1 เมษายน 2549 09:12 น.
สติแตก
กรุงรัตนโกสินทร์...............จักสูญสิ้นลงแล้วหรือ
ขาดซึ่งยอดฝีมือ..................มากู้ชื่อประเทศไทย
โจรชั่วคิดก่อการ................หวังเผาบ้านเมืองบรรลัย
โหมแพลิงเพิ่มเชื้อไฟ.........คงมอดไหม้ทั้งแผ่นดิน
จัดตั้งเดินขบวน..................แล้วชี้ชวนไล่ทักษิน
สนธิแสร้งเล่นลิ้น................จำลองหมิ่นชาวประชา
กลิ้งกลอกหวังฟอกตัว..........สนธิชั่วสร้างปัญหา
ปีศาจคาบตำรา...................ประกาศกล้าข้าจำลอง
เมื่อสิบห้าปีก่อน...................หากนึกย้อนอย่างไตร่ตรอง
ท่าทีหยิ่งผยอง......................นึกลำพองว่าเก่งกาจ
พาคนเดินไปตาย..........กี่ล้มหายตายเกลื่อนกลาด
ยังบอกว่ากู้ชาติ..............น่าอนาถนี่กระไร
เรียกตัวว่านักธรรม..............แต่ระยำที่ทำไป
สนธิคนจัญไร.......................ร่วมสุมไฟให้แผ่นดิน
20 มีนาคม 2549 23:38 น.
สติแตก
ฉันไม่มีถ้อยหวานกานท์อักษร
หรือบทกลอนคร่ำครวญชวนใฝ่ฝัน
ไร้คำพูดหวานซึ้งรำพึงรำพัน
ให้หวิวหวั่นหลงปลื้มลืมเวลา
ก็มีเพียงหัวใจยังไหวเต้น
ใช่โอนเอนอ่อนแอแค่โหยหา
อยากอิงแอบแนบหนุนอุ่นอุรา
ปรารถนาพบรักใครสักคน
จะขอมอบใจกายถวายชีวิต
เป็นคู่คิดเพื่อนแท้แม้ขัดสน
พาข้ามผ่านคืนวันอันร้อนรน
สิ้นหมองหม่นเงียบเหงาเศร้าหัวใจ
จะจับมือร่วมทางเพื่อสร้างฝัน
คือคำมั่นสัญญาอสงไขย
แม้นเวลาล่วงผ่านนานเท่าใด
ขอมอบใจพิงพักรักเพียงเธอ
11 มีนาคม 2549 01:01 น.
สติแตก
อย่าร้องไห้เสียใจไปอีกเลย
กับสิ่งเคยปวดร้าวเมื่อคราวหลัง
อย่าอ่อนแอเศร้าสลดหมดกำลัง
อย่าสิ้นหวังพ่ายแพ้ท้อแท้ใจ
คนเราต้องรู้ค่าทำหน้าที่
เขายอมพลีเลือดเนื้อเพื่อสิ่งไหน
เพราะเพียงเพื่อพวกเราก้าวต่อไป
สู่วันใหม่อนาคตที่งดงาม
จงโบยบินไปสู่ ณ ห้วงหาว
ลืมเรื่องราวแค้นเคียดคนเหยียดหยาม
สู่เสรีฟันฝ่าพยายาม
แม้ขวากหนามเพียงว่าอย่ากังวน
อุดมการณ์แน่วแน่ไม่แปรผัน
ขอบุกบั่นด้วยใจภักดิ์ไปสักหน
ขอเดินตามวิถีวีรชน
นำชาติพ้นอันธพาลที่ผลาญไทย
18 กุมภาพันธ์ 2549 11:41 น.
สติแตก
หากไตร่ตรองครวญคิดพินิจพิเคราะห์
เหตุเฉพาะเจาะประเด็นให้เห็นแก่น
เอาถูกต้องใช่ถูกใจไปใส่แทน
ละความแค้นขัดเคืองเรื่องส่วนตัว
เอาอดีตเรื่องราวแต่คราวหลัง
จับมาตั้งจำแนกแยกดี ชั่ว
ปัจจุบันหารไปอย่าได้กลัว
ผลคือตัวชี้นำสู่ความจริง
อย่าให้ใครสนตะพายใส่จมูก
อาจจะถูกหรือผิดคิดทุกสิ่ง
เพียงยอมรับผลได้ไม่ประวิง
อย่าถูกสิงครอบงำด้วยคำคน
เพราะมนุษย์สุดหยั่งชั่งความคิด
โน้มน้าวจิตล่อใจใช้เหตุผล
แม้ไม่คิดไตร่ตรองคงต้องมนต์
หลงเล่ห์กลเขาเรียกว่าหนังหน้าไฟ
14 กุมภาพันธ์ 2549 19:32 น.
สติแตก
เพียงแค่วันหนึ่งนั้น..........ของปี
คงจักหาได้มี.....................ค่าล้ำ
เพราะแม้นหากฤดี............ไร้รัก
คงแค่ทนกลืนกล้ำ.............อีกตั้งหลายเดือน
สิบสี่กุมภาในครานี้
วันที่ใครเขาเฝ้าฝันถึง
ความรักแหนหวงห้วงคำนึง
หวานซึ้งตรึงใจในบางวัน
กุหลาบสีแดงแจ้งความหมาย
แทนกายมอบให้แทนใจฉัน
เพียงถ้อยหนึ่งคำพร่ำรำพัน
รักมั่นเพียงเธอเสมอมา
ในอีกสามร้อยหกสิบสี่
ของปีคงเกินปรารถนา
วันเดียวรักนั้นที่สัญญา
มีค่าแค่เป็นวาเลนไทน์
อย่างนั้นฉันมีเรื่องขอร้อง
จงตรองมิป่วนชวนเฉไฉ
หากวันน่าเบื่อถึงเมื่อใด
ขอใจไร้รักสักหนึ่งวัน