30 พฤศจิกายน 2548 12:03 น.
สนสามใบ
.....เจ้านางนวลชวนกันบินข้ามฟ้า
ข้ามน้ำมาพาอยู่บางปูไทย
หนีความหนาวจากแคว้นถิ่นแดนไกล
สุดสดใสในแดนแผ่นดินทอง
.....เจ้านางนวลชวนกันบินล้อลม
แสนสุขสมรื่นรมย์ไม่มีหมอง
มีคู่ชิดปักใจให้ใฝ่ปอง
บินลอยล่องสู่นภาฟ้าเบิกบาน
.....เจ้านางนวลชวนกันบินเล่นน้ำ
แสนเย็นฉ่ำสุขกายใจสำราญ
ช่วยกันหาอาหารแบ่งรัปทาน
รักแสนหวานเป็นคู่อยู่วาดฝัน
.....เจ้านางนวลชวนกันบินเวียนวน
ไม่สับสนหลายใจให้ไหวหวั่น
ไม่ชิงดีชิงเด่นเล่นด้วยกัน
แสนสุขสันต์หวานชื่นทุกคืนวัน
........สนสามใบ.......
28 พฤศจิกายน 2548 11:11 น.
สนสามใบ
...อันทางเดินย่างก้าวของเรานั้น
ยาวหรือสั้นยังถามความเขาได้
จะเป็นเนินลงเหวลึกเท่าไร
หนักแค่ไหนไม่ว่าถ้ารู้ทาง
....แต่ทางชีวิตคิดไม่ออกบอกไม่ได้
ว่าจะให้ไม่สะดุดสุดเรือนราง
ต้องค่อยคลำค่อยก้าวท้าวที่วาง
หยุดคิดพลางก้าวต่ออย่ารอคอย
...แม้สะดุดหกล้มหัวขมำ
แม้ถลำคว่ำหน้าอย่าถ้อถอย
แม้ร่างกายจะเจ็บจนเป็นรอย
อย่าสำออยให้เข้มแข็งแรงยังมี
...แล้ววันหนึ่งจะถึงซึ่งจุดหมาย
พบบั้นปลายชีวิตคิดให้ดี
จงย่างก้าวให้มั่นทันท่วงที
แล้วจะมีวันนั้นท่านรอคอย
.....สนสามใบ......
13 พฤศจิกายน 2548 23:15 น.
สนสามใบ
.......อรุณสวัสดิ์สาวน้อยคอยมาปลุก
ให้ฉันลุกยามเช้าเจ้าแสนดี
ไม่เคยเบื่อบิดเบือนเอื้อนวจี
หรือหน่ายหนีเรียกขานฉันทุกวัน
.......อรุณสวัสดิ์สาวน้อยคอยหุงข้าว
ทุกทุกเช้าหุงหามารับทาน
พร้อมกลับข้าวขนมต้มคาวหวาน
แซบทุกจานลิ้มลองของเจ้าสาว
.......อรุณสวัสดิ์สาวน้อยคอยซักผ้า
เต็มตะกร้าหน้ามนฝนให้ขาว
พอซักเสร็จล้างผ้ามาตากราว
เป็นแถวยาวสุดขยันไม่ปั่นทอน
.......อรุณสวัสดิ์สาวน้อยคอยถูบ้าน
ไม่อู้งานทำไปไม่วิงวอน
สุดสะอาดทำดีไม่มีงอน
ไม่ง่วงนอนตอนใช้ให้หน่ายหนี
.......อรุณสวัสดิ์สาวน้อยที่เอ่ยมา
เป็นภรรยาของผมนมนานปี
คนขยันหันหน้าหาความดี
เป็นแม่ศรีคู่บ้านของฉันเอง
...สนสามใบ.......
2 พฤศจิกายน 2548 23:39 น.
สนสามใบ
.....ถึงวันว่างหาทางเข้าดงป่า
พักอุราพากายไปเติมฝัน
เที่ยวบุกป่าฝ่าดงสักสองวัน
เที่ยวให้มันสักทีสุดดีใจ
.....จึงเก็บของเดินทางตามทางหลวง
แสนชื่นทรวงหันหน้าเข้าป่าไพร
เดินทางมาไม่นานถึงเขาใหญ่
ป่ากว้างไกลเกินกู่สุดหูตา
.....เมื่อมาถึงขุนเขาที่เฝ้ารอ
ยามผ่านมอขอจอดสอดเสาะหา
หมู่ฝูงสัตว์ผลัดเปลี่ยนเวียนกันมา
อวดกายาต่อหน้าผู้มาเยือน
.....เมื่อเข้ามาก็หาที่หลับนอน
ที่พักผ่อนหย่อนกายหมายดูเดือน
อยากอยู่บ้านดูดีมีชานเรือน
หรือชวนเพื่อนกลางเต็นท์แสนเย็นกาย
......ที่ปักหลักพักผ่อนมีสองแห่ง
ส่วนที่แบ่งใหญ่กว่าผากล้วยไม้
ลำตะคลองก็ยาวเตาเรียงราย
ตามสบายลองดูอยู่ให้ดี
......หมดปัญหาเรื่องพักที่หนักอก
ไปน้ำตกเหวสุวัตอาบขัดสี
เล่นน้ำตกตากตำฉ่ำวารี
ให้สุขีตะวันลับจึงกลับมา
......ทำอาหารทานกันให้อร่อย
แล้วค่อยๆพักผ่อนหย่อนกายา
หลับเต็มตื่นสดชื่นยามตื่นมา
ไม่โรยรามีแรงเริ่มแรมรอน
......ตื่นแต่เช้าเลาะเขาขึ้นเขาเขียว
ทางคดเคี้ยวเลี้ยวเลาะวิ่งซอกซอน
มุ่งหน้ามายอดภูดูสิงขร
อาทิตย์จรแสงงามในยามเช้า
......อันเขาเขียวนั้นสูงสี่พันฟุต
จากสมุทรวัดเทียบเปรียบกับเขา
สูงที่สุดภาคกลางทางหมอกเทา
เหมือนตัวเราสุขล้นบนสวรรค์
......ถอยหลังกลับลงมาห้าร้อยเมตร
อยู่ในเขตเขาเขียว ที่สูงชัน
ผาเดียวดายรอใจให้แบ่งปัน
สุดลาวัณย์เป็นสง่าบนผาดอย
......เสร็จจากผาย้อนมาหาน้ำตก
เหวนรกน้ำแตกแยกเป็นฝอย
มีช้างป่าตกเหวลงไปลอย
ต่างทยอยขาดใจตายเป็นฝูง
......เพราะเหวนี้มีผาที่ชันลึก
เท่ากับตึกเจ็ดชั้นนั้นเทียบสูง
นักท่องเที่ยวลงไปใช้ราวจูง
ต้องพยุงตัวตรงลงยังยาก
......มาวันนี้เห็นทีต้องจบข่าว
หมดเรื่องราวแล้วหนาต้องลาจาก
แหล่งที่เที่ยวดีดีมีอีกมาก
จำต้องพรากคืนมาเวลาหมด...
.................สนสามใบ................