10 มิถุนายน 2548 10:12 น.
ส.คลองแสนแสบ
อยากจะบอกใครใครให้ได้รู้
เราก็ศิษย์มีครูมาเก่าก่อน
สอนให้ซึมซาบซึ้งรสของบทกลอน
ดังท่านครูภู่สุนทรสืบสอนมา
แรกเมื่อเริ่มรู้เรียนหัดเขียนอ่าน
เรื่องกลอนกานต์หรือก็รักเป็นหนักหนา
เพียรคัดลอกดอกสร้อยสักวา
เป็นเวลารวมรวบหลายขวบปี
ครากระนี้มีอาวุธสุดเปรื่องปราชญ์
ที่สามารถลอกคัดถนัดถะนี่
ช่วยซีล็อกซ์คัดลอกบทกวี
อรรถรสพจนีย์ก็มีมา
อันกลอนกานต์งานกวีนี่ก็แปลก
จะออกแขกต้องไหว้ครูให้รู้ว่า
เราก็ศิษย์กตัญญูมีครูบา
ผู้ที่ท่านกรุณามาเนิ่นนาน
จึงขอยกมือประนมแล้วก้มกราบ
สารภาพครูกลอนอักษรสาร
ข้าผู้น้อยนี้เป็นศิษย์นิจกาล
เพียรคัดลอกผลงานก็นานมา
ศิษย์ผู้นี้ใคร่ลองลอกอีกครั้ง
ใช่อยากดังแต่อยากเป็นเหมือนเช่นว่า
หวังสืบสานกวีพจน์รจนา
เป็นกตเวทิตาบูชาครู
9 มิถุนายน 2548 12:00 น.
ส.คลองแสนแสบ
ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
ใช่รวมชาติรวมเชื้อใครที่ไหนเล่า
ประเทศไทยใช่แล้วประเทศเรา
ใช่ประเทศใครเขาเรารวมไทย
พ่อเคยสอนแม่เคยสั่งยังจำอยู่
ยังอีกครูสอนสั่งยังจำได้
ชาติสงบรบไม่ขลาด ชื่อ ชาติไทย
จากเทือกเขาอันไตตอนใต้จีน
บรรพชนร่นเลื่อนเคลื่อนลงล่าง
ฟังว่าเพียงเพื่อหลีกทางคนรุกถิ่น
มาหยุดยั้งยังลุ่มน้ำสาละวิน
ขนานนามว่า แดนดินถิ่นของไท
มีศิลาจารึกบันทึกแจ้ง
บ่งบอกแหล่งความเป็นมาว่ายิ่งใหญ่
ประวัติศาสตร์ประกาศว่าสุโขทัย
เป็นอาณาประชาไทแต่ไหนมา
พลันอยู่-อยู่ ใครไม่รู้มากู้ร้อง
บอกเรื่องราวไทยทั้งผองใช่เช่นว่า
ไทยอยู่ถิ่นอยู่ที่นี้นานมา
ให้เกิดความกังขาขึ้นมาพลัน
นั่งทางในหรือไรหนอใคร่ขอรู้
เรียนแต่ครูสำนักใดที่ไหนนั่น
ค่ายกครูบูชาค่ายเท่าไรกัน
หรือเป็นพระอรหันต์ดั้นด้นมา
หลักศิลาจารึกที่สึกกร่อน
ยังรู้ว่าเพิ่งทำตอนไม่นานช้า
เพิ่งจารึกในสมัยกษัตรา
ยุคกรุงศรีที่ชื่อว่า กทม.
บุญยังดีที่ไม่บอกเพิ่งลอกเสร็จ
แถวถนนตรีเพชรย่านบ้านหม้อ
ก่อนจะเคลื่อนหลักศิลาลงลอยคอ
ข้ามไปฝังบ้านช่างหล่อปีต่อมา
ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
ระวังใครรวมเลือดเนื้อให้เชื่อว่า
ประวัติศาสตร์ชาติไทยที่มีมา
เพียงเรื่องเล่าปรำปะราให้น่าฟัง>
6 มิถุนายน 2548 09:32 น.
ส.คลองแสนแสบ
โอ้ เวียงเอ๋ยเวียงจันทน์
ยามเมื่อดวงตะวันโรยราแสง
บอกลาลับหลับลงปลดปลงแรง
ดวงจันทร์เสียบแทรกแสงฟ้าหม่นเทา
ยางยูงสูงเสียดถูกเบียดบด
เหลือเพียงเงาที่โค้งคดเคียงขุนเขา
จิตกระหวัดกลัดกลุ้มรุมล้อมเรา
มาเที่ยวเขื่อนเยือนขุนเขาเราครวญคราง
เป็นราตรีที่ไร้เพื่อนบนเขื่อนงึ่ม
ทนนั่งซึมทุกข์ท้อรอฟ้าสาง
ยินนกไพรเพรียกแว่วเพียงแผ่วจาง
คิดถึงนางที่เคยแนบแถบถิ่นไทย
โอ้ เวียงเอ๋ยเวียงจันทน์
ที่เคยไปครั้งกระนั้นเป็นไฉน
หวังจะเห็นเช่นดั่งวังวิไล
แต่กลับกลายหายไปวิไลเวียง
หายไปแล้วเวียงวิไลเคยได้พัก
หวังจักพบคนรักมาลัยเสี่ยง
หวังคนคลอคอยเคล้าคอยคู่เคียง
จึงมุ่งมามองเมียง เวียงราตรี
ไม่มีแล้ว เวียงราตรีเช่นที่ว่า
(หากแต่เป็น บลูสตาร์มาแทนที่ )
ด้วยหมดหวังจึงลาสั่ง เวียงราตรี
หลบเข้าดงพงพีที่เขื่อนงึ่ม
โอ้ว่า อกเอ๋ยคนอกหัก
หวังใจหวัง หวังพบรักให้ดูดดื่ม
หวังใจหวัง หวังพักใจไว้แคมงึม
เพื่อให้ลืมดอกฟ้าเวียงราตรี
ยินเพลงลาว สาวแคมงึ่ม คลายซึมเศร้า
ใคร่พานพบประสบเจ้าจนเหลือที่
ได้ภิรมย์ชมชิดมิตรไมตรี
คงสุขสันต์พันทวีที่เขื่อนเขา
เพียงเคลิ้มฝันพลันตื่นสะอื้นร่ำ
จำขอจำจดจารคำขานเล่า
อัน เวียงจันทน์-เวียงวิไล-เวียงใจเรา
อยากให้เป็นเช่นเพลงเก่า โอ้เวียงจันทน์
2 มิถุนายน 2548 09:01 น.
ส.คลองแสนแสบ
นานมาแล้วมีเรื่องเล่าทุกเช้าค่ำ
มีผู้หญิงชื่อ บุญนำลูกยายนุ่น
ถูกผู้ชายปูยี่ปูยำเมื่องานบุญ
ให้อับอายทั้งยายนุ่นทั้งอีนำ
ครั้งที่สองสาว หนูทองลูกยายถาด
กลับมาจากไปใส่บาตรพระด้วยซ้ำ
โดนพวกทุรชนคนระยำ
ยัดเยียดรักสีดำเป็นดอกดวง
ครั้งที่สามสาว สมงามลูกลุงง่า
กลับจากไปสุ่มปลาคลองบึงหลวง
เจอคนแก่บ้าตัณหาชื่อ ตาพวง
เข้าปลุกปล้ำล้ำล้วงลุยจนเละ
นั่นเป็นเรื่องตำนานที่ขานเล่า
ทุกวันนี้นึกว่าเบากลับบานเบะ
เรื่องอีลุงตุงนังยังเหลวเละ
สังคมเฝื่อนหรือคนเฟะเละพิลึก
ข่าวหน้าหนึ่ง บุษบาตายคาซ่อง
พลิกหน้าสองซ่องทลายตอนใกล้ดึก
ข่าวหน้าสามลุยดงกามกลางป่าลึก
ข่าวหลวงพี่ถูกจับสึกยิ่งคึกโครม
อนิจจา-วตะ-สังขารา
กุสลาธรรมาถูกไฟโหม
อกุสลาธรรมากลับจู่โจม
สังคมถูกเหนี่ยวโน้มจ่อมจมลง
โอมสวะหะ สวะหาย
คนหน้ามืดตาลายให้คลายหลง
ที่คิดร้ายหวังร้ายให้คลายลง
ฝืนคำสาปให้ตายโหงไร้โลงนอน (โอม...เพี้ยง)