26 ตุลาคม 2548 23:27 น.

ทานตะวันบาน..ที่สระบุรี......

สนสามใบ


.ทานตะวันเบ่งบานที่สระบุรี
อากาศดีมีเขายาวหลายลูก
มาหลายทีมีใจให้พันผูก
แสนสนุกสุขใจใช่เยินยอ
.ทานตะวันเบ่งบานเต็มทุ่งกว้าง
ตามรายทางเหลืองอร่ามงามจริงหนอ
กว่าจะบานหนึ่งปีมีคนรอ
คอยเคลียคลอถ่ายรูปจูบดอกบาน
.ทานตะวันเบ่งบานทั่วท้องทุ่ง
ภมรมุ่งมาตามทุกยามกาล
เฝ้าชอนไชไล่เจาะเลาะน้ำหวาน
รับประทานสุขสมภิรมย์ใจ
 .ทานตะวันเบ่งบานกลางป่าเขา
แต่หมู่เราจะตามไปถามไถ่
ถึงจะอยู่ดินแดนอันแสนไกล
ก็จะไปชำเรืองดูเหลืองตา
.ทานตะวันเบ่งบานตอนปลายปี
อวดแสงสีเมื่อยามออกพรรษา
บานเต็มที่ทุกปีมีคนมา
ดื่นดาษตาทั่วหล้าต่างมาชม
.ทานตะวันเบ่งบานอยู่ในใจ
อยู่ไม่ไกลเมืองกรุงยุ่งใจตรม
เดินทางมาสองชั่วโมงตรงใจสม
ได้อารมณ์แบบใหม่ในพริบตา
 .ทานตะวันเบ่งบานใกล้ริมเขื่อน
ชวนเพื่อนเพื่อนมาเห็นเย็นอุรา
ดูดอกบานแล้วหันมากินปลา
อิ่มทั้งตาทั้งท้องสุขสองอย่าง
.ทานตะวันเบ่งบานใกล้น้ำตก
เบื่อบนบกลงน้ำเล่นเย็นทั้งร่าง
อยู่ใกล้กันลองดูอยู่ไม่ห่าง
อยู่ระหว่างทางกลับซับมากมาย
.ทานตะวันเบ่งบานถึงต้นปี
บานหลายทีหมุนเวียนเปลี่ยนกันฉาย
บานตรงนี้ตรงนั้นบานเรียงราย
มาคราใดได้ประสบพบทานตะวัน
...........สนสามใบ.................
				
22 ตุลาคม 2548 15:58 น.

ขาวและดำ..............

สนสามใบ


.......อันผ้าขาวกว้างยาวสักหนึ่งฟุต
แต่มีจุดดำเทาเท่าเม็ดทราย
จะซักล้าง ถู..กดหมดความหมาย
เพราะราร้ายเกาะติดสนิทหนา
.......อุตส่าห์พับพลิกกลับสลับซ่อน
หลายคนต้อนพลิกกลับสลับหา
เปิดตรงนั้นพลิกนี่จนพบพา
แล้วนำมาวิจารณ์ขานเต็มปาก
.......อันผ้านี้สีขาวไม่กล่าวถึง
คอยจะดึงสีดำมาถางถาก
แม้นผ้าขาวจะมีพื้นที่มาก
ปราศจากผู้คนมาสนใจ
.......เปรียบผืนผ้ากลับมาเป็นมนุษย์
มีทั้งจุดผุดผ่องและหมองไหม้
ตัวเราเองใช่ว่าจะดีเสมอไป
เหมือนใครใครทุกที่ต้องมีดำ
.......แม้นคบคนจงดูแต่สีขาว
ดูเรื่องราวผ่านมาที่น่าจำ
เพียรศึกษาความดีที่เขาทำ
อย่าล่วงล้ำคุ้ยเขี่ยจุดเสียหาย
.......หากทำตามดังที่ได้กล่าวมา
เพื่อนคบหาสนิทมีมากมาย
มีแต่คนหลงรักยากเสื่อมคลาย
ไม่วุ่นวายมีความสุขทุกที่เอย.............
สนสามใบ................
				
20 ตุลาคม 2548 00:03 น.

ภูกระดึง

สนสามใบ


..ภูกระดึงเหมือนสาวหนึ่งที่งามสม
รอคนชมความงามยามหน้าหนาว
แสนสุขจิตทุกครามาทุกคราว
มีเรื่องราวฝังจิตให้คิดฝัน
..แม้นจะสูงจะไกลยังใฝ่หา
ทนฟันฝ่าปีนป่ายด้วยใจหวัง
แม้นจะเหนื่อยจะล้าขาแทบพัง
ยามถึงฝั่งสุขล้นท่วมท้นใจ
.....แสนสดชื่นยืนดูหมู่หมอกขาว
มีลมหนาวพัดโบกหญ้าโยกไหว
ทอดสายตาเพ่งมองไปกว้างไกล
ยามชมไพรใจเบิกบานสราญตา
........ดูอาทิตย์ที่โผล่ตรงมุมเขา
ฟังกาเหว่าเรียกร้องจนก้องป่า
ฝูงผีเสื้อบินไล่กันไปมา
มวลพฤกษาผัดใบให้ลาจร
..ใบไม้หล่นด้วยแรงลมหนาวพัด
ลมสะบัดอัดใบจนไหวคอน
เหมือนลมชายคอยเป่าเฝ้าวิงวอน
จนใจอ่อนเพราะเป่าหูอยู่ทุกครา
....ช่อดอกไม้ชูชันดันชูช่อ
งามลออสีระยับแสงจับตา
เหมือนจะเย้ยภมรร่อนเวหา
ให้ลงมาจับจองลองเชยชม
.ยามค่ำคืนยืนมองจันทร์ส่องฟ้า
สุดงามตาฟ้าจางน้ำค้างพรม
กลิ่นดอกป่าลอยมาตามสายลม
แสนสุขสมความงามยามค่ำคืน
.......เสียงจิ้งหรีดดีดปีกร้องดังจ้า
ดังลั่นป่าบรรเลงเพลงขมขื่น
เหมือนมันช้ำเจ็บจนทนกล้ำกลืน
ต้องสะอื้นขาดสุขทุกราตรี
..แสงหิ่งห้อยลอยวนบนใบหญ้า
ล่องลอยมาเวียนไปฉายแสงสี
เหมือนส่องแสงแข่งจันทร์ฉันอวดดี
เทียบรัศมีแสงจันทร์อันแดงฉาน
.มาวันนี้เห็นทีต้องลาจาก
มีอีกมากที่ยังไม่เล่าขาน
โอกาสดีวันหน้าถ้าว่างงาน
คงไม่นานจะย้อนดูภูกระดึง.........
.............สนสามใบ.............
				
17 ตุลาคม 2548 20:50 น.

หัวใจคนเดินทาง

สนสามใบ


......ผืน เขาที่สูงขวางหน้า
ผืนป่าแม้นจะรกร้าง
ผืนน้ำจะกั้นตรงกลาง
ผืนฟ้าจางมีแสงรำไร

......สองแขนจะคอยเหนี่ยวน้าว
สองเท้าจะย่างก้าวไป
สองเท้าบุกป่าผืนใหญ่
สองกายใจที่จีรัง

......หวังที่จะเห็นน้ำตก
หวังเห็นนกและป่ายัง
หวังเห็นชะนีลิงค่าง
หวังเห็นทางแหล่งน้ำไหล

......เห็นน้ำหล่นจากที่สูง
เห็นฝูงผีเสื้อเรียงราย
เห็นเห็ดหลายสีมากมาย
เห็นแมกไม้ออกดอกชูชัน

......เก็บเกี่ยวความงามผ่านตา
เก็บมาแค่เพียงลอยฝัน
เก็บขยะเมื่อเราจากกัน
เก็บความมันไม่ให้ลืมเลือน

.....ทิ้งไว้เฉพาะรอยเท้า
ทิ้งความเหงาที่มาเยือน
ทิ้งความคิดไม่ดีต่อเพื่อน
ทิ้งความบิดเบือนออกไป
.
.....สุขเมื่อมีเพื่อนเดินทาง
สุขทุกอย่างที่อยู่กลางไพร
สุขมากล้นมีแต่ต้นไม้
สุขเหมือนได้ขึ้นสวรรค์...........ชั้นดาวดึงส์
				
15 ตุลาคม 2548 21:04 น.

วังวนใจ.....

สนสามใบ


........ จากวันนั้นถึงวันนี้สิบปีแล้ว
เจ้าน้องแก้วจากไปไม่หันหลัง
จากท้องนาป่าดงพงไม้รัง
ที่เคยนั่งเว้าวอนออดอ้อนหวาน
......... เคยหยอกเอินเดินเล่นที่ริมหนอง
ลงลำคลองหาปลาเป็นอาหาร
เก็บผักจิกผักจอกและดอกจาน
ร่วมรับทานกับน้องสองสุขสันต์
.........มาวันนี้ไม่มีเจ้าสาวคนสวย
เพราะคนรวยมาพรากเราจากกัน
ต่างเศร้าโศกกำสรวลสุดจาบรรณ
จำใจหันเหแยกแตกจากไป
.........เพราะบุญคุณบิดรมารดาล้น
เธอจึงพ้นทางสัมพันธ์จากฉันหาย
แต่งงานแทนพระคุณกำเนิดกาย
แม้นหัวใจต้องเจ็บเก็บข้างใน
........ฉันอยากลืมทุกสิ่งที่ผ่านมา
พอหลับตาเห็นเธอทุกครั้งไป
คิดถึงโฉมตรูอยู่ทุกลมหายใจ
สุดอาลัยหนักหนาชีวาหลอน
.........หรือกำเก่าเราสร้างแต่ปางไหน
จึงฝังใจจำจดไม่ลดหย่อน
ไม่เคยลืมถึงวันจะแรมรอน
ไม่อาจถอนจากจิตสักนิดเลย
........แม้จะมีหญิงอื่นอีกมากมาย
ยอมพลีกายมอบให้ใจยังเฉย
จะชอบเขาเหล่านี้ก็ไม่เคย
ชีวิตเอยถูกสาปตราบาปใจ
........คงต้องม้วยมรณาก่อนหรือเรา
จึงลืมเขาได้แน่แปรเปลี่ยนไป
ความคิดหลอนคอยหลอกจึงเสื่อมคลาย
จึงสบายหลุดพ้นวังวนใจ
.
.............................สนสามใบ..........
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสนสามใบ
Lovings  สนสามใบ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสนสามใบ
Lovings  สนสามใบ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสนสามใบ
Lovings  สนสามใบ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสนสามใบ