3 กุมภาพันธ์ 2549 17:29 น.
สร้อยแสงแดง
ว่าจะลบจากใจลบไม่ออก
เหมือนลิ่มตอกตรึงแน่นบนแผ่นหิน
อยากจะลืมก็ไม่เลือนเหมือนเตยชิน
หวลถวิลคนึงหาทุกคราคราว
ว่าจะลบจากใจลบไม่ออก
เจ้าความหลังมาหลอกให้อื้อฉาว
เกาะติดใจแน่นกว่านานากาว
ดั่งหมู่ดาวเกาะนภาเป็นอาจินต์
ฤาเพราะใจบอกให้ไม่ต้องลบ
ฤาเพราะใจสยบลบไม่สิ้น
ฤาเพราะใจมุ่งหมายได้ยลยิน
จึงไม่สิ้นฝันเพ้อละเมอครวญ
3 กุมภาพันธ์ 2549 16:48 น.
สร้อยแสงแดง
When someone asks me how I am I answer them:
As long as I can breathe Ill live
As long as I can live Ill survive
As long as I can survive Ill fight
As long as I can fight Ill stand
As long as I can stand Ill walk
As long as I can walk Ill run
As long as I can run Ill reach the goal
As long as I can reach the goal Ill stop
As long as I can stop Ill rest
As long as I can rest Ill stay happy
As long as I can stay happy Ill have enough
As long as I can have enough Ill retire
As long as I can retire Ill be happy
As long as I can be happy Ill breathe
3 กุมภาพันธ์ 2549 16:20 น.
สร้อยแสงแดง
แด่ความว่างเปล่าที่ไม่ไร้ประโยชน์
เขียนขึ้นเพื่อระบายความรู้สึกลึกๆ ที่มีต่อใครบางคน
ที่อาจเห็นเป็นเรื่องขำขัน.....ก็ได้... เพราะ.....
วันนี้...หัวใจพี่...เหนื่อยนัก.ยิ่งไขว่คว้า...ยิ่งไกลยิ่งห่าง...
ความเป็นจริง...ที่โหดร้ายได้กัดกร่อน หัวใจ จนบอบช้ำ
ในทางกลับกัน...มันทำให้หัวใจยิ่งเข้มแข็งขึ้น เพราะเธอ ...
เป็นผู้ที่เติมส่วนที่ขาดของพี่ ให้เต็ม .... แม้ว่าพี่อาจเป็นแค่ ...
ส่วนเกินที่ไม่พึงปรารถนา ....... ของเธอ
ขอบคุณวันเวลา...ที่นำพาเธอมาให้พบ
ละครบทนี้...เดินเรื่องด้วย
...ความเหงา......เศร้า......รอยยิ้ม......คราบน้ำตา...
สุดท้าย...ตัวเอกของเรื่อง คือ ความว่างเปล่า
จะมีกี่คน...ที่ต้องการรู้ตอนจบ...จริงๆ ของเรื่องราว...ที่อยู่ในความทรงจำ
และ...ไม่มีวันเลือนหายไปจากใจ
เพราะ...ในชีวิตจริงนั้น...มีอยู่หลายเรื่อง...ที่เราจำเป็นต้องรู้ตอนจบ
แม้ว่า...จะไม่อยากรับรู้ก็ตาม
ฉันเดินทางมาไกล...ไกล...เกินกว่า...จะย้อนกลับไป...เริ่มต้นใหม่ ณ จุดเดิม...
ใน...ความรู้สึกลึกๆข้างใน ...ยังคง...งดงามเสมอ
ถ้าทำได้...อยากหยุด...ทุกอย่างไว้ ณ ตรงนี้ ตรงที่...ความรู้สึกดีๆ ยังคงมีอยู่
หยุดพัก...ปล่อยวาง...ทุกอย่างไว้ข้างหลัง
จากนั้น...ก้อนเนื้อที่เรียกว่า...หัวใจ นี่แหละ...จะพา 2 เท้านี้ ก้าวต่อไป...
ทุกอย่าง...จบลงแล้ว
วันพรุ่งนี้...เป็นของเรา ช่วงที่...เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี... ก็เพียงพอแล้ว อย่างน้อย...เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และ...ยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้
ถึงวันนี้...จะยังร้องไห้ ก็คงไม่เป็นไร เพราะชีวิตก็เป็นเป็นแบบนี้
วันที่เลวร้าย...มีวันที่สวยงาม...มีวันที่ว่างเปล่า...
สุข...ก็อยู่กับเราไม่นาน ทุกข์...ก็อยู่กับเราไม่นาน
สุข...เคยแวะผ่านมาแล้วก็ไป ทุกข์...ก็เป็นเฉกเช่นกัน
ร้องไห้...แล้วก็อย่าร้องเปล่า ๆ มองให้เข้าใจสัจธรรมของชีวิตไปด้วย
ได้แต่อวยพร...ให้คุณเข้าใจชีวิตมากขึ้น เติบโตขึ้น เข้มแข็งขึ้น แต่อย่าแข็งกร้าว
ขอให้อ่อนโยนแต่เข้มแข็ง และ...ขอให้วันใหม่... ในชีวิต...มาถึงในอรุณรุ่งของวันพรุ่งนี้...
วันที่เรา...จะไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป
จงมั่นใจเถิดว่า ... ในเวลาเช้าตรู่ของวันใหม่นั้น
พี่ก็จะยืนรออยู่หน้าประตูแห่งความหวังบานนั้น
อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
3 กุมภาพันธ์ 2549 16:18 น.
สร้อยแสงแดง
ฉันนั่งเหงาอยู่คืนนี้
ด้วยคิดคำนึงถึงเธอ
ฝันว่าเธอมานั่งเคียงฉัน
อย่างที่เราเคยเจอะเจอ
ฉันรู้ว่าเราจะต้องมาอยู่ด้วยกัน
อีกครั้ง....ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
และเมื่อถึงวันนั้น...เราก็จะไม่เห็นอะไรอีก
นอกจากรอยยิ้มบนใบหน้าและฟ้าที่เลิกหม่น
แต่ในเวลาที่เราห่างกันนี้
ฉันรู้ว่าเราต่างไปอยู่ในใจของคนอื่น
แต่เราก็ยังจะรู้สึกต่อกัน
เหมือนเมื่อวันแรกที่พบกัน
เธอคือส่วนหนึ่งของฉัน
และฉันเป็นส่วนหนึ่งของเธอ
มันช่างเป็นสิ่งที่วิเศษยิ่ง
และเป็นความจริงที่เที่ยงแท้เสียเหลือเกิน
3 กุมภาพันธ์ 2549 16:17 น.
สร้อยแสงแดง
In the afternoon of early winter, so called
The sun shone forty five degrees from the west
Swept through the concrete city of angels walls
Where green plotches popped among the rest
Cars after cars roaming thru and fro to nowhere
The clouds snoozed quietly above the still weather
Skyscrapers absorbed intense heat and glare
Thick smog simmered around those lifeless fingers
Bangkok oh Bangkok I could feel the tremble
Of its people under the heat of winter
A man walked sweaty on both ankles
Bangkok in winter was just like living under the heate