5มหาลัยเอง(ไม่เองแล้วT_T)
เธออุตสาหไปขอที่อยู่มหาลัยแต่ละที่มาให้...........
มานั่งคัดๆกันพยายามเอามหาลัยที่เป็นไปได้ก่อน
ดึกแล้วครับวันนี้...............ผมเปิดห้องให้ยูมิอีกห้องนึง
โทรบอกหาพ่อกับแม่ครับ แต่ยังไม่บอกเรื่องยูมิเลย^^
พ่อบอกให้ดูแลตัวเอง..................แค่นั้นล่ะครับสั้นจริงๆT_T
วันต่อมาผมกับยูมิก็ช่วยกันตามหามิน...........
ผมไปมหาลัยหลายๆที่เดินเข้าไปถามแผนกทะเบียนนักศึกษา
ฝรั่งมันก็ถามนู่นถามนี่ไม่ยอมให้ตรวจสักที
มันบอกนักศึกษามีเป็นพัน หาไม่เจอหรอก
ถ้าอยากหาไปดูในห้องทะเบียนเอง..............
มันไม่รู้จักคนไทยเสียแล้วครับว่าบ้าจริง ผมเดินเข้าห้องเปิดแฟ้มหาเลย
ผมเปิดประวัตินักเรียนใหม่....................ตั่งแต่เช้าจนเย็น
เพิ่งตรวจได้3มหาลัยครับ ได้ความร่วมมือมั่งไม่ร่วมบ้าง วันแรกเหนื่อยครับ เหนื่อยจริงๆ
นั่งกันตรงม้านั่งหน้ามหาลัย มีสวนดอกไม้สวยงามครับ เด็กๆก็วิ่งเล่นกันดูเขามีความสุข
ผมบอกยูมิให้รอที่ม้านั่งครับ..................แล้วผมก็เดินไปซื้อไอศครีมมาฟาก
ขอบคุณค่ะเธอพูดออกมาเป็นภาษาไทย ทำผมแปลกใจมากเลย
ยูมิ พูดไทยได้ด้วยเหรอ..........ผมถามเธอได้แต่ส่ายหน้า
ได้แค่นั้นล่ะค่ะ เคยเจอคนไทยมาเยอะเหมือนกันเธอขำท่าผมตอนเหวอมากเลย
ผมขำกับเธอเหมือนกันครับ.............แต่ไม่ไหวผมคิดถึงมินมากว่าอะไรตอนนี้
ยูมิ เราจะเจอมินไหม เมกากว้างขนาดนี้เนี่ย เราไม่รู้ว่ามินเป็นยังไง สบายดีไหม ยังคิดถึงเราหรือเปล่า
เธออาจจะมีแฟนใหม่ มีความสุขไปแล้วก็ได้ผมถอนหายใจ........
ยูมิจ้องหน้าผม..............แล้วเธอก็เอื้อมมือไปในกระเป๋าถือของเธอ.....
เธอหยิบด้ายสีแดงๆขึ้นมาครับเส็นเล็กๆบางๆ
เธอเอามันผูกที่นิ้วก้อยของผมข้างนึง
ส่วนอีกด้านนึงก็ผูกไว้ที่นิ้วก้อยของเธอ
.......................................................
ที่ประเทศยูมินะ มีความเชื่อว่าน่ะค่ะว่า คนเราจะพบกันจะเป็นเพื่อนกันคนรักกัน
ต้องมีดวงชะตาต้องกันค่ะ ....................เหมือนมีได้แดงผูกติดด้วยกันอยู่
เหมือนยูมิกะเจมที่มาเจอกันตอนนี้............
ยูมิเชื่อนะ ว่าเจมกับคนที่เจมรักก็ต้องมีด้ายคล้องติดอยู่เหมือนกัน
ไม่มีใครดึงด้ายนี่ออกได้หรอกค่ะถ้ามันเป็นชะตา
ผมมองยูมิ..................ขอบคุณกับคำพูดให้กำลังใจของเธอจริงๆ
อืมขอบคุณนะ...........
ผมยื่นนิ้วก้อยออกให้เธอข้างหนึ่งข้างที่มีด้ายติดอยู่นั่นแหละ
ประเทศเราก็มีความเชื่อเหมือนกัน
เขาว่าการเกียวก้อยสัญญา อะไรสักสิ่งมันก็หมายถึงคำมั่นที่ไม่อาจลบลืม
ยูมิชูนิ้วก้อยขึ้นมาแบบ ดูเธอจะตั้งใจฟังมาก
ยูมิ เป็นเพื่อนกับเราตลอดไปได้ไหม............เพื่อนที่ดีเราจะไม่ทิ้งกัน
ผมชูนิ้วต่อหน้าเธอรอคำตอบอยู่..........
เธอเงียบไปเลยครับ...............ได้แต่เกี่ยวนิ้วก้อยผมตอบ
เธอทำตาแดงเหมือนจะร้องไห้
ค่ะ........... เจมรู้ไหมไม่เคยมีใครดีกับเราอย่างนี้มาก่อน...........พอเราเริ่มคบใครแล้วเขารู้ว่าเราไม่มีเงิน
เขาก็จะตีตัวออกห่างกัน เราเหงานะเจม
ผมอึ้งครับและนับถือกับความแข็งแกร่งของเธอจริงๆ เธอยู่อเมริกาคนเดียวผู้หญิงตัวเล็กๆ
ไม่มีทั้งเงิน ทั้งเพื่อนทั้งทางไป
เรายังเกี่ยวก้อยกันอย่างนั้น ปล่อยให้ความอบอุ่นที่มือส่งถึงกัน
เจมดูสิ ยูมิปล่อยมือออกจากผมลุกขึ้น
เธอชี้ให้ผมมองไปดูท้องฟ้ายามเย็น
มีเกล็ดสีขาวๆค่อยๆตกลงมาดู
ก้อนสีขาวๆสะท้อนแสงนีออนดูสวยมาก ยูมิไปยืนอยู่กลางสวน ปล่อยให้หิมะตกกระทบหน้า
เธอสวยมากเลยครับตอนนี้
เธอยังกระโดดโลดเต้นอยู่กลางสวน ผมไม่รู้ทำไมแต่ดูเธอจะชอบหิมะมากเลย
อากาศเริ่มหนาวขึ้นครับ พระอาทิตยกำลังจะลับฟ้าแล้ว
ผมถอดเสื้อนอกออกเอาไปคลุมให้เธอ
เธอหันมามองผมแต่ผมไม่มองตอบหรอก ได้แต่มองฟ้าแก้เขิน
ยูมิยิ้มกระชับเสื้อให้แน่นขึ้น.............
ขอบคุณค่ะ..........
สั้นๆแค่นั้นละครับที่ผมได้ยินจากเธอ
16 พฤศจิกายน 2546 15:41 น.
สลิ่ม
ถึงโรงแรมปาไปเกือบ2ทุ่ม...............แต่เหนื่อนโคตรๆครับเพราะเมืองไทยคงประมาณตี2
เช็คอินแล้วไปนอนตายบนห้อง
หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ครับ รู้แค่ว่าตื่นมาแล้วหิวโคตรๆอ่ะ
เปิดตู้เย็นมาดูน่ารักมากครับ มีเหล้าๆเบียรแล้วก็น้ำเปล่า-_-+
มันจะอิ่มไหมว้าผมคิด.................ตัดสินใจไปล้างหน้า
ไปกินข้าวที่ห้องอาหารของโรงแรมก็ได้
ถึงห้องอาหารครับ มีดนตรีฟังเบาๆถึงจะเปิดจากเทปก็okครับเพราะดึกแล้ว
อาหารมาแล้วครับ ไก่อบซอสเป็นตัวๆส่งกลิ่นหอมไปหมด
กำลังจะกินครับ.......................เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนึงนั่งอยู่ที่โต้ะตรงข้าม
........................................เพลินครับเพลินอาหารตาอาหารใจ
แต่ไม่รู้ทำไมน่ะครับดูเธอไม่ร่าเริงเลย.................
สักพัก ก็มีผู้ชายคนนึงครับมานั่งกะเธอ.........ดูนักเลงยังไงชอบกล
ช่างเหอะ มันไม่ใช่เรื่องของผม...........
แต่ไอ้เวรนั่นสิครับ มันเล่นทั้งควักทั้งล้วงต่อหน้าต่อตาผมเลย
ผู้หญิงก็พยายามบอก no.. noplease
ไอ้เวรนั่นก็ไม่ยอมหยุดเหมือนยิ่งห้ามยิ่งคึก
มันตกมันเลยครับ..............ผู้หญิงก็ได้แต่บอก อย่า อย่าค่ะ (แปลเป็นไทยให้)
มันก็ไม่ยอมหยุด ผู้หญิงคนนั้นได้แต่ปัดป้อง ไอ้นั่นก็หอมเอาหอมเอา
น้ำตาไหลทั้งสองแก้ม......................เธอขัดขืนสุดชิวิตแล้วครับ
เหตุการณ์มันเกินไปแล้ว
ไอ้ฝรั่งคนนั้นกลิ้งอยู่ที่พื้นครับ...........
สาเหตุเหรอครับ เท้าผมไงที่ยันมัน
ไอ้เวรนั่นหันมาด่า Fuc uลั่นร้าน
ผมตั้งถ้าเอาก็เอาสิวะกรูไม่กลัวมรึงหรอก..........
แต่ให้ตายเถอะครับ ไอ้เวรนั่นควักปืนออกมาต่อหน้าต่อตาผม
(เอาแล้วมาแป้บๆได้สัมผัส นี่หรืออเมริกา ตื่นตาจริงๆT_T)
ความกลัวครอบงำครับ อยู่เมืองไทยมาเป็นปีๆไม่เคยเจอพวกเล่นของอย่างนี้สักที
เจอของจริงก็คราวนี้....ตายแน่กรูT_Tแต่ดวงดีโคตรๆครับ
ตำรวจผลักประตูเข้ามาพอดีตำรวจที่นั่นทำงานมีระบบมากครับ คนนึงยกปืนขู่อีกคนบุกเข้าจับ
แล้วมันก็โดนตัว..................ออกไป
ไม่รู้ใครโทรไปแจ้งอะครับ แต่ขอบคุณ มากๆขอบคุณจริง
เดินกลับไปนั่งที่โต้ะครับ หมดอารมกิน.........คว้าเสื้อโยนเงินทิ้งไว้
กลับห้องดีกว่า......................
ผมเดินจากเธอมาแล้วครับทิ้งเธอคนที่ผมช่วยไว้อย่างนั้น ตำรวจคงดูแลเธอได้
ขี้เกียจถามครับ ผมไม่อยากเป็นพระเอก แต่ทนไม่ได้หรอกครับที่เห็นผู้หญิงโดนรังแก
ผู้ชายไทยก็เป็นซะอย่างงี้.........................
มาอเมริกาวันเดียว ประสบการณ์เยอะจนล้นเลยครับ
นอนไม่หลับครับ นั่งที่ระเบียงมองเมืองกลางคืนดีกว่าดื่มเบียรไปด้วย ได้รสชาติมากๆ
มองบ้านเรือนที่กว้างใหญ่ ผมต้องหามินจากบ้านพวกนี้หรือเนี่ยช่างยากเหลือเกิน
หยิบกระเป๋าตังขึ้นมาดูครับมีถาพมินตอนที่อยู่เมืองไทยด้วยกัน รูปมินในภาพยังยิ้มสดใสอยู่เลย
ก็เพื่อรอยยิ้มนี่ล่ะครับที่ผมเดินทางมาถึงที่นี่......................
อาจจะดูบ้าก็ได้โทรศัพทก็มีทำไมไม่โทร...........
ขอบอกตามตรงครับ อาทิตยนึงแล้วที่ผมไม่ได้รับการติดต่อจากมินเลย
ผมว่ามันแปลกแปลกจริงๆแล้วอย่างน้อยผมก็อยากจะเจอมินอีก
อยากคุยกับมินมากกว่านี้ อาจเป็นการเอาแต่ใจก็ได้มั้งครับ ไม่รู้สิ
เสียงเคาะประตูห้อง...........
ผ้าเช็ดตัวที่โทรไปขอคงได้แล้ว(ตะกี้จะอาบน้ำแล้วไม่มีครับเสียอารมมากๆ)
ผมเดินบ่นออดๆแอดๆไปเปิดประตูครับ..............
เหมือนพระเจ้าจะเล่นตลกกับชิวิตผม
ผู้หญิงคนที่ผมช่วย ยืนอยู่หน้าประตูแล้วครับตอนนี้
16 พฤศจิกายน 2546 15:28 น.
สลิ่ม
จ้างแท็กซี่ไปส่งสนามบิน............
เปลี่ยวใจง่ะ.........ดูนาฟิกา9โมงเหมือนลืมอะไรสักอย่าง
เช็คเป๋าตัง วีซ่า.........ที่อยู่ กระเป๋าเดินทาง มือถือ ครบ
ช่างเถอะคงไม่สำคัญ
เดินไปร้านโดนัทสั่งของมากินอ่าสบายใจครับมากๆ....
โทรศัพทดัง
ใครว่ะ ผมคิด หยิบโทรศัพทมาดู คนกำลังอารมดี
กรรมครับ >_
16 พฤศจิกายน 2546 15:23 น.
สลิ่ม
ทุกคนสนใจกับรายการทีวีที่อยู่ตรงหน้า
เป็นละครที่พลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา
ตามสมัย..............
พ่อครับผมเอ่ยเบาๆ
ทุกคนหันมาเลยครับ ผมคงเงียบนานไปหน่อยมั้ง
พอพูดก็เลยเป็นสิ่งแปลกประหลาดไป
แม่หยิบรีโมทขึ้นมาปิดทีวีเลยครับ
คิดเอาเอง...............เวอรขนาดไหน
ทั้งห้องเงียบกริบ..............
เงียบเหมือนรอผมจะพูดอะไรบางอย่าง
.......................คือ ผมจะไปอเมริกาครับ........... น้องผมทำช้อนหล่นตะลึง............
แม่กุมหัวเลยครับมันหมายความว่าไงหว่า.........
พ่อยิ่งหนักครับ พูดอะไรไม่ออก
จะไปทำไมล่ะลูก มันไกลรู้ไหมแม่เป็นห่วงน่ะ แม่ผมพูดออกมาทันที-_-สงสัยไม่อยากให้ผมไปแน่ๆ
แม่ช่วงนี้ก็ปิดเทอมนะครับ....................แล้วผมก็อยากจะเจอใครบางคน
ใครคนนึงที่สำคัญ มากๆๆสำหรับผม
ผมก็แค่อยากให้พ่อแม่เข้าใจผมมากขึ้นนะครับ ว่าผู้ชายมันก็มีบางสิ่งที่ต้องไขว่คว้า
บางสิ่งที่ไม่อยากให้หลุดมือไปผมเริ่มบ่นแล้วครับ
พ่อผมลุกจากเก้าอี้ครับ..............เดินไปข้างบนเงียบๆ
ผมได้แต่มองตามพ่อผมไป
เวงกรรมพ่อไม่ให้ผมไปแน่ๆ แต่ผมตัดสินใจแล้วครับ............ผมไปเองก็ได้
เงินเก็บก็พอมี ไม่ว่าใครจะว่ายังไงก็ตาม
ผมก็จะไปครับ ไปตามหามิน
แม่ผมเดินมาหาผมนั่งลงข้างๆ
ทำไมถึงอยากไปอเมริกาล่ะลูกบอกแม่ได้หรือเปล่า แม่ผมยังยิ้มครับ
ความจริงผมอยากให้แม่ผมโกรธเสียมากกว่า เพราะไม่ว่าดูยังไงผมคงเอาแต่ใจเกินไปใช่ไหมล่ะครับ
แต่แม่ก็จะฟังผมเสมอ ฟังผมเล่าเรื่องมินเงียบๆ
ครั้งแรกที่ผมเจอมิน ครั้งแรกที่รักกัน ความรู้สึกตอนมินหายไป
ผมเล่าอยู่นานครับ ราวกับมันเป็นทุกๆอย่าง
ท่านนิ่งเหมือนจะเข้าใจ
ท่านเดินไปที่ชั้นวางหนังสือห้องรับแขก หยิบอัลบั้มเก่าๆมาเล่มนึง
อัลบั้มสีขาวซีดๆแต่ถูกห่อไว้ด้วยปกพลาสติกอย่างดี
แม่..................ผมพยายามพูดต่อ
แม่ได้แต่จ้องมองไปที่ภาพในนั้น
เป็นภาพของเด็กชายคนนึง กำลังอยุ่ในอ้อมอกพ่อและแม่ห่อไว้ด้วยผ้าสีขาวแม่ยังอยู่ในชุดคนไข้
พ่อกับแม่ยิ้มกว้าง เด็กทารกปิดตาไม่รู้เรื่องอยู่อย่างนั้น.......แต่ก็ดูอบอุ่น
รูปนี้เป็นตอนที่ลูกเกิด.........พ่อลูกดีใจมากทิ้งการประชุมมาอุ้มเราเลยน่ะ แม่ผมบอก
ภาพต่อมาเป็นภาพเด็กชายตัวน้อย.....กางเกงสีแดงจูงมือกับแม่น้ำตาอาบแก้ม
รูปนี่ตอนลูกเข้าโรงเรียนอนุบาลครั้งแรก วันนั้นวุ่นวายที่สุดในชิวิตแม่เลย ลูกเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมอยู่อย่างเดียว
แม่ต้องปลอบแล้วปลอบอีกกว่าเราจะยอมไปโรงเรียนได้ก็หมดวันพอดีแม่ยิ้มอย่างนั้นคนเดียว
คงกำลังนึกภาพวันเก่าๆละมั้ง
แม่ยังเปิดหน้าอัลบั้มไปเรื่อยๆ
ภาพตอนผมอุ้มน้องสาวคนแรก....
ภาพตอนงานกีฬาสี.....
ภาพตอนงานวันเกิด.....
ภาพจบการศึกษาม.ปลาย
แม่ยังคงมองภาพเงียบๆคนเดียวราวกับคิดอะไรอยู่
เจม
แม่ผมเรียกชื่อผมเบาๆ
แม่ดีใจนะที่เจมเกิดเป็นลูกแม่ ให้ความทรงจำที่ดีกับแม่
ลูกไม่เคยทำให้แม่เสียใจเลย ภาพที่ลูกค่อยๆเติบโตมันกินใจแม่เสมอ
ดูสิจากเด็กชายตัวน้อยๆ
แม่ผมเงียบไปพักนึงเอาตัวผมไปกอดแน่นๆราวกับกลัวผมจะหายไปหยั่งงั้น
เติบโตมาขนาดนี้ โตพอที่จะรู้จักความรัก และจะรักใครสักคน
สัญญากับแม่น่ะเจม ว่าจะไม่เป็นผู้ชายเลาะแหละ
ถ้าจะทำแล้ว ต้องทำให้ดีที่สุด..................ทำให้คนที่ลูกรักมีความสุข
ทำให้เธออบอุ่น อย่าทำให้เธอเสียใจที่มารักเรา
ผมนิ่งในอ้อมกอด.............
ราวกับจะย้อนเวลาไปเป็นเด็ก..........
ครับแม่........ผมสัญญา
ผมตอบช้าๆ
กอดแม่แน่นขึ้น..............แน่นให้มากที่สุด
แม่จะไปคุยกับพ่อให้
แม่ผมบอกแล้วลุกขึ้น
พ่อผมเดินมาในมือถือซองซองหนึ่ง ท่านยืนเงียบอยู่ตรงนั้น
ไม่ต้อง.........
ผมใจหายวาบ...................พ่อเดินเข้ามาหา..........
พ่อได้ยินที่แกพูดมาหมดแล้ว
เพ้อเจ้อ...............
พ่อยื่นซองเล็กๆให้ผม ข้างในเป็นเครดิตการดสีทองใบนึง
พร้อมรหัส กดเงิน ชื่อที่อยู่ของใครไม่รู้.......อยู่
ไปค้นหาเองเอง.............พ่อช่วยแกได้แค่นี้ล่ะที่อยู่นั่นเป็นเพื่อนพ่อหวังว่าเขาจะช่วยแกได้
พ่อพูดแล้วเดินขึ้นบันไดไปกับแม่
พ่อ.......................ผมเรียก
พ่อหยุดเดิน..........รอฟังผม
ขอบคุณนะครับ ไม่ต้องห่วงผมจะทำให้ดีที่สุด ผมรักพ่อครับ
พ่อผมตอบเบาๆแค่ อืม
ผมเดินเข้าห้องไปจัดของ.......
ทิ้งพ่อกับแม่ไว้เพียงลำพัง
แม่...............ลูกเราโตแล้วใช่ไหม
พ่อผมถาม....เรียบๆ
ค่ะโตขึ้นมากแล้วเขาดูมีพลังไม่น้อยกว่าคุณตอนหนุ่มๆเลย
คืนนั้นผมโทรบอกเพื่อนๆทีล่ะคน แต่ละคนก็ขอให้โชคดี
บรรยากาศสดใส................ผมบอกไม่ต้องมาส่งไม่ได้ไปนาน แซวกันบ้าง
:เห้ยไปหามินนะเว้ยอย่าไปจีบฝรั่งล่ะ
:ของฝากลืม มรึงตาย.............-_-+
:ไปด้วยสิวะออกตั๋วให้ด้วย
นี่แค่บางส่วนนะครับ-_- ของคำกวนพวกมัน
มีเพียงสายหนึ่งซึ่งเงียบผิดปรกติ..............ใช่แล้วครับวาวานั่นเอง
เธอเงียบ.................เงียบไปนานมาก
เธอบอกเพียงสั้นๆว่า.........
พรุ่งนี้ขอไปส่งเจมขึ้นเครื่องให้รอเธอด้วยเธอมีบางสิ่งที่จะให้..........
ผมได้แต่รับคำวางโทรศัพท์
พรุ่งนี้แล้วครับจะไปหามิน
15 พฤศจิกายน 2546 14:15 น.
สลิ่ม
ถึงแล้วครับ ผมกระโดดลงรถตามองไฟด์บิน
ผมคงโง่มาก ไม่รู้แม้แต่ว่ามินจะขึ้นเครื่องอะไรแล้วตอนไหน
ไอ้เจม.............ช่อง22ระหว่างประเทศไปเลยเว้ยไอ้บอยตะโกนบอก
มันคงรู้จากวาวาแล้วว่ามินขึ้นช่องไหน
ผมวิ่งไปซื้อตั๋วผ่านทางครับ.................
ตามองเวลา 7.50 นาที
เสียงโทรศัพทดัง...............มินโทรมาครับ
ผมวิ่งมือหนึ่งหยิบมือถือ
ฮัลโหลมิน.............มินเหรอผมพูด วิ่งผ่านช่องทางเข้าต่างๆ
ช่อง1 ช่อง2.........
เจม...........มินจะไปแล้วนะมินโทรมาลามินพูดมาเสียงเธอเศร้าๆ
ผมวิ่ง วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่เท้าจะส่งตัวไปได้
ช่อง10 11 12............13
มินขอโทษนะเจม...........หวังว่าเจมจะจำเราไว้น่ะ มันอาจจะช้าเกินไปก็ได้
ที่เราจะบอกคำนี้กะเจมมินนิ่งไปครู่นึง
เรารักเจมนะ รักมาเสมอ แล้วก็จะรักตลอดไป ลาก่อนนะเจม
......................................................
.....................................
.......................
มินเดินถือกระเป๋า หันหลังกำลังจะขึ้นเครื่อง เธอยื่นตั๋วให้พนักงาน
เจม............อย่าเงียบสิ..........พูดอะไรกับมินสักคำได้ไหม อย่างน้อยก็คำลาดีๆกับมินสักคำ
มินถามผม ดูเหมือนเธอกำลังรอคำตอบ คำหนึ่งจากผมอยู่
แล้วสายโทรศัพท์ก็ตัดไป
........................................
นานพอที่จะทำให้มินร้องให้
........................................
เราก็รักมิน รักมากด้วยมินอย่าจากเราไปนะ
เสียงตะโกนดังลั่นห้อง...............ผู้โดยสาร
มีชายคนนึง ผมกระเซิง หนวดรุงรัก เสื้อผ้าก็แสนโทรม ยืนอยู่บนยอดบันได
สายตาของเขา มองไปที่มิน
เขายิ้ม................อย่างเคย ยิ้มแบบที่มินชอบ ไม่ใช่ยิ้มแบบแค่เพื่อน
แต่ความหมายมันมากมายมากกว่านั้นมากนัก
เขาวิ่งลงมา...........ตรงไปหามินท่ามกลางสายตาผู้คนที่จับจ้อง
เขาชูมือข้างที่สวมแหวน..............ให้มินเห็นชัดเจน
แหวนอยู่ที่นิ้วชี้ข้างซ้าย นิ้วที่มีความหมายถึงการหมั้น และคำสัญญาว่าจะมั่นคงเสมอ
...........................................................................
มินก็ชูมือขึ้นมา แหวนแบบเดียวกันอยุ่ในมือข้างซ้ายของเธอ
เธอซึ่งกำลังร้องให้ และทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง มาสวมกอดกับคนที่เธอรักที่สุด
ผมกับมินกอดกัน............
ไม่มีคำพูดใดๆ ได้แต่ปล่อยความอบอุ่นให้ถ่ายทอดถึงกัน
มันเป็นสิ่งที่มากกว่าคำอธิบาย................
มินร้องให้ในอ้อมอกผม เธอกอดแน่น แน่นราวกับกลัวจะสูญเสียช่วงเวลานี้ไป
ผมได้แต่กอดมินให้แนบตัวที่สุด
อาจจะมีคนดู........... แต่ตอนนี้ราวกับว่า
โลกนี้มีเพียงผมกับมินเท่านั้นเอง.................
ผมถอนตัวออกช้าๆ มองหน้ามิน
มิน มินไม่ต้องห่วงเจมนะว่าจะไม่มีความสุข เจมไม่เคยเสียใจเลยที่รักมิน
ไม่ว่ามินจะอยู่ที่ไหน..............ไม่ว่ามินจะเป็นยังไงก็ตาม
เจมก็จะยังเป็นเจมคนเดิมรอมินนะ เราอาจจะเจอกันแค่ปีละครั้ง แต่เราจะคิดถึงมินทุกวัน
เจมสัญญาว่าจะไม่มีใคร แล้วก็จะรอ จะรอที่เดิมเสมอ....ไม่ว่านานเท่าใดก็ตาม
มินน้ำตานองหน้า เธอไม่พูดอะไรเอาแต่ร้องไห้ได้แต่ยื่นนิ้วก้อยมาให้ผม
สัญญาน่ะ
ผมเกี่ยวก้อยมินตอบ
อืม เราสัญญา
มินออกจากอ้อมแขนผมแล้ว เดินไปหยิบของแล้วจู่ๆ เธอก็เดินกลับมา
แล้วกระโดดจูบผมนาน.......................ทีเดียวกว่ามินจะยอมถอนปากออก
มินรักเจมน่ะ
อืมเราก็รักมิน
ตลอดไปน่ะ
อืม....ตลอดไป
เสียงตบมือเริ่มดังตอนไหนไม่รู้ แต่ตอนนี้ทั่วทั้งห้องโดยสาร มีแต่เสียงตบมือเต็มไปหมด
ฝรั่งส่งเสียงแซว แม่ลูกคู่นึงแม่เอามือปิดตาลูกตาก็ยังส่งยิ้มมาให้
คู่ฮันนีมูน นั่งซบกัน............คู่รักบางคู่เดินจับมือกันแล้วเดินต่อไป..........
แอร์โฮสเตสยิ้มให้ คุณยายคนหยิบรูปสามีในกะเป๋าขึ้นมาดู
.......................................
อาจจะเป็นช่วงสั้นๆแต่มันก็มีความหมายที่สุด
ผมนั่งอยู่ตรงนั้น กุมมือมิน ยืนส่งเธอขึ้นเครื่องเป็นคนสุดท้าย
พี่แอร์ใจดีให้ผมเดินไปส่งถึงประตูเครื่องบิน
ผมกับมินยืนอยู่คนละด้าน
ประตูค่อยๆปิดช้าๆน้ำตาผมเพิ่งเริ่มไหล
ผมกับมินยืนมองตากัน
ราวกลับกลัวว่าจะไม่ได้เจอกันอีก..............
เราจะคอยมินนะจะคอยเสมอ
ผมพูดเบาๆราวกับจะบอกกับตัวเอง
ยืนมองตรงกระจกห้องโดยสาร..............มองเครื่องบินค่อยๆขึ้น ไกล ไกลออกไปเรื่อยๆ
จนบินหายไปกับฟ้าและแสงของดาว
ลาก่อน..................นะมิน
ไอ้บอยเดินมาโอบไหล่เงียบๆ
หันไป วาวา ไอ้แนท ไอ้โอ้ต ไอ้บอส และอีกหลายๆคนยืนคอยอยู่
.......................................................................................
อย่างน้อย ผมคงไม่ต้องอยู่คนเดียว
ผมได้แต่เดินกลับพร้อมเพื่อนๆ
มือยังคลึงแหวนทีมือซ้าย
พร้อมกับภาพของมินที่จะยังอยู่ในใจของผมเสมอ
ตลอดไป...................