10 กุมภาพันธ์ 2549 13:18 น.
สนสามใบ
.....สุดระอาผัวรักเป็นหนักหนา
เช้าขึ้นมาหาเรื่องให้เปลืองเงิน
ไม่สร้างสรรค์อันใดให้จำเริญ
ไปมัวเพลินอบายมุขให้ทุกข์ใจ
.....ตื่นเช้ามาพาร่างเข้าร้านเหล้า
ถอนความเมาที่ค้างไม่ฟังใคร
หมดหนึ่งกั๊กชักเพลินเดินไม่ไหว
ตาเริ่มลายก็ทนไม่บ่นเลย
.....มีทรัพย์สินมากมายใช้จนหมด
ลูกเมียอดแล้วก็ยังนั่งเมินเฉย
สำนึกผิดสักทีพี่ไม่เคย
เฝ้ารำเพยเอ่ยกับเธอเสมอมา
.....เมื่อเมาแล้วอวดเก่งนักเลงโต
ทำโมโหขวางหูพวกหมูหมา
เมาได้ที่ทีไรไม่เจรจา
เตะติดฝาลูกเมียจนเสียคน
....มาวันนี้เห็นทีต้องแตกหัก
ถึงจะรักสักเท่าไรก็ไม่สน
เพราะโดนเตะอยู่นานจนรานลน
หนีไม่พ้นโดนแน่แย่ทุกวัน
.....ต้องร้างลาหาทางให้ห่างเหิน
แยกทางเดินเมินห่างระหว่างกัน
แม้นชาวบ้านจะโทษหรือโจษจัน
ก็ไม่หันคืนดีกับผีสุรา.
........สนสามใบ.......
8 กุมภาพันธ์ 2549 22:49 น.
สนสามใบ
......มีบทกลอนมาสอนคู่บ่าวสาว
ถึงเรื่องราวครองคู่อยู่ครองเรือน
เป็นบทกลอนสอนใจไว้คอยเตือน
อย่าบิดเบือนจงจำนำใช้พัน
........ข้อที่หนึ่งพึงระวังทางวาจา
จงอย่าพาคำหยาบกำราบกัน
ใช้วาจาที่หอมหวลชวนสร้างสรรค์
ให้เรียกฉันและเธอเสมอไป
.........ข้อที่สองต้องไม่ทำจำให้ดี
อย่าตบตีทำทีมือเท้าไว
จะบอบช้ำเจ็บจำทั้งกายใจ
เกินอภัยหากได้ทำน้ำตานอง
....ข้อที่สามทำใจให้แน่นหนัก
ใครมาทักยุแยงแกล้งคู่ครอง
อย่าเชื่อง่ายหลงง่ายให้ไตร่ตรอง
จะช้ำหมองเกินแก้แพ้ภัยพาล
....ข้อที่สี่บุพการีของทั้งสอง
จำจะต้องเคารพนบนอบนาน
อย่ารังเกียจเดียดฉันท์ให้ร้าวราน
จงสงสารหวงแหนทดแทนคุณ
.......ข้อที่ห้าอย่าหลง..วงพนัน
หากใกล้มันทุกอย่างต่างเสื่อมสูญ
เสียชื่อเสียงทรัพย์สินสิ้นเป็นจุล
จะหมดบุญครองคู่อยู่ร่วมกัน
.....หากทำตามที่ว่ากล่าวมานี้
จะสุขีมีสุขทุกคืนวัน
การครองคู่อยู่รอดตลอดกัลป์
นิจนิรันดร์เคียงคู่อยู่ชั่วกาล
......สนสามใบ.....
6 กุมภาพันธ์ 2549 20:41 น.
สนสามใบ
.....สุดระอาเมียรักเป็นหนักหนา
ชีวิตเกิดมาหาเรื่องให้เปลืองเงิน
คอยสร้างสันอันใดไม่จำเริญ
ไปมัวเพลินอบายมุขแล้วสุขใจ
.....ตื่นเช้ามาพาร่างย่างเข้าบ่อน
เธอทนร้อนทนหนาวมิหวั่นไหว
ขอได้เล่นการพนันมันกว่าใคร
แม้นเจ็บไข้ก็ทนไม่บ่นเลย
.....มีทรัพย์สินมากมายก็ขายหมด
ลูกผัวอดเธอก็ยังนั่งเมินเฉย
สลดเศร้าใจสักนิดก็ไม่เคย
แม้นรำเพยเอ่ยกับเธอเสมอมา
.....การเรือนการบ้านนานมาไม่หาทำ
ทนระกำบ้านรกหมกทุกครา
ผ้าไม่ซักหนักเป็นกองมองเห็นรา
หดหู่ตาไม่ไหวระอายคน
....มาวันนี้เห็นทีต้องแตกหัก
ถึงจะรักสักเท่าไรก็ไม่สน
แม้นอยู่นานวันเข้าเราจะจน
หนี้สินล้นคงแย่แก้ไม่ทัน
.....ต้องร้างลาหาทางให้ห่างเหิน
แยกทางเดินเมินห่างระหว่างกัน
แม้นชาวบ้านจะโทษหรือโจษจัน
ก็ไม่หันคืนดีกับผีพนัน.
........สนสามใบ.......
5 กุมภาพันธ์ 2549 10:31 น.
สนสามใบ
.....อนิจจาสาวนาต้องจากจร
จากบ้านดอนเกิดกายไปหางาน
เพราะฝนแล้งแห้งหายทั่วอีสาน
ลาถิ่นฐานสู่เมืองกรุงมุ่งทำกิน
.....เป็นคนใช้ถูบ้านงานแสนเหนื่อย
ทำเลื่อยเปื่อยทนอดเหงื่อหยดริน
ทนทุกวันทุกการเป็นอาจินต์
แทบแดดิ้นหมดลมเพราะโหมงาน
.....หนักก็เอาเบาก็สู้ไม่ดูหมิ่น
แรงไม่สิ้นกายยังไหวใจยังหาญ
ถึงเก็บกวาดถูบ้านและล้างจาน
ก็เป็นงานสุจริตที่คิดทำ
.....ใครเขาว่างานต่ำทนทำไป
เพื่อหวังได้เงินมาคราฝนพรำ
เป็นทุนรอนถอนกล้าคราปักดำ
เพื่อหนุนนำสืบมาอาชีพไทย
.....สนสามใบ.....
2 กุมภาพันธ์ 2549 23:34 น.
สนสามใบ
.....กระแสชลล้นไหลไม่หวนกลับ
นกบินลับกรงกักยากจักหวน
ความสัมพันธ์จะแน่วแน่หรือแปรปรวน
เธอจะด่วนลืมฉันไหมใจยังแคลง
.....อยากฝากคำจงจำไว้สักนิด
ฉันยังคิด ถึงเธอมิหน่ายแหนง
แม้ห่างไกลแค่ไหนไม่เปลี่ยนแปลง
ด้วยเพราะแรง แห่งรักจากใจจริง
.....ถึงอยู่ไกลเหมือนใกล้ในใจคิด
เหมือนสนิทชิดใกล้ให้พึ่งพิง
คอยช่วยเหลือเกื้อกูลอุ่นแอบอิง
ทุกทุกสิ่งเคยช่วยกันฉันยังจำ
......เจ้านาง.....
.......สนสามใบ......