ตอนที่ 12
แต่ในเหตุการณ์ระทึกนั้น มันกลับทำให้หญิงสาวคิดถึงวิธีการที่จะดึงให้ชายหนุ่มอยู่กับเธอเพียงลำพัง เพราะจากอ้อมกอดที่เธอกำลังถูกโอบอยู่นี้ มันช่างอุ่นทั้งกายและอุ่นทั้งใจ หญิงสาวถือโอกาสนี้รบเร้าให้ชายหนุ่มไปส่งที่บ้าน
“โชคค้างที่บ้านกับแพรวได้ไหม” หญิงสาวเอ่ยเมื่อชายหนุ่มขับรถมาจอดหน้าบ้านตน
“จะดีหรือแพรว เราอยู่กันแค่สองคน เดี๋ยวชาวบ้านรู้เข้าแพรวจะเสียหายนะ”
“ใครๆ ก็รู้ว่าเราเป็นเพื่อนกัน และเป็นหุ้นส่วนกันด้วย ไม่มีใครเขาคิดอย่างนั้นหรอก”
มันก็จริงอย่างที่หญิงสาวว่า คนส่วนใหญ่ในละแวกนี้ต่างก็รู้ว่าทั้งสองเป็นเพื่อนกัน และโชคก็เคยเข้านอกออกในบ้านหลังนี้มาตั้งแต่เด็กแต่...
“แม่บ้านก็อยู่นี่” ชายหนุ่มว่า
“เขาก็นอนในห้องเขา แพรวอุ่นใจกว่าหากคนที่อยู่ด้วยจะเป็นโชค...แพรวกลัวนะโชค” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พร้อมส่งสายตาอันเว้าวอน
ชายหนุ่มอดเป็นห่วงหญิงสาวไม่ได้แต่ในเสี้ยวความรู้สึกเขาเองก็พอจะรู้ว่าแพรวพรรณรู้สึกเช่นไร เพราะมีเพื่อนบางคนเคยบอกว่า แพรวพรรณแอบชอบตนอยู่ แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว บัดนี้ความรู้สึกของหญิงสาวอาจจะแปรเปลี่ยนไปก็เป็นได้ แต่ในความขัดแย้งของความรู้สึกนั้นทำให้เขาเริ่มคิดถึงอานนท์ เพราะหากอานนท์อยู่ด้วยอีกคนหนึ่งเขาคงไม่อึดอัดขนาดนี้
“แล้วนนท์ล่ะ เราโทรไปตามนนท์มาอยู่ด้วยกันดีไหม”
“นนท์ไปต่างจังหวัดตั้งแต่เมื่อวาน โชคลืมแล้วเหรอ” หญิงสาวตอบด้วยเสียงอ่อย
เมื่อทนรบเร้าจากเพื่อนไม่ไหว ประกอบกับในคืนนี้ฝนตกหนัก เขาเองก็ขี้เกียจขับรถกลับบ้านอยู่เหมือนกัน อีกทั้งแม่บ้านก็อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน แพรวพรรณดีใจเป็นที่สุดที่จะได้อยู่กับชายที่หมายปองสองต่อสองภายในบ้านของตน หญิงสาวจัดแจงเสื้อผ้ามาให้ชายหนุ่มเปลี่ยนและผลักหลังชายหนุ่มให้ไปอาบน้ำก่อนตน แต่หลังจากที่หญิงสาวเข้าไปทำธุระของตนเสร็จสรรพ ชายหนุ่มก็ต้องตกใจในภาพเบื้องหน้าของตนเอง
แพรวพรรณในชุดนอนเนื้อบางเบา...
ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธเลยว่าหญิงที่อยู่เบื้องหน้านี้ เป็นหญิงสาวที่หน้าตาดี อีกทั้งรูปร่างที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ ยิ่งอยู่อาภรณ์เช่นนี้แล้วหัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงขึ้นๆ โดยยากจะควบคุม
เขาได้แต่เสตามองไปที่ทีวีจอใหญ่ในห้องรับแขก
“โชคไม่ต้องนอนที่โซฟาหรอก นอนห้องเดียวกับแพรวก็ได้ ห้องอื่นไม่ได้ทำความสะอาด”
ชายหนุ่มปฏิเสธ หญิงสาวก้าวเข้ามาอย่างเชื่องช้า ด้วยสายตาที่ยั่วยวน และทิ้งร่างลงบนโซฟาข้างๆ ชายหนุ่ม
“แหมโชค ตอนเด็กๆ เรายังเคยนอนด้วยกันเลย ขนาดตอนเรียนมหาวิทยาลัยเราก็ยังเคยนอนด้วยกันไม่ใช่เหรอ”
“มันไม่เหมือนกันนะแพรว นั่นเราอยู่รวมกันหลายคน” ชายหนุ่มพูดโดยไม่มองหน้าหญิงสาว
“หรือโชคคิดอะไรอยู่ แพรวคิดว่าโชคเป็นเพื่อน แพรวกับนนท์ยังเคยนอนห้องเดียวกันเลย”
หญิงสาวไม่พูดเปล่ากลับพาร่างในอาภรณ์เนื้อบางเบานั้น เข้าไปใกล้ชายหนุ่มแทบจะชิดบนโซฟาตัวใหญ่นั้น พลางจับข้อมือชายหนุ่ม
เหมือนร่างกายปราศจากการควบคุม ชายหนุ่มเดินตามหญิงสาวไปโดยดี ซึ่งเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วในบัดนี้หญิงผู้ที่กำลังเกาะกุมข้อมือของเขาอยู่นี้ คิดอย่างไรกับเขากันแน่
หญิงสาวยิ้มให้กับความลุล่วงอีกหนึ่งเปราะ อย่างไรเสียคืนนี้เธอจะต้องหลับในอ้อมกอดของชายหนุ่มผู้นี้ให้ได้
เสียงฟ้าร้องยังดังกึกก้องเป็นระยะๆ สายฟ้าแลบแปรบปราบ แพรวพรรณเอามืดปิดหูพร้อมกับหลับตาปี๋ ปากก็ร้องด้วยความตกใจ หล่อนจงใจกระโดดเข้าหาชายหนุ่ม จนเขาตั้งตัวไม่ทัน ทำให้บัดนี้ร่างของคนทั้งสองล้มลงบนเตียงที่คลุมด้วยผ้าสีหวานนั้น
เมื่อกายใกล้กันถึงเพียงนี้แล้ว จมูกของชายหนุ่มจึงได้สัมผัสกับกรุ่นกลิ่นกายของหญิงสาว
กลิ่นของแพรวพรรณช่างหอมดีจริงๆ เส้นผมก็นุ่มเหมือนเส้นไหมเนื้อตัวนุ่มเนียนน่าสัมผัส
ชายหนุ่มสูดกลิ่นหอมนั้นเข้าเต็มปอด
“โชค...แพรว...กลัว” หญิงสาวออเซาะด้วยน้ำเสียงเย้ายวน
ไม่พูดเปล่าหล่อนเอื้อมมือไปกอดชายหนุ่มเอาไว้ ทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกใหญ่
“แพรวทำอะไร”
“แค่กลัวเท่านั้นโชค”
เสียงฟ้าคำรามมาอีกรอบ หญิงสาวยิ่งกอดรัดชายหนุ่มให้แน่นกว่าเดิม
แม้แพรวพรรณจะเป็นเพื่อนกันก็ตาม แต่เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง มีเลือดมีเนื้อเหมือนคนอื่นๆ การกระทำของแพรวพรรณทำให้ชายหนุ่มปล่อยใจให้ล่องลอยไปตามอย่างชายทั่วไปที่เมื่ออยู่ใกล้หญิงสาวสวยในอาภรณ์บางเบาเช่นนี้ ยิ่งเนื้อกายสัมผัสกัน ความซาบซ่านของกามารมณ์ก็กำลังเข้าครอบงำจนเขาเองไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
หญิงสาวกอดชายหนุ่มไว้แน่น เขาเองก็เช่นกัน ที่บัดนี้มือทั้งสองก็กำลังกอดรัดหญิงสาวอยู่ หญิงสาวกระซิบข้างหู
“หนาวไหมโชค” หญิงสาวกระซิบอีกครั้ง
“กอดแพรวให้แน่นๆ นะ แพรวกลัว หนาวด้วย”
ว่าแล้วหญิงสาวก็ใช้มืออันเรียวสวยนั้นไล้ไปตามแผงหน้าอกที่แข็งแรงของชายหนุ่ม
หล่อนเอาริมฝีปากได้รูปสวยนั้นประกบไปที่ปากของชายหนุ่ม ลิ้นต่อลิ้นสัมผัสกันอย่างซาบซ่าน รสจูบของแพรวพรรณช่างร้อนแรงเกินที่เขาจะหักห้ามใจได้ เพลงแห่งกามารมณ์กำลังเริ่มบรรเลงขึ้นแข่งกับเสียงของสายฝนด้านนอกที่กำลังกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย
หญิงสาวเริ่มบรรเลงเพลงรักได้อย่างเร่าร้อน ริมฝีปากของทั้งสองบดขยี้กันอย่างดูดดื่ม ชายหนุ่มใช้มือข้างหนึ่งเคล้นคลึงไปที่ยอดถันของหญิงสาว อีกมือหนึ่งก็ดึงรั้งสะโพกอันงอนงามนั้นเข้ามาชิด เช่นเดียวกับหญิงสาวที่บัดนี้มือข้างหนึ่งกำลังปลดเปลื้องอาภรณ์ของชายหนุ่มออก ส่วนมืออีกข้างก็ลูบไล้ไปตามเนื้อกายที่กำยำนั้น
อารมณ์แห่งความสุขสมในความหวังในชายที่ตนหมายปอง
อารมณ์แห่งการเสพสมในรสกามที่กำลังซาบซ่าน
มันผสมผสานกันในห้วงเหวแห่งความรักของหญิงสาวที่มีต่อชายหนุ่ม
ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปตามที่เธอต้องการ หากคืนนี้เธอกับโชคลงเอยกันด้วยดี วันรุ่งขึ้นเธอก็จะใช้ชื่อว่าเป็นเมียของชายหนุ่มโดยทางพฤตินัย
ความกระหยิ่มยิ้มย่องแทรกเข้ามาในช่วงเวลาแห่งการเสพกามของหญิงสาว
แต่กิจกามที่กำลังดำเนินอยู่นั้นกลับอยู่ในสายตาของผู้เฝ้ามอง ที่บัดนี้ยืนสแยะยิ้มอยู่ปลายเตียง โดยที่คนทั้งสองไม่สามารถมองเห็นได้
“หมดเวลาของเธอแล้วแพรวพรรณ”
กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงโทรศัพท์ดังลั่นห้อง
มันเป็นเสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่ม
กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ยังดังไม่หยุด...
เหมือนบางสิ่งบางอย่างกระชากชายหนุ่มออกมาจากหุบเหวแห่งกามารมณ์ เขาถอนใบหน้าออกมาจากปทุมถันอันเอิบอิ่มนั้น แล้วจ้องมองหญิงสาวที่กำลังหลับตาพริ้มที่ตรงหน้า
“แพรว...”
ชายหนุ่มผละออกจากร่างอันเปล่าเปลือยนั้น
เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว สายตามองหาอาภรณ์ที่ถูกปลดเปลื้องออกไป
“โชคเป็นอะไรไป ใครโทรมาก็ช่างเถอะ เรามาต่อเรื่องของเราดีกว่า” หญิงสาวพูดแผ่วเบาไม่วายที่จะดึงรั้งข้อมือของชายหนุ่มเอาไว้
“แพรว...เรา...ไม่น่าทำแบบนี้เลย”
หญิงสาวลุกพรวดขึ้นมาจากเตียง พลางดึงผ้าห่มผืนบางขึ้นมาปกปิดร่างอันเปล่าเปลือยนั้นแล้วรีบเข้าประชิดชายหนุ่มทันที สองมือกอดรัดไว้ ราวกับว่าชายหนุ่มกำลังจะหายไปต่อหน้าต่อตา
“โชค...ก็รู้ว่าแพรวคิดยังไงกับโชค ให้โอกาสแพรวนะ”
หญิงสาวไม่พูดเปล่า พยายามเล้าโลมชายหนุ่ม หวังจะให้อารมณ์อันเร่าร้อนเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา กลับมาคุกรุ่นอีกครั้งหนึ่ง
ชายหนุ่มสลัดหญิงสาว จนร่างนั้นเซไปชนขอบเตียง
น้ำตาหยดเล็กๆ เริ่มออกมาเรียกคะแนนสงสารให้กับหญิงสาว
“โชคอย่าทำอย่างนี้กับแพรวเลย แพรวรักโชคนะ รักมานานแล้ว โชคให้โอกาสแพรวสักครั้งนะ แพรวสัญญาว่าจะทำทุกอย่างที่โชคต้องการ ได้โปรดเถอะ” หญิงสาวพูดทั้งน้ำตา
“ใส่เสื้อผ้าเสียเถอะแพรว แม่เราโทรมา เราขอโทรหาแม่ก่อนนะ”
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ แล้วเดินออกไปนอกห้อง ปล่อยให้หญิงสาวส่งเสียงสะอึกสะอื้นภายในห้องแต่เพียงลำพัง
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แกรักโชคมากใช่ไหม แกจะได้เจออะไรอีกมาก”
รันชรีเปล่งเสียงหัวเราะกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเพราะเธอเองเป็นผู้ที่ทำให้เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มดังขึ้น
ชายหนุ่มนั่งทอดกายอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ในห้องรับแขก เขาสับสนเหลือเกินกับการกระทำของตนเอง เขายอมรับว่าเมื่อเขาเห็นแพรวพรรณในชุดนอนนั้น ทำให้เขาอึดอัดไม่น้อย ยิ่งเมื่อฝ่ายหญิงเล้าโลม เขาเองกลับไม่ปัดป้องหรือปฏิเสธการกระทำของเธอ ตรงกันข้าม ยังจะไปผสมโรงกับเธออีก ยิ่งคิดเขายิ่งโกรธตัวเองมากขึ้น ที่ทำอะไรไปโดยขาดสติ
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะติดต่อกลับไปยังผู้เป็นมารดา แต่พลันนั้นเขากลับต้องรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า เพราะเบอร์ที่โทรมาเมื่อสักครู่นี้เป็นเบอร์บ้านของรันชรีที่กรุงเทพฯ ซึ่งเขาเองยังไม่เชื่อตาตัวเอง เพราะเมื่อครั้งแรกที่โทรศัพท์ดัง เขาหยิบขึ้นมาดู มันเป็นเบอร์โทรศัพท์ของผู้เป็นมารดาอย่างจริงแท้แน่นอน
“รัน...โทร...มา” เขารำพึง
เขาได้แต่ปล่อยให้ความงุนงงเข้าครอบงำ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักสองสามนาที
หญิงสาวใบหน้าสวยก็เดินออกมาจากห้องนอนด้วยดวงตาชื้น
“โชค หากโชคต้องการแบบนี้แพรวก็จะทำตามที่โชคต้องการ”
หญิงสาวในชุดนอนเนื้อบางเบาพูดในมือมีหมอนและผ้าห่มติดมาด้วย
“ฝนยังตกหนักอยู่เลย โชคไม่ต้องกลับหรอก อันตราย แพรวเอาหมอนและผ้าห่มออกมาให้ โชคก็นอนที่โซฟานี่แหละ แพรวจะนอนในห้องคนเดียว”หญิงสาวพูดเหมือนคนสำนึกผิด
ชายหนุ่มรีบออกจากบ้านเมื่อตอนเช้าตรู่ เพราะเขาต้องไปรับมารดาออกจากโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ลืมที่จะสั่งแม่บ้านเอาไว้ก่อนกลับว่าตนจะไปรับมารดาและไม่ต้องปลุกแพรวพรรณ
ตอนที่ 11
หนึ่งปีเต็ม...
ที่ไม่มีผู้หญิงชื่อรันชรีอยู่ให้ขวางหูขวางตา...
วันนี้เป็นวันที่แพรวพรรณมีความสุขที่สุด เธอยอมรับว่าแอบหลงรักโชคมานาน แต่เพราะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก และบ้านใกล้กันเธอจึงปิดบังความรู้สึกนี้ไว้ และตลอดเวลาแพรวพรรณคิดเสมอว่ารันชรีคือเสี้ยนหนามแห่งความรักของเธอ แม้รันชรีกับโชคจะบอกว่าทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน แต่ความสนิทสนมทำให้แพรวพรรณอดคิดไม่ได้ว่าจริงๆ แล้วทั้งคู่หาได้มีความรู้สึกเพียงแค่เพื่อน หากแต่ทั้งคู่ปิดกั้นความรู้สึกตนเองเอาไว้ โดยต่างฝ่ายต่างไม่บอกกันแต่แสดงออกโดยพฤติกรรมทุกอย่างที่เห็น จนทำให้เธอและอานนท์ต้องวางแผนให้กิตติเข้ามาแยกรันชรีออกจากโชค และมันก็สำเร็จไปอย่างสวยงาม
รันชรีถูกปลดออกจากตำแหน่งเพื่อนสนิทของโชคโดยถาวร และแน่นอนว่าตำแหน่งนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเธอ ซึ่งมันก็เป็นไปตามคาด นับตั้งแต่รันชรีหายตัวไป แพรวพรรณไปที่ร้านอาหารของโชคทุกวัน โดยมีอานนท์พ่วงไปด้วย เธอรู้ว่าโชคโกรธ เกลียด รันชรีมากเท่าใด มันจะยิ่งเพิ่มความสำคัญให้กับตัวเธอมากเท่านั้นบวกกับชายหนุ่มต้องไปดูแลมารดา แพรวพรรณจึงเข้ามามีบทบาทในชีวิตชายหนุ่มมากขึ้น
“โชคไม่ต้องห่วงนะ แพรวกับนนท์จะดูแลร้านให้อย่างดีเลยล่ะ” แพรวพรรณบอกกับชายหนุ่มเมื่อเขาต้องเดินทางไปหาผู้เป็นบุพการี
“เกรงใจจัง เราไปแค่สามวันแล้วจะรีบกลับมานะ” ชายหนุ่มเอ่ย
“ถ้าเกรงใจ โชคก็ให้แพรวหุ้นด้วยสิ จะได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก” หญิงสาวยื่นข้อเสนอ
จะเพราะความเกรงใจแพรวพรรณ หรือเหตุผลอันใด โชคตัดสินใจให้แพรวพรรณร่วมหุ้นด้วย มันยิ่งทำให้แพรวพรรณพอใจมากขึ้นเพราะได้อยู่ใกล้ชายหนุ่ม ส่วนอานนท์นั้นหวังเพียงแต่เรื่องธุรกิจเท่านั้น เพราะแพรวพรรณสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าหากเขาช่วยเหลือเธอ ตำแหน่งผู้จัดการสาขาใหม่ที่ห้างสรรพสินค้าต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน นับว่าทั้งแพรวพรรณและอานนท์ต่างก็สมหวังในสิ่งที่ต้องการกันทั้งคู่
แม้วันนี้อากาศจะร้อนอบอ้าว และมืดครื้มไปด้วยเมฆฝน แต่สำหรับแพรวพรรณแล้ว มันเป็นวันที่พิเศษที่สุด หลังจากที่รันชรีหายไปจากชีวิต โชคสนิทสนมกับเธอมากขึ้น จนพนักงานในร้านต่างก็ซุบซิบกันว่าเธอกับโชคเป็นแฟนกัน ซึ่งมันสร้างความพึงพอใจให้กับหญิงสาวไม่น้อย
วันนี้หญิงสาวนัดทานอาหารเย็นกับชายที่ตนหมายปอง เธอจัดการสั่งอาหารที่ชายหนุ่มชื่นชอบ และลงมือจัดโต๊ะอาหารด้วยตนเอง ภาพเธอกับโชคนั่งทานอาหารใต้แสงเทียนมันลอยอยู่ตรงหน้า อีกไม่นานหรอกความเป็นเพื่อนและหุ้นส่วนจะเป็นสะพานไปสู่ความรัก เธอเชื่อมั่นอย่างนั้น
เสียงบรรเลงจากเปียโน กังวานเบาๆ สายฝนเริ่มโปรยปราย มันยิ่งทวีความโรแมนติคสำหรับค่ำคืนนี้หนักหนา ตามเวลานัดโชคก้าวเท้าเข้ามาในร้าน ทันทีที่เขาได้ยินเสียงบรรเลงเพลงนั้น มันอดทำให้เขาคิดถึงเพื่อนคนหนึ่งไม่ได้ แต่เพียงวูบเดียวในความรู้สึก ความโกรธเคืองมันก็ได้ลบภาพเก่าๆ ทั้งหลายไปจนหมดสิ้นเสียแล้ว เขาไม่อยากจะคิดถึงผู้หญิงคนนี้อีกต่อไป แม้ความเป็นเพื่อนก็ไม่มีหลงเหลืออีกแล้ว
คืนนี้พนักงานในร้าน ต่างก็แอบมองแพรวพรรณด้วยสายตาชื่นชม เพราะปกติแพรวพรรณก็จัดว่าเป็นผู้หญิงสวยอยู่แล้ว แต่ในวันนี้ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้านายของพวกเขา สวยเป็นพิเศษ ทำเอาผู้เป็นเจ้านายยิ้มไม่หุบในคำเยินยอนั้น
ชุดเดรสสั้นสีฟ้าที่แขนมีระบายเล็กๆ นั้นมันพลิ้วไหวยามเมื่อต้องกับสายลม กลิ่นน้ำหอมแสนรัญจวนใจที่หญิงสาวเลือกสรรมาเป็นพิเศษสำหรับค่ำคืนนี้ เธอคิดว่ามันจะทำให้ชายหนุ่มประทับใจในตัวเธอไม่น้อย ทันทีที่ชายผู้เป็นที่รักก้าวเข้ามาในระยะสายตา หญิงสาวลุกขึ้นยืนและโบกมือพลางส่งเสียงเรียก เธอดูสดใสร่างเริงกว่าปกติ
แต่จู่ๆ ฝนเม็ดเล็กๆ ที่โปรยปรายอยู่ก่อน กลับทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมหาศาล
...กระหน่ำหนักขึ้น...
...กัมปนาทของแผ่นฟ้าส่งเสียงกึกก้อง...
กลบเสียงเปียโนอันแสนนุ่มนวลนั้นจนหมดสิ้น
พรึบ.....ไฟทั่วทั้งร้านดับสนิท
คงเหลือเพียงแสงจากเทียนบนโต๊ะ และเทียนหอมบางมุมที่จุดไว้ภายในร้าน ฟ้าแลบแปลบปลาบทำให้หญิงสาวผู้กำลังเบิกบานนั้นมองเห็นใครบางคนอย่างไม่ถนัดตา
“รันชรี”
แพรวพรรณเอ่ยชื่อหญิงสาวโดยไม่รู้ตัว
ภาพของรันชรียืนอยู่กลางโถงของร้านอาหาร ดวงตาสีแดงก่ำ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด สีแดงสดๆ ไหลออกมาจากแขนทั้งสองข้าง ลงถึงพื้นเป็นทางยาวไหลมาเรื่อยๆ จนถึงโต๊ะที่เธอนั่ง แพรวพรรณทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งตัวแข็ง ตาค้าง หัวใจเต้นแรงจนไม่เป็นจังหวะ
หญิงสาวอยากตะโกนออกมาดังๆ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้แม้กระทั่งขยับตัว โชคหายไปไหน ในร้านมีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น และรันชรี
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันที ฉันกลัว ช่วยด้วย”
เสียงตะโกนยังคงดังก้องอยู่แค่ในความคิด
“แพรวๆๆๆ เป็นอะไร กลัวฟ้าร้องเหรอ”
โชคเขย่าตัวหญิงสาว พร้อมกับถามไถ่หลังจากเห็นอากัปกิริยาของเพื่อนที่ดูเหมือนกำลังหวาดกลัว
“โชคช่วยแพรวด้วย รัน นังรันมันมาที่นี่...มันยืนอยู่ตรงนั้น”
แพรวพรรณร้องเสียงหลง และพูดเหมือนคนขาดสติ
ฝ่ายชายหลังจากจุดเทียนเพื่อเพิ่มความสว่างแล้ว เขาหันมองไปรอบๆ ร้าน พบแต่พนักงาน และลูกค้าอีกสามโต๊ะ ที่ขณะนี้กำลังมองมาที่แพรวพรรณเป็นสายตาเดียวกัน
“ว่าไงนะแพรว รันมาเหรอ อยู่ไหน ไม่เห็นมีเลย”
ทั้งโชคและพนักงานทุกคนต่างมองซ้ายขวาเพื่อตามหารันชรีที่แพรวพรรณพูดถึง
“นั่นไงมันยืนอยู่ตรงนั้น เลือดๆ มีแต่เลือดเต็มพื้นเลย” แพรวพรรณพูดและร้องไห้ฟูมฟายไปพร้อมๆ กัน
“ฉัน...กลับ...มา...แล้ว...”
ร่างอาบเลือดนั้นเอ่ยอย่างเชื่องช้า
“กรี๊ด!!!!”
เสียงแพรวพรรณกรีดร้องจนสุดเสียง
พรึบ...ไฟทุกดวงในร้านติดขึ้นพร้อมๆ กัน ภาพที่ทุกคนเห็นคือแพรวนั่งเอามือปิดหน้าปิดตาแล้วส่ายหัวไปมา ปากก็พูดแต่คำว่าออกไป ออกไป
พนักงานหญิงสามคนเข้ามาบีบแขนบีบขาผู้เป็นเจ้านาย พร้อมกับส่งยาดมให้
“โชค...แพรวกลัว เป็นรันจริงๆ นะ หรือว่ามันจะตายแล้ว ตัวมันมีแต่เลือด ออกไป ออกไป อย่าเข้ามานะ” ชายหนุ่มเห็นอากัปกิริยาเพื่อนแล้วรู้สึกเครียดขึ้นมาทันทีทันใด
“เราว่าแพรวตาฝาดมากกว่า ฝนตกหนัก ไฟดับ ฟ้าแลบ ก็เลยเห็นเงาต่างๆ ในร้านเท่านั้นเอง รันจะมาได้ยังไง เขาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ดูสิแพรว.. มีแต่ลูกค้าและพนักงานร้านเราทั้งนั้น” โชคพูดตามสิ่งที่เห็น
แพรวพรรณเงยหน้าขึ้นมาอย่างยากเย็น ใช้สายตากวาดไปรอบๆ ร้าน ก็มีเพียงแต่พนักงานเสิร์ฟและลูกค้าอย่างที่โชคว่าจริงๆหรือเธอจะตาฝาด
“หรือเราจะคิดมากไป” กังวานแห่งความคิดที่ดูเหมือนการหลอกตัวเอง
หญิงสาวเข้าไปสวมกอดชายหนุ่มไว้แน่น ทำให้ชายหนุ่มรับรู้ถึงความหวาดผวาของหญิงสาวจากเนื้อตัวที่สั่นเทา เขาใช้แขนอันแข็งแรงทั้งสองข้างโอบกอดหญิงสาวไว้ หวังให้ความรู้สึกนั้นเบาบางลงบ้าง หญิงสาวได้ทียิ่งกอดรัดชายหนุ่มให้แน่นยิ่งขึ้น และเอาใบหน้าสวยนั้นซุกไว้ในอ้อมอกของอีกฝ่ายไว้อย่างแนบแน่น